นักเดินทางหลายๆคนคงมีลิสจังหวัดที่เราเคยไปมาแล้วใช่มั้ยล่ะ แต่มันจะมีจังหวัดที่เราเก็บใว้ใน bucket list แต่หาโอกาส หาจังหวะไปไม่ได้ซะที
การเดินทางของเราสองคนก็เหมือนกัน ต่างคนต่างเคยเดินทางไปหลายๆ ที่
ทั้งแบบต่างคนต่างไป ทั้งแบบทริปที่ได้เคยไปเที่ยวด้วยกัน
เราคิดว่าสถานที่แต่ละที่ แม้กระทั่งช่วงเวลาเดียวกันแต่ต่างปีต่างฤดู ความรู้สึกก็ต่างกันอยู่ดีนั่นแร่ะ
จนวันนึงที่ฝนตกหลายๆวัน เลยเอ๊ะ หน้าฝนแล้ว หาทริปไปกันดีกว่า เรามาลิสจังหวัดที่อยากไป
คนละ 4 จังหวัดแบบไม่ซ้ำกันดีมั้ย แล้วมาจับฉลาก จะได้ที่ไหนก้อ…….
#ให้คุ้กกี้ทำนายกัน (น้ำเสียงแบบ ฺBNK48) 5555555555555555
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
DAY 0:
ตัดภาพมาที่หน้านครชัยแอร ์ มีภาพเราสองคนพร้อมเป้และเต๊นส์
กำฉลากจังหวัดจุดหมายปลายทางที่จับกันบนแท๊กซี่ อารมณ์แบบเออ เราจะไปจริงๆแล้วใช่มั้ย
โดยปลายทางของทริปเสี่ยงทายของพวกเราในครั้งนี้ ครืออ!! …………..
ในหัวตอนนั้นคือว่างเปล่ามาก หนองคายคือนอกจากแหนมเนืองมันมีอะไรให้เที่ยววววววนะ
เพราะตอนที่ลิสจังหวัดนี้มาคือ คิดถึงแค่แหนมเนืองริมโขง 555555555
ระหว่างรอรถก้อมานั่งดูว่าเราจะไปไหนในทริป 3 วันได้บ้าง แต่ 3 วันหนองคายจังหวัดเดียว
คงใช้เวลาเยอะเกินไป อยู่ๆ ก้อแว้ปขึ้นมาว่า อยากไปบึงกาฬแหะ
เรามาเลาะตามเส้นเลียบริมโขงไปเลยยาวๆ เลยก้อดีนะ จนในที่สุดก้อได้ทริปนี้ออกมา
เราเดินทางกันด้วยรถทัวร์นครชัยแอร์
ตารางรถออกจากกรุงเทพฯ จะมี 3 เที่ยว (8.50, 21.00, 22.15 น.) แบ่งตามประเภท
พวกเราเลือกนั่งรถเที่ยวออกจากกรุงเทพเวลา 22.15 น. เพื่อไปถึงหนองคายเวลา 7.15 น.
ขึ้นรถแล้วก้อนอนยาวๆไปเลยยยยยยยย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
#สรุปทริป
Day 0: ออกจากกรุงเทพ
Day 1:
หนองคาย → สถานีขนส่งจังหวัดหนองคาย
บึงกาฬ → ภูทอก ถนนคนเดินบึงกาฬ
→ เข้าพักที่ M resort
Day 2:
บึงกาฬ → ภูสิงห์ (หินสามวาฬ ส้างร้อยบ่อ หินหัวช้าง กำแพงภูสิงห์)
→ วัดอาฮง สะดือน้ำโขง
หนองคาย → ตัวเมือง ถนนคนเดินริมโขง
→ เข้าที่พัก โรงแรมกลางเมือง
Day 3:
หนองคาย → ร้านทานตะวัน
→ หมูยอแม่ถ้วน
→ ตลาดท่าเสด็จ
→ พระธาตุหล้าหนอง พระธาตุกลางน้ำ
→ ศาลาแก้วกู่ (วัดแขก) อุทยานเทวาลัย
→ วัดโพธิ์ชัย
→ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว
→ ร้านกาแฟเวียด
→ ร้านแดงแหนมเนือง
ออกจากหนองคาย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
#Trick
1. รถโดยสารในเมืองหนองคายเรียกว่า skylab คล้ายรถตุ๊กๆ ใครอยากได้อารมณ์ local ควรลองซักครั้ง!
แต่ให้ถามราคาจากคนพื้นที่ก่อน ไม่งั้นจะโดนชาร์ตราคานักท่องเที่ยวแบบงงๆ
2. การเดินขึ้นภูทอก ให้เตรียมน้ำขึ้นไปกินด้วย เพราะมันสูงและชันกว่าที่คิดมากกกกกก ร่างกายต้องการน้ำแน่นอน ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นในวันที่ 10 -16 เมษายนของทุกปี
3. ภูสิงห์ ไม่ได้มีแค่หินสามวาฬ ส้างร้อยบ่อ หินหัวช้าง กำแพงเมืองสิงห์ ใครมาช่วงกุมภาพันธ์อาจจะได้เห็นทิวป่าเป็นสีชมพูของต้นรัง จนกล่าวขานกันว่าเป็น “ซากุระอีสาน” ์
4. ข้อดีของการเหมารถพี่ๆอาสาไปบนภูสิงห์ (เที่ยวละ 500) คือพี่เค้ามาเป็นไกด์ตลอดการเดินทาง ไม่ต้องกลัวไม่มีคน ถ่ายรูปเก๋ๆให้ พี่เค้ารู้ทุกมุม 555555 แนะนำให้พกน้ำ ขนม ไปด้วย มีช่วงให้เดินลุยพอเรียกเหงื่อเบาๆ ไม่ลำบาก
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
#สรุปงบรวม ไม่เกิน 2500/คน (ไม่รวมค่ากิน)
- ค่าเดินทาง: ค่าเช่ารถ ค่าน้ำมัน นครชัยแอร์ ค่ารถ skylab = 1,700
- ค่าที่พัก = 400
- ค่าเข้าชม: 270
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Day 1: หนองคาย บึงกาฬ (ภูทอก ถนนคนเดินบึงกาฬ)
Welcome to หนองคายยยย และนี่เป็นแสงแรกเช้านี้ ตื่นเต้นแล้วสิ
ถึงแล้ว สถานีขนส่งจังหวัดหนองคาย
พวกเราตัดสินใจเลือกเช่ามอเตอร์ไซด์ แว๊นเลาะริมโขงไปก้อแล้วกัน คือง่ายดีแถมถูกด้วย ได้บรรยากาศ 555555555 เลยลองหาข้อมูลจาก google เจอร้านหนุ่ยเช่ามอเตอร์ไซด์หนองคายขึ้นมาร้านแรก
อ่านรีวิวดูดีเลยนะ เลยตกลงเช่าร้านนี้
เราโทรไปคุย ลุงก้อถามเลย จะมายังไงถึงกี่โมง พอบอกเวลาและสถานที่ไป เลยตกลงจะมารับเราที่บขส.เพราะร้านลุงอยู่ใกล้ๆ
น้ำเสียงลุงดูใจดี น่ารักพร้อมมมมมให้บริการดีมากกกก (นี่ขนาดแว้ปแรกที่ได้คุยกันนะ
ยังรู้สึกประทับใจเลย) ว้าวว้าวว้าว
เรามาถึงบขส. โทรไปปุ๊บแปบเดียวลุงก้อมารับไปที่ร้าน ซ้อนมาไม่ถึงห้านาที ถึงเลย ร้านแกตั้งอยู่ริมถนนธรรมดามาก เรียกว่าร้านได้มั้ยไม่รู้ คือมีแค่ผ้าใบกางริมถนน แค่นั้น อยู่ตรงหลังโรงพยาบาลหนองคาย
ร้านธรรมดาแต่คุณภาพล้นเปี่ยม ใครมาหนองคายนี่แนะนำ
หลังจากที่ได้รถเเล้ว ก็จัดสัมภาระกับรถหนึ่งคัน ตามสภาพที่เห็น เรียกได้ว่า แน่น!
พกเต้นท์มาเผื่อทุกสถานการณ์ (ถามว่าได้ใช้มั้ย ขอสบายใจไว้ก่อนแล้วกัน 5555555555)
ออกเดินทางจากบขส. 9.00 น. จากนั้นไปแวะเติมน้ำมันเต็มถัง
พร้อมมออกเดินทางสู่ บึงกาฬ (น้ำเสียงแบบมิสแกรนด์)
ระหว่างทางไปบึงกาฬอากาศไม่ร้อน สบายมาก ใช้ระยะเวลาระหว่างทางประมาณสองชั่วโมงครึ่ง ตามแต่สภาพอากาศจะเป็น
มาถึง อ.โพนพิสัย หนองคาย เลยแวะพักนิดนึง เห็นป้ายริมถนนเขียนว่าสถานที่ชมบังไฟพญานาค เราเลาะมาเจอวัดนี้ตั้งอยู่ริมโขงเลยนะ (จำชื่อไม่ได้ละ) ขี่รถเข้ามาไม่ไกลจากถนนเส้นหลักเท่าไหร่
มีต้นไม้รูปร่างแปลกตาดูร่มรื่น
และนี่คงเป็นวิวในช่วงที่ชมบั้งไฟพญานาคกัน ฝั่งนู้นฝั่งสปป.ลาว บ้านพี่เมืองน้อง
เราอยู่ใกล้กันแค่นี้เองเนอะ
หลังจากนั้นก้อออกเดินทางกันต่อ โดยวิวสองทางที่เราเห็น แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่
เห็นเทือกเขาใหญ่สีฟ้าที่อยู่ลิบๆ นั่นมั้ย เป็นเขาที่อยู่ในฝั่ง สปป.ลาว หน้าฝนแบบนี้ มันเขียวและดูชุ่มฉ่ำสุดๆ เลย
และตอนนี้กำลังจะเข้าบึงกาฬแล้วววววว เดินทางมาตั้งครึ่งทางละ นึกได้ว่าเรายังไม่มีที่พัก เลยปล่อยหน้าที่นี้เป็นของคนซ้อนว่าอยากนอนไหน ส่วนคนขี่ก้อตาม google maps มาเลยจ้าา
ถึงแล้ววววววบึงกาฬ เย่ๆๆ
เราแวะเอาของมาเก็บที่พักตอน 13:00 น. พักนวดตูดสักครู่หลังเดินทางกันมา ร้าวมากจุดนี้ 555
พักกันเสร็จก้อออกเดินทางจากที่พักไปวัดภูทอก
เห็นป้ายยยไปวัดภูทอก หรือวัดเจติยาศรีวิหาร ข้างหน้าแล้วสินะะ
ระยะทางจากที่พักถึงภูทอกประมาน 30 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก้อถึงแล้ววจ้าาา
นี่ป้ายประตูทางเข้า
มาถึงข้างหน้าจะมีที่จอดรถ บรรยากาศในวัดร่มรื่นเขียวววมากก
เนื่องด้วยไม่ใช่พีคซีซั่น คนเลยไม่เยอะ (นี่แร่ะข้อดีของการเดินทางวันธรรมดา)
พอเดินเข้ามาข้างในจะเจอทางขึ้น
วัดภูทอก มีจุดเด่นตรงสะพานไม้และบันไดที่ไว้ชมวิวรอบๆ แบบ 360 องศา มีทั้งหมด 7 ชั้น
สร้างโดยแรงงานคนทั้งหมดเลยยนะ
เราเริ่มเดินจากชั้น 1 ไป 2 ยังเป็นบันได จนมาถึงชั้น 3 จะเริ่มเป็นบันไดเวียนรอบเขา
แค่ชั้น 3 หอบก้อเริ่มถามหาแล้ว 55555
เพราะบันไดแต่ละขั้นแอบชันและเอียงเล็กน้อย เหมาะแก่การฝึกสติและสมาธิอย่างดีเลยนะ
จะบอกว่าพอเราถึงจุดนี้ คือเหนื่อยมากกก เลยมองไปข้างบนว่าอีกไกลมั้ย
และสิ่งที่เห็นคือ
แบบชันมากกกก เราต้องไต่ขึ้นไปอย่างนี้เลยหรออเนี่ยยย สู้ต่อไปด้วยการจิบน้ำ พักบ้างให้พอหายเหนื่อย แล้วก้อลุยต่อ
เดินเข้ามาสู่ทางเดินไม้สร้างรอบผา
เดินๆ ก็จะเสียวอยู่นิดๆ มีเสียงออดแอดบ้างเล็กๆ
ระหว่างแผ่นไม้ พอมีช่องให้มองเห็นหน้าผาข้างล่าง พอให้ใจสั่น
นับถือใจและศรัทธาของผู้สร้าง ใช้เวลาสร้างทุกชั้น รอบเขาให้แข็งแรงและมั่นคงขนาดนี้
ต้องมุ่งมั่นและพยายามขนาดไหนกันนะ
เดินมาตรงมุมนี้ เห็นทางขึ้นนึกถึง บ้านต้นไม้แม่แมะ จ.เชียงใหม่ขึ้นมาทันใด 5555555
ยังไม่สุดนะ ทางยังมีไปต่อ ก็ไปต่อกัน
ขึ้นมาชั้นที่ 4 จะมองเห็นทิวเขา เรียกว่า ดงชมพู
มุมนี้เป็นจุดที่มองเห็นภูลังกา เขตอำเภอเซกา
มีข้างบนอีกอยู่นะจ๊ะ
พอถึงชั้น 5 ได้เจอวิว บอกเลยว่า ความเหนื่อยทั้งหมด หายเป็นปลิดทั้ง
ชั้นนี้จะมีศาลาขนาดใหญ่ พระพุทธรูป กุฏิพระ และเป็นที่เก็บสังขารของพระอาจารย์จวน ผู้ก่อตั้งวัดภูทอก
มีรูปปั่นเกจิดังๆ ให้สักการะ สุขสงบและอิ่มเอมมากจริงๆ
มาถึงจุดนี้เรียกว่า ถ้ำวิหารคด เป็นถ้ำหินชั้นได้บรรยากาศยังกับอยู่จอร์แดนแหน่ะ
ขึ้นมาชั้นที่ 6 เป็นจุดชมวิวที่สวยมากกกกก ตลอดทางเดินจะเป็นหน้าผายื่นออกมา
แต่ละจุดก็จะมีชื่อของหน้าผา เช่น ผาเทพนิมิตร ผาหัวช้าง ผาเทพสถิต
ตรงนี้จะเป็นแนวหน้าผา
ลวดลายบนหินชั้นสวยงามมากจริงๆ
ระยะเวลาการเดินขึ้น เดินรอบๆ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง
ตอนแรกแพลนเรากะไปภูทอกแล้วไปหินสามวาฬต่อ
แต่ แต่ แต่ การเดินขึ้นภูทอก ทำให้เรารู้ว่ามันไม่น่าทันเวลาเลยแพลนกันใหม่ว่าจะไปสามวาฬ พรุ่งนี้กัน
กลับลงมา เราก้อยิงยาวไปตัวเมืองบึงกาฬ ริมแม่น้ำโขงเลย และกองทัพต้องเดินด้วยท้อง
เลยเดินเข้ามาร้านอาหารริมโขงเลย มีหลายร้านน่ากิน มาถึงก้อเปิดแอฟวงในเลย
มาริมโขงทั้งทีก้อขอจัดปลาน้ำโขงซะหน่อย และนี่เมนูแนะนำ
ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ต้มยำปลาคัง ผัดเผ็ดปลาคัง
บอกเลยว่าฟินนนนนน บอกตามตรงว่าปกติเราไม่ค่อยชอบปลาพวกนี้ เพราะเหม็นคาวและขี้เกียจแงะก้าง มาเจอที่นี่เค้าทำดีมากจริงๆ ไม่คาว กรอบกินได้ยันก้าง ชนะเลิศเลยยยอ่ะ
พออิ่มเรียบร้อย วันนั้นมีตลาดถนนคนเดินบึงกาฬ เรียกว่า ตลาดต้องชมเลยแวะช๊อปของกินกันเบาๆ
ปกติถนนคนเดินจะมีทุกวันศุกร์ เสาร์ แนะนำให้แพลนให้ตรงวัน เพราะของกินเยอะมากจ้าาา
ช็อปเสร็จก้อแวะถ่ายรูปริมโขงสุดเขตอีสานเหนือ ให้รู้ว่าวันนี้เรามาถึงแล้ววววนะ ^^
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Day2: ภูสิงห์ (หินสามวาฬ หินหัวช้าง ถ้ำฤาษี หินช้าง หัวใจภูสิงห์ ส้างร้อยบ่อ กำแพงภูสิงห์) หนองคาย (ถนนคนเดินหนองคาย)
การเดินทางของวันนี้ เราจะมุ่งหน้าไปหินสามวาฬ เส้นทางเดียวกันกับที่ไปวัดภูทอกเลย
เราเลือกใช้เส้นทางที่เป็นถนนเส้นรอง วิวสองข้างทางก็จะสวยๆ ประมาณนี้
ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้ฝนนน
มีซุ้มต้นไม้ประปราย ชาวบ้านแถวนี้นิยมปลูกยางพารากัน นิยมขนาดมีโรงงานแปรรูปยางอยู่ในพื้นที่เลย
มีนาข้าวเขียวๆ
มาถึงเเล้ว ภูสิงห์
ตั้งอยู่ภายใต้การดูแลของศูนย์จัดการกลุ่มป่าสงวนแห่งชาติที่ 154 ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์และป่าดงสีชมพู จังหวัดบึงกาฬ
มาถึง ด้วยความที่เดินทางมาแบบไม่ได้ศึกษามาก่อน ก้อเลยไม่รู้ว่ามันไม่ได้มีแค่หินสามวาฬ ยังมรจุดเชคอินอีกหลายที่เจ๋งๆ ทั้งนั้นเลย
เดินเข้ามาที่นี่เป็นเขตจัดการของเจ้าหน้าที่ป่าไม้บึงกาฬ
เข้ามาถึงติดต่อเจ้าหน้าที่ ด้วยความที่เราเอารถสองล้อมา เลยให้พี่เจ้าหน้าที่นำเที่ยวด้วยรถ 4x4 คิดเป็นเที่ยวๆละ 500 บาท ใครมาหลายๆนี่คุ้มมาก มีพี่เจ้าหน้าที่พาเที่ยวและให้ความรู้ตลอดทาง
ป่ะขึ้นรถกัน
อย่างที่บอกไป ไฮไลต์ อยู่ที่หินสามวาฬ ที่นี้ก้อจะมีตามรูปเส้นทางเลย
วันนั้น เข้าไม่ได้ไปถ้ำใหญ่กับลานธรรม
ระหว่างทางมีทางขึ้นสูงๆ ชันๆ หลายที่ ถ้าไม่ใช่ 4x4 ไม่น่าไหวว
ส่วนใครมีรถอยากนำขึ้นมาเองก้อได้นะ แนะนำให้จ้างพี่ๆ ไปเป็นไกด์ด้วย อย่างน้อยมีคนช่วยดูแล คอยให้ความรู้ เป็นการสร้างอาชีพให้คนในชุมชนด้วย พี่ๆ ที่พามาเค้าก้อเป็นอาสาป่าไม้ในพื้นที่นั่นแร่ะ
เราจ้างเค้านอกจากความสนุก ความรู้ของเราแล้ว พี่ๆเค้าเป็นคนที่คอยดูแลป่า เราก้ออยากสนับสนุนให้ธุรกิจในชุมชน การท่องเที่ยวในท้องถิ่นแบบนี้มันยั่งยืนยาวๆ
ที่นี่มีหลายตำแหน่งเชคอินสวยๆ เรามากันที่แรกหินสามวาฬ เป็นจุดพิกัดแรกที่นึกว่าถึงในการมาบึงกาฬในครั้งนี้เลย ว้าวว
ระหว่างทางเดินไป เริ่มตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ
พอเดินออกไปก้อจะเห็นวาฬตัวแม่อยู่ทางขวามือ
ตรงนี้เราเดินมาตรงถึงหัววาฬตัวพ่อเลยย
ตรงบริเวณที่เราเดินมา เป็นวาฬตัวแรก เค้าเรียกว่าเป็นตัวพ่อ เพราะขนาดใหญ่สุด
โดยเราสามารถย้อนเพื่อเดินไปหาตัวแม่ได้
พอเดินไปตัวแม่เราก้อจะเจอตัวลูกอยู่ข้างๆ
มุมนี้จะเห็นรูปครอบครัว พ่อ แม่ ลูก
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกมากกก
และจากตรงนี้เราจะห็นวาฬตัวพ่อ เเบบเต็มได้เลยย
มาถึงแล้ว ก็ต้องชักภาพกับพ่อวาฬนิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆนะ แชะ แชะ แชะ
นิดหน่อยเองนะ ฮ่าา
มองไปฝั่งขวา จะเห็นหินแนวตั้งเป็นทิวๆ
เดินๆ ก้อจะเสียวๆ นิดหน่อย เจ้าหน้าที่บอกว่า ลงไปนี่ก้อหายไปเลยไม่ต้องตามหา 555
จากสามวาฬบอกเลยว่า mission complete บอกเจ้าหน้าที่ว่ากลับเลยก้อได้ 5555
แต่อย่างที่บอกไป ที่นี่ไม่ได้มีแค่หินสามวาฬ เราไปต่อจุดชมวิวที่อยู่ในอุทยานกันต่อ
จุดต่อไปเป็นจุดชมวิวถ้ำฤๅษี วิวทางด้านนี้จะเห็น สวนยาง สวนยาง เเล้วก้อสวยยาง ที่เขียวชะอุ่ม
ที่เค้าเรียกถ้ำฤาษี เพราะแถวนี้มีถ้ำที่มีลักษณะเป็นทางน้ำไหลผ่าน มักมีฤาษี รึนักบวชมาบำเพ็ญภาวนาบ้าง
แต่พอเริ่มมีชาวบ้านเข้ามาทำสวน มีการท่องเที่ยวเข้ามา เลยไม่มีแระ ย้ายข้ามไปอยู่ฝั่งลาวกันหมดแล้ว (อันนี้จากที่พี่อาสาเล่าให้ฟัง)
ระหว่างนี้พวกเราก้อถ่ายรูป จะบอกว่าคนครีเอทท่าเจ๋งๆ ให้นี่ไม่ใช่ใครนะ
นี่ พี่หนู เจ้าหน้าที่อาสาที่เป็นผู้นำทางของเรา (แกบอกให้เรียกแกว่าพี่หนู ภูสิงห์ 555555)
จะมาเป็นกลุ่มได้นะ แต่ตอนที่เรามา ดูท่าทางว่า ถ้ารออาจจะนาน ก็เลย มากล่มเราสองคน
อ่ะ เซล์ฟฟี่กันหน่อยยย ดีใจที่ได้เจอพี่นะ สนุกมากจริงๆ
เดินตรงไปพี่เขาบอกว่าจะมีถ้ำที่ฤๅษีเคยอยู่
จากนั้นเรามาอีกจุดที่เรียกว่า กำแพงภูสิงห์
เป็นกำแพง ที่มีลายที่เหมือนมีอิฐมาวางซ้อนๆกัน
อ่ะต่อกันมาเลย กับที่หินช้าง
ทางเข้ามีข้ามน้ำตก หินเป็นตะไคร่ทั้งนั้น เวลาเดินระมัดระวังกันด้วย ก้อมีโมเม้นลื่นปรื้ดบ้าง พอกษัย 555555
ลักษณะของหินช้าง เป็นหินมีรูปร่างคล้ายช้าง (เป็นคนละอันกับหินหัวช้างนะ) ดูออกกันเนาะ
ลลูปหัวช้างได้นะ 55555
เดินมาก็นานนะ ควรพกน้ำ ขนมติดตัวไปเล็กน้อย
ดีที่พกมาเพิ่มพลังได้ดีจริงๆ
ต่อไปเราก้อจะไปขึ้นหัวช้าง
เรียกว่าจุดชมวิวหินหัวช้าง
ทางเข้าก้อต้องลุยป่าไผ่กันเล็กน้อย พอฟึ่บฟั้บ (ฮาาาา)
หัวช้าง ร้อนมากกก เสมือนมาอาบแดด 555555
เเล้วไปอันนี้ก้อถือว่าไฮไลต์อีกอันเลยนะ ประตูภูสิงห์
ที่เป็นหินสองข้างแยกกันที่มีช่องตรงกลาง สวยเลยลมเย็นมากๆ
มองตามช่องไปสุดลูกหูลูกตา
อันนี้ท่าซิกเนเจอร์ ใครมาต้องถ่ายท่านี้ 5555
ไปต่อที่ หัวใจภูสิงห์ เป็นหินต่อกันคล้ายรูปหัวใจ อันนี้ก็มองกันออกใช่ป่ะ 55555
ใกล้ๆกัน เป็นจุดชมวิวส้างร้อยบ่อ
ผ่านทางเข้าจะมีสะพานเหล็กให้เดินได้สบายๆ เข้าไปจะเริ่มเจอสัญลักษณ์ของส้างร้อยบ่อ
ส้างในภาษาอีสานแปลว่า บ่อน้ำ
ส้างร้อยบ่อ ก้อคือ บ่อน้ำร้อยบ่อ
เป็นผาหินที่มีลักษณะเป็นหลุมบ่อจากการโดนกัดเซาะจากลมตามธรรมชาติ พอมีฝนก้อเลยมีน้ำขังแบบนี้ไง
จะบอกว่า บริเวณนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่โรแมนติก สวยงามมากที่นึงเลยยยนะ
ทริปนี้ขอบคุณอาสาป่าไม้ภูสิงห์บึงกาฬสำหรับการพาท่องเที่ยวในภูสิงห์ทริปนี้
เราใช้เวลาในการทัวร์ประมานสองชั่วโมง
เสร็จจากตรงนี้ คราวนี้ก้อเดินทางยาวๆๆๆๆ กลับสู่หนองคาย เส้นทางกลับยาวนานมาก เนื่องจากมีฝนตก เราเพื่อเป็นการเซฟตี้ การเดินทางเจอศาลาก้อจอดพักกัน มืดมาเชียวว
เดินทางกันมาเรื่อยๆ ก้อมาอีกจุดที่ต้องมาของจังหวัดบึงกาฬ นั่นคือ
วัดอาฮงศิลาวาส ตั้งอยู่ริมโขงเช่นกัน (บอกแล้วว่าทริปนี้เน้นเลาะเส้นริมโขง)
ด้านนี้เป็นหน้าประตูเข้าวัด
บริเวณด้านหน้าวัดเป็นตั้งของพระธาตุเจดีย์ศรีอาฮง ตั้งตระหง่านอยู่ริมถนน
เลี้ยวเข้ามาในวัด สัมผัสได้ความชุ่มฉ่ำของบรรยากาศฝน ตอนพวกเราไปมีฝนปรอยๆ พอเย็นๆ
สุดทางจะพบกับริมโขง
บริเวณนี้เป็นจุดน้ำวนทำให้ตรงนี้เป็นบริเวณที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง มีความลึกถึง 200 เมตร
ที่ตรงนี้เค้าเลยเรียกว่าเป็น สะดือของแม่น้ำโขง
ชาวท้องถิ่นริมน้ำโขงได้สืบทอดตำนานเกี่ยวกับพญานาคกันมาช้านาน เลื่องลือว่าเป็นวังนาคินพญานาคราช
มองไปฝั่งด้าน สสป.ลาวตรงนู้น เห็นทิวเขาเชียวชะอุ่ม มีเมฑหมอกลอยต่ำๆ ตามยอดทิว คงเย็นมากเลยสิน้าา
เราก้อแวะชมกันซักพัก ไปไหว้พระ แล้วก้อออกเดินทางกันต่อ แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
เมื่อตอนที่เรานั่งรถกันมาระหว่างทางจากหนองคายมาบึงกาฬทริปเมื่อวาน ช่วงประมาณ อ.รัตนวาปี
สังเกตเห็นร้านข้างทางหลายร้านมากที่จะเขียนว่า ลาบ ก้อย ต้ม, ลาบ ต้ม ก้อย งี้แทบจะทุกร้าน
สภาพเราเหมือนโดนสะกดจิตอ่ะ นึกแล้วก้อหิววว 55555
เลยเกิดมิชชั่นขึ้นมาว่า เราจะหาร้านนั่งกินข้าวเที่ยงตอนเรากลับจากบึงกาฬมาหนองคาย
พอผ่านอ.รัตนวาปีก้อจิ้มมาร้านนึง ขอพักโซ้ยกันแปบบบ
ท้องอิ่มก้อเดินทางต่อ ระหว่างทางเจอฝนบ้างไปเรื่อย เรื่อย เรื่อยยยย แต่เด่วนะจะ 5 โมงเย็นเเล้ว เรายังไม่ถึงหนองคายเลย 5555 คราวนี้ก้อใส่เกียร์แว้นกันเลยยย ป๊าดด
มาถึงในตัวเมืองหนองคาย มอมแมมพอตัวกว่าจะถึงที่พัก
คืนนี้เรานอนที่กลางเทศบาลเมืองหนองคาย ชื่อว่า “กลางเมือง แอทหนองคาย”
เลือกที่นี่เพราะอยู่ใกล้ถนนคนเดิน เดินแปบเดียวถึงเลย
ถึงที่พักจัดการตัวเอง และขอพักตูดแปบ รอมืดๆ ไปหาไรกิน เเล้วไปเดินถนนคนเดินกัน
เราเดินไม่ไกลจากที่พักไปถึงตลาดถนนคนเดินริมโขง อยู่ตรงตลาดท่าเสด็จ บรรยากาศดีเลย เพราะฝนตกไปก่อนหน้านี้
มีของขายหลากหลายแนว ของที่ระลึก ของใช้ ของฝาก
ระหว่างทางเดินแรกๆ ก้อมีของกินบ้างเล็กน้อย
มีเวทีการแสดงรำวงย้อนยุค เสียดายถ่ายไม่ทันตอนน้าๆ มารำวงกัน น่ารักเชียวววว
แต่ที่เราสนใจคือ ว่ามีไรกินบ้างงงง 55555 มองหน้าสบตากัน กินอีกแล้วหรอ เลยเดินมาทางโซนอาหาร
มาถึงจุดตรงนี้ คือแบบว่าหอม อยากกินไปหมดเลย
ตัวเอง เราไม่สามารถที่จะกินให้ครบทุกร้านได้นะ มีเสียงกระซิบมาแบบนั้น 55555
ดูสิร้านน้ำในกระบอกไม้ไผ่ น่ากินนนทั้งนั้นน
มาชิล กับกับข้าวจี่
ขนมเบื้องฉ่ำเยิ้ม สุขกับการกินอะไรเช่นนี้ 5555
ได้ชิวดูบรรยากาศริมน้ำโขง ให้ใจได้พักผ่อน มีความสุขจริงๆนะ
เราก้อเดินเลาะริมโขงไปเรื่อยๆ ขี่รถไปรอบๆ ในตัวเมือง แวะถ่ายรูปกันเล็กน้อย ก่อนกลับไปพักผ่อนเซฟแรงสำหรับวันพรุ่งนี้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Day3: หนองคาย (ร้านทานตะวัน, หมูยอแม่ถ้วน, ตลาดท่าเสด็จ, พระธาตุหล้าหนอง พระธาตุกลางน้ำ, ศาลาแก้วกู่ (วัดแขก) อุทยานเทวาลัย, วัดโพธิ์ชัย, สะพานมิตรภาพไทย-ลาว, ร้านกาแฟเวียด, ร้านแดงแหนมเนือง)
1. ร้านทานตะวัน
ตื่นเช้ามาวันสุดท้ายย เราก็ได้ไปมากินอาหารเช้าร้านทานตะวันกัน (เปิด 6.00-10.00 น.)
เมนูแนะนำ ต้องนี่เลยไข่กระทะ ข้าวเปียก และขนมปังยัดไส้ (เป็นขนมปังฝรั่งเศสไส้หมูยอกับกุนเชียง)
อิ่มเสร็จ ก้อได้เวลาออกสำรวจเทศบาลเมืองหนองคายกันนน
สายวันนี้เราก้อไปเที่ยวรอบตัวเมืองกันก่อนกลับ ยาวๆ ปักพิกัดจากแผนที่หยิบมาจากที่พักเมื่อคืน
เอาล่ะ พกอุปกรณ์กันแดดพร้อมลุยยยยยยยย
ออกจากตัวเมืองเก่า ตึกร้านบ้านช่องยังเป็นแบบโบราณ
มาแวะซื้อหมูยอเป็นของฝากกันซักหน่อย #ของมันต้องซื้อ
ที่จริงมีหลายร้านให้เลือก ชอบร้านไหนเข้าร้านนั้นนเลยแล้วกันนะ
2. หมูยอแม่ถ้วน
3. เลาะมาริมน้ำโขง ตรงตลาดท่าเสด็จ หรือตลาดอินโดจีน
ตลาดที่ของที่ระลึกและของฝากของทักท่องเที่ยวต่างทั้งไทยและต่างชาติ
ริมน้ำเป็นที่นั่งสัญลักษณ์พญานาค สมเป็นเมืองแห่งพญานาคจริงๆเลย
ด้านหลังริมน้ำจะมีวัดจีนตั้งอยู่
ฝั่งตรงข้ามมีรูปปั้นพญานาค ช่วงเวลามีเทศกาลงานสำคัญจะมีเปิดน้ำพุ มีแสงสีเสียง ใครมาช่วงบั้งไฟคงสวยมากเลยยย
4. พระธาตุหล้าหนอง พระธาตุกลางน้ำ
เป็นพระธาตุที่อยู่ริมแม่น้ำโขง แต่เนื่องจากน้ำเชี่ยววมากเลยเซาะตลิ่งจนพระธาตุพังไปในแม่น้ำ ก้อเลยสร้างพระธาตุจำลององค์นี้ขึ้นมา
ชาวหนองคายมีประเพณีการฉลอง ทั้งหมด 3 ครั้ง
- บุญบั้งไฟ เดือน 6 เพื่อจุดถวายองค์พระธาตุ ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 6
- พิธีบวงสรวงองค์พระธาตุ วันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11
- ถวายปราสาทผึ้ง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 และการแข่งเรือยาววันออกพรรษา
5. ศาลาแก้วกู่ (วัดแขก) อุทยานเทวาลัย
บริเวณนี้จะมีรูปปั้นเทวาลัยแทนภาพดินแดนแห่งการหลุดพ้นจากกิเลส
รูปปั้นแสดงพวกพุทธประวัติ ตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน เป็นเรื่องราวตามตำนานความเชื่อ
มีค่าเข้าชมคนละ 20 บาท
เดินเข้ามาเรื่อยๆ นี่รู้สึกเหมือนตัวเล็กมาก ทุกอย่างดูใหญ่โตไปหมด
เดินเลาะไปเรื่อยๆ จะเห็นแต่ละรูปปั้นจะมีคำอธิบายความหมายให้อ่านตรงฐานรูปปั้น
อ่านไปอ่านมา จะเริ่มปลงไงไม่รุ้ 5555555555555
ตรงนี้เป็นศาลาที่ใช้ประกอบพิธี
6. วัดโพธิ์ชัย หรือวัดหลวงพ่อพระใส
วัดดังของจังหวัดหนองคาย เลี้ยวเข้ามาตรงถนนประจักษ์ศิลปาคม
ด้านในจะมีประพุทธรูปหลวงพ่อใส พระคู่บ้านคู่เมืองคนหนองคาย
สวยและสงบมากจริงๆ
ออกจากวัดโพธิ์ชัย เราจะไปเที่ยวสะพานมิตรภาพไทยลาวกัน คือแดดก้อพร้อมใจกันมาเพื่อให้เราได้รูปสวยๆกันเลยยยยเชียวววว
ระหว่างทางผ่านตลาดรถไฟ
7. สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1
ที่ข้ามจากฝั่งเราไปถึงเมืองท่ามะเดื่อ สปป.ลาวซึ่งอยู่ห่างจากเวียงจันทร์ประมาณ 20 กิโลเมตรได้
ผ่านการเลาะไปเรียบร้อยย แดดก้อแผดเผาเหลือเกิน ต้องขอมาเพิ่มพลังด้วยอาหารดับร้อนนนกันซักหน่อยย
ร้านแรกเรามาแวะนี่ ---> 8. ร้านกาแฟเวียด ร้านเป็นตึก 3 ชั้นริมแม่น้ำโขง ตรงตลาดท่าเสด็จ
ชื่อก้อบอกแล้วว่าต้องเวียดนามแน่ๆ ใช่แล้วหล่ะ ที่นี่จะเน้นขายอาหารของหวาน เครื่องดื่มแนวเวียดนามเป็นหลัก
ด้วยความร้อนของอากาศ ขอสั่งของหวานมาก่อนเลยแล้วกัน บิงซูมะม่วงงงงง
และนี่กาแฟฮอยอัน ดีงามพระรามโขงงงงงงงงงง เข้มและหอมมาก เสิร์ฟพร้อมเครื่องชงกาแฟแบบเวียดนาม
นี่บรรยากาศภายในร้าน
ผ่านของหวานมาแล้ว มาต่อมื้อเย็นกันที่ร้านซิกเนเจอร์แห่งหนองคาย
9. แดงแหนมเนือง
ไม่กินไม่ได้จริงๆ ยำแหนมเนือง ยำหมูยอ
ใครชอบเมนูไหนสั่งได้เลยยย มีแบบกลับบ้านด้วย นี่ก้อหอบหิ้วกลับบ้านเป็นของฝากกันเต็มไม้เต็มมือ เมนูอื่นๆอีกเพียบ
ด้วยความที่เรามาวันอาทิตย์ด้วย คนเลยแน่นมากกกก
อิ่มเสร็จออกมาพักพุง ชมวิวพระอาทิตย์ตกริมโขงจากหน้าร้านนน
วันนี้วันอาทิตย์เลยไม่มีถนนคนเดิน ได้บรรยากาศชิวๆ ไปอีกแบบ
กลับแล้ววเด้อออออ บ๊ายบายนะหนองคายย
เที่ยวหนองคายมาหลายวัน เห็นรถ Skylab วิ่งทั่วเมืองแต่ยังไม่มีโอกาสได้นั่งซักที
เราเลยนั่งจากหลังร้านแดงไปบขส.ซะเลย
ออกเดินทางจากบขส.หนองคาย สู่กรุงเทพฯด้วย @นครชัยแอร์
รอบรถกลับกรุงเทพ จะมี 3 รอบ (10.00, 19.45, 20.30 น.) ใครสะดวกช่วงไหนเลือกช่วงนั้นเลย
พวกเราเลือกกลับรอบดึกสุด เพื่อรอดูพระอาทิตย์ตกที่หนองคายก่อน
กลับถึงกรุงเทพช่วงเช้าด้วยความอิ่มใจ เต็มอิ่มกับความเขียวความชุ่มฉ่ำของเมืองรอง
คงเป็นโชคชะตาให้เราได้พบกันนะ
“หนองคาย บึงกาฬ”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ใครอยากแชร์ประสบการณ์มาคุยกันได้นะ
ฝากติดตามบันทึกการเดินทางเล็กๆของเราสองคนได้ที่
www.facebook.com/lemmegotravel
LemmeGoTravel - ปล่อยกูไปเถอะ
วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.37 น.