สวัสดีครับผู้ที่เข้ามาอ่านที่น่ารักทุกท่าน การเขียนครั้งนี้เป็นกระทู้แรกของผมนะครับ ผิดถูกอย่างไรขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

แนะนำตัวเองก่อน ส่วนตัวผมเป็นคนบ้าๆ บ้าๆในที่นี้หมายถึงถ้าชอบอะไรทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้มันสุดๆไปเลย เช่น ย้อนไปสมัยเด็กๆชอบเล่นกีฬาเทควันโดมาก เรียกว่า สัปดาห์หนึ่งซ้อมอย่างหนักถึง 6 วัน เล่นติดต่อกันมาถึง 5 ปี จนมีอาการบาดเจ็บที่เข่า เอ็นเข่าหลวม บางปกติบางทีได้ยินเสียง แก๊บๆ ที่หัวเข่าทำให้ต้องเลิกไป หรือจะเล่นเกมส์แบบเกรียนๆ เล่นกันยันเช้าก็มี หรือช่วงล่าสุดนี่ซื้อเสือหมอบมาลุยสนามเขียว...ปั่นจนลงไปนอนอยู่ข้างทางเพราะความเร็วและเจ้าแมลงบินเข้าตาบวกกับมองทางไม่เห็นผลปรากฏว่า...กระดูกไห้ปลาร้าหักเป็นที่เรียบร้อย

เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า พอโตขึ้นมาทำงานมันก็เกิดอาการเครียดบ้างอะไรบ้าง ทางออกสำหรับผมในการคลายเครียดก็มีการเที่ยวนี้แหละที่ช่วงนี้เป็นหนักมาก เพราะเนื่องจากเราทำงานเองแล้วใช่ไหมและไม่ต้องไปรบกวนที่บ้านและเพราะฉนั้นลุยโลด

เอาล่ะ...และเรื่องมันมีอยู่ว่าประเด็นที่ผมต้องมาเขียนกระทู้ที่คุณๆ ที่น่ารักกำลังอ่านอยู่นี้ สาเหตุมาจากตัวผมเองเป็นคนชอบเที่ยวหรือที่บ้านเรียกว่าบ้าเที่ยวและเมื่อปีที่แล้วผมได้มีโอกาสไปลุยที่ประเทศเบลเยี่ยมและประเทศเนเธอร์แลนด์แต่ไปแบบไม่ได้พกกล้องหรือสมุดบันทึกการเดินทางไปเลย จนกระทั่งวันหนึ่งกำลังทำงานเครียดๆและนึกหาเรื่องอยากจะไปเที่ยวอีก ก็นั่งนึกถึงบรรยากาศที่เราไปท่องเที่ยวมาแต่กลับจำโมเม้นและสถานที่นั้นได้บ้างจำไม่ได้บ้าง ผมจึงคิดว่าต่อไปนี้ถ้าเราไปเที่ยว เราต้องทำอะไรสักอย่างแล้วแหละเพื่อไม่ให้ภาพความทรงจำดีๆที่ไปสัมผัสมาเลื่อยหายไปอย่างน้อยๆก็เป็นบันทึกการเดินทางของเรา วันไหนที่เราแก่ตัวลงไปไม่มีแรงเที่ยวเพียงแค่เปิดอ่านก็คงจะได้ฟิลลิ่งบ้าง(พูดไปนั้น)ก็เลยเกิดเป็นอะไรแบบนี้แบบที่คุณผู้อ่านกำลังอ่านข้อความของผมอยู่ตอนนี้

*ทริปนี้แพลนการเดินทางคือ ประเทศเนเธอร์แลนด์-ประเทศฮังการี-ประเทศออสเตรีย-สาธารณรัฐเช็ก-ประเทศอิตาลี-(ประเทศเยอรมนี ยังไม่ชัวร์)

ถ้าใครชอบเที่ยวอยากตามมาเที่ยวด้วยกันทางนี้เลยครับ (ใหม่เอี่ยมพอๆกับกระทู้นี้เหมือนกัน)

Facebook : https://www.facebook.com/150-Million-Kilometers-I-Am-Here-426685664183720/

***ภาพถ่ายที่ออกมาจะออกแนวสตรีทนะครับ คือหลังแบกเป้ มือซ้ายล่างกระเป๋า มือขวาถือกล้อง ภาพอาจจะออกมาสั่นๆ(ด้วยความหนาว) เอียงๆ(ด้วยความหนักของกระเป๋า) ตอนแรกคิดว่าจะเอาภาพไปแต่งที่บ้านแล้วค่อยทำแล้วกัน แต่คิดไปคิดว่าเอาเลยดีกว่าภาพแบบดิบๆได้อารมณ์ไม่มีแต่งแต่อย่างใดวันที่ 1

เอาล่ะหลังจากจองตั๋วล่วงหน้าไปตั้งหลายเดือนในที่สุดก็ถึงวันนี้ซักที วันที่เราจะได้พบเห็นอะไรแปลกๆใหม่ๆน่าตื่นตาตื่นใจ เกือบลืม...คือทริปนี้เกิดขึ้นได้เพราะพี่สาวสุดสวยของผมเรียนอยู่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถึงเวลาสิ้นปีผมก็หาเรื่องคิดถึง ทริปนี้ตอนแรกว่างแผนกันว่าจะไป 3 คน คือ พี่สาวผมอยู่ที่(ประเทศเนเธอแลนด์) เพื่อนของพี่(อยู่ประเทศออสเตรเลีย) และตัวผม(อยู่ประเทศไทย)แถมภาษาพูดเลยว่า Lv.1 ฮ่าๆ

กระเป๋าต้องพร้อม กล้องต้องพร้อมที่สำคัญการเดินทางจะทำให้เราสนุกและมีความสุขได้สำหรับผมคือเสียงเพลงที่ชอบ

สำหรับผมแล้วเพลงนี้เลยครับเพลงโปรดในการท่องเที่ยว

ทริปนี้เราตัดสินใจบินไปรวมพลกันที่เมือง Delft, Netherlands. แล้วค่อยไปลุยกันต่อที่ประเทศฮังการี


คือระยะเวลาการบินทั้งหมดประมาณ 12 ชม.สะใจคนชอบบินมากๆ คือประมาณว่าหลังจากลงเครื่องบิดเอวเป็นรูปตัวยู เลยทีเดียว...ระหว่างที่หลับๆตื่นๆ เบื่อๆ ก็เลยเปิดหน้าต่างขึ้นมาแก้เบื่อ…โอ้โห ลักษณะที่ราบสูงสีน้ำตาลผสมด้วยสีขาวๆของหิมะ รู้สึกได้ถึงไอเย็นทะลุกระจกเข้ามา เท่านั้นแหละพ่อฝรั่งข้างๆ 2 คน ชะโงกหน้ามาชมกันใหญ่ พร้อมบ่นอะไรก็ไม่รู้…เอาเป็นว่าคงสวยไม่ใช่น้อย

ก่อนจะลงเครื่องเรามาดูประวัติศาสตร์กันหน่อยดีกว่า....

ประเทศเนเธอแลนด์ หรือที่เราชอบเรียกกันว่าฮอลแลนด์ (Holland)หรือฮอลันดา เป็นประเทศซึ่งตั้งอยู่ในยุโรปตะวันตกตอนเหนือ ชื่อประเทศมีรากศัพท์มาจากคำว่า Neder หรือ ต่ำ เป็นประเทศที่มีพื้นที่ต่ำกว่าน้ำทะเล พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ระดับต่ำกว่าน้ำทะเลโดย20%-21% ของพื้นที่อยู่ของประชากรอาศัยอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และ 50% ของพื้นที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่เกินหนึ่งเมตร

เย้ๆมาถึง Schiphol Amsterdam Airport สักทีนั่งเมื่อยไปหมด ลงมาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงหาจุดนัดพบที่เพื่อนพี่จะมารับก่อนอาการเจ็ทแล็กอะไรไม่มีทั้งนั้น อยากจะออกไปเที่ยวแล้ว ฮ่าๆๆ

อย่างแรกเราตัดสินใจกันว่าจะไปเดินเล่นย่าน red light district ที่ขึ้นชื่อของอัมสเตอร์ดัม และเราจำเป็นต้องฝากกระเป๋าน้ำหนัก 30 KGS. นี้ที่สนามบิน Schiphol Amsterdam Airport. แล้วขึ้นรถไฟไปเพื่อความสะดวกสบาย ใครอยากตามมาเที่ยวด้วยกันตามมาเลยนะครับ

ถึงสถานีรถไฟแล้วเราต้องไปลงที่สถานี Amsterdam Centraa เพื่อเดินต่อไปยังย่าน red light district เรื่องเดินทางผมไม่ค่อยมีปัญหาเพราะมีเด็กถิ่นพาไป ฮ่าๆ ตอนนี้เวลาประมาณหนึ่งทุ่มก็เริ่มเงียบๆ อากาศนี่ไม่ต้องพูดถึงหนาวสะใจมากๆ


พ่อฝรั่งคนนี้เหมือนนักท่องเที่ยว เดินไปเดินมา เดินมาเดินไป


คือแบบแสงไฟ สถานที่ชวนให้น่าถ่ายภาพจริงๆ ขอสักรูป


ระหว่างที่ถึงสถานี Amsterdam Centraa. ก็เดินชมแสงชิวๆพร้อมดูสาวดัตช์ไปพรางๆเดินไปเรื่อยๆเพื่อไปยังย่าน Red light. และทันใดที่ประตูเปิด...โอโหหห รีบเดินไปถ่ายรูปแรกมาเลย คือแบบสวยเลย โอเคเลย


โอ๊ย ไฟเขียวสักที ยืนสั่นอยู่นาน ฮ่าๆ...ที่เนเธอร์แลนด์นี่คือเรื่องบนท้องถนนเขาปฏิบัติตามกฎระเบียบมาก ทั้งคนขับรถและคนที่เดินข้ามถนนปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด


พวกสถาปัตยกรรมทั้งห้างหรือโรงแรมก็จะออกแนวนี้หมด ดูๆแล้วเพลินเลย


ถึงแล้วย่าน Red light มาถึงแสงไฟร้านอาหาร 2 ข้างสวยงามไปหมด นักท่องเที่ยวเดินกันคึกคัก เหมือนผมจะได้กลิ่นแปลกๆ แอ๊ะ...อะไรนะ

แอ๊ะ....ว่าแล้วใช่จริงๆด้วย ฮ่าๆๆ คืออันนี้ต้อง 18+ หน่อยนะครับ [คือประเทศเนเธอร์แลนด์สามารถ ซื้อ-ขาย-เสพ กัญชาได้อย่างถูกต้องถามกฎหมายและย่านนี้ยังมีสาวขายบริการใส่บิกินี่ยืนอยู่ในตู้ไฟกระจกสีแดง(ห้ามถ่ายรูป)]


แต่ที่น่าแปลกใจคือ ก่อนมาผมฟังข่าวว่าประเทศเนเธอร์แลนด์กลับมีนักโทษอยู่น้อยมากจนกระทั่งประกาศปิดเรือนจำเนื่องจากในประเทศเนเธอแลนด์ แทบไม่มีเหตุอาญชากรรมเลย...

ที่รู้ๆใบเขียวนี่เขาสามารถเอามาผสมทำเป็นเค้กได้ด้วยนะ น่าอร่อยเลยทีเดียว จะชิมดีไหมนะ ไหนใครอยากรู้รสชาติ...ยกมือขึ้น


ระหว่างที่เดินตัวสั่นไปสั่นมาเพราะลมแรงด้วยกำลังเดินข้ามสะพาน เห็นสีแดงๆที่หางตา หันมาเจอ...โอ้โหห ถ้ามีแฟนแล้วถ้ามาด้วยกันพูดเลยว่า ต้องลง! อะไรจะโรแมนติกขนาดนี้ เดินชมวิวเพลินๆก็สังเหตุเห็นรถชาวดัตช์ที่กำลังถอยเข้าซองที่ไม่มีซองแล้วมีน้ำอยู่ข้างๆอีก ฝีมือมากๆ ริม 2 ฝั่งทางเดินรถชาวดัตช์จะจอดแบบนี้เต็มไปหมดถือเป็นเอกลักษณ์เลยก็ว่าได้


เดินไปเดินมาได้ยินเสียงแปลกๆ เจอรถนี่เข้าไปไม่สงสัยเลยว่าทำไมที่นี่ถึงสะอาด (รูปร่างรถน่ารักดี ฮ่าๆ)


หลังจากเดินชมวิวเป็นที่เรียบร้อยแล้วเราก็เดินกลับไปยัง Amsterdam centraal. เพื่อไปกระเป๋าที่ฝากไว้ที่สนามบิน Schiphol Amsterdam Airport. และนั่งรถไฟกลับไปนอนยังเมือง Delft. พูดเลยว่ารถไฟนี่ที่สีสันน่ารักมาก ถ้านับๆนี่เกือบครบ 12 สีเลยมั้ง


ระหว่างที่รอรถไฟหนาวก็หนาว โสดก็โสด เห็นชาวดัตช์สวีทแบบนี้ก็อิจฉาบ้าง หือๆๆ สำหรับทริปวันแรกก็ขอลาไปด้วยภาพนี้นะครับ พูดเลยอิจฉาหนักมาก

ตอนนี้ผมอยู่ที่ Budapest. นะครับอากาศหนาวมากมายพรุ่งนี้เราจะเดินทางไปต่อกันที่ vienna austria.ติดตามเบาๆได้ทางนี้เลยนะครับ

มาต่อกันเลยดีกว่าคือพอดีมีถามเข้ามาหลังไมล์ว่า ตม.ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ถามอะไรบ้าง...ผมบอกในส่วนของผมที่เจอนะครับเพื่อจะได้ประโยชน์บ้าง

คือผมบินเข้าที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ 2 ปีแล้ว (ปลายปีที่แล้วกับปลายปีนี้) ปีที่แล้วผ่านฉลุยครับแต่ปีนี้งานเข้า....แต่ส่วนตัวผมคิดว่า ตม.ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ใจดีนะแม้ว่าปีนี้จะโดนกักตัวก็ตาม

คำถามที่ ตม. ถามผมก็คือ

1.) มาทำอะไร ผมก็ตอบว่ามาเยี่ยมพี่สาวเรียนอยู่ที่นี่และก็มาเที่ยวด้วย

2.) เอาเงินมากี่ยูโร หยิบโชว์ให้ดูเลยนะครับ

3.) แล้วก็มานานกี่วัน กลับวันไหน

4.) พักที่ไหน

5.) ขอดูตั๋วกลับด้วย ข้อนี้แหละผมงานเข้าเพราะหาตั๋วที่ปริ๊นมาไม่เจอ...เขาเลยวอเรียกพาตัวผมเข้าไปในห้องผมก็บอกรอเดี๋ยวจะล็อคเข้าอีเมล์ให้ดู แต่พอดีเปิดไลน์มาเพื่อนพี่เหมือนจะรู้นิสัยของผมว่าผมต้องงานเข้าแน่ๆ เลยทิ้งเบอร์ไว้เลยให้เพื่อเหตุฉุกเฉิน เขาโทรคุยว่าสรุปเรากลับไหน โชคดีที่เพื่อนพี่จำได้แล้วก็ตอบตรงกัน เขาเลยปล่อยตัวผม ฮ่าๆๆ

ประมาณนี้นะครับ (ส่วนตัวภาษาผมไม่แข็งแรงนะ)

ส่วนปีที่แล้วถามว่า

1.) ทำงานอะไร

2.) อยู่จังหวัดอะไรในประเทศไทยแล้วก็ขอดูบัตรประชาชนวันที่ 2

เมื่อคืนผมมานอนมานอนกับพี่สาวที่เมือง Delft วันนี้เราต้องออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปยังเมือง Eindhoven เพราะพรุ่งนี้แต่เช้าเราต้องบินจากสนามบิน Eindhoven ไปยังประเทศอังการี...แต่สรุปทริปนี้เราเดินทางกัน 2 คน คือผมกับเพื่อนพี่ที่มาจากออสเตเรียเพราะคุยกันไปคุยกันมาสรุปพี่สาวผมติดโปรเจคจบด่วนที่มหาลัยการผจญภัยครั้งนี้เลยเหลือแค่ 2 คนเท่านั้น ตื่นมาพวกพี่ๆก็คุยเรื่องการวางแผนการเดินทางกันครั้งนี้กันอย่างจริงจังมาก ส่วนผมก็ชิวๆไม่ได้กังวลอะไรเลย จับกล้องถ่ายรูปเล่นที่บ้านพี่สาวที่ Delft ก่อนออกเดินทาง . . .

ตอนนี้เรา 2 คนเดินทางออกมาอย่างเหงาๆบวกหนาวๆกันแล้ว คือครั้งนี้แบคแพคอย่างโหดจริงๆสำหรับผม คือ หลังสะพานกระเป๋าประมาณ 10 กิโลกรัม มือซ้ายลากกระเป๋าอีก 10 กว่ากิโลกรัม ส่วนมือขวาก็ถือกล้อง DSLR เดินถ่ายไปเรื่อย


ระหว่างทางไปขึ้นรถไฟจากเมือง Delft ไปยัง Eindhoven ระหว่างทางข้ามสะพานก็มีคลองเล็กๆมองเห็นเจ้าเป็ดยุโรปน้อยตัวนี้เข้าสีสันน่าเอาไปทำลาบมาก

ตอนนี้ผมอยู่ที่เมืองปราก อยากจะบอกว่าผ่านมา 4 ประเทศ น้องเป็ดก็หน้าตาแบบนี้คล้ายๆกันหมดเลยถ้าจะคิดถึงเนเธอร์แลนด์เรื่องหนึ่งที่จะต้องคิดถึงเลยคือจักรยาน ผู้คนที่นี่ใช้จักรยานเป็นอันดับ 1 ของโลกไม่ว่าคุณจะเดินอยู่ที่ไหนก็ตามจะมีชาวดัตช์ปั่นให้คุณทึ่งเสมอ เช่น แต่งตัวสวยๆปั่นจักรยานหรือปั่นแบบปล่อยมือทั้ง 2 ข้างเพราะถือของอยู่(ปั่นเร็วด้วย) มีอีกหลายท่าทางเหลือเกินจนบ้างครั้งผมยืนดูพวกพี่เขาปั่นกันเพลินเลย (ที่นี่เขามีเลนจักรยานแยกกับตัวท้องถนนนะครับ)


เรามาดูตัวอย่างพ่อหนุ่มคนนี้...เข้าโค้งมาแต่ไกลเลย


หรือจะเป็นพ่อหนุ่มแนวเฟรนลี่...ก็มา


กราฟฟิตี้ที่นี่ก็มี . . . .


ระหว่างรอรถไฟไป Eindhoven. แต่เราต้องไปต่อที่ Rotterdam.


ถึงRotterdam. แล้ว กำลังไป Eindhoven. มาๆตามมานะ


เอาภาพวิวระหว่างทางมาฝากกัน พูดเลยสวยงามสบายตา...มองไปฟังเพลงไป ฟินมากมาย แต่กระจกรถไฟไม่ได้ขัดขุ่นไปหน่อย...


เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นคำถามที่ดีครับ(พูดแล้วเสียดายเงินจะมีใครไปบอกที่บ้านไหมนะ) ฮ่าๆ แต่ไม่ต้องเสียดายหรอกครับเพราะเราก็ตั้งใจทำงานเก็บตังเพื่อตามฝันตัวเองตอนนี้เรายังมีแรงเหลือ มีเวลาเหลือที่จะพอทำสิ่งเหล่านี้ ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเดินทางเพราะเราเกิดมาอยู่บนดาวโลกแล้ว...แล้วทำไมเราไม่ออกไปเปิดโลกนี้แหละว่ามันมีอะไรที่รอเราไปค้นหา... นานๆถี่ ผิดๆนานๆที เราจะได้พักผ่อนบ้างหาประสบการณ์เพิ่มบ้างผมคิดว่ามันเป็นเหมือนการเรียนรู้โลกกว้างที่ไม่ได้อ่านเพียงแค่ในหนังสือแต่มันเป็นอะไรที่เราจะต้องต้องออกไปเจอของจริง การออกเดินทางการผจญภัยซึ่งผมเจอมาก็มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป....เดี๋ยวค่อยมาว่ากันต่อตอนอื่นกลับมาที่ค่าใช้จ่ายโดยประมาณก่อนนะครับ

จ่าใช้จ่ายโดยประมาณๆนะครับเพราะยังไม่จบทริป

- ค่าที่พัก(จอง Airbnb),รสบัส,รถไฟ,รถแทรม,ค่าตั๋วบินในยุโรป(บินจากประเทศเนเธอร์แลนด์-ฮังการี)-(สาธารณรัฐเช็ก-ประเทศอิตาลี)-(ประเทศอิตาลี-เนเธอร์แลนด์) ส่วนประเทศที่เหลือเรานั่งบัสกันครับ โดยประมาณ 70,000 บาท

- ค่าตั๋วบินตรงไปกลับ KLM 31,000 บาท จองล่วงหน้าด้วยความมั่นใจ 5 เดือน ปกติแล้วสถานทูตเขาจะไม่แนะนำให้จองจ่ายล่วงหน้านะครับเพราะต้องได้วีซ่าเชงเก้งก่อนจึงค่อยจ่าย ถ้าเราจ่ายแล้ววีซ่าไม่ผ่านก็เท่ากับเราเสียเงินไปฟรีๆ ปกติจองตั๋วบิน KLM ก่อน 2-3 เดือนจะอยู่ที่ประมาณ 35,000 บาท

ประมาณโดยรวม 101,000 บาท (ไม่รวมค่ากล้องที่เอาไว้หยุดเวลาของผม, ไม่รวมค่ากิน, ค่าเข้าเยี่ยมมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ) ครับ


ยังไม่ถึงเลยระหว่างทางที่อยู่บนรถไฟเราก็สังเกตุอะไรไปเลื่อย...เอาบรรยากาศบนรถไฟมาฝากกันครับ


ถึงแล้วสถานี Eindhoven. ก่อนลงอย่าลืมกดปุ่มเปิดประตูรถไฟนะครับ เพราะผมก็ยืนดูอยู่ว่าเมื่อไหร่ประตูจะเปิด สักพักได้ยินเสียงมาจากทางข้างหลัง...ยืนดูอะไรทำไมไม่กดปุ่มเปิด 555 เราต้องเดินจากที่นี่เพื่อไปยังที่พักที่เราจองไว้...ระหว่างที่พี่ผมกำลังหาเส้นทางเดินไปยังที่พักอย่างจริงจัง ผมก็ไม่มีอะไรมากชิวๆเหมือนเดิม


เอาล่ะ มาถูกทางแล้วเราเดินกันประมาณ 20 นาทีจากสถานีเพื่อไปยังที่พักย่าน Eindhoven. ที่นี่จะข้ามถนนไม่ว่าจะมีรถหรือไม่มีก็ต้องกดเพื่อรอสัญญาณไฟนะครับบางครั้งผมก็ งง ถนนโล่งมากไม่มีรถเลยแต่ก็มีคนกดเพื่อรอสัญญาณไฟเขียวคือทุกคนเคารพกฎจราจรอย่างมาก ช่างแต่ต่างจากกรุงโรมที่อิตาลีที่ตอนนี้ผมอยู่เหลือเกิน ฮาๆๆ


ทันใดนั้นเอง...กำลังจะถ่ายไฟเขียวพี่คันเหลืองมาจากไหน ฮาๆๆ


เพราะโลกมันกว้าง คนข้างๆจึงสำคัญ


หลังจากเดินถึงบ้านเก็บกระเป๋าบิดเอว, บิดหลัง เพราะกระเป๋านี่ 10 กิโลกรัม ลากอีก 10 กิโลกรัม เรียกว่าปวดกันเลย แต่ไม่เป็นไรเพราะเรามีจิตวิญญาณความเป็น Backpacker อยู่...ฮาๆ หลังจากนั้นเย็นๆเราก็ออกมาเดินเล่นหาอะไรกินกัน


ระหว่างเดินหนาวๆอยู่ก็เห็นภาพรถติดที่นี่ไม่ค่อยจะได้เห็นกันมากเท่าไร


เดินๆอยู่หนาวก็หนาว หิวก็หิว ไม่ค่อยมีร้านอะไรเปิดเลยแถวนี้....ท้องร้อง หิวๆ สังเกตุเวลานี่ประมาณ 5.45 นะครับ ผมนึกว่าเที่ยงคืน...


ประดับไฟสวยงามเตรียมฉลองวันคริสมาสกันแล้ว แต่ผมนี่หิวหน้ามืดตามัว...ร้านนี้ก็ยังไม่ใช่


ยังๆยังไม่เจอครับ


เอาละ เห็นร้านนี้แต่ไกลๆประดับตกแต่งร้านสวยๆงามๆ รีบตรงดิ่งเข้าไป...รอดตายแล้วเรา


เอาละ เข้ามาในร้านแล้วสั่งอาหารไปแล้วระหว่างรอก็สังเกตุว่าร้านออกแนวออกวินเทจหรือ...ลืมทาสี ฮาๆ (สังเกตุพื้นผนังนะครับ)


นั่งรอไป 30 นาที เราก็นึกว่าจะทำกันง่ายๆ เป็นเหมือนข้าวเนื้อบดผสมซอสมะเขือเทศในถ้วยคล้ายๆกับโยเกิร์ต สรุปแล้วอร่อยดีหมดเกลี้ยง


นั่งอิ่มกันสักพักเราก็เดินไปจ่ายเงิน พูดเลยว่าสาวดัตช์ก็สวยไม่แพ้ร้านเช่นกัน ฮาๆๆ คืนนี้เราต้องรีบกลับไปนอนครับเพราะว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปยังสนามบิน Eindhoven. เพื่อบินต่อไปยังประเทศฮังการี ขอลากันไปด้วยภาพนี้...พบกันตอนที่ 2 ประเทศฮังการีนะครับ

(ทริปเนเธอร์แลนด์ยังไม่จบนะครับจะมาต่อกันตอนสุดท้าย เพราะตั๋วบินเรา ไป-กลับ ที่เนเธอร์แลนด์ ขอไปหนีเที่ยวอีก 4 ประเทศก่อน เดี๋ยวกลับมาจะพาไปเที่ยวในเนเธอร์แลนด์กันนะครับ เอาคลิปเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่สะพานขาวเมือง Rotterdam มาฝากกันก่อน ) https://www.facebook.com/426685664183720/videos/45...

***รูปภาพอีกมากมายใครชอบตามดูได้ทางนี้เลยครับ https://www.facebook.com/150-Million-Kilometers-I-Am-Here-426685664183720/

150 Million Kilometers I Am Here

 วันพฤหัสที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.50 น.

ความคิดเห็น