มันเริ่มจากอยากจะพาแม่ไปทะเลทรายสักครั้งในชีวิต แต่จะให้บินไปไกล ๆ ก็คงไม่ไหว ด้วยงบประมาณและการเดินทางที่ออกจะเหน็ดเหนื่อยเกินไป ก็เลยเริ่มหาข้อมูลว่ามีที่ไหนพอจะมีทะเลทรายบ้าง จนมาพบเจอว่านี่ไง มุ่ยเน่ เวียดนาม ด้วยเส้นทางการเดินทางไปมุ่ยเน่ แล้วต้องมีไปตากอากาศหนาวต่อที่เมืองดาลัด เลยทำให้เกิดทริป "การเดินทางพาแม่ตะลุยมุ่ยเน่ & ตากอากาศที่เมืองดาลัด" ซึ่งแน่นอนการเดินทางไปกับผู้สูงวัยนั้น เราต้องจัดทริปให้มันสะดวกสบายนิดนึง เพราะฉะนั้นเราจึงเลือกเดินทางด้วยรถบัสนอนไปที่เมืองมุ่ยเน่ ต่อจากมุ่ยเน่ไปดาลัดด้วยรถบัส แต่ขากลับเลือกนั่งเครื่องจากดาลัดกลับมาที่โฮจิมินห์เพื่อบินกลับประเทศไทย ทีแรกคิดว่าจะต้องหมดหลายหมื่นแน่นอน เพราะตลอดทริปใช้ทัวร์ท้องถิ่น และนั่งแท๊กซี่ตลอด แต่พอกลับมากดเครื่องคิดเลขแล้วจะต้องตกใจอย่างแรง เพราะหมดไปไม่ถึงหมื่นเลยต่อคน ไปดูกันเลยดีกว่าว่างบหลักพัน ได้วิวหลักหมื่นมาได้อย่างไรบ้าง

เริ่มจากงบประมาณคร่าว ๆ ดังนี้

- ค่าตั๋วจาก กรุงเทพ-โฮจิมินห์ คนละ 3,000 บาท (ราคาโปรโมชั่นได้มาประมาณสองพันปลาย + ค่าอาหารบนเครื่อง)

- ค่าตั๋วขากลับจากดาลัด - โฮจิมินห์ คนละ 750 บาท

- ค่าโรงแรมที่มุ่ยเน่ 1 คืน คนละ 542 บาท

- ค่าโรงแรมที่ดาลัด 2 คืน คนละ 1385 บาท

- ค่าทัวร์ที่มุ่ยเน่ คนละ 300 บาท

- ค่าทัวร์ที่ดาลัด คนละ 450 บาท

- ค่ารถบัส + อาหาร + ของฝากอื่น ๆ (รวมซีฟู๊ดมื้อใหญ่ที่มุ่ยเน่) คนละ 3,000 บาท

รวมค่าใช้จ่ายต่อคน 9,427 บาท

มาดูกันว่า เงิน 9,427 บาท คุณจะได้รับอะไรบ้าง วิวหลักหมื่นแบบไหนไปชมกันเลยจ้า วิวนี้ขอเน้นภาพไม่เน้นเนื้อหา เนื่องจากไปมานานพักหนึ่งแล้ว แต่สัญญาว่าถ้าเป็นทริปใหม่ จะขอรีวิวเล่าเรื่องแบบโหดมันส์ฮา เกาะติดทุกประเด็นการเดินทางจ้า

เริ่มต้นทริปจากบินจากกรุงเทพ-โฮจิมินห์ จากนั้นนั่งรถบัสจากสนามบินเข้าไปในเมือง

(รายละเอียดหากใครต้องการข้อมูลหลังไมค์มาได้นะคะ) แล้วต่อรถบัสนอนจากโฮจิมินห์ไปมุ่ยเน่

เมื่อถึงมุ่ยเน่ รถบัสจอดส่งเราที่หน้าโรงแรมเลย เพราะเราเอาชื่อโรงแรมให้เขากับเขา ที่พักเป็นโรงแรมเล็กหน้าหาด (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา) หลังจากพักผ่อนเสร็จก็มองหาที่กิน Lobster ว่ากันว่ามาถึงมุ่ยเน่ จะไม่กินไม่ได้จ้า


"สั่งอาหารมาสองสามอย่าง มีปลาด้วย หมดค่าเสียหายไปเพียงเก้าแสนกว่าเท่านั้น"

จากนั้นก็เริ่มเช้าอีกวันด้วยการท่องเที่ยวไปกับรถจิ๊ป ที่มารับตั้งแต่ตีสี่กว่า ๆ เพื่อเดินทางไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลทราย โดยในทัวร์จะมีโปรแกรมพาเราไป White Sand Dunes, Red Sand Dunes, Fishing Village, Fairy Stream โดยทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง โดยค่าทัวร์อยู่ที่คนละ 8 เหรียญเท่านั้น

"นั่งรอชมพระอาทิตย์ขึ้น"

กว้างใหญ่เพียงไหน สังเกตจากตัวคนเล็กนิดเดียว


นางฟินมากกับการเล่นทราย

"หมู่บ้านชาวประมง ในยามเช้า"

หลังจากจบทริปในช่วงเช้า ช่วงบ่ายก็เตรียมตัวออกเดินทางไปเมืองดาลัด โดยรถบัสจะมารับที่หน้าโรงแรมเลยจ้า ถนนหนทางที่เดินทางไปนั้นอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็ได้ประสบการณ์ไปอีกแบบนึง จากนั้นเราก็เดินทางถึงดาลัด ให้ความรู้สึกที่แตกต่างมาก ๆ เพราะว่าอากาศที่ดาลัดนั้นเย็นสบาย เป็นเมืองในหุบเขา เราพักกันที่โรงแรมยอดฮิตของคนไทย ที่อยากจะแนะนำมาก ๆ ทั้งสะอาด ห้องพักสวยงาม และที่สำคัญเดินไปเที่ยวตลาดกลางคืนได้ไม่ไกลมาก ขอแนะนำ Tulip Hotel

"ห้องพักกว้างมาก ๆ"

"ตกแต่งสวยงาม ดูหรูในราคาคืนหลักพันเอง"

และแล้วเวลาอาหารเย็นก็มาถึง เราสองแม่ลูกก็ไม่ช้า ได้เวลาตะลุยตลาดกลางคืนของที่นี่ ซึ่งคึกคักไม่ต่างจากตลาดไนท์บราซ่า บ้านเราเลยทีเดียว

เช้าวันใหม่ เราก็ได้ทำการจองทัวร์แบบ One day trip ซึ่งสะดวกที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวในดาลัด ซึ่งในทริปก็พาเราไปแทบจะทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น พระราชวังฤดูร้อนของพระเจ้าเบ๋าได๋, Crazy House, สวนพฤกษชาติแห่งเมืองดาลัด, ขึ้นกระเช้าชมทะเลสาบเตวียนหลาม , วัดจุ๊กล้ม และเราได้ขอกลับเองเมื่อจบโปรแกรมที่สุดท้ายคือ Crazy House เพื่อเดินไปชมโบสถ์ดาลัดก่อน แล้วค่อยนั่งแท๊กซี่กลับโรงแรมเอง

สวนพฤกษศาสตร์เหมาะสำหรับคนชอบถ่ายภาพ เพราะมีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายเยอะจริง ๆ

"Crazy House"


"ถ้าคนชอบแบบตื่นเต้น ไม่กลัวความสูง เชิญได้ที่นี่เลย"


"โบสถ์ดาลัด"

สองคืนที่ดาลัดกับรรยากาศสุดฟิน แล้วเราสองแม่ลูกก็บินกลับไปที่โฮจิมินห์ เนื่องจากไฟลท์บินมันเป็นค่ำ ๆ ทำให้มีเวลาเก็บตกโฮจิมินห์อีกหนึ่งวันพร้อมทั้งซื้อของฝากที่ตลาดได้ด้วย

"เก็บตกโฮจิมินห์"

"เก็บตกโฮจิมินห์"

เดอะ Traveller

 วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 20.43 น.

ความคิดเห็น