รีวิว ดอยผาโง้ม ดอยลังกาหลวง ดอยลังกาน้อย 4วัน 3 คืน กับการเดิน 30 กิโลเมตร



โดยส่วนตัวนั้นผมและเพื่อนหลงรักในการ Trekking มากมาโดยตลอด และส่วนใหญ่สถานที่ที่เราไปนั้นจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวสักเท่าไร เพราะทุกที่ที่เราไปนั้น ความสวยงามและUnseenของสถานที่นั้นๆ มันมักแลกมาด้วยความเหนื่อยและเหงื่อท่วมตัวแต่สิ่งที่เราสัมผัสได้ยิ่งกว่านั้นมันบรรยายออกมาเป็นคำพูดหรือรูปภาพไม่ได้เลยถ้าไม่ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง



วันนี้เลยขออนุญาต แชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวของผมและเพื่อนเพื่อเป็นแนวทางในการท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่หลงรักธรรมชาติและการ Trekking เหมือนพวกเรา



ต้องบอกก่อนเลยว่าการเดินทางท่องเที่ยวของเรานั้นจะท่องเที่ยวกันเดือนละครั้ง ไปครั้งนึงส่วนมากจะไม่ต่ำกว่า 5 วัน เนื่องจากเราต้องการเก็บภาพที่สวยงามในทุกช่วงเวลา และสัตว์ป่าที่หายากเฉพาะถิ่นนั้นๆ โดยทริปนี้เริ่มแรกจริงๆนั้น มีแต่คนบอกไปเที่ยวหน้าฝนไม่สวยเลย เดินเหนื่อย ลื่น แต่นั้นแหละคับคือแรงบันดาลใจในการไปทริปครั้งนี้ เราเลยคุยกันว่าอยากได้ภาพ Landscape ในหน้าฝน จึงเริ่มหาข้อมูลว่าจะไปที่ไหนกันดี ผมได้ไปเห็นความสูงภูเขาในประเทศไทย ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรเพราะชื่อมันก็เดิมๆซ้ำๆ แต่พอเห็น "ดอยลังกาหลวง " ก็สะดุดเลย บอกกับเพื่อนว่าเราจะไปที่นี่ เราก็เลยหาเบอร์ติดต่อ จนท แล้วก็แจ้งความต้องการเดินขึ้นไปบนดอยลังกาหลวงพี่ จนท ตอบกลับมาเร็วมากว่า อันตรายมากนะ คนที่ขึ้นไปอะกลับลงมาเป็นไข้ป่ากันเยอะ ทางเดินทั้งลื่นทั้งชัน (ใจกูนี่ฝ่อไปแล้วคับ55) แต่ผมก็ตอบกลับ จนท ว่าไม่ต้องห่วงหรอกคับพี่ผมเดินป่ามาระดับนึงแล้ว เอาตัวรอดได้อยู่คับพี่ พี่เค้าเลยบอกว่าต้องรอขออนุญาตหัวหน้าเค้าก่อน หลังจากนั้น 3 วัน จนทติดต่อกลับมาว่าหัวหน้าอนุมัตให้ขึ้นไปได้นะ จึงแจ้งความต้องการของเราคือต้องการลูกหาบ1คน คนนำทาง1คน เราจึงออกเดินทางด้วยรถยนต์คู่ใจคับ ดอยลังกาหลวงนั้นอยู่ในเขตรับผิดชอบของ อุทยานแห่งชาติขุนแจ โดยทริปนี้เราไปกัน 5 วัน คับ 30 มิ.ย. - 4 ก.ค. ออกเดินทางกันประมาณตี5 เราขับกันเรื่อยๆชิวๆ ระยะทางประมาณ752 กิโลเมตรใช้เวลา 9 ชั่วโมง แล้วเราก็ถึงอุทยานแห่งชาติกัน 4 โมงกว่าๆ ทักทายกับพี่ จนท เรียบร้อยแล้วเค้าก็พาไปที่พักคับ คืนนี้เรานอนกันที่ที่ทำการของอุทยาน



หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เราก็ขับไปเที่ยวน้ำพุร้อนกันต่อเพราะเลยจากอุทยานไปไม่ไกล
ตรงน้ำพุร้อนมีร้านอาหารให้เลือกเยอะเลยคับ สะดวกสบาย แถมมี seven ด้วย



ทานอาหารเสร็จเราก็กลับที่พัก เตรียมของพร้อมลุยในวันรุ่งขึ้น



ถ่ายคู่กับป้ายซะโหน่ยซิ ตอนนี้เรานั่งรถกระบะอุทยานไปส่งเราที่จุดเริ่มเดินคือสถานีเรดาห์คับ



พร้อมแล้วลุยคับ ป้ายบอกระยะทาง 17 กิโลเมตร สบายละ
หลังจากนั้นก็เดินคับ เดินเท่านั้น 555



ที่นี่เป็นป่าที่เดินไม่เบื่อคับ เนื่องจากมีวิวสวยๆให้ชมตลอดทาง




คืนนี้เราจะนอนกันคืนแรกที่ตีนดอยผาโง้มคับ ขึ้นไปกางเต้นท์ไม่ได้เนื่องจากลมแรงมาก




หลังจากนั้นก็หุงหาอาหารกินกันตามยะถากรรม 555 เราทำหมูแดดเดียวขึ้นไปกินกัน2 โลคับ แล้วก็อาหารซองของโรซ่าสะดวกสบาย พออยู่รอดได้คับ



เรานอนหลับกันด้วยความอ่อนล้า เนื่องจากวันนี้เราเดินกันระยะทางประมาณ 7 กิโล ในวันรุ่งขึ้นเราจะขึ้นไปดอยผาโง้มซึ่งเป็นทางผ่านที่จะไปดอยลังกาหลวง โดยในวันนี้เราจะเดินกันไกลมากลูกหาบบอก โดยระยะทางประมาณ 12 กิโล หลังจากทำภาระกิจส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว แปดโมงเช้าเราก็ออกเดินทางกันต่อ



ทางขึ้นไปดอยผาโง้มนั้นชันมาก โง้มสมชื่อจริงๆ




ระหว่างทางมีดอกกุหลาบพันปีให้ดูตลอดทางเลย



หลังจากนั้นก็เดินกันยาวๆคร๊าบโผมม



วิวระหว่างทางที่นี่สวยมาก เดินแล้วรู้สึกไม่เหนื่อ แต่หัวใจแo่งเต้นเป็นจังหวะ3ช่าละ 555



เราเดินถ่ายรูประหว่างทางไปเรื่อยๆคับสักประมาณบ่าย4โมงเราก็ถึงที่กางเต้นท์ ตอนแรกลูกหาบบอกว่าให้กางเต้นท์ที่เชิงเขาแล้วเดินขึ้นไปดูวิวที่ดอยลังกาหลวงแต่ด้วยความดื้อและอยากถ่ายภาพวิวคู่กับเต้นท์ก็เลยบอกพี่ลูกหาบเค้าไปว่าผมจะไปกางเต้นท์ข้างบนนะพี่เค้าใจดีคับ แต่เค้าบอกว่าข้างบนลมแรงมากเลยนะเพราะมันสูง เราก็เลยบอกไม่เปนไรพี่ เดี๋ยวยึดหมุดเต้นท์แล้วเอาหินมาทับเอา ก็เลยได้รูปแบบนี้มาเลย



คืนที่2เราพักแรมกันบนดอยลังกาหลวง ลมเย็น อากาศดี พร้อมเครื่องแก้หนาว อะไรจะชิวขนาดนี้ ผมคิดในใจกับตัวเองว่านี่อ่อหวะประเทศไทย ทำไมถึงไม่ค่อยมีคนพูดถึงความสวยงามของที่นี่เลย เราก็เก็บสัมภาระเข้าเต้นท์แล้วก็ตามเก็บภาพในมุมต่างๆ



หมอกลอยผ่านตัวตลอดเวลาคับ



เสียงลั่นชัตเตอร์ดังอย่างต่อเนื่อง





เราถ่ายรูปกันอย่างเมามันมาก เพราะบรรยากาศและแสงเป็นใจ อากาศที่นี่หนาวเย็นตลอดปี ถ่ายรูปไปได้สักพักฟ้าก็เริ่มมืดลง การทำอาหารเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง มื้อนี้ก็ง่ายเช่นเดิมครับ หุงข้าว อย่างเดียว



วิธีอุ่นโรซ่าก็ง่ายๆเลยคับ ต้มน้ำให้เดือดแล้วก็หย่อนซองอาหารลงไปเลยคับ เท่านี้ก็รอดตายไปอีกมื้อ หลังจากเราอิ่มท้องก็ได้เวลาพักผ่อนละ คืนนี้เป็นคืนที่เรานอนกันด้วยความกลัว555 เนื่องจากลมมันแรงมาก เต้นท์เราเอนลงมาจนเกือบจะล้ม เสียงกระพรือดังลั่น แต่เราก็ข่มตาหลับได้อาจจะเพราะความเหนื่อยล้าของการเดินทางในวันนี้



เช้านี้เราตื่นมาหน้าเต้นเต็มไปด้วยทะเลหมอก คิดในใจนี่มันสวรรค์ชัดๆ เราเก็บภาพบรรยากาศสักพักนึงก็เตรียมตัวออกเดินทาง
ไปดอยลังกาน้อยกันต่อโดยในวันที่ 3 ของการเดินทางเราจะเดินกันระยะทาง 9 กิโล เพื่อไปถึงจุดหมายของเราคือ ดอยลังกาน้อย



ผ่านป่าดิบชื้นบ้างเป็นบางส่วน




เดินนน อย่างเดียวอีกแล้วคับ ความชันไม่ต้องพูดถึงนะคับ เหนื่อยจริง แต่สิ่งที่รอเราอยู่ข้างหน้านั้นมันยิ่งใหญ่กว่า




เดินมาได้ครึ่งทาง เราเกือบหลงป่า เนื่องจากหญ้าคาสูงท่วมหัว อีกทั้งเราหยุดถ่ายรูป ทำไงหละทีนี้ หยุดอยู่กับที่ก่อนละกัน แล้วส่งเสียงตะโกนไป โชคดีที่ลูกหาบได้ยินแล้วส่งเสียงกลับมา เราเดินตามเสียงไปเรื่อยๆ ราวๆบ่าย3โมงเราเดินมาถึงจุดพักแรมคืนที่3 คืนนี้เราจะนอนกันที่ตีนดอยลังกาน้อยเนื่องจากลมแรงมากและฝนตกอีก



เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปที่ดอยลังกาน้อยเท่าไรเนื่องจากฝนตก และร่างกายที่เหนื่อยมาก เราจึงหลับปุ๋ยเบยย คืนนี้นอนสบายคับไม่มีลม เริ่มต้นวันที่4 ด้วยกาแฟร้อนๆ วันนี้เราต้องเดินลงกัน ระยะทางตอนมานั้นไกลมากใช้เวลา3วันกว่าจะมาถึงดอยลังกาน้อยได้ แต่ขาลงนั้นใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงคับ ทำไมนะหรอ คนนำทางพาเราลงตัดหน้าผาลงไปเลยคับ ตอนนี้เราต้องเอาของให้ลูกหาบแบกให้หมดเลยคับเนื่องจากทางเดินมันแคบ เราไม่มั่นใจ ลูกหาบเลยบอกว่าเดี๋ยวเค้าแบกให้ก็ได้คับ เราเลยสบายไปหน่อยนึง



ไม่ต้องพูดถึงความสูง ตัวผมเองเป็นคนกลัวความสูงมาก ท้องไส้ตอนนั้นปั่นป่วนไปหมด คิดในใจกูมาทำไรหวะเนี่ย รูปไม่มีนะคับ เพราะเอาตัวเองให้รอดยังยากเลยฮะ ผ่านพ้นช่วงนั้นมาได้ก็โล่งละคับ นึกว่าจะถึงแบบสบายๆละ ฝนดันตกลงมาแบบหนักมาก เราชุ่มกันหมดคับ หนาวมากด้วย เดินลงเรื่อยๆจนเข้ามาในหมู่บ้าน ตรงจุดนนี้ พี่ จนท อุทยาน จะขับรถมารับเรา สิ่งแรกที่เราเห็นคือร้านขายของชำ มันคือสวรรค์เลยอ่า อยากกินแป๊ปซี่เย็นๆชื่นใจ อยากกินกาแฟสด อยากไปหมดเลย555



หลังจากพี่ จนท มารับเรากลับไปอุทยาน เราอาบน้ำอย่างชื่นใจเนื่องจากไม่ได้อาบมา4วันเต็ม หลังจากนั้นก็กล่าวคำอำลาพี่ๆ จนท ที่น่ารักทุกท่าน เราเดินทางมาพักก่อนกลับกรุงเทพที่ตัวเมืองเชียงใหม่ และกลับสู้กรุงเทพอย่างปลอดภัยพร้อมกับความประทับใจมิรู้ลืม
เตรียมตัวก่อนไป
-ข้างบนมีน้ำจากลำธาร เตรียมไปแค่ระหว่างทางเดินวันแรก
-การทำธุระหนักนั้น ตรงไหนก็ได้คับ ไม่มีใครว่า
-ควรใช้เวลาอย่างน้อย 4วัน3คืน
-ลูกหาบจะแบกของให้20กิโลเท่านั้น
-ข้างบนอากาศค่อนข้างหนาวมากควรเตรียมเสื้อผ้าให้ดีๆ
***สุดท้ายนี้ รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกของผม อาจจะรีวิวไม่ค่อยดีเท่าไร แต่จะปรับปรุงและพัฒนา และจะกลับมารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักอีกคับ ฝากติดตามเพจเฟสบุ๊คของเราด้วยนะคับ https://www.facebook.com/Touch-Your-Life-1114852641859980/ ยังมีภาพสวยๆอีกมากมายคับ***





งดงามจริงๆครับ><

Rapeepol Wuttipanichakul

 วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 10.43 น.

ความคิดเห็น