S a p p o r o


สำหรับแผนที่ใจกลางเมืองซัปโปโร สำหรับวางแผนการท่องเที่ยวโหลดได้จาก

http://www.welcome.city.sapporo.jp/img/map-pdf/th/2014/central_sapporo_map_th.pdf

สำหรับที่พักที่เราพักกันที่ซัปโปโรคือ International Hostel Khaosan Sapporo

เราไปกัน 6 คน เลือกห้องรวมห้องใหญ่ ห้องแคบไปซักหน่อย แต่สำหรับราคาที่ถูกตกคนละ 500 กว่าบาทต่อคนต่อคืน

ถือว่าโอเคทีเดียว เดินจากสถานี susukino สบายๆ แต่อาจจะเหนื่อยถ้ามีกระเป๋าใหญ่ๆ นะคะ


หน้าตาห้องพักค่ะ

รูปจากบุ๊คกิ้งดอทคอม


สำหรับใครที่อาจจะมีปัญหาเรื่องห้องน้ำไม่พอ เนื่องจากห้องพักมีห้องน้ำรวมด้วย ช่วงเวลาเร่งรีบบางส่วนก็ออกไปใช้ห้องน้ำรวมค่ะ สะอาดสะดวกสบาย เพราะชั้นนึงมีห้องไม่กี่ห้องเท่านั้น


รายละเอียดหากใครต้องการพักที่นี่นะคะ

http://khaosan-sapporo.com/th/access-2


ถ้าใครเดินทางถึงแต่เช้าแบบเรา เคาท์เตอร์โฮสเทลจะยังไม่เปิดนะคะ เคาท์เตอร์จะเปิดประมาณแปดโมงเช้า เราเลยได้แต่เอากระเป๋าไปทิ้งไว้แล้วออกมาหาอะไรกินกันก่อน


สำหรับแผนการเดินทางของแต่ละวันในฮอกไกโด

วันที่ 1 : Nijo Fish Market / Maruyama Park + ศาลเจ้าฮอกไกโด /

มหาวิทยาลัยฮอกไกโด / Former Hokkaido Government Office / หอคอยนาฬิกาซัปโปโร / ทีวีทาวเวอร์ / ตรอกทานูคิโคจิ

วันที่ 2 : Jozankei

วันที่ 3 : Hitsujigaoka Observation Hill / Otaru

วันที่ 4 : Hakodate

วันที่ 5 : Aomori และกลับโตเกียว


หลังจากเอากระเป๋าใบใหญ่ไปไว้ที่พัก เราก็เดินไปตลาดปลากัน

จากที่พักไปตลาดปลา Nijo คือวงกลมสีแดงในรูป


ถ้าไปโดยการนั่ง subway สามารถขึ้นที่สถานีใดก็ได้ ถ้าจากที่พักสามารถขึ้นที่สถานี susukino และไปลงที่สถานี Odori ออกทางออกที่ 1 แล้วเดินต่อไปประมาณ 2 บล็อค โดยตลาดปลาจะอยู่หัวมุมบล็อคที่ 3


แต่จากการคำนวณตอนนั้นถ้าเดินไปสถานีไปลงอีกสถานีก็ต้องเดินอีก เช้าๆ อย่างนี้เดินจากที่พักเลยแล้วกัน สำหรับที่ซัปโปโรถนนจะเป็นบล็อคๆ ทั้งหมดจึงเดินง่ายเดินไม่นานก็ถึง



ยังเช้าอยู่เลย


อาหารมื้อแรกของเราใช้วิธีเดินไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็เข้าร้านคุณลุงที่มายืนเรียกทักทาย แพ้การเชิญชวน

สั่งไข่หอยเม่นเป็นออเดิฟ ส่วนจานใหญ่มาก็หมดไป ไม่มีรูป ฮ่าๆ


ระหว่างทางที่เดินมาโรยด้วยใบแปะก๊วย

พอกินกันอิ่มก็ได้เวลาคิดว่าเคาท์เตอร์ที่พักคงเปิดพอดี เลยเดินเรื่อยๆ กันกลับที่พัก ทำการเช็คอินพอดีมีห้องว่างไม่ต้องจนบ่ายสามตามเวลาเช็คอินจริง เลยได้เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ และเตรียมตัวเดินทางกันต่อ

จุดหมายต่อไปคือ Maruyama Park และศาลเจ้าฮอกไกโด แต่แผนเดิมที่เดียวตั้งใจไปที่สวนสัตว์ด้วย แต่พอเดินไปเดินมา เพลินกับใบไม้เปลี่ยนสีในสวนจนหมดเวลาไปเยอะ เลยไม่ไปแล้วสวนสัตว์ ^^;


วิธีการเดินทางไป Maruyama Park

นั่งรถ subway สาย Tozai ลงสถานี Maruyama Koen ทางออก 3 เดินตรงไปจะเจอทางเข้าสวน Maruyama


sapporo subway map

เนื่องจากเราออกจากที่พักเลยเดินตรงไปขึ้นที่สถานี T08 นั่งไปลง T06 ออกจากทางออก 3 หันมองทางซ้ายมือก็จะเห็นสวนค่ะ เดินตรงได้เลย

แต่กว่าจะถึงสวนก็ถ่ายใบไม้กันตลอดทาง เป็น 200 เมตรที่เดินนานมาก 55


เข้าไปในสวนแล้วไม่ผิดหวังจริงๆ สวยและเพลินมากๆ 500 เมตรที่จะไปศาลเจ้า หมดไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้



เดินมาตามทางป้ายบอกไปเรื่อยๆ เลยนะคะสำหรับทางไปศาลเจ้า



และแล้วเราก็ถึงศาลเจ้าฮอกไกโด พอดีเก็บกล้องล้างมือเลยใช้มือถือถ่ายมาแทน


ความน่ารักของที่ศาลเจ้าคือเครื่องรางเป็นพวกตุ๊กตาแถมแผ่นป้ายขอพรก็ด้วย


ริลัคคุมะก็มา

เดินจนเมื่อยจนไม่สามารถไปต่อที่สวนสัตว์ได้ นั่งพักซักพักก็เลยกลับเข้าใจกลางเมืองซัปโปโรเพื่อเที่ยวต่อ

เนื่องจากเราออกคนละทางกับเข้ารอบกลับเลยเดินชมโน่นชมนี่กันต่อจนเดินกลับไปขึ้นรถที่ทางเดิมที่สถานี Maruyama Koen เพื่อไปเปลี่ยนสายที่สถานี Odori ไปลงปลายทางสถานี Sapporo

ที่สถานีซัปโปโรเรามาหาอาหารขึ้นชื่อก็ซัปโปโรชิมกันค่ะ คือซุปแกงกะหรี่ ซึ่งจริงๆ มีร้านอยู่ทั่วๆ ไปในซัปโปโรเลย

แต่เราเลือกกินร้านในห้างเพราะสะดวกกับแผนการเดินทาง ซึ่งจริงๆ ร้านที่เราเลือกมีสาขาข้างนอกด้วย

ร้านที่เรามาชิมวันนี้คือร้าน Soup Curry Lavi ที่ห้าง Esta ชั้น 10 โดยห้าง Esta จะตั้งอยู่ตรงสถานี Sapporo เลย



ห้างรอบๆ สถานี


หน้าตาของร้าน

ขอบคุณรูปจาก yachin2go


ขั้นตอนการสั่ง Soup Curry

1. เลือกซุป

2. เลือกระดับความเผ็ด

3. เลือก Topping

4. เลือกปริมาณข้าว


เลือกซุปคือเลือกว่าจะกินเป็นไก่ ฮอทด็อก หมู หรืออื่นๆ ตามเมนูนะคะ เลือกระดับความเผ็ดจะมีแยกเป็น อ่อน กลาง เผ็ด โดยแต่ละระดับจะแยกด้วยตัวเลขอีกที อ่อน 1-5 กลาง 6-10 เผ็ด 11-xx ประมาณนี้ จำแม่นๆ ไม่ได้นะคะ

เลือกท็อปปิ้งก็ได้แก่ผักทั้งหลาย หรือเพิ่มไข่ ฯลฯ และเลือกปริมาณข้าวซึ่งเข้าจะมีเป็นเล็ก กลาง ใหญ่ ในเมนูจะระบุเป็นกรัม


ของตัวเองเลือกเผ็ดระดับกลางประมาณ 6 ข้าวน้อย เป็นซุปน่องไก่หน้าตาประมาณนี้ค่ะ

ลองเทียบกับของเพื่อนๆ ชามขวาที่แดงขนาดนั้นคือระดับ 11 ค่ะ เผ็ดจริงแต่เพื่อนเฉยๆ

รสชาติสมเป็นอาหารขึ้นชื่อค่ะ อร่อยจริงๆ ขนาดไม่ค่อยชอบกินพวกแกงกะหรี่เท่าไหร่

อิ่มหนังท้องตึงแทบไม่อยากไปไหนต่อ 55


แต่เราต้องไปต่อค่ะ อิ่มแล้วเราจะไปมหาวิทยาลัยฮอกไกโดกัน ซึ่งไม่ไกลจากสถานีซัปโปโร สำหรับที่เที่ยวในใจกลางซัปโปโรเดินถึงกันได้หมด เรื่อยๆ ได้เลย

จากสถานี Sapporo เดินไปมหาวิทยาลัยฮอกไกโดประมาณนี้


อุปสรรคอย่างเดียวของการเดินริมถนนคือ ลมหนาวมาก


ที่มหาลัยก็เหมือนเดิมคือเพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งจริงๆ เริ่มร่วมไปเยอะแล้ว แถมหยุดแต่ละจุดนานๆ ด้วยความหลงใหลจนสุดท้ายมืดซะก่อนไม่ได้ไปตรงอุโมงแปะก๊วย แต่เข้าใจว่าน่าจะร่วงหมดแล้ว เนื่องจากรอบๆ ค่อนข้างโล่ง

เรามาช้ากว่ากำหนดวันปิดถนนชมแปะก๊วยอาทิตย์กว่าๆ ทีเดียว



เนื่องจากช่วงที่ไปก็เริ่มมืดเร็ว ประมาณ 4 โมงกว่าๆ ก็เริ่มมืดแล้ว ก็เลยออกจากมหาวิทยาลัยเดินต่อไปแลนด์มาร์คจุดต่อๆ ไป

ออกจากมหาวิทยาลัยฮอกไกโด ตรงประตูเดิม มองไปเราจะเห็นตึกที่ว่าการจังหวัดฮอกไกโดหลังเก่าอยู่ไกลๆ

เดินตรงอย่างเดียวก็ถึงเลย


เราเข้าจากประตูด้านข้าง แล้วเดินอ้อมมาถ่ายรูปที่ด้านหน้า จริงๆ ภายในตึกยังไม่ปิด จะปิดประมาณ 18.00 น. แต่ตอนนั้นมืดมากแล้ว เลยไม่ได้เข้าไปข้างใน


จากตึกที่ว่าการหลังเก่า มาออกประตูด้านข้างอีกข้างนึง แล้วเดินต่อไปหอนาฬิกาซัปโปโรค่ะ



ภาพยืนถ่ายจากจุดกลมๆ ในแผนที่ข้างบน

แล้วก็เดินต่อไป Tv Tower ซึ่งเมื่อเช้าเราก็เห็นแล้วตอนไปตลาดปลา

แต่มาอีกรอบตอนกลางคืน 5 โมงกว่าๆ มืดมาก หนาวจนมือสั่น ภาพไหวหมด 55

เดินจนทั่วแล้ว เราก็ไปเดินผ่านตรอกทาคุนิโคจิกันค่ะ ซึ่งตอนเช้าก็เดินผ่าน 1 รอบแล้ว แต่เป็นตอนยังไม่ค่อยมีร้านเปิดเท่าไหร่

ส่วนรอบกลางคืนนี้ก็เดินยาวค่ะจากตรอก 1 ถึงตรอก 7 ทะลุกลับที่พักได้พอดี มีแวะซื้อขนมบ้าง ถุงไว้ใส่ของเพิ่มบ้าง

แต่ตรงนี้ส่วนใหญ่หมดไปให้กะดองกี้ค่ะ เดินทุกคืน

กลับเข้าที่พัก พักขา แล้วเดี๋ยวออกไปหาอะไรกินกันต่อ

ปิดท้ายวันด้วยมื้อค่ำที่ ร้านบุฟเฟ่ต์ขาปู Nanda ย่าน Susukino อยู่ชั้นใต้ดิน B2 ของ ตึก Cyber City ค่ะ

วิธีเดินมาจากที่พัก


หรือถ้าใครมาด้วยรถ subway ในลงสถานี Susukino แล้วออกทางออกที่ 3 เดินมาจนเจอโรงแรม Toyoko Inn ให้เลี้ยวขวา และเลี้ยวซ้ายที่บล็อคที่ 2 ก็จะเจอห้าง Cyber City ค่ะ



มาที่นี่เพื่อเน้นปูๆๆ และปู มีปูให้เลือกหลายอย่าง

ของที่ไม่ใช่ปูก็เยอะ

แต่พวกเราเน้นปูจริงๆ

เรามาเป็นวันธรรมดา แต่ว่าเป็นวันหยุดของที่นี่ มาช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเย็น แต่ก็ได้ที่นั่งทันทีโดยที่ไม่ได้จองมาก่อนนะคะ ถือว่าโชคดีไป

เวลารู้สึกจะมีให้เลือก 90 นาที กับ 120 นาที เราเลือก 90 นาที จำราคาเงินเยนไม่ได้ แต่เสียเป็นเงินไทยไปประมาณ พันกว่าบาทค่ะ


มีของหวานและผลไม้ด้วยนะคะ ครบเวลาแล้วกดซอฟครีมติดมือออกมากินต่อหน้าร้านอีก 1 อัน อิ่มคุ้มทีเดียว

ปิดท้ายคืนนี้ด้วยแยกแห่งแสงสี Susukino


พรุ่งนี้ออกเดินทางไปเมืองบ่อน้ำร้อน "โจซังเค" ค่ะ


ติดตามการท่องเที่ยวของเราได้ที่ https://www.facebook.com/whenigoto

และ https://www.whenigoto.com

whenigo

 วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 17.26 น.

ความคิดเห็น