ครั้งนี้เราจะพาไปพักผ่อนที่เกาะช้าง จ.ตราด ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน
การเดินทางไปยังเกาะช้างสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือรถโดยสารอย่างรถตู้ หรือรถทัวร์
สำหรับเรารอบนี้เพื่อนที่มีรถไม่ได้ไปด้วยกัน เราเลยมุ่งหน้าสู่เกาะช้างด้วยตัวเองโดยรถทัวร์ ขสมก บขส.999
โดยสามารถจองตั๋วรถล่วงหน้าได้ที่ http://www.pns-allthai.com/pns_api/index.php
ค่าโดยสารจากกรุงเทพฯ ถึง จ.ตราด (เราเลือกจุดลงรถที่ท่าเรือเซ็นเตอร์พ้อยท์) ราคาต่อเที่ยว 239 บาท ถ้าจองไป-กลับจะมีส่วนลด 26 บาท/ที่นั่ง
และบวกเพิ่มค่าดำเนินการจองตั๋ว online ค่ะ
โดย บขส. 999 จะเป็นรถสายที่ไปส่งถึงท่าเรือข้ามฝากเที่ยวเช้าจะตรงไปเซ็นเตอร์พ้อยท์ ส่วนเที่ยวสายจะแวะที่ท่าเรืออ่าวธรรมชาติด้วย
แต่เราเลือกเที่ยวเช้าจะได้เดินทางไปถึงเกาะช้างเวลาเช็คอินพอดี เที่ยวรถขาไปจากเอกมัยมีเวลา 07:45 น. กับ 09.45
ขากลับออกจากท่าเรือเซ็นเตอร์พ้อยท์ 14.30 น.
บรรยากาศบนรถบัส รถจะมาจอดรอก่อนเวลานะคะ มาถึงเอาใบจองไปแลกตั๋วตัวจริงที่เคาท์เตอร์ก็ขึ้นรถได้เลย ที่นั่งสามารถระบุได้ตั้งแต่ตอนจองตั๋ว
ที่นั่งกำลังดีไม่กว้างไม่แคบไป มีของว่างให้เป็นขนมและน้ำ และผ้าเย็น
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่งนะคะ ถึงที่ท่าเรือเซ็นเตอร์พ้อยตอน 13.30 น. ซื้อตั๋วเพื่อขึ้นเรือเที่ยว 14:00 น.ได้พอดี
สำหรับท่าเรือเซ็นเตอร์พ้อยท์เรือจะออกทุก 1 ชั่วโมง ราคาตั๋วเที่ยวละ 80 บาท / ไป-กลับ 150 ค่านำรถรถยนต์ข้าม 120 บาท/เที่ยว
มีรถ Shuttle Bus รับจากจุดขายตั๋วไปยังท่าเรือค่ะ
ที่นี่ถ้าใครยังไม่ได้ซื้อตั๋วรถทัวร์ขากลับ สามารถซื้อได้ที่นี่เช่นกันนะคะ
ส่วนท่าเรืออ่าวธรรมชาติ เรือจะออกถี่กว่าประมาณทุกครึ่งชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า ท่าเรือฝั่งเกาะช้างจะอยู่ใกล้ชุมชนกว่าท่าของเซ็นเตอร์พ้อยนิดหน่อย เป็นท่าเรือยอดนิยม คนเยอะด้วยเช่นกัน
ถึงเวลาเดินทางเรือออกตรงเวลา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที
เมื่อถึงฝั่งจะมีร้านมอเตอร์ไซต์ให้เช่า (แต่ทางบนเกาะจะขึ้นลงเขากันหน่อย) และก็จะมีรถสองแถวจอดรอบริการอยู่
เราเลือกใช้บริการรถสองแถว ค่ารถจะตามระยะทางไปแต่ละหาด สามารถบอกชื่อโรงแรมได้เลย รถสองแถวจะไปส่งถึงหน้าโรงแรมค่ะ
สำหรับที่พักเรา The Dewa Koh Chang ค่ารถ 70 บาท รถเต็มแล้วออกทันที ซึ่งรถเต็มปุ๊ปปั๊ปแน่นอนค่ะ คนใช้บริการรถสองแถวเยอะทีเดียว
The Dewa Koh Chang ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือประมาณ 30 นาที ระยะห่างจากท่าเรือประมาณ 15 กิโลเมตร มาถึงก็ได้ Welcome Drink และผ้าเย็นๆ
เวลาเช็คอิน-เช็คเอาท์ ซึ่งเรามาถึงเวลาเช็คอินพอดี
บรรยากาศ Front Desk รวมๆ
ตามมาดูห้องพักกันค่ะ
เราพักห้องพัก Deluxe สำหรับสองคนเป็นเตียงใหญ่ 1 เตียงพร้อมอุปกรณ์ครบครัน
ห้องน้ำกับกระเบื้องสีเข้มเงาสวยงาม
ห้องอาบน้ำกับฝักบัวใหญ่
หรือจะเลือกแช่น้ำในอ่างก็ได้
เกลือสปาพร้อม
แอบส่องอ่างอาบน้ำ แต่สบายใจได้ปิดได้ค่ะ
หน้าต่างในห้องน้ำบานใหญ่สะใจ
ระเบียง ที่ชั้นสองระเบียงปูเบาะ พร้อมนอน แอบนอนหลับได้สบาย
พร้อมวิวสระน้ำ
ตอนเย็นๆ เดินไปชมทะเลรอพระอาทิตย์ตกดิน
เนื่องจากที่พักมีชายหาดส่วนตัว เดินไม่กี่ก้าวจากห้องพักก็ถึงทะเลแล้ว
ไม่นานก็ถึงเวลาอาหารเย็นค่ะ อาหารเย็นของเรามื้อนี้เป็นบุฟเฟ่ของโรงแรม Charcoal Grill Buffet (759 บาท)
สามารถสั่งจองมาพร้อมจองที่พัก หรือมาสั่งที่นี่ก็ได้ค่ะ เป็นบุฟเฟ่ปิ้งย่าง สำหรับเวลาอาหารเย็นทางฟร้อนจะสอบถามว่าเราสะดวกเวลาไหนตั้งแต่ 18:30 เป็นต้นไป แจ้งเวลากับฟร้อนได้เลยนะคะ
เย็นๆ เริ่มตั้งโต๊ะ
เลือกหมู แกะ ไก่ กุ้ง หอย ได้ตามสะดวก แล้วส่งให้เชฟจัดการย่างให้ค่ะ
อาหารอื่นๆ ตักได้ตามใจชอบ นอกจากปิ้งย่างสามารถสั่งผัดผักและผัดไทยได้อีกด้วยค่ะ ส่วนเราก็อิ่มกุ้งกันไป
สำหรับตอน 2 ทุ่มจะมีโชว์กระบองไฟ ไม่ควรพลาดนะคะ
จากอาหารเย็นมาดูบุฟเฟ่อาหารเช้ากันบ้างค่ะ ที่ The Restuarant ห้องอาหารของรีสอร์ท
อาหารเช้าให้บริการตั้งแต่เวลา 7:00 น. ค่ะ
Coffee or Tea?
ไลน์อาหาร
Egg Station และของหวาน
อิ่มแล้ว ไปเดินเที่ยวทะเลกันดีกว่าค่ะ ทะเลตอนเช้าสีฟ้าสดสวยงาม
มีกิจกรรมพายเรือคายัค สนใจติดต่อกับทางรีสอร์ทก็ได้เช่นกันนะคะ
เดินเที่ยวเสร็จขี้เกียจขึ้นห้อง ไปนั่งพักหาขนมกินได้ที่ The Cafe คาเฟ่ของรีสอร์ทก็ได้นะคะ
มีมุมให้นั่งเล่นอ่านหนังสือ หรือจะมากินเค้กกับเครื่องดื่มชิลล์ๆ ก็ได้
สำหรับเมนูของเราคือ Black Forest Cake + Lemon Cheese Cake กับเครื่องดื่ม Strawbery blended กับ Blue rasbeery smoothie
หลังจากของว่างไม่นานก็ถึงเวลาอาหารกลางวันค่ะ ถ้าไม่ได้ออกไปไหนสามารถสั่งอาหารของรีสอร์ทได้จะมาลงมานั่งทานหรือสั่งไปบนห้องก็ได้ค่ะ
รับประทานอาหารกลางวันพร้อมชมวิวทะเล อาหารกลางวันแจ้งเวลาฟร้อนได้เช่นกันค่ะ เริ่มเวลา 12:00 น.
เราเลือกสั่งเมนู Signature ของร้านมา 2 เมนู เมนูแรก อกเป็ดอบเสิร์ฟกับซอสส้ม
เมนูที่สองกุ้งทอดซอสมะขาม สั่งยำทะเลมาตัดรสอีก 1 อย่าง ทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ อิ่มอร่อย
ลองมาเดินสำรวจรอบๆ รีสอร์ทกันบ้าง
กิจกรรมบนเกาะช้างค่ะ สนใจกิจกรรมไหนติดต่อที่ฟร้อนได้เลยค่ะ
สระว่ายน้ำที่นี่โดดเด่นด้วยสีธรรมชาติ
สระด้านข้างเปิดน้ำวนให้ลงแช่กันสบายๆ ลงไปนั่งเล่นมาแล้วเพลินมาก
ชั้นสองของ The Cafe คือ The Spa มีบริการ Spa มีทั้งนวดธรรมดาและแบบอโรมา ติดต่อที่ฟร้อนได้เลยเช่นกัน
ส่วนมื้อเย็นวันนี้เราเปลี่ยนจากอาหารที่รีสอร์ทไปที่ครัวฆาราฑีร้านอาหารของโรงแรมรามายานา ซึ่งเป็นเครือเดียวกันกับ The Dewa Koh Chang
ขับรถไปจาก The Dewa ประมาณ 3 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีรถตู้บริการระหว่าง 2 โรงแรม สามารถสอบถามเวลาได้ที่ฟร้อนนะคะ
ที่นี่มีอาหารทะเลให้เลือกหลายอย่างเลยค่ะ
เมนูแรกกุ้งทอดซอสมะขาม
ต่อมาโป๊ะแตกทะเล
ทะเลผัดฉ่ากะทะร้อน
และเลิฟที่สุดกับปลากระพงทอดน้ำปลา
ต้องพอแค่นี้เพราะว่าเต็มโต๊ะแล้ว
ช่วงเวลา 1 ทุ่มจะมีดนตรีโฟล์คซองให้ฟังด้วยค่ะ
เคลียร์ของคาวออกแล้วก็จบด้วยของหวานซักหน่อยกับลอดช่องน้ำกะทิแตงไทย
เช้าวันกลับก็วนลูปแบบเดิมค่ะ ตื่นมากินอาหารเช้า ออกไปเดินเล่นทะเล นั่งๆ นอนๆ ซักพักก็ได้เวลาเช็คเอาท์
เนื่องจากเราไม่ได้เรารถส่วนตัวมา สามารถแจ้งกับฟร้อนให้โทรตามรถสองแถวได้นะคะ (ที่นี่เรียกว่าแท็กซี่) ค่ารถขากลับไปท่าเรือ 80 บาทรถมารับถึงหน้าโรงแรมค่ะ
พนักงานที่นี่น่ารักมากนะคะ เพื่อนเราบังเอิญทำฝากล้องหาย ด้วยความลืมวางไว้ นึกได้ก็หาไม่เจอซะแล้ว ลองถามกับที่ฟร้อนว่าเห็นบ้างมั้ย เผื่อใครเอามาฝากไว้ ก็ไม่มีแต่เขาน่ารักคือเดินหาให้ด้วย เราเดินกลับมาเขายังเดินหาให้อยู่เลย เราต้องบอกว่าไม่เป็นไร แถมขากลับยังลืมหมวกไว้บนห้องอีก พนักงานเช็คห้องเจอ โทรมาบอกที่ฟร้อนพนักงานก็ไปเอามาให้ค่ะ นี่ก็เกือบลืมกระเป๋าจนเขาเกือบจะรีบวิ่งมาหยิบให้ ถือว่าบริการทุกระดับประทับใจ
ขากลับก็จะคล้ายๆ ขามาค่ะ รถสองแถวจะแวะรับคนและส่งคนตามที่หมายที่สถานที่ตลอดทาง ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเช่นเดิมก็ถึงท่าเรือ
เราซื้อตั๋วไป-กลับไปตั้งแต่ขามา ก็แค่นั่งรถเรือออก เวลาเรือออกของขามาและขากลับค่ะ
หน้าตาเรือของเรา
40 นาทีเดินทางถึงท่าเรือฝั่งเซ็นเตอร์พ้อยท์
นั่งรถ Shuttle Bus ไปที่ขายตั๋ว ก็พอดีเวลารถออกตอน 14:30 น. ค่ะ
นั่งรถบัสกลับกรุงเทพฯ จบทริปง่ายๆ เบาๆ เน้นพักผ่อนของเรา กลับมาแล้วก็คิดถึงทะเลอีกแล้ว
ติดตามการท่องเที่ยวของเราได้ที่ https://www.facebook.com/whenigoto
whenigo
วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.58 น.