วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า



เหตุเกิดจากอะไรก็ไม่รู้ อารมณ์อยากลองเดินป่าหน้าฝน อยากเจออะไรที่เขียวๆ แล้วบังเอิญไปเจอรีวิวภูสอยดาวที่มีดอกหงอนนาคสีม่วง ณ ลานสน (เห้ยทำไมมันสวยจัง) พอดีกับเพื่อนที่จัดทริปนางบอกมีคนเทและนางบอกว่าเดินชิลชิล ไปได้ๆ เราเลยSay yes อย่างไว นึกในใจถ้าเราได้ไปยืนถ่ายรูปสวยๆ ณ ดงดอกหงอนนาค คงจะฟินมากเลยนะ (อันนี้คือสิ่งที่คิดและโม้กับเพื่อนไว้555) โถโถโถตามไปดูสิ่งที่ได้กันค่ะ



เรานัดรวมพลคนแปลกหน้าทั้ง 12 คน ที่ บขส ใหม่พิษณุโลก จากชลบุรีถึงพิษณุโลกก็ประมาณ เกือบๆ ตี 4 เดินทางโดยรถทัวร์ของนครชัยแอร์ พอถึงก็ล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมตัวเดินทางต่อ ด้วยรถ 2 แถว ที่หัวหน้าทริปมินมิน เป็นธุระในการติดต่อไว้



เดินทางต่อเพื่อไปอุทยานแห่งชาติระยะทางจากที่นี้ไปก็ประมาณ 200 โลได้ แต่วิวระหว่างทางก็จะเป็นทุ่งนา ไร่ข้าวโพด และทิวเขา มองแล้วก็สบายตาดี แต่ฝุ่นเยอะไปหน่อย ถ้าจะนั่ง 2 แถวเราแนะนำควรพกผ้าปิดจมูกสะหน่อยนะคะ กรุ๊ปเราแวะตลาดก่อนเพื่อเตรียมเสบียง เช้า เที่ยง และเย็น (ควรเตรียมน้ำดื่ม ลูกอมหวานๆ ขนมที่ให้พลังงาน เพราะบนนั้นไม่มีอะไรขายนะคะ ทุกอย่างต้องเตรียมเอง )ส่วนน้ำบนภูมีน้ำฝนให้ดื่ม ถ้าไม่พอก็ดื่มน้ำฝนได้คะ



มาถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ประมาณ 9 ได้ เราก็แยกของที่จะจ้างลูกหาบแบกขึ้น และของที่จะแบกขึ้นเอง เรานั้นแบกเองแค่น้ำดื่ม ขวดลิตร 3ขวด (จริงๆจะเอาแค่2แต่พี่ๆเขาเตือนว่าไม่พอ เราก็เชื่อผู้หลักผู้ใหญ่ไว้ก่อน) แบกไป 3 กินเองไปแค่2 ทั้งไปและกลับ 2ขวดพอ (เรากินน้อยมั้ง) สิ่งที่แบกอีกก็คือกล้อง ข้าวมื้อเที่ยง และที่ขาดไม่ได้เลยคือขนมมมมมมม จัดการจ้างลูกหาบเสร็จแล้ว ก็นั่งรถของอุทยานไปยังจุดที่เริ่มเดิน นั้นคือ น้ำตกภูสอยดาว



สภาพตอนนี้พร้อมค่ะ พร๊อพแน่น หน้าแน่นมากกกก

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จะเริ่มต้นเดินจาก" น้ำตกภูสอยดาว '' และไปสิ้นสุดที่จุด ผู้พิชิตภูสอยดาว หรือลานสน ที่ระดับความสูง 1,633 เมตร จากระดับน้ำทะเล (จริงๆมันขึ้นไปบนยอดได้ แต่ช่วงนี้ยังไม่เปิด) ระยะทางเดินประมาณ 6.8 กม. (ทำไมตอนเดินมันเหมือน10 กิโลเลยฟร่ะ)

ทางจะแบ่งออกเป็น 5 ช่วง มีชื่อเรียกว่าเนิน ( เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ)



ก่อนเดินก็เก็บภาพกันหน่อย คนแปลกหน้าทั้ง 12 คน (ขาดคนถ่ายไป 1 นะคะ)

ช่วงแรกยังชิลชิล แบกกล้อง ลั่นชัตเตอร์กันไป เดินไปฟังเสียงน้ำตกกันไป

ทางที่เราเจอในช่วงแรกๆ ก็จะเป็นบันได ทางราบ ทางเละๆ ทางที่ต้องข้ามสะพาน ฝึกการทรงตัวกันไป

ธรรมชาติสวยงามเสมอ ช่วงนี้เจอไรก็ถ่าย แรงยังเหลือเยอะอยู่ (เดินชิลๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ โมเม้นนี้โคตรชอบเลยนะ)

ดอกอะไรไม่รู้ เครดิต : มินมิน



เห็ดเกิดจากความเหงา เลยมาหาเขานี่งาย (อ้าวไม่ใช่ล่ะ555)

เครดิต : ต๋องต๋อง


อยากเดินแบบนี้ ชอบเดินแบบนี้ เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก

เครดิต : มินมิน

ถึงเนินปราบเซียน นังเพื่อนตาลก็โดนตะคริวกิน ตาลผู้ได้รับฉายา " ตาล 5 ก้าว " ผู้ที่คนทั้งภูรู้จัก ก็มันเล่นเป็นตะคริวทุกๆ 5 ก้าว แล้วก็ และเป็นตรงไหนก็นอนตรงนั้น ลูกหาบที่เดินผ่านก็ต่างแวะให้ยา เราก็นวด ดัด เหยียบ ลากมันไป(กลับไปนี่คิดว่าเปิดร้านนวดได้ล่ะ) เกือบไม่รอด 555

ในที่สุดนางก็รอดมาถึงเนินมรณะ ล้มลุกคลุกคลานกันไป ไม่รู้จะขำ หรือสงสารมันดี ได้แต่คุยกันว่า นี่กับกูมาทำอะไรกันที่นี้ นอนอยู่บ้านดีดีไม่ชอบ อยากมาลำบากลำบน

ใกล้ถึงล่ะ อีกนิดเดียว(หราาาาา) แต่เนินนี้ชันมาก ยืนมองแล้วเฮ้อออออ.........สมกับชื่อเลยเนินมรณะ

เครดิต : มินมิน



ถึงเนินมรณะ มีฝนตกปรอยๆมา พอฝนหยุดก็เจอหมอก โอ้โห แม่เจ้าาาาา..... มันสวยมากกกกกกกก... ตอนนี้คือรู้ล่ะว่าที่เราลำบากมานี่เพื่อไร คุ้มแล้วแหล่ะที่ได้เจอธรรมชาติสวยๆแบบนี้ ลั่นชัตเตอร์เก็บบรรยากาศกันไป



มองด้วยตาสวยกว่าในรูปอีกนะยูว์......

เครดิต : ต๋องต๋อง



รางวัลของคนเดินช้า มาถึงจุดชมวิวตอนที่พระอาทิตย์กำลังตกพอดิบพอดี ก็จะได้รูปประมาณนี้คะ มองด้วยตานี่สวยกว่านี้มากมาย อยากดูต้องไปภูสอยดาวนะฮ่ะ

อารมณ์นี้ถ้ามีคนนั่งข้างๆ มันจะดีขนาดไหนน๊าาาาาาา (งานมโนก็มา ด่าได้แต่อย่าแรง)



ในที่สุดก็มาถึงลานสน ณ เพลาเกือบๆ 6 เย็น คนอื่นเขาจะนอนกันแล้ว ธรรมาดาโลกไม่จำ คนอื่นๆ เดิน 5-6 ชม. เราหรอเอา8 ไปโล้ดดดดดด ดอกหงอนนาคที่ใฝ่ฝันอยู่ไหนล่ะ หุหุ

ตอนเดินๆอยู่เนี่ยกังวลมากว่าจะมืดแล้วเดินก็ยังไม่ถึง เต้นท์ก็ยังไม่ได้กาง แทบจะร้องไห้เลยทีเดียว พอเดินมาถึงจุดกางเต้นรท์ พี่ๆที่ไปถึงและรอเรานานมากโขแล้วนั้น ได้จัดการกางเต้นท์และทำอาหารรอเราไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอบคุณมากๆนะคะ

ตากล้องเทพๆ และพ่อครัวผู้เสียสละ ได้ยินเสียงแว่วๆว่า อดไปถ่ายพระอาทิตย์ตกดินเลย เพราะกลัวน้องๆที่มาทีหลังหิว เลยทำอาหารไว้รอ อยากบอกว่ากะหล่ำปลีอร่อยเหาะ ขอบคุณสำหรับอาหารนะคะ (ปล ไม่ได้ถ่ายอาหารกันเลยเพราะหิวโหยมากมาย)

มื้อนี้กินข้าวไปพร้อมกับสายฝน ก็เราดันไปช่วงที่พายุเข้าต้องทำใจ หมดไปหนึ่งวันแบบไม่ได้รูปดแกหงอนนาคที่คิดไว้เลย ความรู้สึกเหมือนเปลี่ยนที่นอน เปลี่ยนที่กินข้าว โคตรคูลพูดเลย 555

มาต่อวันที่ 2 กันค่ะ (9 กันยา 2561)



กู๊ดมอนิ่ง ตอนเช้าฝนยังตกอยู่เลย (ตกทั้งคืนยังไม่พออีกหรอ) อาบน้ำแปรงฟันกัน บนภูสอยดาวมีห้องน้ำ แต่น้ำต้องไปตักเองที่ลำธาร น้ำก็จะขุ่นๆหน่อยนึงนะ เพราะว่าทริปนี้คนไปเยอะมาก ยังกะตลาดนัดเลยทีเดียว อาบน้ำกินข้าวเก็บเต้นท์ เตรียมของ เตรียมเดินลง



จุดนี้ที่ต้องไปถ่ายรูป ที่ทุกคนไม่ควรพลาด เราหรอ 555 ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ไปคร่าาาา งานขโมยรูปพี่ๆมาลง

เครดิต : พี่โอ๊ต พี่หญิง



ไปดูดอกหงอนนาคที่เราโม้ไว้กันดีกว่า ยืนงงๆ ในดงดอกหงอน ไม่...ไม่...ไม่มีตรูเลยสักรูป เฮ้อออออ



เครดิต : โจโจ้



ไม่มีรูปเรามีรูปเพื่อนก็ยังดี



ขากลับเราออกเดินก่อนพี่ๆ เพราะกลัวถึงช้า สามสหายมือใหม่

ขาลงใช้เวลาเดินประมาณ 4 ชม เดินลงนี่ชิลชิลนะ แค่เจ็บเท้าที่รองเท้ากัดแค่นั้นแหล่ะ สตั้นดอยกันลื่นได้ดีทีเดียว แต่ควรใส่ถุงเท้าที่หนามากๆ มีคนเตือนเราแล้ว (แต่เราดื้องาย) กัดน้ำระบมเลย



เส้นทางเดินป่า ภูสอยดาว สำหรับเราเราคิดว่าค่อนข้างถึก...เห้ยยยย ค่อนข้างยาก ควรฟิตร่างกายสักนิดก่อนที่จะไปเดิน โชคดีที่เราสควอชและวิ่งอยู่ทุกอาทิตย์ ไม่งั้นคงตะคริวกินไปแล้วววววววววววว

การเดินป่าในครั้งนี้ก็ทำให้เราหลงเสน่ห์ของการไปหาเขาเข้าแล้วสิ เสน่ห์ของมันก็คงอยู่ที่ความลำบาก ฝึกความอดทน ได้อยู่กับตัวเอง ได้สัมผัสธรรมมชาติแบบใกล้ชิด ได้มิตรภาพใหม่ๆ จากคนแปลกหน้า ก็จะกลายมาเป็นพี่ๆเพื่อนๆ น้องๆ ผู้ร่วมทริปในครั้งต่อๆไปอีก อยากของคุณคนแปลกหน้าทั้ง 12 นะคะ ที่ทำให้ทริปเดินป่าครั้งแรกของเราเต็มไปด้วยความสนุก ความสุข และรอยยิ้ม หวังว่าเราจะได้เจอกันในทริปต่อๆไปอีกน๊าาาาาาาา



สรุปค่าใช้จ่าย



รถทัวร์นครชัยแอร์ ชลบุรี-พิษณุโลก 405+405 = 810 บาท

ค่ารถเหมาจาก บขส ไปอุทยาน 4000/12 =333 บาท

ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท

ค่ากางเต้น 30 บาท

ค่าลูกหาบส่วนกลาง 120+120 = 240

ค่าอาหารส่วนกลาง ประมาณ 70 บาท

ค่าอาหารส่วนตัวประมาณ 300 บาท

ค่าลูกหาบส่วนตัว 150+150= 300 บาท



*** รวม ประมาณ 2123 บาท ***

Yuphawan Cheunuthai

 วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.31 น.

ความคิดเห็น