กลับมาตามสัญญา กับเรื่องราวจากบาหลี ที่ไปทำไมไม่รู้ตั้ง 2 รอบ
แต่ก็เป็น 2 รอบที่ยังเที่ยวไม่ทั่วเลยจริงๆ เดี๋ยวจะบอกต่อไปว่าทำไม
บาหลี ครั้งแรกในชีวิต เป็นทริปต่อเนื่องมาจากโบรโม่ ทางเกาะชวา
หลังจากแยกย้ายจากไกด์ที่ฝั่งนู้น เราก็นั่งเรือ ferry ข้ามมาประมาณ 1 ชม.
เรามาถึงบาหลีในบ่ายวันที่ 29 พฤษภาคม จะอยู่เที่ยวรอบๆ เล็กน้อยแล้วก็จะกลับไทย
ในวันที่ 31 พฤษภาคม ค่ะ เท่ากับว่ามีเวลาเที่ยวแค่ 1 วันครึ่ง แบบไม่มีแผนใดๆ
จากท่าเรือไปยังที่พักแถว kuta beach ระยะทางประมาณ 100 กว่ากิโลแน่ะ
จากการสอบถามไกด์ฝั่งนู้นนั้น ราคาแท็กซี่จากท่าเรือไปหาดกูตะ
ได้ความว่าอยู่ที่ประมาณ 500,000 รูเปีย พอลงเรือยังไม่ทันจะมองหาใคร ก็มีแท็กซี่มารุมแล้ว
ทางคณะเราคุยกันมาก่อนว่า ระหว่างเดินทางไปที่พักก็จะแวะเที่ยวในจุดต่างๆ ที่เป็นทางผ่านด้วย
เช่น Tanah lot เป็นต้น
เราตกลงราคากับแท็กซี่ที่พูดภาษาอังกฤษโอเครู้เรื่อง ได้มาที่ 700,000 รูเปีย ก็เป็นราคาที่รับได้อยู่
เนื่องจากทางเราก็ไม่มีแผนอะไรอยู่แล้ว เค้าเสนอไปไหนก็เออออไปกะเค้า ปรากฏว่าทางพี่แท็กขับอ้อมเกาะ
แล้วตัดขึ้นเขากลับมาแถวหาดกูตะ ทำไปได้นะพี่ อย่างน้อยก็ได้ชมวิวทะเลสาบล่ะมั้ง
หลังจากนั้น พี่แท็กก็พาไปชมวัดดังแห่งหนึ่งคือ Pura Ulun Danu Bratan
เป็นสถานที่ที่อยู่ในป้ายโปรโมทการท่องเที่ยว ถึงรู้ว่าดัง ฮาา
จุดไฮไลท์ก็ก็คือศาลาที่อยู่กลางน้ำ มีฉากหลังเป็นภูเขา แต่ถ่ายรูปไม่ติดคนยากสุด
บางทีก็มีเรือเป็ดมาเบรคอารมณ์ด้วยสิ
ต่อจากนั้น เราก็ไปรอชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ Tanah lot ค่ะ
วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยสุดๆ เพราะเราต้องตื่นตั้งแต่ตี 1 เพื่อขึ้นไปชมคาวาอิเจี้ยน
แล้วก็ลากยาวจนพระอาทิตย์ตกที่ Tanah lot เราไปเช็คอินเข้าที่พักค่อนข้างดึก
เราเลือกพัก Cara Cara Inn ที่หาดกูตะ ด้วยความเหนื่อยก็ไม่ได้ถ่ายรูปที่พักมาเลยค่ะ
เราพักห้อง 3 คน นอนสบายมาก ในราคาเพียง 1000 บาทนิดๆ ต่อคืน
อาหารเช้าคือดี ทำเลสามารถเดินไปเที่ยวรอบๆ หาดกูตะได้
วันที่เหลือเราเจรจาเหมาแท็กซี่เจ้าเดิมค่ะ เพราะคุยกันง่าย แต่ไปเที่ยวได้ไม่กี่ที่ เพราะไม่มีแผน
การเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งในบาหลีนั้น ใช้เวลาพอสมควร พอดีที่วันที่เราไปดันตรงกับ
Galungan Ceremony พี่แท็กบอกว่าเป็นวันหยุด ที่ผู้คนจะเข้าวัดทำพิธีอะไรกัน
เราไม่รู้ว่าเรียกอะไร แต่จะมีการตั้งเสาอะไรแบบนี้ตลอดทาง
เราตั้งใจจะไปพิพิธภัณฑ์ แต่ปิดค่ะ เสียใจ ขอรวมๆ เลยแล้วกันเนอะ
เราได้ไปที่ Uluwatu Temple ซึดเป็นวัดที่อยู่ริมหน้าผา วิวหน้าผาและน้ำทะเลสวยมากๆ
ลิงที่นี่ชอบขโมยของมาก ระวังกันด้วยนะ!
หลังจากนั้นก็แวะนู่นแวะนี่ไปเรื่อยเปื่อย ปิดท้ายด้วยการชมวิวพระอาทิตย์ตกที่หาดกูตะกัน
เราขอให้พี่แท็กพากินอาหารท้องถิ่น เค้าแนะนำซะดิบดีว่าเป็นอาหารสไตล์ lombok
อะ ก็กินได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางอย่างก็ประหลาดจริง
ขอจบเพียงเท่านี้สำหรับบาหลี รอบที่ 1 นะคะ ถือว่าเป็นรอบที่ไม่ได้ตั้งใจมาเท่าไร
แต่ก็เล็งเห็นว่า เที่ยวบาหลีก็ง่ายดีนี่นา ก็เลยตั้งใจว่าจะพาพ่อแม่มาเที่ยวด้วยค่ะ
บาหลี ครั้งที่สอง (28 - 31 กค. 61)
รอบนี้เราจะพาพ่อแม่ไปด้วย เพราะฉะนั้นการท่องเที่ยวจะต้องสะดวกสบายนิดหนึ่ง
ก็เลยใช้บริการเช่ารถพร้อมคนขับค่ะ เราติดต่อ Teddy Bali Tour
เป็นเจ้าที่คุ้นเคยกับลูกค้าคนไทยมากๆ ซึ่งทางเท็ดดี้ก็มืออาชีพมาก เพียงแค่บอกว่า
จะไปบาหลีวันไหนถึงวันไหน เค้าก็ส่งตารางเที่ยวคร่าวๆ มาให้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งเราก็คุยได้ว่าอยากไปไหนเป็นพิเศษ หรือไม่ไปตรงไหนอะไรยังไง
ราคาค่ารถต่อวัน 500,000 รูเปียเท่านั้น อะ รู้แล้ว ครั้งที่แล้วโดนไปแพงกว่า
ครั้งที่แล้ว เราไม่ได้ไป Ubud ซึ่งเป็นจุดที่คนนิยมมากเหมือนกัน คราวนี้เลยกะว่าจะไปพักแถวนั้น
ทางเท็ดดี้จะให้เราจองโรงแรมเองนะคะ เราก็ดูตามแผนเที่ยวที่ส่งมา
เราจองที่พักที่ Ubud 2 คืน และที่หาดกูตะอีก 1 คืน เพราะต้องไปสนามบินแต่เช้า
เราออกจากไทยแต่เช้าตรู่ ไปถึงที่บาหลีประมาณ 11.00 กว่าๆ คิว ตม. ยาวมาก
เราแวะกินข้าวกลางวันระหว่างทางที่ร้าน Iga warung
สังเกตได้ว่าเป็นร้านที่ผูกสัมปทานกับทัวร์เจ้าต่างๆ ราคาแพงเอาเรื่องเลยอ่ะ
ที่แรกที่เราแวะเยี่ยมชมก็คือ GWK cultural park
เป็นสถานที่ที่ศิลปินมาทำรูปปั้นต่างๆ เราจำค่าเข้าไม่ได้แล้ว
ก็ถ่ายรูปเพลินๆ ดี อะนะ
หลังจากนั้นเราก็ไปที่ Uluwatu temple เป็นที่ที่เราชอบที่สุดในทริปก่อน
เราคิดว่าพ่อแม่น่าจะชอบ และก็ไม่ไกลจากโซนสนามบินเท่าไรค่ะ
ก็สวยเหมือนเดิมอะนะ แต่คนเยอะมาก
การแผนเที่ยวแล้วเราจะต้องไปที่ Nusa Dua Beach แต่เห็นว่าเย็นแล้วเลยขอข้าม
ทางคนขับก็บอกว่าดูได้แค่รอบนอก เพราะคลื่นแรงด้วยค่ะ
เราก็ตรงไปที่ Ubud เลย แต่เป็นการนั่งรถที่ยาวนานมาก ใช้เวลากว่า 2 ชม. ได้
ซึ้งเลย รถติดในบาหลี!! ด้วยสภาพถนนแคบๆ รถเยอะด้วย
มื้อเย็นเราก็เดินหาอาหารใกล้ๆ โรงแรมนั่นแหละ
เราพักที่ Sri Bungalow Ubud ค่ะ บรรยากาศดีมาก
เราอ่านรีวิวในอโกดาว่าอยู่ใกล้ walking street ต่างๆ นานา ก็เลยเลือกที่นี่
ห้องพักก็สวย วิวก็ดี๊ดี
เช้าวันที่ 2 มีเรื่องตื่นเต้นแต่เช้ามีแผ่นดินไหวที่ภูเขาไฟรินจานี เกาะลอมบอก
ซึ่งทางเราก็สามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน แต่ที่นี่ก็ยังอยู่กันปกติสุข
วันนี้เราจะเที่ยวสถานที่ต่างๆ ที่ไม่ห่างจาก Ubud เท่าไรนัก
ซึ่งเราก็ว่าดี เพราะเหนื่อยกับรถติด และการนั่งรถมากๆ
เดิมเท็ดดี้เสนอให้ไปเล่นไอ้เจ้า Bali swing และก็เที่ยวชม rice terrace
แต่เราว่าไม่เหมาะกับคณะเรา ก็เลยขอเปลี่ยน ได้เป็นไปดู Barong Dance แทนค่ะ
ระหว่างรอเวลา ไกด์เราพาไปแหล่งช็อปปิ้งของฝากที่ดีมากอะ ประทับใจ
ของราคาถูกมาก สังเกตว่ามีแต่คนอินโดฯ มาที่นี่ด้วย เราเสียทรัพย์เป็นล้านอยู่นี่แหละ
หลังจากนั้นก็ไปแวะชิมกาแฟขี้ชะมดกัน แม้ว่าเราจะไม่ซื้อกาแฟเลย แต่ก็จะมีมาให้ชิมนะคะ
ปรากฏว่าที่ร้านกาแฟ ก็ดันมีชิงช้าให้เล่น คนไม่เยอะเท่าไร เราก็ขอลองซะหน่อย
ดูเหมือนเฉยๆ แต่ก็หวิวๆ อยู่
คนขับแนะว่า เราค่อยแวะ Rice terrace ตอนขากลับ เพราะเป็นทางผ่านอยู่แล้ว
เราไปทานอาหารชมวิวภูเขาไฟที่ Kintamani
เป็นร้านที่ผูกสัมปทานกับไกด์ทัวร์อีกแล้วจ้ะ แต่คราวนี้เป็นบุฟเฟ่ต์
ราคา 100,000 รูเปียต่อคน
คนเยอะ อาหารก็พอกินได้ แค่วิวดี เท่านั้นเองง
สถานที่ถัดไป เราไปวัดที่มีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ Pura Tirta Empul
เราก็เคยเห็นรูปมาเยอะนะ แต่ที่แปลกใจสุดคือในบ่อมีปลาเต็มเลยอะ
ตัวใหญ่ๆ ทั้งน้าน
สถานที่สุดท้ายของวัน เราก็มาเที่ยวที่ Rice terrace
ข้อดีของการมาตอนเย็นคือคนน้อย ข้อเสียคือแสงไม่สวยเลย
เป็นวันหนึ่งที่ชิว ไม่เหนื่อยมาก ไม่ต้องผจญกับรถติดมาก
ช่วงที่เรามาบาหลีรอบนี้ สภาพอากาศขมุกขมัว มีฝนประปรายต่างจากรอบที่แล้ว
คลื่นลมแรง เห็นเค้าว่าอย่างนั้น เพราะกำหนดการของเราจะต้องไปเที่ยวเกาะ
เกาะ Nusa Penida ที่กำลังฮิตมาก เห็นในไอจีตรึม แต่ไกด์กังวลเพราะคลื่นแรง
เราเองก็ไม่อยากให้พ่อแม่กังวลเหมือนกัน ก็เลยเห็นพ้องกับไกด์ยกเลิกไป
เราจึงต้องคิดแผนสดๆ ร้อนๆ สำหรับอีก 1 วันเต็ม
เราตกลงจะไปกัน 3-4 ที่ มากสุด
ที่แรกเราไปน้ำตกค่ะ ชื่อว่า Tibumana Waterfall
ส่วนตัวแล้วเราชอบเที่ยวธรรมชาติมากกว่าวัดนะ
น้ำตกที่นี่เล็กๆ เดินลงไปนิดเดียวสำหรับเรา แต่สำหรับพ่อแม่ก็เหนื่อยอยู่
เห็นบรรยากาศเขียวๆ แล้วชื่นใจ
หลังจากนั้น เราไปวัด Besakih Temple ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุด
สวยที่สุดสำหรับเราด้วย ไกด์บอกว่า สามารถเห็นภูเขาไฟอากุงที่กรุ่นๆ อยู่จากที่นี่ได้
แต่อย่างที่บอก สภาพอากาศไม่เป็นใจ ฟ้าก็จะขาวโพลนแบบนี้
ต่อจากนี้เราคิดว่าจะไปอีก 2 ที่คือวัด Taman Ayun และ Tanah Lot
เพื่อดูพระอาทิตย์ตกเป็นที่สุดท้าย ก่อนเช็คอินโรงแรมที่กูตะ
แต่หลังจากนั่งรถยาวนานเป็นชั่วโมงๆ ดูเวลาแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้
ก็เลยเจรจากับไกด์ตรงๆ ว่าตามแผนนี่มันจะทันหรอ พ่อแม่ก็เริ่มเพลีย
ดีลกันไปมา เลยตกลงว่าไป Tanah Lot เป็นที่สุดท้ายค่ะ
แม้เราจะเคยไปแล้ว แต่พ่อแม่ก็อยากจะเห็นทะเลด้วย
เราไปทันพระอาทิตย์ตก แต่ Tanah Lot คราวนี้ไม่เหมือนเดิม
คลื่นเกรี้ยวกราดมาก ในใจคิดว่าดีแล้วที่ไม่ไปเกาะ
คลื่นใหญ่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในชีวิตเราแล้ววว
เราขอจบทริปนี้แต่เพียงเท่านี้ เราไปพักที่กูตะเพื่อความสะดวก
ในการไปสนามบินแต่เช้าตรู่เท่านั้นค่ะ นอนอย่างเดียวไม่มีอะไรมาก
ทริปนี้เราบันทึกเป็นวีดีโอเป็นส่วนใหญ่เพื่อเก็บเป็นความทรงจำกับครอบครัว
รูปภาพเลยไม่เยอะเท่าที่ควร ภาพไม่ค่อยสวยด้วย แฮ่ๆ
ส่วนตัวนะคะ เราคิดว่าบาหลีมีอะไรให้เที่ยวให้ทำอีกเยอะมากก
แต่การเดินทางนี่เพลียสุด รถติดเอยอะไรเอย ถนนก็แคบ
จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งใช้เวลานาน เป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เที่ยวได้น้อยเลย
ควรวางแผนดีๆ ควรเที่ยวในโซนเดียวกันเพื่อประหยัดเวลา
เราเห็นว่ามีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมาก ทั้ง trekking ล่องแก่ง ไปเที่ยวเกาะ ดำน้ำ
ถ้ามีโอกาสไปบาหลีอีกก็อยากจะไปลองกิจกรรมพวกนี้ดูค่ะ
แต่คราวนี้พาพ่อแม่ไปเปิดหูเปิดตา ก็เบาๆ เท่านี้พอ
อ้อ อยากจะเล่าสู่กันฟัง เปรียบเทียบความต่างระหว่างการจ้างไกด์
กับการเหมาๆ แท็กซี่ฉบับหาเอาข้างหน้า เสี่ยงดวงเอาเอง
เราคิดว่ารอบที่ไปกับแท็กซี่เมื่อครั้งแรก อาจจะเพราะโชคดีได้เจอคนดี
แม้ว่าราคาจะแพงกว่า เพราะเราก็ไม่ได้ต่อรองอะไรมาก เรามีโอกาสได้ไปสัมผัสชีวิตท้องถิ่นมากกว่า
อาหารเอยอะไรเอย ได้กินอาหารท้องถิ่นจริงๆ
การไปกับไกด์ก็ดีนะ สะดวก และน่าจะดีที่สุดถ้าไปกับพ่อแม่ แต่มีจุดที่เราไม่ชอบ
บางครั้งไกด์ก็จะพาไปร้านอาหาร หรือสถานที่ที่แบบ สำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้นอะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น เราคิดว่าอาจเป็นเพราะเราไม่เจรจาให้ชัดเจนว่าเราต้องการอะไรอะนะ
ก็หวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ
บอกแล้วว่าอินโดนีเซีย เที่ยวกี่ครั้งถึงจะพอเนี่ย
Bestpacker
วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.42 น.