สมัยก่อนผมเป็นคนที่มีอคติกับทะเลฝั่งตะวันออกของประเทศไทย เพราะมันไม่สวย ไม่สะอาด น้ำไม่ใสเหมือนฝั่งอันดามัน เลยไม่เคยคิดที่จะไปเที่ยวเลย

จนผมได้มีโอกาสเดินทางไปที่เกาะช้าง ช่วงสิ้นเดือนที่ผ่านมา ก่อนไปเลยนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับเกาะช้าง ที่ทั้งชีวิตตั้งแต่เกิดมา คิดแต่ว่ามันมีแต่ทะเล

ซึ่งพอนั่งๆ หาข้อมูลไปเรื่อยๆ ปรากฏว่า "เกาะช้าง" เป็นเกาะที่มีความหลากหลายมากๆ มีทั้งเดินป่า ปีนเขา น้ำตก ป่าชายเลน รวมไปถึงทะเล แถมที่พักสวยๆ ก็มีให้เลือกมากมาย

เกาะช้างเป็นอีกเกาะนึงที่เดินทางสะดวกมากๆ ทั้งไม่ไกลจากกรุงเทพแถมยังสามารถเอารถข้ามฝากไปใช้บนเกาะได้ด้วย

เรือที่ใช้ข้ามฝากเป็นเรือขนาดใหญ่ ดูจากสายตาน่าจะสามารถบรรทุกรถยนต์ได้ประมาณ 40-50 คัน ซึ่งใช้เวลาเดินทางแค่ 30 นาทีก็ถึงเกาะช้างแล้ว



พอถึงเกาะ เราก็ขับรถเข้าที่พักกันทันที รอบนี้เราพักกันที่ Sea View Koh Chang รีสอร์ตหรูติดทะเล ที่มีเนื้อที่กว่า 40 ไร่ ซึ่งทางรีสอร์ตพึ่งจะทำห้องพักแบบ Pool Villa เสร็จแบบสดๆ ร้อนๆ

จะเรียกว่า "ห้อง" ก็คงไม่เหมาะ เพราะมันใหญ่มากๆ 5555



ห้องนอนเป็นห้องกระจก ถูกตกแต่งด้วยลายไม้ทั้งห้อง เตียงขนาดใหญ่และนุ่มมากๆ



เราถูกต้อนรับด้วย Welcome Drink และผ้าเย็นกลิ่นตะไคร้ ให้ความรู้สึกสดชื่นมากๆ หลังจากขับรถมาเป็นเวลานาน



ด้านหน้าของเตียงเป็นประตูกระจกที่สามารถเปิดแล้วกระโดดลงน้ำได้เลย ให้ฟิลโรแมนติคมากๆ

สระว่ายน้ำขนาดกว้างมากๆ แถมยังมีอ่างจากุซซี่ด้านนอกตัวห้องที่คน 2 คนสามารถลงไปนอนเล่นกันได้สบายๆ



หลังจากเก็บของเสร็จ เราก็รีบเดินไปทางหน้าหาดเพราะทางรีสอร์ตมีเรือคายัค ที่สามารถพายออกไปยังเกาะที่อยู่ด้านหน้าของรีสอร์ตได้



เกาะด้านหน้ารีสอร์ต มีชื่อว่า "เกาะมันใน" เป็นเกาะเล็กๆ ที่สามารถข้ามไปนอนชิวอาบแดดหรือจะปิกนิคได้สบายๆ แถมคนไม่เยอะอีกด้วย

ก่อนเราจะพายคายัค เราก็ไม่ลืมที่จะเตรียมชุดปิกนิคติดไม้ติดมือไปด้วย



หลังจากเรากลับมาจากเกาะมันในแล้ว ก็เข้าห้องพักอาบน้ำอาบท่า ก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดี พนักงานของรีสอร์ตก็พาเราขึ้นไปบนห้องอาหารด้านบนของโรงแรม ชื่อว่า Lighthouse Restaurant

พอไปถึง พี่ๆ พนักงานก็รอต้อนรับเป็นอย่างดี เปิดหัวด้วยการเสิร์ฟเครื่องดื่มเย็นๆ ให้เราได้ชื่นใจ



รอซักพัก พี่ๆ ก็ยกอาหารมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ มื้อนี้เป็นอาหารทะเลรวมชุดใหญ่ น้ำจิ้มคือเด็ดสุดๆ โดยรวมรสชาติอาหารถือว่าผ่าน พร้อมกับนั่งดูพระอาทิตย์ตกไปด้วย ทำให้รสชาติยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก



หลังจากนั้นเราก็กลับห้องพัก ก่อนจะเข้านอน ขอลงอ่างจากุซซี่ซะหน่อย 5555



เช้าวันที่ 2 เราขอให้ทางรีสอร์ตนำอาหารมาเสิร์ฟที่ห้องพัก ซึ่งตอนเข้ามา check in ครั้งแรก พนักงานจะให้เราเลือกอาหารเช้าไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งมีอาหารให้เลือกหลากหลายมากๆ ทั้งอเมริกัน ฝรั่งเศษ หรือแม้แต่อาหารไทยก็มี เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มกันเลยทีเดียว



ก่อนหน้านี้ผมได้ซื้อบริการทัวร์ดำน้ำ 4 เกาะไว้ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ รถก็มารับไปลงเรือ

ด้วยความที่ช่วงผมไปเป็นหน้ามรสุม ทำให้เรือ speed boat ไม่กล้าออกทะเลกัน ก็เลยเหลือแต่เรือไม้ลำใหญ่



ก่อนเรือออก อากาศค่อยข้างจะครึ้มฟ้าครึ้มฝน ทำให้คลื่นแรกมากๆ นักท่องเที่ยวบนเรืออ้วกกันเป็นแถม 555

ออกจากฝั่งประมาณ 1 ชม. เราก็มาถึงจุดหมายแรก นั่งก็คือ เกาะยักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นเกาะที่มีแนวปะการังเขากวางสีม่วงที่ยาวโอบฝั่งขวาของเกาะ

ส่วนตัวผมว่าเกาะยักษ์ใหญ่ เป็นจุดดำน้ำที่สวยงามและประทับใจอีกทีนึงเลย



หลังจากขึ้นมาบนเรือ คนเรือก็เตรียมอาหารไว้ให้พร้อมรับประทานกัน

หลังจากทานเสร็จ จุดหมายต่อไปก็คือ เกาะรัง ซึ่งเป็นเกาะที่สามารถเดินขึ้นเกาะไปนั่งริมชายหาดได้ แต่ใต้น้ำไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ เหมาะไปเดินเล่นบนชายหาดมากกว่า



หลังจากนั้น กัปตันก็พาเราไปยังเกาะต่อไป นั่นก็คือ เกาะยักษ์เล็ก ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆ กับเกาะยักษ์ใหญ่ แต่มีขนาดเล็กกว่า ส่วนเรื่องความสวยงามใต้น้ำนั้น พอๆ กับเกาะยักษ์ใหญ่เลย

ก่อนลงขอลังกาหลัง อวดวงสวิงซะหน่อย 55555 ไม่ได้โดดแบบนี้นาน เจ็บเหมือนกันนะ



จากนั้นกัปตันก็พาเราไปเกาะสุดท้าย นั่นก็คือ เกาะหวาย เป็นเกาะที่ค่อยข้างใหญ่และมีหาดทรายให้เดินเล่น แต่ผมไม่ได้ลงที่เกาะนี้ เนื่องจากพิษจากการกระโดดลังกาหลังนั่นแหละ ปวดเอวเลย พึ่งรู้ว่าตัวเองแก่ก็คราวนี้แหละ 55555 เลยถ่ายรูปบนเรือหาให้ดู



หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการดำน้ำมาทั้งวัน รถก็เอาเรากลับไปส่งที่รีสอร์ตเหมือนเดิม

วันนี้ทางรีสอร์ตใจดีจัด Dinner ริมหาดสุดหรูให้กับเรา ส่วนใครสนใจเซอไพร้คนรัก หรือขอแต่งงาน ผมว่าที่นี่ค่อยข้างจะเหมาะเลยทีเดียว ราคาไม่แพงมาก ประมาณ 1,000-3,000 บาท แล้วแต่อาหารที่เลือก ได้ Dinner ใต้แสงเทียน บวกกับบรรยากาศพระอาทิตย์ตก อื้อหื้อ!!! ไม่มีสาวคนไหนปฏิเสธลงแน่นอน 5555




วันนี้ขอปิดฉากจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งที่ Dinner ใต้แสงเทียนไว้เท่านี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปลุยเที่ยวในเกาะช้างกันต่อ

วันที่ 3 คือวันสุดท้ายที่เราจะอยู่ที่นี่ ผมเลยรีบตื่นเช้าหน่อย เพื่อที่จะเอาโดรนไปบินเก็บบรรยากาศบริเวณรอบๆ รีสอร์ตเล่นๆ



หลังจากนั้นก่อน check out เราได้ข่าวว่าที่นี่มี workshop ทำพิซซ่ากินเองด้วย เลยขอไปลองซะหน่อย

พ่อครัวก็จะสอนเราตั้งแต่วิธีนวดแป้ง ใส่หน้า เข้าอบ กระทั่งยกเสิร์ฟเลยที่เดียว ซึ่งก็ไม่ได้เสิร์ฟให้ใครที่ไหน เสิร์ฟให้ตัวเองกินนี่แหละ 5555



หลังจากนั้นเราก็ check out ออกจากรีสอร์ต แล้วมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านสลักเพชร ซึ่งที่นี่เค้ามีบริการนั่งเรือ Gondola ชมป่าชายเลน แล้วไปสุดที่อ่าวสลักเพชร ก่อนจะลงสู่ทะเล ซึ่งค่าบริการก็ไม่แพงเลย คนละ 200 บาทถ้วนเอง



หลังจากนั่งเรือเสร็จ เราก็ไปกันต่อที่ เส้นทางศึกษาป่าชายเลนบ้านนานใน ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน

พอไปถึงปรากฎว่าสามารถเดินไปได้แค่ครึ่งนึง เพราะเส้นทางเส้นสะพานไม้เก่า อยู่ในระหว่างซ่อมแซม แต่ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ได้ภาพสวยๆ มาฝากเพื่อนๆ เยอะแล้วว



สรุปว่าการมาเกาะช้าง 3 วัน 2 คืนของผม เป็นการทำลายอคติที่มีแต่ทะเลตะวันออกไปเลย เกาะช้างเป็นอีกที่นึงที่น่าไปเที่ยว ไปพักผ่อน ไปรีเฟรชตัวเอง เพื่อกลับมาสู่งานได้ดีมากๆ

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมได้ไปมาแล้ว ยังมีกิจกรรมอีกมากมายบนเกาะช้าง ที่รอบหน้าผมไปอีก ก็คงจะค่อยๆ ตามเก็บไปทีละนิดๆ แน่ๆ


ติดตามการเดินทางของผมได้ที่ Facebook Page : Hang Around Thailand
https://www.facebook.com/hangaroundthailand

Hang Around Thailand

 วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 17.18 น.

ความคิดเห็น