+++ สวนสวรรค์ร้อยพันธุ์ผลไม้ มหัศจรรย์...จันทบุรี +++


สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่านครับ
กระทู้นี้ที่ 2 ของผมครับ แต่เป็นกระทู้รีวิวแรกที่ผมได้ไปเที่ยวกับพี่ๆ blogger
ผมถึงกับถึงบางอ้อเลยว่าเที่ยวแบบ blogger มันสนุกอย่างนี้นี้เอง 555

โดยทริปจันทบุรีครั้งนี้ ผมได้รับการชักชวนจากพี่ตั้ม Tummeng Trip Travel Magazine ซึ่งเป็น blogger ชื่อดังด่านหนึ่ง
ว่าอยากไปเที่ยว จันทบุรีกับพี่ไหม เที่ยวในกิจกรรม 12 เมืองต้องห้าม...พลาดครับ
ที่จัดขึ้นโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

ผมใช้เวลาคิดไม่นานจึงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว เพราะในใจ อยากไปกินทุเรียนที่จันทบุรีมาก 555
ไม่ได้คิดอะไรมากนอกจากนั้นจริงๆๆ 555
แต่พอลองหาข้อมูล จ.จันทบุรี จาก google ก็ถึงกับ โอ้โห้!! จังหวัดนี้มีอะไรมากมายกว่าที่เราคิดจริงๆๆ

ในทริป จ.จันทบุรี ครั้งนี้
โปรแกรมในการเดินทาง พี่ตั้ม ได้วางแผนมาเป็นที่เรียบร้อย
โดยทริปครั้งนี้เดินทาง วันเสาร์-อังคาร 4 วัน 3 คืนครับ

ถ้าเพื่อนๆ ทุกท่าน พร้อมลุยก็ไปเที่ยว จันทบุรีกันเลยครับ Go!!!

[กระทู้นี้เป็น SR ครับ]


- โดยค่าใช้จ่ายในทริปครั้งนี้ สนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

- ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ เชียงราย-ดอนเมือง สนับสุนนโดย Nokair

- รถยนต์ที่ใช้ในการเดินทางในทริปครั้งนี้ทั้งหมด สนับสนุนโดย Thai Rent A Car

จันทบุรี - สวนสวรรค์ ร้อยพันธุ์ผลไม้


ถ้าพูดถึงจันทบุรี เพื่อนๆๆที่อยู่กรุงเทพ ในวันหยุดสุดสัปดาห์สามารถไปเที่ยวได้ แบบสบายๆ
เพราะ จ.จันทบุรี ห่างจากกรุงเทพไม่มากนัก ประมาณ 265 Km. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงครับ

สำหรับทริปนี้ผมและพี่ตั้ม ได้นั่งเครื่องบินมาจากเชียงราย มาลงที่สนามบินดอนเมือง
จากนั้นก็ติดต่อรถเช่าที่ สนามบิน เป็นของบริษัท Thai Rent A Car โชคดีหน่อยได้รถ Toyota Yaris รุ่นใหม่ขับนุ่มสบายมากครับ
พอได้รับรถเรียบร้อย ก็รีบตรงดิ่งไปจันทบุรีทันที ซึ่งกลัวไปถึงจันทบุรีจะค่ำ มืด ซ่ะก่อน เพราะพวกเราออกจากสนามบินเกือบบ่ายโมงละครับ
โดยจุดหมายปลายทาง ที่หลับที่นอน คืนนี้คือ โรงแรม Gems club ในตัวเมืองจันทบุรี


เดินเที่ยวชุมชนริมน้ำจันทบูร...ชุมชนเก่าที่มีเรื่องราวมากกว่า 300 ปี



เมื่อถึงที่พัก และเช็คอินเรียบร้อย ที่โรงแรม Gems club ซึ่งอยู่ติดกับ ชุมชนริมน้ำจันทบูร

พอเก็บข้าวเก็บของเสร็จ ผมและพี่ตั้ม ก็เตรียมอาวุธให้เรียบร้อยเพื่อ ที่จะออกไปถ่ายรูปกัน แต่ฟ้าช่างกลั่นแกล้ง

ตลอดทริปที่ผม ไปเที่ยวที่จันทบุรี พอตอนเย็น และตื่นมาตอนเช้า ฝนจะตกทุกวัน แต่ตอนกลางวันฟ้าสวยมากๆๆๆๆๆๆๆ 555



ชุมชนริมน้ำจันทบูร เป็นชุมชนริมน้ำเก่าแก่กว่า 300 ปี ระยะทางเดินดูวิถีชีวติที่ชุมชนริมน้ำจันทบูร ประมาณ 1 กิโลเมตร โดยตลอดทาง

บริเวณนี้มีบ้านเรือนเก่า โบสถ์คริสต์ วัด ศาลเจ้าจีน ตลาดพลอด ร้านขายอาหาร ขนมไทยแบบดั้งเดิม ซึ่งนับวันจะหาชมได้ยาก

โดยครั้งหนึ่งที่ชุมชนริมน้ำจันทบูร แห่งนี้เคยเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ทำให้บ้านเรือนเก่าๆ เสียหายไปบางส่วน ปัจจุบันจะกลายเป็นตึกสมัยใหม่ไปแล้ว

ทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างบ้านเรือนแบบเก่า และบ้านเรือนแบบใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัวมาก



บรรยากาศบ้านเรือนชุมชนริมน้ำฯ


ร้านขายยาจีน และยาแผนโบราณ


บ้านหมายเลข 69 ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชนริมน้ำจันทบูรครับ ผมมาเย็นเกินไปปิดซ่ะก่อน


ตึกแห่งนี้เคยถ่ายทำโฆษณา เมื่อปี 2550 "ดูดู๊ดู ดูเธอทำ ทำไมถึงทำกับฉันได้" จำกันได้ไหมครับ


ในทุกเช้าของที่นี้ จะมีพระสงฆ์ออกมาบิณฑบาตให้ศีล ให้พรแก่ชาวบ้าน


บ้านเลขที่ 252 บ้านพักประวัติศาสตร์ หลวงราชไมตรี....เพื่อนๆๆสามารถจองพักที่นี้ได้ครับ


ร้านไอศครีม ตราจรวด...เป็นร้านไอศครีมที่ผลิตด้วยเครื่องจักรแห่งแรกของเมืองจันทบุรี


ก๋วยจั๊บป้าไหม...ร้านอยู่ตรงข้ามบ้านหลวงราชไมตรี ใครมาชุมชนริมน้ำจันทบูร ห้ามพลาดเด็ดขาดขอบอก เพราะผมพลาดมาแล้ว 555


ขนมไข่ป้าไต๊....คุณยายยังแข็งแรงนั่งใส่ขนมเองทุกอัน ลูกคุณยายเป็นคนทำขนม อร่อยมากคอนเฟิร์ม ต้องกินร้อนๆๆจะสุดยอดมาก


โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล..(โบสถ์คริสต์เมืองจันทร์)



โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล หรือ โบสถ์คริสต์เมืองจันทร์ เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกหนึ่งเดียวในอำเภอเมืองจันทบุรี

มีความสวยงามมาก ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็มีความสวยงาม และความศักดิ์สิทธิ์

ภายในตกแต่งด้วยกระจกสีที่มีความสวยงามมาก ด้านหน้าโบสถ์เป็นรูปปั้นพระแม่มารี

โบสถ์คาทอลิตแห่งนี้นับเป็น โบสถ์ขนาดใหญ่ที่มีความเก่าแก่ที่อยู่คู่กับชาวจันทบุรี มามากว่าศตวรรษ

และมีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ

ผู้ที่สนใจสามารถไปเที่ยวชมโบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-07.00 น. และ 18.00-19.45 น.

สำหรับผู้ที่จะเข้าไปภายในโบสถ์ควรแต่งกายให้สุภาพ และเหมาะสม ด้วยนะครับ



บรรยากาศ ชุมชนริมน้ำถ่ายจากบนสะพานนิรมล หน้าโบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล

ภาพความสวยงามของโบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล...ในหลายๆๆอารมณ์


ภายในโบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล ตกแต่งภายในไว้อย่างสวยงามมาก.......ผมไปเป็นวันอาทิตย์พอดี ชาวบ้านกำลังจะเริ่มทำพิธีทางศาสนาพอดีครับ


เดินชมความสวยงามของชุมชนริมน้ำจันทบูรเรียบร้อยแล้ว หิวแล้ว ถึงเวลาต้องไปหาของอร่อยของจันทรบุรีกินกันครับอาหารเย็นมื้อแรกที่ จันทบุรี ฝากท้องที่....ตลาดน้ำพุ



ผัดไทยกุ้งสด...ร้านนี้เด็ดมาก อร่อยใช้ได้เลยทีเดียวครับ ราคาไม่แพง พิเศษ 40 บาท เท่านั้น

และอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับคำแนะนำจากพี่ที่เป็นคนจันทบุรีว่า ถ้ามาจันทบุรี แล้วไม่ได้กิน ข้าวคลุกพริกเกลือถือว่ามาไม่ถึงนะครับ


ผมว่ารสชาติประมาณข้าวมันไก่คลุกพริกเกลือ แล้วมีน้ำจิ้มซีฟู้ดให้จิ้ม แต่ก็ถือว่าน่าลอง ใครได้ไปจันทบุรี ต้องลองคับ ข้าวคลุกพริกเกลือนะครับ

จานนี้ราคา 40 บาทเหมือนกันครับ

ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี....พิพิธภัณฑ์อัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย



หลังจากเดินเที่ยวย่านชุมชนจันบูร ในตอนเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางกันต่อแล้ว ในเช้าแรก ที่จันทบุรี พร้อมลุยเต็มที่ ฟิตมาก 555

สถานที่ แรกในเช้านี้คือที่ ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี ตั้งอยู่ที่ถนนมหาราชในเมืองจันทบุรี

เป็นศูนย์แสดงและส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับถาวรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และในเอเชีย

ภายในศูนย์ฯ แห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เกี่ยวกับอัญมณี ตลอดจนกระบวนการผลิตอัญมณีในขั้นตอนต่างๆ

ที่จัดไว้ในลักษณะของนิทรรศการอีกด้วย

และยังมีพิพิธภัณฑ์อัญมณีที่ทันสมัยด้วยครับ โดยนำเสนอแบบ Live Museum, ห้องวีดีทัศน์ 3D ที่ทันสมัยที่สุด

เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการทำพลอย การขุดพลอย การเผา และการเจียระไน, Gem Bank, ศูนย์ปฎิบัติการตรวจสอบอัญมณี

และสถานที่จัดแสดงสินค้าและนิทรรศการต่างๆที่น่าสนใจ

เปิดบริการ 09.00 น. - 17.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ



อาคารสร้างใหม่มีรูปแบบสวยและทันสมัยมาก

ภาพจำลองแสดง รัชกาลที่ 5 เสด็จ จ.จันทบุรี


มีห้องวีดีทัศน์ 3D แสดงถึงประวัติความเป็นมาของ PloyChan


หลังจากห้องวีดีทัศน์แบบ 3D แล้วห้องต่อมาเดินดูนิทรรศการ เกี่ยวกับพลอย และแร่ต่างๆ


สเปตชาไทต์ การ์เนต (Spessartite Garnet) จากประเทศแทนซาเนีย


แบล็ค ทัวร์มารีน (Black Tourmaline)


ไวท์เบริล หรือ โกสซ์ไนต์ (White Beryl or Goshenite)จากประเทศแทนซาเนีย


โมเดลลูกโลกแสดงให้เห็นว่าประเทศไหนมีแร่ชนิดไหนบ้างครับ


ห้องแสดงมงกุฎจำลอง


หลังจากเดินชมนิทรรศการเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เป็นการช็อปปิ้งกันแล้วครับ มีพลอย,เพชร ฯลฯ ให้เลือกซื้อหลากหลายรูปแบบ


มีราคาตั้งแต่หลักร้อย ถึงหลักล้านครับ

Go....มุ่งหน้าสู่ อ.ขลุง.....เจอกันที่หมู่บ้านไร่แผ่นดิน บางชัน



หลังจากเดินชมศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี และซื้อของที่ระลึกกลับไปฝากคนทางบ้านเรียบร้อยแล้ว

ก็ได้เวลาเดินทางต่อ มุ่งหน้าสู่ อ.ขลุง อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันเรือ รอบ 12.00 น.

เพื่อไปพักที่หมู่บ้านไร้แผ่นดิน บางชัน ที่บ้านทะเลดาว โฮมสเตย์ ซึ่งเป็นที่พักของเราคืนนี้

ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 40 Km. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที

บ้านทะเลดาว โฮมสเตย์ ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านไร่แผ่นดิน โดยเรือหางยาวของทาง โฮมสเตย์ จะมีเพียงวันละ 1 รอบเท่านั้น ออกจากท่าเรือ อ.ขลุง 12.00 น. และ ออกจากบ้านทะเลดาว โฮมสเตย์ มาที่ท่าเรือขลุง 10.00 น. ราคาค่าโดยสาร คนละ 70 บาท/รอบครับ

ถ้ามาไม่ทันเรือของโฮมสเตย์ ต้องเหมาเรือหางยาวเล็กไปเองครับ ราคาลำละประมาณ 500 บาทครับ



ราคาที่พักที่ บ้านทะเลดาว โฮมสเตย์ ราคาคนละ 1,500.-/คน

ได้รับอาหาร 3 มื้อ มื้อเที่ยง, มื้อเย็น และมื้อเช้า ทะเลพื้นบ้าน, ซีฟู๊ด ปิ้งย่าง (ไม่อั้น), ข้าวต้ม ทะเล

กิจกรรมที่ทำ ชมฝูงเหยี่ยวแดง, ร้องคาราโอเกะ, ตกปลา, แพเปียก, พายเรือคะยัค, ชมทะเลแหวก, ทำบุญตักบาตรตอนเช้า

ถ้าเพื่อนๆสนใจอยากมาเที่ยว หมู่บ้านไร่แผ่นดิน บางชัน ติดต่อที่บ้านทะเลดาว โฮมสเตย์ เจ้าของโฮมสเตย์น่ารัก และใจดีสุดๆๆครับ

ติดต่อได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/BanThaleDawHomeStey

หรือ โทร. 083-598009, 088-2144424

ถ้าเพื่อนจะมาในวันหยุดสุดสัปดาห์ ควรจองล่วงหน้าก่อน 1-2 เดือนนะครับ ไม่งั้นไม่มีที่พักแน่นอน ที่นี้คิวแน่นมาก

ถึงเวลาเรือออกแล้วครับ


นึกว่า Fast8 แรงมาก


ถึงแล้วบ้านทะเลดาว โฮมสเตย์ โดยสวัสดิ์ภาพ


ห้องพักสำหรับ 2 ท่าน ที่เราจะนอนกันในคืนนี้


มีเสื้อที่ระลึกขายด้วย มีหลายแบบ หลายลายเลย


เก็บข้าวเก็บของเสร็จ ก็ออกมาทานข้าวเที่ยงครับ ทางโฮสเตย์เตรียมไว้ให้เรียบร้อยน่าทานมาก ....


บอกตามตรงครับ อาหารทั้งหมดนี้ ผมกับพี่ตั้มทานสองคนไม่หมดจริงๆ เยอะมากๆๆ

ชมวิถีชีวิตชาวบ้าน....และเดินชมบรรยากาศหมู่บ้านไร้แผ่นดิน บางชัน



หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกมาย่อยอาหารสักหน่อย

เดินชมวิถีชีวิตของชาว บ้านหมู่บ้านไร่แผ่นดิน บางชัน ว่าเค้าทำอะไรกันบ้าง

ชาวบ้านส่วนใหญ่ของหมู่บ้านนี้ จะทำอาชีพประมงเป็นส่วนใหญ่

สินค้าที่พบเห็นที่หมู่บ้านนี้เยอะสุดคือ กุ้งแห้งครับ

และท้ายหมู่บ้านจะมี จุดศูนย์รวมของหมู่บ้านตั้งอยู่ คือวัดนั้นเองครับ



บรรยากาศของหมู่บ้านไร้แผ่นดิน และวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี้ครับ

ล่องแพเปียก ชมฝูงเหยี่ยวแดง สัมผัสทะเลแหวก....ที่ครั้งหนึ่งต้องมาให้ได้



หลังจากเดินชม หมู่บ้านไร้แผ่นดิน บางชัน เป็นที่เรียบร้อย

ก็ได้เวลาออกไปล่องแพเปียก ชมฝูงเหยี่ยวแดง จำนวนมากแล้ว และที่สำคัญไปเที่ยวทะเลแหวก

น้องที่พาเราไปบอกว่าทรายที่ทะเลแหวกจะเป็นทรายละเอียดสีดำ สามารถนำมาขัดผิดได้ ทำให้ผิวเนียน นุ่มขึ้น

ขากลับสามารถพายเรือคะยัค กลับมาที่โฮมสเตย์ได้ด้วยครับ



ครั้งแรกในชีวิตที่ได้เหยียบทะเลแหวก ทะเลแหวกที่บ้านบางชัน มีความยาวประมาณ 200 ม.


พอตกเย็นผมกับพี่ตั้ม ได้พายเรือคะยัคข้ามฝาก มารอถ่ายรูปอีกฝั่งหนึ่ง


แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจยิ่งนัก มืดมาเชียว อิอิ

หลักจากถ่ายรูปเสร็จ ก็ถึงเวลาทานอาหารเย็นแสนอร่อยที่เรารอคอยแล้วครับ....ปูเน้นๆๆ


ทั้งหมดนี้ทาน 2 คนอีกแล้วครับ อิ่มแทบอ๊วก 5555

ทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ก็ร้องคาราโอเกะ ย่อยอาคารสักหน่อย จะออกไปถ่ายดาวต่อก็ไม่ได้ เพราะฝนตกทั้งคืน 555ตื่นเช้าตักบาตร อิ่มบุญ @ บ้านทะเลดาว โฮมสเตย์



เช้านี้ตื่นสายหน่อยครับ เพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ ฝนตก ไฟดับทั้งคืน ร้อนมาก เลยนอนไม่ค่อยหลับครับ อิอิ

ตื่นเช้ามาพบกับบรรยากาศที่ อากาศเย็นสบายมากๆๆ ฟินสุดๆๆ เดินเล่นสักพัก ก็ถึงเวลาที่พระมาบิณฑบาต แล้วครับ

ที่สำคัญ ที่บ้านทะเลดาว โฮมสเตย์ จะเตรียมของไว้ให้เราใส่บาตร ในตอนเช้าด้วยครับ รับบุญก่อนกลับบ้านกันครับ



10.00 น. แล้วครับ เก็บของเตรียมตัวเดินทางออกจาก บ้านทะเลดาว โฮมสเตย์ครับ


ในขวดน้ำนั้นคือ การเลี้ยงหอยนางรมของชาวบ้านครับ ผมก็สงสัยอยู่นานเลยครับ 555

กลับถึงฝั่งโดยสวัสดิ์ภาพ มุ่งหน้าสู่สถานีต่อไปครับผม สวน KP Garden Chanthaburi ทานบุฟเฟ่ต์ผลไม้ทานแบบไม่อั้นกันครับบุฟเฟ่ต์ผลไม้ทานแบบไม่อั้น.....KP Garden Chanthaburi



สวนเคพี การ์เด้นท์ ตั้งอยู่ห่างจากสี่แยกแสลง (ทางไปวังแช้ม) ประมาณ 8 กิโลเมตร

จะเห็นป้ายบอกทางไปวัดทุ่งโตนด เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 200 เมตร จะพบสวนเคพี การ์เด้นท์

อยู่ด้านขวามือ ซึ่งตลอดเส้นทางจากสี่แยกแสลง จะมีป้ายชี้บอกทางติดตั้งไว้เป็นระยะๆ

เห็นได้ชัดเจนตลอดทาง ที่สวนมีที่จอดรถสะดวกสบาย

สวนแห่งนี้จะจัดบุฟเฟต์เป็นรอบๆ เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์

เปิดสวนวันละ 4 รอบคือ 9:00 11:00 13:00 และ 15:00 จะเปิดรับเพียงรอบละ 50 คนเท่านั้นครับ

ต้องโทรจองล่วงหน้าเท่านั้นนะครับ ติดต่อได้ที่ โทร.086-5662419, 039-32320110

ซึ่งที่นี่ก็เป็นหนึ่งใน 11 สวนที่จัด "เทศกาลบุฟเฟต์ผลไม้" ร่วมกับ ททท. ครับ



พอเราไปถึงสวนแล้ว พี่เค้าจะพาเดินชมสวนก่อนครับ เพื่อให้ชมภายในสวนว่ามีต้นอะไรบ้าง


และความรู้เกี่ยวกับการปลูก การดูแล และเก็บเกี่ยวผลผลิต ของผลไม้ชนิดต่างๆด้วยครับ

หลังจากนั้นก็ให้เราลองเก็บผลไม้เองด้วยครับ

คุณลุงเจ้าของสวนยังสอนดูทุเรียนด้วยครับ ว่าแบบไหนที่กินได้ แบบไหนที่พร้อมตัดแล้ว


และยังสอนปลอกทุเรียนแบบง่ายๆๆด้วยครับ ได้รับความรู้เกี่ยวกับผลไม้อีกเยอะเลยครับ

ขนมเปี๊ยะรัชนี @ มะขาม.....อร่อยต้องรอถึง 2 ปี



หลังจากชิมผลไม้ จากสวนเคพี การ์เด้นท์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ก็มาชิมขนมเปี้ยะที่เลี่ยงชื่อของ จ.จันทบุรี อีกหนึ่งอย่างครับ

สำหรับเพื่อนๆที่อยากชิม ขนมเปี๊ยะรัชนี ที่มะขาม ซัก 1 กล่องนี้ต้องรอนานถึง 2 ปีเลยทีเดียวนะครับ

บ้านของป้ารัชนีนั้นอยู่หลังเทศบาลอำเภอมะขาม เลยวัดมะขามไปไม่ไกล

เป็นบ้านหลังเล็กๆชั้นเดียวครับ

แต่เมื่อไปถึงก็เจอคุณป้าคนหนึ่ง นั่งทำขนมอยู่คนเดียว ไม่ต้องแปลกใจเพราะเรื่องจริงเกิดขึ้นแล้ว กับต้องรอคิวถึง 2 ปีถึงได้กิน


กับร้านขนมเปี๊ยะรัชนี มะขาม ของ คุณป้ารัชนี เพราะคุณป้าทำขนมอยู่คนเดียวครับ ผมก็ถามคุณป้าว่าทำไมไม่รับลูกน้องบ้างเหรอครับ

คุณป้าตอบว่าเค้าอยู่กันไม่ทน เดียวก็ลาออกกันหมดครับ คุณป้าเลยต้องนั่งทำคนเดียว ทำไปเรื่อยๆ

ตอนที่เราคุยกับคุณป้า คุณป้าก็ปั้นขนมเปี๊ยะ อยู่ไม่หยุดมือเลยครับ

วันหนึ่งคุณป้า สามารถทำปั้นขนมเปี้ยะได้ 600 ลูกต่อวัน เพราะคุณป้าปั้นด้วยมือทีละลูกครับ


แต่เมื่อก่อนคุณป้าบอกว่า สามารถ ปั้นได้ถึง 1,000 ลูกต่อวัน เนื่องจากตอนนี้คุณป้ามีอายุเริ่มมากแล้ว จึงทำได้น้อยลง

ระหว่างคุยกับคุณป้าไปเรื่อยๆ คุณป้าก็เอาขนมเปี๊ยะใส่จานมาให้ชิม โอ้โห้ อร่อยมาก ไม่ติดใจเลยว่าทำไมต้องรอคิวถึง 2 ปี

คุณป้าบอกว่าถ้ามาสั่งไม่ให้สั่ง แต่ชิมได้ไม่อั้นครับ 555

สำหรับผู้ที่ต้องการสั่งจอง


คุณป้าจะเปิดรับออเดอร์ อีกครั้งคือ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2559 เป็นต้นไปครับ

เพื่อนๆ ท่านไหนต้องการชิมความอร่อย ของขนมเปี๊ยะรัชนี ต้องรออีก 1 ปี ถึงจองได้ครับ

ติดต่อได้ที่ โทร.039-361-087 เวลา 6:00-18:00 หลังจาก 18.00 ห้ามโทรนะครับ คุณป้าพักผ่อนเวลานี้ครับ แล้วเที่ยงคืนคุณป้าจะตื่นขึ้นมาทำจนถึงเช้าครับ

จันทรโภชนา ร้านอาหารเก่าแก่คู่จันทบุรี



หลังจากแวะชิมความอร่อยของขนมเปี๊ยะรัชนี ของคุณป้ารัชนีเป็นที่เรียบร้อย

ก็ถึงเวลาทานข้าวเที่ยงพอดี เที่ยงนี้เราฝากท้องท้องร้าน จันทรโภชนา (สาขามหาราช) ดูแลร้านโดยพี่ต่อ หรือคุณอุกฤษฎ์

ถ้าพูดถึงร้านจันทรโภชนาชาวจันทบุรี คงไม่มีใครไม่รู้จักร้านนี้เป็นที่แน่แท้ ซึ่งร้านจันทรโภชนา เปิดมายาวนานกว่า 50 ปี

เมนูแนะนำที่ร้านจันทรโภชนา เช่น "ยำมังคุด" ใครได้ชิมแล้วต้องติดใจในความอร่อยและความลงตัวแบบผม

และที่แนะนำอีกอย่างหนึ่งของดีของจันทบุรีเลย ก็ว่าได้คือ "แกงหมูชะมวง" โดยที่ร้านจันทรโภชนา

ได้ทำแบบกระป๋องไว้ให้ซื้อเป็นของฝากได้ด้วยครับ

[จันทรโภชนา สาขามหาราช]

โทรศัพท์ 039-327-179, 039-999-999

เปิดบริการทุกวัน 10.00-22.00



บรรยากาศร้านตกแต่งได้อย่างสวยงามเรียบหรู

ภายในร้านจะมีของฝากให้ท่านลูกค้าได้เลือกซื้อกลับบ้านด้วยครับ


ยำมังคุด รสเด็ด 120.-


ส้มตำทุเรียน 120.-


เส้นจันท์ผัดปู (ใหญ่) 100.-


แสร้งว่า 100.-


มัสมั่นไก่ใส่ทุเรียน 250.-...ถ้าไม่บอกก่อนว่าเป็นทุเรียนนี้ไม่รู้เลย


ทานของคาวเสร็จแล้ว ก็ต่อด้วยของหวานปิดท้ายครับ


ของหวานก็มีหลากหลายครับทั้ง สละลอยแก้ว และไอศกรีมกะทิ Espresso รวมไปถึงเค้กทุเรียนครับ

สถานีต่อไปมุ่งหน้าสู่......หาดเจ้าหลาว



หลังจากทานข้าวเที่ยงที่ ร้าน จันทรโภชนา อิ่มหนำสำราญเป็นที่เรียบร้อย ก็ต้องเดินทางกันต่อ

มาที่ จันท์จ้าวหลาว บีช รีสอร์ท ที่หาดเจ้าหลาว ที่พักคืนที่ 3 ของเราคืนนี้

ระยะทางประมาณ 30 Km. จากตัวเมืองจันทบุรี ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 40 นาที

ก็ถึง จันท์จ้าวหลาว บีช รีสอร์ท ตั้งอยู่ที่ ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ เลียบถนนเฉลิมบูรพาชลทิต

ถนนเลียบชายทะเลที่สวยที่สุดในประเทศ

ติดต่อและสำรองที่พักได้ที่ โทร.: 0-39369222, 087-9402888, 081-7354212



เดินศึกษาธรรมชาติ.....เขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน



หลังจากเช็คอินที่ จันท์จ้าวหลาว บีช รีสอร์ท เป็นเรียบร้อย พักผ่อนกันนิดหน่อย

ก็ถึงเวลายามเย็นออกไปเที่ยวชมพระอาทิตย์ตก และเดินศึกษาธรรมชาติ กันแล้ว

โดยเรามีพี่เจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ นำทางเราในครั้งนี้ โดยจุดแรกที่เราเดินขึ้นไปกัน

คือ จุดชมวิวเขาบ่อเตยครับ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมาก แต่วันที่เราวันนั้นไปลมแรงมากๆๆ

ไม่สามารถตั้งขาตั้งกล้องถ่ายรูปได้เลย ขนาดยืนเฉยๆๆ ตัวแทบปลิว ลมแรงจริงๆๆ

พออยู่ที่จุดชมวิวเขาบ่อเตยสักพัก เราก็เดินไปที่จุดชมวิวเกาะช่องสะบ้ากันต่อ


หรือชาวบ้านเรียกกันว่าช่องเขาขาด ใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 นาที

เกาะช่องสะบ้ายังเป็นเกาะปิดอยู่ครับ ทางกรมอุทยานฯ

ยังไม่ให้มีนักท่องเที่ยวสามารถข้ามไปยังเกาะได้

ชมดาวเคียงเดือนที่.....อ่าวคุ้งกระเบน



หลังจากถ่ายรูปที่ จุดชมวิวเขาบ่อเตยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมกับพี่ตั้มคิดว่า

คงถ่ายพระอาทิตย์ตกดินที่นี้ไม่ได้ เพราะตั้งขาตั้งกล้องไม่ได้เลย ลมแรกมาก

เลยเปลี่ยนที่ถ่ายพระอาทิตย์ตกดินกันอย่างรวดเร็ว

โดยที่หมายของเราคือ อ่าวคุ้งกระเบน ที่หน่วยสาธิตการเลี้ยงสัตว์น้ำภายในอ่าวคุ้งกระเบน

หน่วยสาธิตการเลี้ยงสัตว์น้ำฯ จัดทำเพื่อการสาธิตที่จะเพิ่มทรัพยากรในท้องทะเลให้มากขึ้นและยั้งยืน

โดยมีพันธุ์สัตว์น้ำนานาชนิด อาทิ ปลาฉลามเสือดาว, ปลาหมอทะเล, ปลาฉลามหัวบาตร, เต่าตนุ, เต่ากระ,

ปลากระพงขาว, ปลาเก๋า, ฯลฯ

ชมพระอาทิตย์ตกดินพร้อมกับดาวเคียงเดือน


จุดชมวิว เนินนางพญา......จุดชมวิวสุดโรแมนติก



หลังจากพักผ่อน อย่างเต็มอิ่มที่ จันท์จ้าวหลาว บีช รีสอร์ท

ผมกับพี่ตั้มก็ตื่นเช้าขึ้นมาพร้อม ไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นที่ จุดชมวิวเนินนางพญา

แต่ท้องฟ้าเช้านี้ช่าง ไม่เป็นใจให้กับเราทั้งสองคนเลย ฟ้ามาเต็ม มืดเลย 555

ใช้เวลาขับรถ จาก จันท์จ้าวหลาว บีช รีสอร์ท ไปยังจุดชมวิว เนินนางพญา ประมาณ 20 นาที ครับ

จุดชมวิวเนินนางพญาเป็น จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมาก แห่งหนึ่งของทะเลภาคตะวันออก

แต่เรามาผิดเวลา มาตอนเช้านี้สิ 555

อยากได้ไฟรถเช้ามาก ไม่มีรถผ่าน ขับเองซ่ะเลย 555


สะพานตากสินมหาราช (สะพานแหลมสิงห์)



หลังจากถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นเรียบร้อย แต่ไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นหรอกครับ มโนเอาเอง 555

ก็ขับรถมาถ่ายรูปกันต่อที่ สะพานตากสินมหาราช (สะพานแหลมสิงห์)

ใช้เวลาขับรถจากจุดชมวิวเนินนางพญา ประมาณ 30 นาทีครับ

ตรงสะพานตากสินมหาราช เป็นสะพานข้ามปากแม่น้ำจันทบุรี

ณ บริเวณสะพานตากสินมหาราช (สะพานแหลมสิงห์) มีทัศนียภาพที่สวยงาม

สามารถมองเห็นชุมชนประมงพื้นบ้านที่ทอดยาวไปตามชายฝั่งปากแม่น้ำจันทบุรี

เป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ตกที่สวยมากแห่งหนึ่งของจันทบุรี

และยังเป็นจุดของนักนิยมตกปลาด้วย

สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ ๖ รอบพระชนมพรรษา จันทบุรี



สถานที่สุดท้ายแล้วสำหรับทริป เมืองต้องห้ามพลาด จ.จันทบุรี แล้วครับ

ก่อนกลับเชียงราย ก็ แวะ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ ๖ รอบพระชนมพรรษา

แวะชมสัตว์น้ำนาๆชนิด ที่จัดแสดงอยู่ที่นี้ ที่นี้ไม่เสียค่าธรรมเนียมในการเข้าชมครับ



เวลาเปิดให้บริการ

วันอังคาร – วันศุกร์ เปิดให้บริการ เวลา 08.30 – 16.30น.

วันเสาร์ – อาทิตย์ เปิดให้บริการ เวลา 08.30 – 17.30น.

ปิดให้บริการทุกวันจันทร์ (หากวันจันทร์ใดเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปิดให้บริการ และจะปิดให้บริการในวันถัดไป)

ปลาปักเป้า


ปลากระรอกลายแดง


ปลากะรังหน้างอน


มีอุโมงค์ปลาขนาดใหญ่ให้ชมด้วยคับ


กลับเชียงรายบ้านเราดีกว่า....กับบ้านเราดอยคอยอยู่ อิอิ



หลังจากเที่ยวชม สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ ๖ รอบพระชนมพรรษา จันทบุรี เสร็จเรียบร้อยแล้ว

ก็ต้องเรียบกลับกรุงเทพแล้วหละครับ เพื่อไปสนามบิน เพื่อไปให้ทันเที่ยวบินของ Nokair ที่จะพาเรากลับ เชียงรายบ้านเราครับ

สำหรับทริปนี้


ผมบอกได้คำเดียวเลย ว่าผมหลงรักจันทบุรี เมืองที่มีครบทุกรสชาติ ในจังหวัดเดียว บอกได้คำเดียวว่า รักจังจันทบุรี ถ้ามีโอกาสผมจะไปอีกนะ



ปล. ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและผู้ใหญ่ใจดีทั้งหลาย

ขอขอบคุณสายการบิน Nok Air และ Thai Rent A Car ที่มีรถสวยๆๆให้ขับ มายังจังหวัดจันทบุรีในครั้งนี้ครับ

ครั้งเป็นทริปที่ประทับใจจริงๆครับ ขอบคุณพี่ๆทุกท่าน ที่ให้ความรู้ และให้คำแนะนำดีๆ

ไม่ว่าจะเป็นพี่ตั้มที่ชวนผมไปเที่ยว พี่เอ๋อ้อย พี่เปิ้น พี่นุช และพี่ๆอีกหลายท่านครับ

ขอบคุณในประสบการณ์ดีๆที่มอบให้นะครับ แล้วเจอกันใหม่รีวิวต่อไปครับ



ขอขอบคุณทุกๆ Comment ด้วยนะครับ เป็นกำลังใจให้ผมทำรีวิว ต่อไป



สะพายกล้องเที่ยว

 วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 12.41 น.

ความคิดเห็น