J o z a n k e i

โจซังเคเป็นเมืองน้ำพุร้อนเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ตัวเมืองซัปโปโรที่สุด เรามาที่นี่หลังจากช่วงใบไม้เปลี่ยนสีผ่านไปแล้ว สภาพเลยออกแห้งๆ ซักหน่อย

มีบางส่วนที่ยังเหลืองอยู่บ้าง จุดมุ่งหมายของทริปจึงเป็นมาแช่เท้า และตามหากัปปะ


แผนการเดินทางของแต่ละวันในฮอกไกโด

วันที่ 1 : Nijo Fish Market / Maruyama Park + ศาลเจ้าฮอกไกโด /

มหาวิทยาลัยฮอกไกโด / Former Hokkaido Government Office / หอคอยนาฬิกาซัปโปโร / ทีวีทาวเวอร์ / ตรอกทานูคิโคจิ

วันที่ 2 : Jozankei

วันที่ 3 : Hitsujigaoka Observation Hill / Otaru

วันที่ 4 : Hakodate

วันที่ 5 : Aomori และกลับโตเกียว



การเดินทางไปโจซังเคจากซัปโปโร มีหลายวิธีทั้งรถตรงที่เรียกว่า Kappa Line ที่จอดรับแค่ 3 สถานีแรกแล้วยิงยาวถึงโจซังเค

หรือนั่งรถบัส Jotetsu Bus เป็นรถประจำทางที่วิ่งไปโจซังเค เป็นรถโดยสารประจำทางจอดรับส่งตลอดทาง


เราจะมารีวิวขาไปด้วย Kappa Liner แล้วกลับด้วย Jotetsu Bus นะคะ


สำหรับการไปโจซังเคด้วยรถบัสด่วน Kappa Liner

สามารถซื้อตั๋วรถบัสได้ที่ป้ายรถบัสหมายเลข 12 โดย Bus Station อยู่ที่ห้าง Esta ที่สถานีซัปโปโร

ตอนแรกเราอ่านรีวิวว่าควรจะต้องไปซื้อล่วงหน้าก่อน 1 วัน แต่พอเราลองไปถามเขาดู เขาบอกว่าให้มาซื้อวันไปเลย แล้วต่อคิวขึ้นรถ


เช้าวันนี้เราเลยนั่งรถ subway มาลงสถานีซัปโปโร เดินไปทางห้าง Esta และเดินไปตามป้ายบอกไป Bus Station

หาอะไรรองท้องในห้าง จะมีร้านเปิดเป็นร้านอาหารเช้าบ้าง ตอนแรกนึกว่าไม่มีร้านเปิดเลย

แต่คงเพราะเป็น Bus station เลยมีร้านเปิดสบายเรา



ข้อมูลวิธีการเดินทาง http://jozankei.jp/en/access/#access2

เราจะเดินทางโดยรถบัสเที่ยวแรกคือเวลา 11:00 น.

ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวราคา 770 เยน

ซื้อตั๋วและรอที่ป้ายหมายเลข 12 ป้ายที่จอดรถ Kappa จะหน้าตาแบบนี้ เป็นรูปน้ำพุร้อน

รถบัสหน้าตาแบบนี้

เครดิตรูป : LS Lam


รถจะมีทางขึ้นทางลงทางเดียวคือที่ประตูหน้าค่ะ


ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง นั่งเพลินๆ หลับเลยทีเดียว

สำหรับแผนการเดินทางของทำคร่าวๆ ไว้ดังนี้


โดยจุดสีแดงๆ คือป้ายรถเมล์ และที่วงกลมไว้คือสถานที่เที่ยวคร่าวๆ

สำหรับรถเมล์ขาไปและขากลับจะวนคนละทางนะคะ



ขามาจากซัปโปโรจะวิ่ง 2 - 3 - 7 - 6 - 5 - 4 - 8 - 9

ขากลับไปซัปโปโรจะวิ่ง 9 - 8 - 7 - 3 - 4 - 5 - 6 - 2



ขออภัยที่ตัวเลขไม่เรียงนะคะ รุปนี้ทำก่อนไปจริง



ถ้างงดูอันนี้ดีกว่า

เวลารอรถขากลับจะได้รอถูกฝั่งนะคะ



ถ้าใครสนใจตามหากัปปะสามารถดูได้จากที่นี่ http://jozankei.jp/en/about/kappa.php

จะบอกตำแหน่งและรูปกัปปะ ณ จุดๆ นั้นนะคะ

เสียดายช่วงที่ไปมีหลายตัวปิดซ่อม

เราเริ่มเที่ยวจากการเลือกลงป้าย Jozankei Yonomachi ในรถบัสจะมีหน้าจอที่หน้ารถบอกว่าป้ายต่อไปเป็นป้ายอะไรนะคะ

พอถึงป้ายที่เราจะลงก็กดกริ่งลง เราเลือกเดินเรื่อยๆ เก็บกัปปะและมุ่งหน้าไปสะพานสีแดงที่ Futami Park



ตามเก็บกัปปะ

ระหว่างทางไปสะพาน Futami

จะพบราชากัปปะ

แห้งเหี่ยวสุดๆ ถ้ามาช่วงพีคจะสวยมาก

ณ สะพาน Futami

จากสะพาน Futami เดินกลับไปขึ้นถนนใหญ่

ระหว่างทางกลับไปถนนใหญ่เราจะผ่าน Gensen park แวะเข้าไปแช่เท้าฟรีได้เหมือนกันนะคะ และจุดหมายเลข 10 ในแผนที่ google (Iwato Kannondo) ตรงนั้นก็มีที่แช่เท้าฟรีค่ะ


ตรงจุดริมถนนใหญ่

จะมีที่บ่อออนเซ็นมือ Gankake Te Yu (The Praying Hand bath of Kappa's Family)

เป็นจุดที่บอกว่าถ้าอธิษฐานอะไรจะสมปรารถนา โดยต้องไหว้ราชากัปปะก่อน แล้วค่อยมาตรงจุดนี้

วิธีอธิษฐานคือเอากระบวยรองน้ำพุที่สูบขึ้นมาราดบนหัวกัปปะแล้วเอามือรองน้ำที่ออกจากปากกัปปะ

แล้วท่องว่า “On-kappa-ya-un-ken-so-wa-ka” 3 รอบแล้วอธิษฐาน



เราเดินต่อไปตรงจุดศูนย์นักท่องเที่ยว Jozankei onsen museum ตามในแผนที่แวะดูนู่นนี่นิดหน่อย จริงๆ เรากะจะไปถามหาห้องน้ำ

เจ้าหน้าที่ใจดี เปิดห้องน้ำของเจ้าหน้าที่ให้เข้าทางข้างหลังสำนักงานเลย ^^



กัปปะระหว่างทาง

สำหรับบ่อแช่เท้าที่เราตั้งใจมากคือตรงจุดหมายเลข 6 Ashiyu Free Hot Spa for Foot

การมาแช่เท้าที่บ่อฟรีต่างๆ ให้พกผ้าขนหนูมาด้วยนะคะ ถ้าไม่ได้พกมาหาซื้อจากจุดศูนย์นักท่องเที่ยวที่เดินผ่านมาก็ได้

กัปปะข้างๆ บนแช่เท้า

ที่สุดท้ายที่เราแวะไปของเมืองนี้คือร้านขนมปัง

ด้วยความก่อนมาดูหนังเรื่อง Bread of Happiness แล้วอยากไปนั่งร้านขนมปังในฮอกไกโด เอาแค่คล้ายๆ ก็ได้ 55



เลยแวะร้านนี้

Vergine Baccano

เสียดายเรามาเย็นมาก ขนมปังเหลือแค่อย่างเดียวแล้ว เราเลยกินซอฟท์ครีมแทน

บรรยากาศในร้าน

คล้ายๆ ในหนังอยู่ แค่นี้ก็ฟินได้ นั่งหลบหนาวอยู่จนเขาจะปิดร้าน แล้วเราก็กลับ

ตอนแรกเราตั้งใจจะรอรถ Kappa แต่ว่าเราไม่อยากรอจนมืดกว่านี้ เลยรอว่าถ้ารถ Jotetsu มาก็จะขึ้นเหมือนกัน

โดยเราดูแล้วว่ารถวนยังไง รอให้ถูกฝั่งนะคะ



ป้ายรถหน้าตาแบบนี้

เครดิตภาพmetrobabel

มีป้ายเขียวๆ เหมือนขามาข้างบนคือป้ายนี้รถกัปปะก็จอดเหมือนกัน สีน้ำเงินคือชื่อป้าย และที่ป้ายจะบอกตารางเวลาที่รถจะมาค่ะ



แต่ตอนนั้นเรารอที่ป้าย Jozankei Ohashi นะคะ ป้ายโล่งๆ รอริมถนน หนาวได้อีก ได้อีก



เครดิตภาพmetrobabel

หน้าตารถ Jotetsu ถ้ารถคันนี้ต้องขึ้นจากประตูหลังนะคะ แล้วก็หยิบตั๋วเพื่อเก็บไว้ว่าเราขึ้นมาจากสถานีไหน



คู่มือการขึ้นรถค่ะ



ที่ด้านข้างคนขับสามารถแลกเหรียญได้ เพราะตอนจ่ายเราต้องจ่ายเป็นเหรียญ ที่หน้ารถจะบอกว่าสถานีต่อไปเป็นสถานีอะไร สลับกับตารางค่าโดยสาร โดยเราดูที่ตั๋วที่เราหยิบตอนขึ้นมานะคะว่าเป็นหมายเลขอะไร ค่าโดยสารจะขึ้นตามหมายเลข



ถ้าลงป้ายก่อนปลายทางต้องกดกริ่งนะคะ รถเหมือนบ้านเราเลย ตอนเย็นๆ เลิกเรียนคนแน่นเลยล่ะ

ถ้าลงปลายทางแบบเราก็นั่งไปจนสุดสาย เตรียมเหรียญให้พอดีกับค่ารถใส่เหรียญและตั๋วลงในช่องตามตัวอย่างในรูปเลยค่ะ



สำหรับใครอยากดูตารางเวลาของรถ Jotetus

ดูได้จาก http://www.jotetsu.co.jp/bus/global/index.html



หมดแล้วกับทัวร์หนึ่งวันใน Jozankei ค่ะ



พาโนรามาตอนเย็นๆ



ส่วนมื้อเย็นวันนี้กลับมาที่ซัปโปโร

ฝากท้องไว้ที่ซอยราเม็งค่ะ มีร้านให้เลือกเยอะ แต่เป็นร้านเล็กๆ จะนั่งได้พักเดียวต้องรีบกินให้เสร็จเพราะมีคนต่อเรื่อยๆ เลยค่ะ


ติดตามการท่องเที่ยวของเราได้ที่ https://www.facebook.com/whenigoto

และ https://www.whenigoto.com


whenigo

 วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 17.48 น.

ความคิดเห็น