ไหว้พระ - กิน - เที่ยว - ที่เดียวกัน - one day trip คือ concept ของทริปนี้ค่ะ

มีโอกาสมาทำงานภูเก็ต แล้วได้ free day 1 วัน ไปเที่ยวกันค่ะ

การเดินทาง

เราเช่ารถขับเองค่ะ พอถึงภูเก็ตปุ๊บ รับรถปั๊บ เราก็หาที่กิน ระหว่างทางจาก airport ไปร้านอาหารจะผ่านวัดพระทอง ที่เรา plan จะไปทำบุญอยู่แล้ว ขอแวะก่อน ขอพรให้การเดินทางปลอดภัย การงานราบรื่น

Station แรก ไหว้ "พระผุด" วัดพระทอง

ที่วัดพระทอง วัดเก่าแก่ประจำจังหวัดภูเก็ต มีเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาว่าถึงประวัติพระผุด มีเด็กจูงควายไปกินหญ้ากลางทุ่งนา และเอาเชือกผูกล่ามไว้กับพระเกตุมาลา เพราะคิดว่าเป็นไม้ พอกลับถึงบ้านเด็กตาย ควายก็ตาย ต่อมาพ่อของเด็กฝันถึงเหตุที่เด็กและควายตาย เนื่องจากลูกชายเอาเชือกล่ามควายไปผูกกับพระเกตุมาลาของพระพุทธรูปเข้า รุ่งเช้า พ่อของเด็กจึงไปลองขุดดู ก็พบพระพุทธรูปจริงๆ ตามอ่านประวัติเต็มๆ >> http://photoindeed.blogspot.com/2012/09/blog-post_2.html

พระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งทรงเสด็จ ติดที่ผนังโบสถ์

ร้านจ่วนเฮี้ยงติ่มซำ สาขา 2

เราไปถึงก็ 10 โมงกว่าแล้ว ติ่มซำเหลือน้อย แต่ของที่นี่รสชาติอร่อยจริงๆ ตอนแรกสั่งมาแค่นี้คิดว่าน่าจะอิ่ม 555++ ที่ไหนได้ รอบหลังไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลยค่ะ กลัวขาดตอน

และที่ต้องยกนิ้วให้เลยก็คือเมนูขนมจีน-แกงปู อร่อยมากกกกกกกค่ะ

สักการะพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี หรือที่ชาวต่างชาติเรียกกันว่า Big Buddha เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่มีสีขาว ประดิษฐานอยู่บนยอดเขานาคเกิด

และที่นี่ยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองลงไปเห็นเมืองภูเก็ต กะตะ กะรน และท้องทะเลอันดามันด้วยค่ะ

มาถึงแล้วขอแขะภาพสักหน่อย (แหม่ะ สวยกว่าวิวที่นี่ ก็ชะนี จขกท เนี่ยแหละค่ะ 555+)

วัดไชยธาราราม หรือ วัดฉลอง เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีชื่อเสียงของภูเก็ต ถ้าใครมา ภูเก็ตจะต้องมาแวะนมัสการ หลวงพ่อแช่ม แห่งวัดฉลอง ซึ่งมีกิตติศัพท์เลื่องลือเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ นักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันมาทำบุญทั้งไทย จีน ฝรั่งเลยค่ะ

ภายในวัดมี พระมหาธาตุเจดีย์ พระจอมไทยบารมีประกาศ ให้สักการะด้วยค่ะ

เย็นใจแล้ว ได้เวลาเย็นกายแล้วค่ะ

Station ต่อไป "หาดกะตะ"

ซึ่งห่างจากวัดฉลองประมาณ 10 ก.ม. หาดนี้มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ หาดทรายขาว คลื่นไม่แรงมาก

ค่าเตียงคิดตัวละ 100 บาท มีเซิฟบอร์ดให้เช่า ชั่วโมงละ 200 ถ้าจ้างครูสอนเล่น ชั่วโมงละ 1000 การันตีว่าจะยืนได้ใน 1 ช.ม.

ไม่ห่างกันมากนัก มี "หาดกะรน" ส่วนตัวชอบที่นี่ค่ะ สวย มีสวนสาธารณะ มีร้านอาหาร ที่จอดรถ ห้องน้ำให้บริการเป็นสัดส่วน แต่วันที่ไปคลื่นแรง เจ้าหน้าที่ปักธงแดงแจ้งเตือนไม่ให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ เราก็เลยได้แต่ถ่ายรูป

Station ต่อไปเราไปต่อกันที่ย่านเมืองเก่าภูเก็ต หรือ Old town ย่านนี้เป็นแหล่งรวมทั้งของกินเก่าแก่ ร้านขายของที่ระลึกต่างๆ รวมทั้งร้านกาแฟชิคๆ มากมาย

เราจอดรถที่วัดมงคลนิมิตร ก่อนเดินชมสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส ขอทำตัวเป็นคนท้องถิ่นภูเก็ต อยากใส่ชุดยะหย๋า ผ้าปาเต๊ะ ซึ่งมีขายอยู่หลายร้านในย่านนี้ หรือจะเช่าจากร้านโตราคานสโตร์แบบเราก็ได้ ราคาชุดละ 500 บาท ในร้านมีชุดให้เลือกเยอะมาก จะมีพี่ๆ ในร้านคอยให้คำแนะนำและช่วยเลือกแมทซ์ชุดให้เราค่ะ สอบถามรายละเอียดเช่าชุด โทร. 076 214618

ในส่วนของผู้ชายนั้นก็ไม่น้อยหน้าค่ะ ราคาเท่ากัน

ลืมถ่ายรูปหน้าร้านไว้ แต่หาไม่ยากค่ะ อยู่ตรงข้าม เยื้องๆ รูปน้องมาร์ดี เต่าแดงนี้เลย

มาถนนถลาง ย่านแห่ง Street art ทั้งที ต้องมีรูปคู่กับน้องมาร์ดีในชุดเต่าสีแดง โดยภาพนี้สื่อถึงประเพณีผ้อต่อภูเก็ต เป็นประเพณีที่ชาวภูเก็ตออกมาเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับ มีขนมสำคัญในพิธี คือ ขนมเต่าแดงหรือ อังกู๊ เป็นขนมทำด้วยแป้งข้างในมีไส้ถั่วเขียว ทาสีแดงตกแต่งเป็นรูปเต่า

ขนมเต่าสีแดง เครื่องหมายแห่งการมีอายุยืนและสัญลักษณ์สำคัญของเทศกาล ตรงหางเต่ามีคำว่า “สมหวัง” อยู่ ใครมาเห็นตัวนี้คงสมหวังกลับไปแน่นอนค่ะ

เดินต่อค่ะ

ตึกรามบ้านช่อง

“พิพิธภัณฑ์ไทยหัว” จากโรงเรียนสอนภาษาจีนในอดีตสู่แหล่งเรียนรู้ชุมชน ที่จะบอกเรื่องราวประวัติความเป็นมาของชาวจีนที่อพยพมาสู่เกาะแห่งนี้ (ค่าเข้าชม คนละ50 บาท)

นอกจากนั้นยังมีชุดบะบ๋า ยะหย๋าแบบโบราณให้ดูด้วยค่ะ

รถโดยสารประจำทางลักษณะแบบนี้ เหมือนจะมีเฉพาะที่ภาคใต้

ร้าน "โกปี้เตี่ยม" ร้านเก่าแก่ย่านนี้

“โกปี้” แปลว่า กาแฟ “เตี่ยม” แปลว่า ร้าน หรือสภากาแฟของคนย่านนี้ในยุคนั้น แต่ตอนนี้ขายอาหาร ของว่าง ขนมหวานด้วยค่ะ อร่อยนะอย่าลืมแวะชิมกัน

"โกปี้อ๊อ" หรือกาแฟดำ

มาภูเก็ตทั้งทีจะขาดเมนูนี้ได้อย่างไร "ผัดหมี่ฮกเกี้ยน"

กว่าจะได้กินแต่ละที ไม่ใช่ว่าแม่ครัวทำนานนะคะ เซ่นสรวงเทพเจ้า IG Facebook กันก่อนค่ะ 555+

ตบท้ายด้วยขนมหวานของคนภูเก็ต ที่ต้องมากินให้ได้ เพราะ "โอ๊ะเอ๋ว" นั้นหากินได้ที่ภูเก็ตที่เดียวเท่านั้นจ้า

"โอ๊ะเอ๋ว" คือเมล็ดพันธุ์พืชชนิดหนึ่ง นำมาแช่น้ำแล้วใช้เมือกของมันมาผสมกับเมือกของกล้วยน้ำว้า ใส่เจี่ยกอเพื่อให้โอ๊ะเอ๋ว เกาะตัวเป็นก้อน รูปร่างหน้าตาคล้ายกับวุ้น มีสรรพคุณแก้ร้อนใน รับประทานกับน้ำแข็งไสและผลไม้ เหมาะกับอากาศร้อนๆแบบนี้นักแหละ หน้าตาก็จะน่ากินประมาณนี้

กินอิ่มแล้วเดินต่อค่ะ

"บ้านชินประชา"

ที่นี่เก็บค่าเข้าชม คนละ 100 บาทค่ะ มีชุดบะบ๋า-ยะหย๋า ให้เช่าด้วย ชุดละ 500 บาท เผื่อใครอยากใส่ถ่ายรูป

ของเราเช่าชุดจากที่อื่นมา เค้าคิดค่าเข้า 300 บาท (ไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆ โดนเก็บแบบนี้กันไหมคะ คือเราแอบสงสัยเพราะไม่มีบัตรเข้าชมหรือใบเสร็จอะไรให้เราเลย ไม่มีป้ายประกาศอะไรด้วย แต่ก็นะ ไหนๆ ก็ตั้งใจมาแล้ว ก็ต้องจ่ายค่ะ555+ อุทิศตนเป็น case study ให้เพื่อนๆแล้วกันนะว่าใส่ชุดยะหย๋าเข้าไปแล้วต้องจ่าย 300 เด้อ )

"บ้านชินประชา" เป็นบ้าน ชิโน-โปรตุกีส หลังแรกของจังหวัดภูเก็ต มีอายุร้อยกว่าปี เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นไม้ลงรักปิดทองของบรรพบุรุษที่ตกทอดกันมาจากเมืองจีน ของตกแต่งก็จะเป็นของเก่าหายาก

เปิดให้เข้าชมเฉพาะด้านล่าง ซึ่งจะแบ่งออกเป็นห้องโถง

ห้องนอน

และห้องครัว

ส่วนที่เราชอบที่สุดคือตรงกลางบ้านมีบ่อน้ำ ที่ออกแบบให้มีช่องแสงสว่างส่องลงมา เรียกกันว่า “ฉิ่มแจ้”

นั่งกันตรงนี้นานเลยค่ะ เย็นสบายดี

ที่ย่านเมืองเก่าแห่งนี้ มีมุมน่ารักๆ ให้ถ่ายรูปหลายมุมเลย แล้วแต่จะรังสรรค์กันเลยค่ะ

เดินกลับมาเอารถที่วัดมงคลนิมิตร เจอพระบรมฉายาลักษณ์และพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ใกล้ๆ

ภายในวัดเป็นพื้นที่ติดกับโรงเรียน เรากลับมาตอนโรงเรียนเลิกพอดี ลูกชิ้นทอด ไก่ทอด ขนม นม เนย สารพัด มีขายให้น้องๆ นักเรียน นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ตอน จขกท เป็นเด็กยังไม่มีเครปเลยนะ 555+

ออกจากย่านเมืองเก่า จุดสุดท้ายที่จะพาไป ร้านขนมจีนสะพานหิน ได้ยินมาว่าขนมจีนน้ำยาปูอร่อย

แล้วก็ไม่ผิดหวังจ้าาาา

ขนมจีนน้ำยาปู 40 บาท
ขนมจีนแกงไตปลา 30 (ทุกน้ำยาราคานี้ ยกเว้นปู กับเขียวหวานไก่)
ไก่ทอดน่อง 35 ปีก 25 บาท
ห่อหมก 15 บาท
ทอดมัน 20 บาท
ไข่ต้ม 10 บาท

ส่วนผักฟรีจ้า

เป็นหนึ่งวันที่แสนยาวนานมากกกกกกกกก ได้ทั้งกิน เที่ยว ทำบุญ ได้นุ่งผ้าสวยๆ ด้วย

ไม่รู้สินะ ส่วนตัวแล้วอยากเห็นคนไทยใส่ชุดพื้นเมืองเดินเล่น เหมือนที่คนญี่ปุ่นใส่กิโมโน ยูกาตะ เราว่าคงน่ารักดี บ้านเราเมืองเรามีชุดสวยๆ แต่ละท้องถิ่นเยอะแยะ แล้วเจอกันทริปหน้า บ๊ายบายจ้า