สวัสดีครับเพื่อนๆ กลับมาพบกับ Mobile Photographer และ โปรเจค Urban Explorer ซึ่งตอนนี้เป็นตอนที่ 2 ฮะ

ซึ่งครั้งนี้แก้วจะพาทุกคนไปในที่ที่ทุกคนจะคาดไม่ถึงแน่นอน นั่นก็คือ " คลองเตย " คร๊าบบ

หลายคนอาจจะคิด อาจจะมีความเชื่อว่า คลองเตย เป็นแหล่งเสื่อมโทรม เป็นแหล่งค้ายาเสพติด
เต็มไปด้วยคนจน ความรุนแรง สิ่งที่เหมือนเป็นอีกด้านนึงในสังคม ถูกรวมมาไว้ที่นี่ครับ แต่นั่นเป็นเพียงอดีต . . . .

วันนี้แก้วอยากให้เพื่อนๆ เปิดใจให้กว้างๆ แล้วตามแก้วมา สัมผัสสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง แล้วคุณจะเปลี่ยนใจ


จุดตั้งต้นของแก้วก็คือ มูลนิธิดวงประทีปครับ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าสุดของชุมชนคลองเตยเลย แต่เหมือน
แก้วจะมาเช้าไปหน่อย ยังไม่มีใครมาเลย รู้สึกว่าโชคดีมากที่วันที่มา อากาศเย็นสบายน่าเดินเที่ยว

ป้ายบริเวณด้านหน้าของมูลนิธิ ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1978 โดยคุณครูประทีป กับเด็กด้อยโอกาสอีกนับพันคน

พูดพร่ำทำเพลงมาก็นาน เริ่มกันดีกว่าฮะ ทางทีมงาน และผู้นำชุมชนคลองเตยในส่วนต่างๆ ก็มารวมกัน
ที่ลานอเนกประสงค์ของมูลนิธิ ซึ่งผู้ร่วมทริปในครั้งนี้ก็จะมารวมกัน ซึ่งมีด้วยกัน 3 คน ครับ
เป็นหนุ่มออฟฟิศ 1 คน และครูสาว 2 คน รวมเรา ( Blogger ) ธรรมดาๆ คนนึง 55 5

เหล่าผู้นำชุมชม ก็ขึ้นมากล่าวต้อนรับพวกเรา และให้คำแนะนำในการท่องเที่ยวคร่าวๆ ในทริปนี้ครับ

และนี่ก็คือเหล่าน้องๆ ไกด์ตัวน้อย ที่ได้รับการอบรมจากมูลนิธิดวงประทีป และ Local A Like ครับ
น้องๆ แต่ล่ะคนมีความสามารถรอบด้านมาก ทั้งในเรื่องการให้ข้อมูล การนำเที่ยว การต้อนรับดูแล

สิ่งหนึ่งครับ และเป็นสิ่งที่แก้วประทับใจมาก ชาวคลองเตยอยากให้ทุกคนเข้าใจ สิ่งที่เขาเป็น
มันไม่ใช่อยากที่ผู้คนข้างนอกนั้นเข้าใจ อยากแค่ให้เพียงเข้าใจ โดยที่ไม่ต้องเข้าข้าง

โอเคครับ เริ่มออกเดินกันดีกว่า ชุมชนคลองเตยนั้น ถูกแบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ๆ ได้แก่
[ 1. ชุมชนล็อค 1-2-3 ] , [ 2. ชุมชนล็อค 4-5-6 ] , [ 3. ชุมชน 70 ไร่ ]
อย่างตอนนี้แก้วก็กำลังเดินเข้าไปสู่ชุมชน ล็อค 4-5-6 ครับผม

ภาพสองข้างทางของชุมชน บนถนนเส้นหลักที่เราใช้เดินทางกันในวันนี้

ภายในชุมชน ก็มีโรงเรียนฝึกอาชีพที่ทางกรุงเทพฯ ได้สร้างขึ้นเพื่อพัฒนาอาชีพ และความเป็นอยู่ของคนในชุมชนให้ดีขึ้น

อย่างร้านตัดผมนี้ครับก็เป็นผลผลิตจากโรงเรียนฝึกอาชีพ จะเห็นได้ว่า ราคานั้นถูกแสนถูก
แต่ก็ทำให้ร้านนั้นก็สามารถอยู่ได้ คนมาใช้บริการก็แฮปปี้มีเงินจ่ายแบบสบายกระเป๋า

บริเวณข้างๆ กันนั้นเองแก้วก็เจอเข้ากับร้านขายไก่ทอด แต่เอ๊ะ พอเข้าไปดูใกล้ๆ นี่มัน โครงไก่นี่นา

บอกตามตรงอีกแล้วครับว่า ในชีวิตนี่นับครั้งได้เลยที่จะซื้อโครงไก่กิน แต่พี่ๆ ที่ชุมชนบอกว่า เจ้านี้นี่เด็ดสุดเลยนะ
ระหว่างที่ยืนคุย ยืนถ่ายอยู่ ก็มีคนมาสั่งจริงๆ ครับ สั่งเยอะด้วย สั่งจนจะหมด โชคดีที่ทางทีมงาน ซื้อเอาไว้ให้ชิม
ไม่งั้นแก้วอดกินเสียดายแย่เลย 55 5

เดินมากันต่อครับ ตอนนี้แก้วเดินมาถึง ทางรถไฟ ที่อยู่ริมของชุมชนล็อค 4-5-6 และเป็นจุดกั้นระหว่างชุมชนของพวกเขากับถนนใหญ่ ไม่น่าเชื่อนะครับว่า ติดทางรถไฟขนาดนี้ ยังมีบ้านคน ซึ่งสร้างแบบถาวรด้วยนะ สร้างเรียงกันยาวเป็นทอดเลย

ตลอดสองฝากฝั่งของทางรถไฟ เป็นที่อยู่ เป็นบ้าน เป็นที่ทำงานของใครหลายๆ คนเลย

เราเดินลัดเลาะกันไปตามทางรถไฟ เข้าไปเรื่อยๆ พูดคุยกับเหล่าไกด์ตัวน้อยที่คอยให้คำแนะนำกับเรา
รวมไปถึงผู้นำชุมชนด้วยว่าทำไม ชาวคลองเตยถึงต้องมาอาศัยกันอยู่ริมทางรถไฟแบบนี้

สาเหตุหลักๆ ก็คือ ไม่มีพื้นที่จะอยู่อาศัยกันอย่างเพียงพอ และรายได้ที่จะหาที่อยู่อาศัยที่ดีกว่านี้
รวมไปถึงญาติพี่น้องก็อยู่กันที่นี่ เลยไม่อยากจะย้ายออกไปไหน

แต่สิ่งที่แก้วเดินไปเรื่อยๆ และได้พบอยู่ตลอดทางนั่นก็คือ ทุกคนกลับยิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งที่ความเป็นอยู่เป็นแบบนี้

รอยยิ้ม และบ้านเล็กๆ สีสันน่ารัก ๆ เราก็ยังหาพบได้ที่นี่ นี่คือสิ่งที่คลองเตยเป็นอยู่

บ้านสไตล์เก๋มาก แบบบริหารจัดการพื้นที่ที่จำกัดออกมาได้ดูดีมากเลย แก้วนี่ยังทึ่งเลย

บ้านหลังเล็ก หลังนี้ ดูจะเป็นที่ถูกตาถูกใจคนร่วมทริปมามาก

วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชน ชวนให้ผมนึกถึงความเรียบง่าย ความธรรมดาของชีวิต
ที่ไม่ได้ต้องการ การปรุงแต่งอะไรมากมาย ก็สามารถมีความสุขกันได้

ก่อนที่แก้วจะเดินทางต่อไปสู่ชุมชน ล็อค 1-2-3 แก้วก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ใช่แล้วล่ะฮะ รถไฟนั่นเอง
ทางผู้นำชุมชน และทีมงานบอกว่าเราโชคดีมากเลยนะเนี่ย มาตรงจังหวะรถไฟมาพอดี เพราะรถไฟ
บนเส้นทางนี้ เป็นรถขนน้ำมันของบางจากครับ ซึ่งไม่ได้วิ่งมีตารางแน่นอนชัดเจน

นั่นไงฮะมาไกลๆ นั่นแล้ว จากมุมนี้เพื่อนๆ จะเห็นว่า รางรถไฟนั้น อยู่ติดกับบ้านของทุกๆ คนจริงๆ เสมือนเป็นส่วนนึง
ของชุมชนไปแล้วมองเห็นว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ที่ทุกคนชินกับเสียงการเดินรถของรถไฟ ไปโดยปริยาย

ภาพนี้เป็นภาพที่แก้วคิดว่า ไม่น่าจะสามารถหาชมได้ที่ กรุงเทพฯ ของเราเลยจริงๆ ทุกคนในทริปต่างดีใจกันที่ได้เห็น
สิ่งที่เป็น Unseen จริงๆ ของคลองเตย ตลาดร่มหุบนี่ดูธรรมดาไปเลย เมื่อเจอรถไฟ วิ่งเฉียดบ้านทุกวันขนาดนี้

เอาล่ะครับทีนี้เราจะไปกันต่อเข้าสู่ชุมชนล็อค 1-2-3 กันแล้ว เดินเข้ามาตามทางด้านในครับ
เป็นทางแคบๆ แต่มอเตอร์ไซต์สามารถผ่านได้ ปูด้วยไม้บ้าง ลาดด้วยปูนบ้าง

ระหว่างทางที่เดินไป ก็จะมีบ้านชาวบ้าน ที่เรียกได้ว่าแทบจะหันหน้าชนกันอยู่เลย บางมุมดูอึดอัด

แต่ในอีกมุมดูก็ทำให้รู้สึก อบอุ่นไปอีกแบบนึงครับ

ภาพน่ารัก ๆ น้องหนูคนนี้คงจะถูกสั่งให้นั่งเฝ้าไก่ของบ้านตัวเองไว้ นั่งอยู่ไม่ไปไหนเลย
หลายบ้านแก้วเห็น ก็จะเลี้ยงไก่หรือเป็ดเอาไว้ครับ



จะกี่ทริปต่อกี่ทริป เจอแมวก็อดถ่ายไม่ได้ เจ้าอ้วนนี่ตัวใหญ่มาก หน้ากลมบ็อคเชียว น่าร๊ากกก -3-


ในชุมชน แต่ล่ะบ้านก็จะมีอาชีพที่แตกต่างกันออกไป ทั้งประกอบอาหาร ย่างไก่ ปิ้งหมูขาย

ร้านนี้ก็ร้านก๋วยเตี๊ยว คนแน่นร้านเชียว อยากจะเข้าไปชิมจริงๆ นะครับแหม่

เดินมาอีกหน่อยนึงครับ เราก็มาพบกับ ศาลพ่อปู่ท้าวโคจร เป็นที่เคารพ สักการะ มีเรื่องราวความเป็นมาว่า
ในสมัยที่การท่าเรือได้มาตั้งโกดังใหม่ๆ มีจระเข้ตัวนึงหลุดเข้ามาในโกดัง แต่หาเท่าไหร่ก็หาตัวไม่เจอรัง
แต่จะมีคนพบเห็นอยู่เสมอ ซึ่งชาวบ้านก็เคารพนับถือสืบต่อกันมา ว่ากันว่า ใครที่ผมขอพรที่นี่ จะได้สมดังปราถนา
ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเรื่องการเรียนการศึกษา และโอกาสทางอาชีพการงาน

เมื่อเดินต่อมาอีกหน่อย จะเจอกับมัสยิดหนึ่งเดียวของชุมชนคลองเตยครับ เพราะในชุมชนนั้นมีชาวมุสลิมอยู่จำนวนไม่น้อยเลย
สถานที่แห่งนี้จึงถูกใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และยังใช้จัดงานต่างๆ ของชุมชน เป็นพื้นที่อเนกประสงค์

เราเดินลัดเลาะกันเข้ามาจนถึงชุมชนล็อค 1-2-3 แล้วครับ บางส่วนของชุมชนนี้อยู่ติดกับทางด่วน ซึ่งทำให้มีบ้านเรือนอยู่ใต้ทางด่วนด้วย มาดูกันครับว่าชีวิตความเป็นอยู่ของคนใต้ทางด่วนนั้นจะเป็นอย่างไร

ใต้ทางด่วนที่เราเห็นนี้ มีบ้านคนที่ถูกสร้างขึ้นอย่างถาวร มาลานจอดรถ ร้านขายอาหารตามสั่ง ส้มตำ ร้านขนม
ตอนเข้าไปแก้วเองก็ยังแปลกใจว่า สถานที่แบบนี้สามารถอยู่อาศัยอย่างถาวรได้จริงหรือเปล่า

จุดนี้เป็นตรงกลางลานของชุมชนครับ ที่จะมีคนจากมูลนิธิ มาตัดผมให้เด็กๆ ฟรีในวันเสาร์-อาทิตย์

ใกล้ๆ นั้นเองเป็นบ้านของคุณยายคนหนึ่ง แกมีอาชีพขายขนมถ้วยครับ และอยู่ที่นี่มากว่า 20 ปีแล้ว เดิมทีแกเป็นคนจังหวัด ลพบุรีครับ แต่ย้ายตามสามีมาตั้งรกรากใหม่ที่นี่ รสชาติของขนมถ้วยแก ขอบอกเลยว่า อร่อยมาก จะเห็นว่ามีเด็กๆ มานั่งรอกินเต็มไปหมดเลย

เผลอแป๊บเดียวหมดเกลี้ยงแล้วอะดูสิ !!

มีนักท่องเที่ยวมาทานขนม แล้วก็ถ่ายรูปให้แกเอาไว้ เพื่อเป็นที่ระลึก เป็นความภูมิใจและประทับใจเล็กๆ ของคุณยาย

ส่วนข้างๆ นั้นมีหาบเร่ขายของอยู๋ ตอนแรกแก้วคิดว่ามันคือ ไข่ปิ้ง แต่ตัวขนขายบอกว่า มันคือ " ไข่ดูด "
ไข่ดูด เอ่ย มันคืออะไรอะ มันคือไข่ปิ้งที่ ไข่แดงยังไม่สุกมาก เจาะรูข้างบน แล้วก็เอาหลอดปักดูดนั่นเอง

เอาล่ะครับ ตอนนี้แก้วเดินมาจนเวลาก็ใกล้เที่ยงแล้ว ทางไกด์ก็บอกว่า
เราจะไปแวะพักรับประทานอาหารกัน ที่บ้านหลังหนึ่งใจกลางชุมชนล็อค 1-2-3 แห่งนี้


ในพื้นที่เล็กๆ แก้วก็ยังสามารถมองเห็นมุมสวยงาม ความรู้สึกดีๆ จากพื้นที่เล็กๆ นี้ได้

ระหว่างทางที่เดินไปบ้านหลังที่เราจะพักกลางวันกันนั้น แก้วผ่านสถานที่หลายแห่งเลย อย่างจุดนี้ครับ เป็นศูนย์กลางของชาวพุทธในชุมชนคลองเตย ที่จะมาใช้สถานที่ในการประกอบพิธีกรรมกัน ไม่ว่าจะ บวช ทำบุญ จัดงานเลี้ยง ก็จะมาที่นี่

ลานเอนกประสงค์ ที่ให้เด็กๆ ได้มีพื้นที่เล่นกีฬากัน ในเวลาหลังจากเลิกเรียน
มุมนี้เป็นอีกมุมนึงที่แก้วชอบมาก มันให้ความรู้สึกได้ถึงวัยเด็กขึ้นมาเลยทีเดียว

ระหว่างทางที่แก้วเดิน ก็ไปสะดุดเข้าไปสิ่งนี้ มองไกลๆ ตอนแรกตกใจนึกว่ากระเพาะปลา 55 5 จริงๆ แล้วมันคือ
ตีนไก่ที่งัดเล็บออกมาแล้วครับ เป็นอาชีพของคนที่นี่ เพื่อนำไปส่งขายข้างนอกต่อไป

การงัดเล็บตีนไก่ก็ง่ายๆ ครับใช้เพียงแค่ ถุงมือ 1 คู่ และกรรไกร 1 อันเท่านั้นเอง
ซึ่งคุณป้าท่านนี้ก็ทำได้อย่างชำนาญ และรวดเร็วมากเลยทีเดียว

เคยสงสัยมั้ยครับ ว่าข้าวสวยเป็นถุงๆ ที่เราซื้อทานกันมาจากไหน วันนี้แก้วมีคำตอบมาฝากฮะ

นี่แหละฮะ ข้าวสวย เม็ดสวยๆ หอมๆ น่ารับประทานมาก นี่แหละครับแหละผลิตข้าวสวยร้อนๆ ส่งขายทั่วกรุงเทพฯ

เดินกันมายาวๆ ได้พักกินข้าวซักหน่อย หิวแล้ว พี่ๆไกด์ และทีมงาน Local A Like และผู้นำชุมชนก็ดูแลเราเป็นอย่างดี

อาหารฝีมือชาวบ้าน ก็รสชาติใช้ได้ครับ ให้ความรู้สึกเหมือนเรามากินข้าวเองที่บ้านเลย

มาต่อกับกิจกรรมที่แก้วถนัดเหลือเกิน(ประชดนะ) นั่นก็คือ การร้อยมาลัยฮะ 55 5
อ่านจากตารางมาแล้วแหละว่ามี แต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ตลอดชีวิตผู้ชายคนนึง จะได้ร้อยมาลัยสักกี่ครั้งเนอะ

เป็นไงล๊าาา เห็นแบบนี้แก้วก็ร้อยมาลัยได้น้า (เล่นเอาแทบแย่เหมือนกัน น้องๆ ไกด์ช่วยกันรุม)

ร้อยออกมาได้เรียบร้อยก็ถ่ายรูปรวมกันหน่อย ฮรี่ๆ

ตอนนี้เราก็มาถึงโซนสุดท้ายที่จะเดินชมกันแล้วครับ นั่นก็คือ ชุมชนคลองเตย 70 ไร่ นั่นเอง
ชุมชนนี้เนี่ยถูกจัดระเบียบโดยกรุงเทพฯ และการท่าเรือเรียบร้อยแล้ว ทำให้จะดูสะอาด
เรียบร้อยมาก กว่าโซนอื่นๆ ของคลองเตยครับ

ในบริเวณนี้ก็จะเป็นย่านค้าขายหลัก เป็นตลาดกลางของชุมชนคลองเตยทั้งหมดครับ

ตรงนี้ก็เป็นศาลพ่อพระประแดงที่ชาวบ้านชาวชุมชนคลองเตยนั้นมาสักการะ
ขอพรให้ชีวิตกันเป็นประจำครับ ตั้งอยู่ในกลางตลาดเลย

ห้องสมุด และพื้นที่กิจกรรมดีๆ ของเด็กๆ ในชุมชนได้มาใช้กัน ก็มีนะครับ ซึ่งที่นี่ก็เป็นหนึ่งในโครงการของมูลนิธิดวงประทีปเช่นกันครับ นอกจากนี้ยังมี ศูนย์เพาะเลี้ยงไส้เดือน ฟาร์มเห็ด ซึ่งต่างก็เป็นอาชีพให้กับคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี


เมื่อเดินชมกันครบแล้วเราก็กลับมาพูดคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น จากการท่องเที่ยวในครั้งนี้ แลกเปลี่ยนความรู้ ความรู้สึก แนะนำติชมแก้ไขกัน ให้ทริปต่อๆ ไปนั้นดีขึ้นสนุกขึ้น ให้กับผู้นำชุมชน และ Local A Like ได้นำไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อทำให้การท่องเที่ยวเพื่อสังคมนั้น เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของการท่องเที่ยวไทย ที่น่าจับตามองอย่างแท้จริง

มาถึงจุดนี้แล้ว เพื่อนๆ คิดยังไงกับ ชุมชนคลองเตยกันครับ ? สำหรับแก้ว ภาพที่มีในหัว กับสิ่งที่ได้มาพบเจอในวันนี้ ขอบอกเลยว่า มันต่างจากที่จินตนาการเอาไว้มากจริงๆ ที่นี่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้จะยังอยู่บนพื้นฐานของชุมชนแออัด และเป็นพื้นที่ที่ขาดโอกาสหลายๆ อย่าง แต่น้ำใจ กับความสุข พื้นที่แห่งนี้นั้น ไม่ขาดอย่างแน่นอน กับที่นี่ครับ " คลองเตย "

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ

[ เกี่ยวกับผู้เขียน ]

ชื่อ "แก้ว" ครับ ชอบ เดินทาง ท่องเที่ยว และชอบถ่ายรูปมาก ตั้งแต่จำความได้เลย

ปัจจุบันก็ทำงานประจำ วันว่างๆ ก็เป็น นักเขียน อะไรไปเรื่อย
นอกจากนั้นยังชอบถ่ายภาพ บางครั้งก็มีคนจ้างไปถ่ายด้วยนะ 55 5
พอดีอย่างแชร์สิ่งที่ตัวเองรัก ให้คนอื่นได้รักบ้าง เลยมาเขียน Blog นี้ครับ

ฝากติดตามผลงาน เป็นกำลังใจให้แก้วเขียนด้วยน๊า

IG : https://instagram.com/kaew.mobilefoto/
Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer

Mobile Photographer

 วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 21.45 น.

ความคิดเห็น