รีวิวการเดินทางจากโตเกียวไปซัปโปโรด้วยรถไฟความเร็วสูง และนอนบนรถ Hamanasu ค่ะ (ปัจจุบันรถไฟความเร็วสูงต่อยาวรวดเดียวแล้ว)


เริ่มจากเมื่อไปถึงสนามบินนาริตะในวันแรกเราเปิดใช้ JR Pass และทำการจองรถตามนี้


ขั้นตอนการเตรียมตัวของเราคือเข้าเว็บ http://www.hyperdia.com/en/


ใส่ต้นทางและปลายทาง ใส่วันที่และเวลา

ตามแผนของเราคือออกจากโตเกียวตอนเย็นๆ เพื่อนอนบนรถไฟประหยัดค่าที่พักหนึ่งคืน

(ซึ่งรถไฟนอนนี้กำลังจะหมดแล้วนะคะ เนื่องจาก Shinkansen ที่จะเปิดยาวถึงฮอกไกโด)

พิมพ์หน้าจอนี้ออกมา วงขบวนที่ต้องการจองแล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่ที่ทำการจอง บอกว่าที่ที่จะเดินทางวันไหน

แล้วเราก็จะได้ตั๋วมาหน้าตาแบบนี้


ที่ต้องจองที่นั่งขบวนแรก Shinkansen จาก Ueno -> Shin Aomori


ที่ต้องจองขบวนที่สองรถ Hamanasu จากสถานี Aomori -> Sapporo


โดยสำหรับ Shinkansen ที่โตเกียวสามารถขึ้นได้ที่ต้นทางคือสถานีโตเกียว หรือเลือกขึ้นที่สถานีอุเอโนะแบบเราก็ได้ ถ้าแนะนำคิดว่าขึ้นต้นทางน่าจะดีกว่า เนื่องจากการขึ้นกลางทางรถจะแวะจอดรับแค่แป๊ปเดียว ต้องเตรียมตัวให้พร้อม

ตอนเช้าวันเดินทางออกจากที่พักเอากระเป๋ามาฝากล็อกเกอร์ โดยจุดที่เราฝากเลือกตรงใกล้ๆ ทางเข้า Shinkansen ค่าฝากแล้วแต่ขนาดของตู้ อย่างตู้นี้ใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ได้ ราคา 600 เยน จ่ายโดยเหรียญ 100 เยน เท่านั้น (สำหรับล็อคเกอร์บางที่จะมีที่ใช้ Suica จ่ายได้)


บรรยากาศรอบๆ บริเวณตู้ล็อคเกอร์

จะเห็นลูกศรและป้ายเขียวๆ บอกว่าเป็นทางไปทางเข้า Shinkansen


หลังจากเที่ยวโตเกียวทิ้งทวนจนเรียบร้อย เดินทางกลับมาไขล็อคเกอร์ ลากกระเป๋าเข้า Shinkansen


ถ้าใครขึ้นที่สถานีอุเอโนะ รอที่ชานชลาที่ 20 ตามรูปนะคะ เพื่อขึ้นรถ Shinkansen จาก Ueno -> Shin-Sapporo

หน้าตาขบวน Hayabusa 31 ของเรา (แต่ภาพนี้ถ่ายขากลับนะคะ ขาไปไม่สามารถจริงๆ)


สำหรับสถานีกลางทางแบบเรา รถจะแค่แวะจอดรับแล้วก็ออก ฉะนั้นเมื่อใกล้เวลา ดูที่ตั๋วของเราว่าต้องขึ้น Car ไหน แล้วดูที่พื้นเลยนะคะ ว่ารถขบวนเราอย่าง Hayabasu จะเป็นสีเขียว ก็หาเส้นสีเขียวที่ระบุตู้ตามในตั๋วเรา แล้วยืนรอได้เลย



เมื่อไปถึงสถานี Shin-Aomori รถจะเข้าที่ชานชลาที่ 14 ดังรูป เราต้องเดินไปชานชลาเลข 1 หรือ 2 เพื่อต่อรถ JR Ou Line ไปสถานี Aomori เพื่อต่อรถกลางคืน (ใช้ JR Pass ไม่ต้องเสียตังค์เพิ่มเช่นกัน)


เรามีเวลาในการเดินเปลี่ยนชานชลาประมาณ 9 นาที ตามตารางจาก Hyperdia เลยต้องเร่งหน่อย

ขึ้นรถซึ่งแน่นพอตัว เลยไม่มีบรรยากาศที่สถานี Shin-Aomori


เมื่อไปถึง Aomori จะลงที่ชานชลาที่ 5 เดินขึ้นบันไดเลื่อนและไปลงบันไดเลื่อนข้างๆ รถไฟ Hamanasu จะจอดรออยู่ที่ชานชลาที่ 3

ตรงนี้ไม่ไกลพอมีเวลาให้หายใจ และลากกระเป๋าสบายๆ



ภายในรถ Hamanasu เราจองตู้แบบ Dream Car สามารถปรับเอียงได้เกือบนอนอยู่เหมือนกัน


หลับๆ ตื่นๆ มีลงและขึ้นเยอะๆ ที่สถานี Hakodate แล้วก็หลับต่อถึงซัปโปโรตอนเช้าตรู่

เวลาทั้งคืนผ่านไปบนรถไฟ Hamanasu เสียดายไม่รู้ตัวตอนมุดใต้ท้องทะเล

เมื่อมาถึงสถานีซัปโปโร ก่อนเดินทางเอากระเป๋าไปฝากที่พัก ก็เริ่มจากซื้อตั๋วรถกันก่อน


สำหรับการเดินทางในซัปโปโร มีทั้ง subway รถราง และรถบัส เนื่องจากวันนี้เราจะทัวร์ทั่วๆ เมืองซัปโปโรจึงเลือกซื้อ 1-day ticket โดยสำหรับวันธรรมดาจะราคา 830 เยน สำหรับวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดพิเศษราคา 520 เยน โดยตู้จะอัตโนมัติตามวันที่ซื้อ อย่างวันที่ไปเป็นวันอังคาร แต่ตู้ขึ้นราคาตั๋วรายวัน 520 เยน เราก็งงกลัวผิด จนต้องถามเจ้าหน้าที่สถานีสรุปก็ราคานี้แหละ จนต้องมา Google ดูถึงรู้ว่า อ๋อวันนี้มันวันหยุดพิเศษของเขา ไม่น่าล่ะเอาซะงง


สรุปวันนี้เราเลยได้ซื้อ Donichika Ticket (One-day Subway Pass for Weekends and Holidays) ราคา 520 เยน หน้าตาแบบนี้


แต่ถ้าเป็นวันธรรมดาจะเป็นตั๋ว One-Day Ticket for Subway Use

หน้าตาแบบนี้ ราคา 830 เยน


วิธีใช้คือใส่ด้านที่เป็นลูกศรเข้าเครื่อง และหยิบคืน แบบตั๋วรายเที่ยว

เมื่อซื้อตั๋วรายวัน ขาออกพอเสียบเข้าเครื่องแล้วอย่าลืมหยิบคืนนะคะ ถ้าลืมหยิบคืนเครื่องจะค้างบัตรให้ไม่นานแล้วจะดูดเข้าเครื่องไป ต้องไปกดซื้อใหม่ ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นได้ บางทีเบลอๆ นึกว่าซื้อตั๋วเที่ยวเดียว ทิ้งตั๋วรายวันให้เครื่องไปซะได้


พอเสียบเข้าเครื่องแล้ว ตั๋วจะโดนประทับวันที่ (สำหรับ Donichika ประทับเวลาใช้ครั้งแรกมาให้ด้วย)

เพื่อบอกว่าตั๋วนี้เริ่มใช้แล้ว แล้วใช้ต่อไปได้จนหมดวันแค่นี้ก็พร้อมเที่ยวซัปโปโรแล้วค่ะ


ติดตามการท่องเที่ยวของเราได้ที่ https://www.facebook.com/whenigoto

และ https://www.whenigoto.com


whenigo

 วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 17.19 น.

ความคิดเห็น