สองสัปดาห์ที่แล้วบินไปภาคใต้มาอีกแล้วค่าาา

ตื่นเต้นสุดๆ เพราะจะได้เจอเพื่อนคนเก่าคนเดิม คุณไคจากมาเลเซียนั่นเองง


ตั้งแต่ไคบอกว่าช่วง Sep ฉันว่างนะ ไปเที่ยวไหนสักที่กันมั้ย

เราก็เลยสานต่อทริปที่อยากไปมาตลอดก็คือเขาสกกับเขื่อนเชี่ยวหลาน

แถมทริปนี้จะเป็นครั้งแรกที่จะขับรถเที่ยวกันเองด้วย


4 วัน 3 คืน สตาร์ทจากภูเก็ต ขับรถชมวิวข้างทางไปจนถึงเขาสก

แล้วก็ไปนอนที่แพคืนนึงค่ะ บอกเลยว่าโคตรชิล

คือแทบไม่ได้ทำ activity อะไรสุดเหวี่ยงๆ แบบที่เคยทำ

ไปนั่งๆ นอนๆ เมาท์มอยแบบสาวๆ ถ่ายรูปสวยๆ งี้


เพิ่งสัมผัสคำว่าพักผ่อนจริงๆ ก็แบบนี้แหละ


ดู VLOG กันก่อนแล้วตามไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ข้างล่างเล้ย ♡


DAY 1

เริ่มขับรถจากป่าตอง เพราะเพื่อนทั้งสองมาถึงก่อนคืนนึง

( เช่ารถจาก รถเช่าภูเก็ต - Phuket A Car ค่ะ )

ทางก็ขับง่ายๆ สบายๆ ค่ะ ตอนแรกว่าจะแวะเสม็ดนางชี

แต่อากาศไม่ค่อยจะเป็นใจ ฝนตกค่อนข้างแรงเลยยกเลิก


มาเจอจุดชมวิวข้างทางก็เลยเอ้ออ แวะหน่อยละกัน

ชื่อจุดชมวิวนางหงส์ค่ะ อยู่ในเขตจังหวัดพังงา ต้องขับขึ้นเขากันนิดนึงเนอ

วิวก็จะประมาณนี้ ครึ้มๆ หน่อย แต่สวยมากก มีหมอกปกคลุม

มาถึงที่พักแรกของเราในทริปนี้ อยู่ในเขตใกล้ๆ อุทยานแห่งชาติเขาสกค่ะ

คือแบบ มัน ดีย์ มากกกกก จ่ายหลักร้อย ได้วิวหลักล้าน

รูปแบบของที่พักก็ เราสายงบน้อยค่ะ เป็นห้องเดี่ยวในบ้านหลังรวมกับคนอื่น

เดินออกมาตรงระเบียงก็จะเจอวิวภูเขาแบบนี้!

ในส่วนของสระว่ายน้ำก็ว่ายไปชมวิวภูเขาไปเลยจ้าา

มาเดินเล่นถ่ายรูปกันหน่อย

เดินมารอกินข้าวเย็นที่ล็อบบี้

แล้วก็มาจับจองโต๊ะที่เห็นวิวภูเขาเต็มๆ

มี happy hour ด้วยค่ะ ก็เลยจัดกันมาคนละแก้ว คนละสีเลย


DAY 2

ในส่วนของวิวตอนเช้าก็จะแบบนี้เลย

ตอนแรกตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นเว่ย แต่ฝนตก เลยหลบฝนไปนอนกลิ้งเล่น

ลงมาอีกทีก็จะเจอแสงอาทิตย์ต้อนรับเรายามเช้าแบบนี้

ที่พักในรูปเป็นแบบบ้านไทยๆ สำหรับคนที่มาเป็นครอบครัว

ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นแขกฝรั่งมาพักค่ะ

ตื่นเช้ามาแล้วก็ต้องเติมพลังงงง เห็นวิวสวยๆ แล้วชื่นจาย


คำเตือน: ตักแพนเค้กอย่างสุดท้าย เพราะน้ำผึ้งที่นี่เขาเป็นน้ำผึ้งแท้ แรงมาก

ไอเรากับเพื่อนก็ราดมาเต็มๆ สรุปอดกินจ้า ผึ้งทั้งฝูงมาตอม แง้ 55555555

ขับรถประมาณเกือบชั่วโมงก็มาถึงเขื่อนรัชชประภาแล้วว

นาทีนี้ต้องบอกลาพี่เฟิร์นเพราะนางต้องกลับไปทำงานก่อนแง

เหงาๆ เหลือกันอยู่สองหน่อ


สำหรับการมาพักครั้งนี้ เลือกแพคเกจที่ราคาไม่แรงเกิน เลยพักกับที่ แพนางไพร เขื่อนเชี่ยวหลาน

จองได้ผ่านเฟสบุคเลยจ้ะ พอมาถึงก็ไปลงทะเบียนให้เรียบร้อย

รับใบเข้าอุทยานแล้วพี่ๆ ที่ติดต่อไว้ก็จะมาส่งเราขึ้นเรือเอง


ที่เซอร์ไพรส์และคุ้มค่ามากๆ ก็คือ

เรือที่จะนั่งไปที่แพนั้นนนเป็น private boat tour กันไปเล้ยยย

จึงมีแค่เราสองสวีทสุดๆ บนเรือลำนี้ เซลฟี่ ถ่ายรูป

เอนจอยเวลาให้เต็มที่เพราะคุณลุงจะจอดให้ถ่ายตลอด


คุณลุงที่จะอยู่ดูแลเราไปจนจบทริปคือคุณพี่เฒ่าค่ะ (ไม่รู้ว่าเฒ่า หรือเท่ากันแน่ 5555)

ลุงแกอารมณ์ดีมากๆ ยกให้เป็น the best driver เลย

เล่นมุกไม่หยุด แถมสอนภาษาไทยให้ไคด้วย

ขอโทษนะคุณไคเราไม่มีโดรน เลยได้ประมาณนี้แหละ 5555555

นั่งไปครึ่งทาง ฟ้าเริ่มครึ้มมาละ

เที่ยวเขื่อนหน้าฝนอย่าลืมเตรียมเสื้อกันฝนมาด้วยนะคะ

ถ้าไม่มีก็ซื้อที่ท่าเรือเลยตัวละ 40 บาท (มาซื้อบนแพขึ้นราคาอีก 10 บาทน้า)


กุ้ยหลินเมืองไทยแบบครึ้มๆ

พอใกล้ๆ จะถึงแพ ผ่านภูเขาที่เป็นแบบเขตร้อนชื้นปกติมาเจอภูเขาแบบกุ้ยหลินๆ นี้

เหมือนหลุดมาอยู่อีกโลกเลยค่ะ สวยมาก ถึงจุดนี้ไม่มีสัญญาณมือถือแล้วนะ

เอนจอยกับธรรมชาติให้เต็มที่!




ที่พักของเราก็จะ cozy ประมาณนี้ ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กเกินไป นอนสบายๆ ชิลๆ ได้ยินเสียงน้ำ


น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาไปอี้ก





สำหรับกิจกรรมบนแพก็จะมีการลงไปว่ายน้ำในเขื่อนค่ะ

ช่วงแรกๆ ยังอากาศดีอยู่ แต่เราก็คุย เมาท์มอยเกี่ยวกับเรื่องชีวิต ปรัชญา วิทยาศาสตร์

และต่างๆ มากมายที่ปกติแล้วถ้าชีวิตมีมือถือจะไม่ได้มาคุยกันแบบนี้แน่ๆ

เอาเท้าจุ่มน้ำ มองภูเขา มองน้ำในเขื่อน มองเรือที่ผ่านไปผ่านมา...



เรียกได้ว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะจะมานั่งคิด นั่งเข้าใจสัจธรรมโลกมากๆ ค่ะ

เราคุยกันเพลินจนไม่ได้ลงไปว่ายน้ำเลย บวกกับฝนตกด้วย


สำหรับอาหารสามมื้อก็ไม่ผิดหวังเลยย เป็นอาหารใต้สลับกับอาหารทั่วๆ ไป รสชาติใช้ได้เลยฮะ (แอบเผ็ดนิดๆ) คุณไคบอกว่าชอบน้ำจิ้มซีฟู้ดมาก พูดคำว่าน้ำจิ้มไม่หยุด 5555


และ นี่ ก็ คือออ
สภาพอากาศตั้งแต่ตอนบ่ายๆ เป็นต้นไปค่ะ ฝนตกไม่น้อยกว่า 5 รอบ

ตกๆ หยุดๆ วิวที่เห็นก็จะสลับกันไประหว่างเมฆมาก

กับหมอกสีขาวที่ปกคลุม คุยๆ กันไปก็นึกว่าอยู่ใน Silent Hill


ตกไปตกมา ตกจนอดไปทริปดูพระอาทิตย์ตกเลย

จนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ข่าวนะคะว่ามีไต้ฝุ่นกำลังขึ้นฝั่งที่ฟิลิปปินส์ไปที่ฮ่องกง

ถ้ารู้นะคงแพนิคกว่านี้แน่ๆ ต้องขอบคุณจริงๆ ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ 55555

พี่เฒ่าบอกว่า ไม่เป็นไรนะ พรุ่งนี้ยังมี สัญญาว่าจะพาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นแน่นอน


เช้าวันต่อมาก็ถูกปลุกด้วยเสียงฝนเลยจ้ะ ด้วยความหวังที่มอดๆ

ว่าคงไม่ได้ไปดูแล้วแหละพระอาทิตย์ แต่มันก็สวยไปอีกแบบนะ

เขื่อนเชี่ยวหลานในฤดูฝน อาจจะไม่ได้ท้องฟ้าใสๆ แบบคนอื่น

แต่ได้คิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่างไประหว่างฝนตกนี่ล่ะ

มีช่วงนึงที่ฝนหยุดตกและทำท่าว่าคงจะไม่ตกอีกสักพัก

เรา ไค พี่เฒ่าก็เลยพยักหน้าว่า เออ ไปตอนนี้นี่แหละ เราจะไปดูเขาสามเกลอกัน

เริ่มออกเรือได้ไม่นานฝนก็เริ่มลงเม็ดอีกรอบ แต่ยังไม่หนัก

เราใส่เสื้อกันฝนกันออกไป หวังว่าอย่างน้อยให้ตรูได้เห็นจุดชมวิวก็ยังดี

พอใกล้ๆ ถึงเขาสามเกลอเท่านั้นแหละจ้า ฟรึ่มมมมมม ตกมาอย่างแรง

ขากลับมาแพนี่คือ รอบตัวขาวไปหมด ขาวแบบไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่เงาภูเขา


"น้องบีจำทางได้ไหม แล้วจะกลับกันได้ยังไงเนี่ยมองไม่เห็นอะไรเลย" - นี่คือมุกของพี่เฒ่า

เราที่ยังคงไม่รู้ว่าฝนนี้คืออิทธิพลของไต้ฝุ่นก็ยังขำๆ ไปด้วย

กลับมาถึงฝั่งสตาฟก็บอกว่า เดี๋ยวจะพาไปส่งที่ฝั่งตอน 8 โมง

ถ้าฝนยังไม่หยุดจะรออีกครึ่งชั่วโมง ถ้ายังไม่หยุดอีกก็จะไปส่งให้ได้อย่างปลอดภัย

เพราะมันคงไม่หยุดตกเร็วๆ นี้แน่ๆ


สุดท้ายก็กลับมาถึงฝั่งอย่างปลอดภัย โนติเด้งเป็นแถบ

แถมได้อ่านข่าวไต้ฝุ่นก็มองหน้ากับไคด้วยความ.. รอดตายแล้วจ้าาา TT


หลังจากฝ่าฝนที่เขื่อน แล้วก็ฝ่าฝนขาขับรถกลับมาภูเก็ตสำเร็จ

ก็เข้าไปเก็บของที่ที่พัก แล้วก็ออกมาชิลที่หาดในยาง ซึ่งจะเห็นว่าคลื่นโคตรสูงเลย อย่าริวิ่งลงไปเชียว

ถึงจะไม่ใช่หาดไม้ขาวที่เห็นเครื่องบินชัดๆ แต่ตรงนี้ก็เห็นเครื่องบินเหมือนกันน้า



เห็นว่าฟ้าครึ้มๆ กลัวฝนจะตกอีกรอบ แถมคลื่นทะเลก็ดูไม่ค่อยนิ่

ไล่ตามเรามาเรื่อยๆ เลยอยู่ไม่ถึงช่วงพระอาทิตย์ตก

(แต่พอขาเดินกลับก็เห็นพระอาทิตย์ตกแว้บๆ พอดี เศร้า)


คงต้องบอกลากันแล้ว ขนาดตอนขึ้นเครื่องกลับก็ยังฝนตกอะคิดดู

ได้นั่งริมหน้าต่างพอดีเลยเห็นคลื่นที่โคตรน่ากลัวพุ่งเข้าชายฝั่ง

เอาเป็นว่าครั้งหน้าจะมาทะเลตอนหน้าร้อนละ หนีฝนกรุงเทพมาเจอฝนภาคใต้


รวมๆ แล้วสนุกมากๆ เลยค่ะ เหนือกว่าสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ หรือที่พักดีๆ

คือการมีเพื่อนดีๆ สักคนที่เข้าใจเรา และอยู่ข้างๆ เรา

เป็นส่วนเติมเต็มให้การไปเที่ยวทุกครั้งมีความหมาย :)

ขอจบทริปนี้ไว้ตรงนี้นะคะ ไว้เจอกันใหม่!


รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 6,000 บาท
รวมตั๋วเครื่องบิน+ค่าเช่ารถแล้วค่ะ (ไม่รวมค่ากินยิบย่อยน้า)

* no sponsor *


ติดตามรูปและอัพเดททริปอื่นๆ ได้ที่:

Blog: www.agirlgoesthere.com

FB: http://www.facebook.com/agirlgoesthere

IG: @agirlgoesthere

A girl goes there.

 วันพฤหัสที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 19.44 น.

ความคิดเห็น