หลงรักเลย…มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติและภูผา
ก่อนจะขึ้น ภูป่าเปาะ หรืออีกชื่อที่ถูกกล่าวขานขนานนามว่า ฟูจิเมืองเลย เราต้องไปกินอาหารเช้ากันก่อน เติมแรงพลังวันนี้โปรแกรมลุยยาวๆ ไปร้านนี้กัน ข้าวเปียกปากหมา แค่ชื่อก็สะท้านแล้วล่ะ แต่เค้าบอกว่า ร้านนี้อร่อยโคตร ขายมายาวนานกว่า 20 ปี ไม่ดีจริงไม่แนะนำ งั้นไปกินกัน……
ก่อนจะเริ่มเรื่องราวในบรรทัดต่อไป ก็ต้องว่ากล่าวกันถึงที่มาที่ไปของการเดินทางครั้งนี้…มันยาวอ่ะ เอางี้ ใครเคยอ่านภาคแรกและรอติดตามภาค 2 ก็ตามกันต่อได้เลย ส่วนใครอยากรู้ที่มาที่ไปของการเดินทางเส้นทาง มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติและภูผา ให้ไปเริ่มต้นได้ที่ ภาคแรก https://th.readme.me/p/20416 เคนะ ไปต่อแล้วนะ…
ออกจากที่พักกันมาตั้งแต่หกโมงเช้า 5 นาทีถึงแล้วคนยังไม่เยอะมาก มาถึงร้านแล้วจะสั่งอย่างอื่น มันจะดีเหรอ ต้องจัดตัวท๊อปมาเลย เราสั่งข้าวเปียกเส้น ใส่ทุกอย่าง เอาแบบต้นตำหรับดั้งเดิม มาแล้วกินก่อนนะ…
ข้าวเปียกเส้นใส่ทุกอย่างน่ากินม่ะ…
บรรยากาศภายในร้าน…
อืมมมม…จะให้บรรยายแบบนักชิม ก็ไม่ใช่อ่ะ สั้นๆเลย อร่อยมาก แถมยาวให้อีกนิด ทางร้านทำเส้นเอง สะอาดถูกหลังอนามัย เจ้าของร้าน อัทยาศัยดีมากๆ คุยสนุกเป็นกันเอง สรุปคือ ดีเลย…อิ่มแล้วเดินทางต่อดีกว่า
สองวันจากนี้ไป เราจะอยู่บนเส้นทางธรรมชาติเดินขึ้นเขา ปีนป่ายหน้าผา มีเหนื่อยมีหอบ แต่ไม่มีท้อ ขอขอบคุณทาง อพท อีกครั้ง ที่ให้โอกาสได้มีส่วนร่วมกับการเดินทางครั้งนี้…ขอบคุณมากครับ
จุดชมวิวภูป่าเปาะ…
แปดโมงนิดๆ เรามาอยู่ที่ บ้านผาหวาย ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย จุดนัดพบ รถอีแต๊ก ยานพาหนะสุดเฟี้ยวที่จะนำเราเลาะเลี้ยวเคี้ยวคด ไปตามเส้นทางภูเขาสูงเพื่อไปชมบรรยากาศบนยอดภูป่าเปาะ บรรยายคร่าวๆ…
แต๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ถึง
จุดชมวิวบนภูป่าเปาะจะมี 3 จุด จุดแรกนั่งรถอีแต๊กประมาณ 20 นาที เป็นจุดชมวิวภูหอ คือเรายืนอยู่ที่ภูป่าเปาะ แต่เรามองไปที่ภูหอ จะเห็นเป็นยอดเขาตัดลักษณะคล้ายยอดภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น
ในวันที่เมฆบดบัง เศร้าใจนิดๆ…
ไปต่อกัน…
ส่วนจุดที่สอง ต้องนั่งรถอีแต๊กขึ้นไปอีก 200 เมตรตรงนี้จะเห็นวิวได้กว้างกว่าจุดแรก มีวิวด้านหลังเป็น แนวสันเขารูป รองเท้าบูท รูปเขานางนอน ก็แล้วแต่จะจินตนาการ
แล้วแต่จินตนาการเนอะ…
ส่วนจุดสุดท้ายต้องเดินแล้วล่ะ แต่ไม่ไกลนะ ประมาณ 200 เมตรเท่าๆกัน อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 900 เมตรโดยประมาณ จุดนี้ มุมมอง 360 องศาเลย สามารถมองเห็นได้รอบตัว สวยงามมาก ยิ่งถ้ามีทะเลหมอกน่าจะสวยสุดบรรยาย…
แต่วันที่เราไป ทุกอย่างดีหมด คือฟ้าใสนะ อากาศเย็นสบาย เห็นบรรยากาศโดยรอบสวยมาก ติดนิดเดียว เมฆไม่ยอมเคลื่อนออกจากยอดภูหอสักที รอแล้วรอเล่ารอจนรอไม่ไหว อดยลโฉม ฟูจิเมืองเลย แบบเต็มๆ ไม่เป็นไรไว้โอกาสหน้ามาใหม่
เมื่อสมควรแก่เวลา ก็ต้องร่ำลากันไปก่อน ฟูจิเมืองเลย เราจะกลับมาแก้ตัวอีกหนแน่ๆ แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นะ ฝากไว้ก่อน…ไปกันต่อ
ปีนป่ายตะกายผา สู่ยอดภูผาฝ้าย…
จากบ้านผาหวาย ย้อนเส้นทางมานิดเดียว นิดเดียวจริงๆ ไม่ถึง 10 นาที ก็อยู่ในตำบลเดียวกันนี่แหละ บ้านผาฝ้าย ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย เราจะพาไปรู้จักเส้นทางสายใหม่ที่ยังไม่เคยเปิดให้ใครได้ขึ้นไปชมมาก่อน ยกเว้นทีมสำรวจ ก็คนในพื้นที่ทั้งนั้น จากการนำของ ผู้ใหญ่บ้าน กวี แห่งบ้านผาฝ้าย เป็นการบุกเบิกเส้นทางท่องเที่ยวแบบชุมชน ชุมชนเป็นผู้ดูแล เป็นไกด์ เป็นเจ้าบ้าน ผลประโยชน์ทั้งหลายทั้งปวงก็ตกอยู่กับทุกผู้คนในชุมชน…
ภูผาฝ้าย คือชื่อยอดเขาหิน แห่งบ้านผาฝ้าย ในระดับความสูงไม่มากมาย แต่ความชันกับเส้นทางค่อนข้างหวาดเสียว อีกทั้งจุดชมวิวยอดเขาสามารถมองได้รอบตัว 360 องศา ก็พอจะมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวสายลุย ให้มาลองกันดู แต่ถ้าเอาจริงๆ ใครๆก็มาได้นะ แต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ร่างกายต้องแข็งแรงนิดนึง ใจต้องได้ เพราะบางช่วงมีเสียวหน่อยๆ รองเท้าต้องให้ดี มีถุงมือไว้ปีนป่ายเกาะหินผาอีกนิดดีเลย ต้องไปลอง…
เนื่องจากเป็นเส้นทางสายใหม่กิ๊ก ข้อมูลหลายอย่างอาจจะไม่เยอะ ไปถึงหน้างาน ทางพี่ๆทีมผาฝ้ายบอก เส้นทางสบายๆ ไม่ไกลเดินนิดเดียว ประมาณ 800 เมตร อืมมมมม…ไม่ไกลเนาะ เคยไปเดินไกลกว่านี้มาแล้วแค่นี้ จิ๊บๆ ลุยไป……
นิดนึงก่อนจะเดินขึ้นยอดผาฝ้าย ทางบ้านผาฝ้ายจัดผลไม้มาให้ชิม เป็นผลผลิตของทางหมู่บ้าน เรียกว่าผลไม้สวนหลังบ้านก็ว่าได้ มันอร่อย มันสดใหม่ มันน่ากินสุดๆ แต่ด้วยเวลาที่มีไม่เยอะ แต่เราก็กินเยอะ เรื่องกินไว้ใจได้……ป่ะ ไปปีนเขากัน
ผลไม้สด ผลผลิตจากชุมชน…
กองทัพเดินด้วยเท้า แต่ท้องต้องอิ่มนะ…
ออกจากหมู่บ้านมาจุดเริ่มเดิน ไม่ไกลเลย 5 นาทีเองมั่งแต่ต้องนั่งรถมานะ เดินน่าจะไม่ไหว เริ่มเดินล่ะนะ…เส้นทางช่วงแรก ก็เหมือนทางเดินขึ้นเขาทั่วไป ผ่านป่า เส้นทางเป็นดินภูเขา ความชันปานกลางไปได้สักพักเล็กๆ เอาแล้วๆ เริ่มมีบันไดที่ต้องปีนป่าย เป็นบันไดที่ทางชาวบ้านทำให้เดินสะดวกขึ้น แอบถามทีมสำรวจนิดนึง ได้ความว่า ตอนที่มาสำรวจครั้งแรกๆ ก็ปีนป่ายตะกายเขากันน่าดู เราก็ว่านะ ถ้าไม่มีบันได น่าจะแฮกเหมือนกัน…
เริ่มเดินแล้วนะ…
เข้าสู่เส้นทางช่วงที่ 2 เริ่มเดินบนเขาหินปูนขนาดใหญ่ แต่ยังมีป่าไม้ปกคลุมอยู่บ้าง ทางเดินช่วงนี้จะไม่ชันมาก แต่จะยากตรงการวางเท้า เพราะเป็นลักษณะการเดินบนหิน บางช่วงหินจะแหลมคม ล้มไม่ได้เลย ถ้าล้มมีเจ็บแน่ๆ เดินต้องใช้ความระมัดระวัง เป็นช่วงทางเดินสั้นๆ ก่อนตัดออกจากป่า มุ่งหน้าสู่ยอดสูงสุด จุดชมวิว ภูผาฝ้าย ช่วงนี้ต้องระวังมากหน่อย…
เดินชมวิวเพลิดเพลิน แต่ต้องระวังนะ…
ทางเดินช่วงสุดท้ายจะเป็นทางเปิดโล่งรับแสงตะวันแบบเต็มๆ แต่ไม่ร้อนนะ ด้านบนอากาศเย็นสบาย ลมดีด้วย เส้นทางช่วงนี้จะหวาดเสียวหน่อยๆ มีทางชันทางราบสลับกันไป เป็นหินแหลมคมเหมือนเดิม ทางหมู่บ้านมาทำเส้นทางให้เดินง่ายขึ้น คืดถ้าไม่มาทำทางไว้ก่อนน่าจะดุเดือดกว่านี้เยอะเลย
ขึ้นสู่จุดสูงสุดสามารถมองเห็นวิวรอบทิศทาง เป็นบรรยากาศท้องไร่ท้องนา ช่วงนี้สีเขียวปี๊ขยี้ใจ มีฉากหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อนกันไป ลมพัดเย็นสบายมากๆ เย็นจนไม่รับรู้เลยว่าแสงแดดก็แผดเผาสีผิวเราไปเรื่อยๆ ชื่นชมกันพักใหญ่ ถ่ายรูปกันจนหมดทุกทิศทางก็ได้เวลาเดินกลับ จริงๆมันเลยเวลาเที่ยงมาแล้วล่ะ หิวแล้ว เดินลงกันเหอะ……
ตอนเดินขึ้นว่าระวังแล้ว เดินลงก็เช่นกัน บางช่วงของการไต่บันไดลงก็มีสไลด์ก้นลงมาบ้าง สุดท้ายก็ปลอดภัยกลับมาครบถ้วนกระบวนความกันทุกคน เหนื่อยและหิว แต่ยัง ยังไม่หมดโปรแกรม เรายังมีอีก 2 สถานที่สำคัญให้ไปเยือน ตามมาๆ……
การติดต่อขอเข้าชม ภูผาฝ้ายสามารถติดต่อได้ที่ ผู้ใหญ่กวี ผู้ใหญ่บ้านภูผาฝ้าย เบอร์โทร 085 6836599 เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยว ป้ายแดงใหม่กิ๊ก ใครสนใจก็ติดต่อตรงไปได้เลยครับผม…
สวนผาหินงาม คุนหมิงเมืองเลย…
เราย้ายตัวเองจากบ้านผาฝ้าย มาทานข้าวเหนียวส้มตำหน้า สวนผาหินงาม คุนหมิงเมืองเลย อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ของอำเภอหนองหิน ไปดูฟูจิ ถึงญี่ปุ่นมาแล้ว ครั้งนี้ไปเที่ยวเมืองจีนกัน มาเมืองเลย ได้เที่ยวหลายประเทศเลยอ่ะ……
ทางเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติ…
แต่บอกก่อนที่คุนหมิงเรามีเวลาน้อยนิด นิดหน่อย เพราะมีนัดสำคัญที่ กุ้ยหลินเมืองเลย อืมมมมม…เป็นไงล่ะ 2 ประเทศ 3 ที่เที่ยวระดับโลกทั้งนั้น ป่ะ…ไปเที่ยวต่อ
ที่คุนหมิง อืมมมม ที่สวนผาหินงาม ด้วยเวลาจำกัด ก็ถือว่าเข้ามาชมมาเช็คอิน มาสัมผัสเบาๆ ให้รู้จักกันไว้ก่อน คราวหน้าค่อยมาใหม่ แต่ใช่ว่าจะไม่ถึงกับไม่ได้ดูอะไรเลยนะ พอมีเวลาเดินผ่านช่องเขาทะลุเข้าไปเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ แม้เดินได้ไม่ไกลมาก แต่ก็คุ้มค่านะ
ป่าเขียวแน่นดีจัง ได้เห็นลักษณะภูมิประเทศแบบผาหิน เขาหินขนาดใหญ่ ไม้เลื้อย เถาวัลย์ ด้วยอายุไขมากกว่า สองร้อยกว่าล้านปี และน่าจะเป็นพื้นที่ของท้องทะเลมาก่อน สมคำร่ำลือ คุนหมิงเมืองเลย มีดอกไม้สีสวยด้วย เดินเพลินเลย แต่ก็เดินได้ไม่ไกลมากจริงๆ……
จุดหมายปลายทางสุดท้ายของวันนี้ ก็ยังอยู่ในอำเภอหนองหิน ถิ่นภูผา ก่อนมานี่ไม่ค่อยจะรู้จักอำเภอนี้สักเท่าไหร่ ที่น่าจะพอได้ยินชื่อ ก็ ภูกระดึง ภูเรือ ด่านซ้าย แต่พอได้มารู้จัก หนองหิน ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ที่เที่ยวสวยๆเยอะมากมาย แต่ละที่ไม่ไกลกันด้วยนะ เดินทางแป๊บๆ ถึงแล้ว……
ถ้ำโพธิสัตว์ คือจุดหมายสุดท้ายของเรา กุ้ยหลินเมืองเลย คือชื่อสมมุติที่นักเดินทางตั้งชื่อให้กับสถานที่นี้ คงเป็นเพราะลักษณะทางกายภาพที่คล้ายกันกับสถานที่ท่องเที่ยวสุดลือลั่นของประเทศจีน…
มาถึงทางปากเข้าถ้ำก็บ่ายกว่าๆแล้ว แต่เราให้เวลาเต็มที่เลยกับที่นี่ ก่อนจะได้เดินสำรวจถ้ำ ก็ต้องมีการรับฟังกฎระเบียบ วิธีปฎิบัติให้มันถูกมันควร สถานที่นี้ เป็นสำนักสงฆ์ มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่ แต่เดิม ชาวบ้านเรียกชื่อถ้ำนี้ว่า ถ้ำซำห้วยปูน ในกาลต่อมา พระอาจารย์วีระเสน (คำตัน) ได้มาจำพรรษาที่ถ้ำแห่งนี้ มองเห็นถึงความสงบร่มเย็น และสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในเชิงธรรมมะได้ จึงได้ร่วมแรงร่วมใจกับชาวบ้าน จนพัฒนากลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างมาก…
เสาหินหลักเมือง ตั้งตระหง่านอยู่หน้าถ้ำ…
สดับตรับฟัง เรื่องราวที่มาที่ไปพร้อมกับวิธีปฎิบัติในการเดินชมถ้ำแล้ว ก็ได้เวลาไปดูของจริง ที่นี่จะมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ผ่านการอบรม เป็นคนเดินนำเข้าชมและอธิบายเรื่องราว พร้อมทั้งคอยบอกตำแหน่งต่างๆที่น่าสนใจภายในถ้ำ ที่น่ารักกว่านั้น คือเราไปกันหลายคน ยังงี้ก็ต้องมีผู้ช่วยไกด์คอยดูแล เพราะเดินไปเดินมากลุ่มก็จะแตก แยกกันไปตามห้องโน่นโถงนี้ ที่บอกว่าน่ารักคือ ผู้ช่วยไกด์ส่วนใหญ่ ไม่สิทุกคนเลย ก็เป็น ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้นแหละ เป็นพวกคุณป้าหรือประมาณคุณยาย เดินถือไฟฉายคอยส่องทาง คอยอธิบายเรื่องราวภายในถ้ำ บางครั้งก็บรรยายไปถึงลูกหลานของตัวเองน่ารักดีจัง เป็นเรื่องของชุมชนอย่างแท้จริง……
ไม้กลายเป็นหิน…
ถ้ำโพธิสัตว์ เส้นทางเดินไม่ยาวไกลแต่น่าสนใจมากๆ เริ่มจากหินหลักเมืองตั้งตระหง่านอยู่ปากทางเข้าถ้ำ ก่อนจะเริ่มทำตัวแคบมุดช่องเล็กเพื่อเข้าสู่ภายใน ด้านในถ้ำมีหินงอกหินย้อย มีเถาวัลย์ยักษ์ อายุเกิน 100 ปี พื้นผิวที่สวยงามของผนังถ้ำ
เดินเข้าไปจะมีการแบ่งเป็นห้องๆ ถ้ำเล็กถ้ำใหญ่ มีชื่อเรียกตามลักษณะทางกายภาพ เช่น ท้องพระโรง ซุ้มบาดาล ถ้ำนางพญา เป็นตัน ที่น่าสนุกคือแต่ละห้องสามารถเดินทะลุถึงกันได้ คล้ายเขาวงกต เดินวนไปวนมาก็จะมาเจอกัน สุดท้ายทะลุออกทางท้ายถ้ำ จะมีเถาวัลย์เลื้อยเป็นคล้ายกรอบรูปธรรมชาติ สวยงามจริงๆ……
เถาวัลย์อายุเกิน 100 ปี
ใช้เวลาเดินในถ้ำอยู่นานพอสมควร และเป็นโปรแกรมสุดท้ายของวันจึงไม่ต้องรีบเร่งกันมาก กว่าจะออกกันมาครบก็เย็นพอดี ได้เวลากลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้ยังมีอีกยาวๆ……
เถาวัลย์กรอบรูป
ใครสนใจจะไปเที่ยวชม ถ้ำโพธิสัตว์ แบบมีมัคคุเทศก์คอยบรรยาย สามารถติดต่อได้ที่ คุณคิง เบอร์ 096 3276577 หรือที อบต.ปวนพุ โทร. 0 4289 4254 ค่าบริการ 100 บาท/กลุ่ม (ไม่เกิน 10 คน)
จบวันแบบเหนื่อยนะ แต่สนุกมาก วันนี้วันเดียวเที่ยวหนองหิน ถิ่นภูผา ได้เที่ยวที่ใหม่ๆ ได้รู้จักหนองหิน อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของจังหวัดเลย ได้กินของอร่อย ผลไม้ที่ผาฝ้ายอร่อยมากเลย คุ้มค่าทุกเวลาทุกวินาที กลับเข้าเมืองด้วยสภาพพร้อมพักผ่อน หาไรกินเข้าที่พักนอนยาว พรุ่งนี้ลุยกันตั้งแต่เช้า……อีกแล้ว ราตรีสวัสจ๊ะ
เช้าแล้ว…ไปเที่ยวกันต่อ นัดแรกของเราวันนี้ วนอุทยานภูบ่อบิด คืองี้ เมื่อวานไปเที่ยวต่างอำเภอมาแล้ว วันนี้เรามาลุยในเมืองเลยกัน เที่ยวในอำเภอเมือง แต่ยังคงเป็นเส้นทางสายธรรมชาติอยู่นะ เค้าเรียกว่าป่าล้อมเมือง……
อาหารเช้าวันนี้นำเสนอ ร้านมะกัน เมื่อวานก็ว่าร้านเปียกปากหมาอยู่มานานแล้วกว่า 20 ปี เจอร้านมะกัน เก่าแก่กว่า 40 ปี คือต้องมีสองชั่วอายุคนเป็นอย่างต่ำ
ไข่กะทะร้านมะกัน อร่อยจ๊ะ
ตอนแรกได้ยินชื่อก็คิดว่าคงได้กิน ประมาณ breakfast หนมปัง ไข่ดาว แฮม อเมริกันสไตล์ แต่ มิใช่นะ เป็นร้านขาย ต้มเลือดหมู ไข่กะทะจ๊ะ สอบถามประวัติเจ้าของร้านได้ความว่า แต่ก่อนเคยเปิดเป็นร้านตัดเสื้อผ้า แล้วมาเปลี่ยนขายอาหารแทน ชื่อร้านดั้งเดิมชื่อ มะกัน ก็ไม่ได้เปลี่ยนชื่อ มาตั้งแต่บัดกาลก่อน…จบ เอาแค่นี้พอ ส่วนรสชาติ ไม่ต้องพูดถึง ยืนหยัดขายมาได้ยาวนานขนาดนี้ ต้องอร่อยสิ…
อิ่มแล้วไปออกกำลังกายกัน เช้านี้จัดไป 700 เมตรเบาๆขึ้นภูบ่อบิด จากใจกลางเมือง 3 กิโลเท่านั้นก็ถึงแล้ว คือ ไข่กะทะยังไม่ทันย่อยอ่ะ เส้นทางไปแสนง่ายดายในโลกยุคใหม่ เปิด google maps ค้นหา วนอุทยานภูบ่อบิด ง่ายๆเพียงปลายนิ้ว ก่อนขึ้นก็ต้องมีการตีฆ้องยักษ์ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านข้างปากทางขึ้นเอาฤกษ์เอาชัยก่อน…
เริ่มเดินก็เจอบันไดก่อนเลย วันนี้อากาศก็ยังเย็นสบาย เดินไปบ่นไป ถ่ายรูปไปด้วย ไม่นานมากก็จะถึงจุดพักชมวิวระหว่างทาง ถ้ำพระภูบ่อบิด จริงก็เดินๆแวะๆมาตลอดทางแหละ แต่จุดนี้พักกันเป็นเรื่องเป็นราวเลย เป็นจุดชมวิวเมืองเลย วันนี้ฟ้าค่อนข้างเปิด แม้จะมีหมอกเล็กน้อย แต่ก็เห็นวิวตัวเมืองเลยที่มีภูเขาล้อมรอบได้ชัดเจนมาก สวยดีจัง อีกทั้งยังได้ไหว้พระขอพร นมัสการพระพุทธรูปในถ้ำ มีบริการน้ำดื่มด้วยนะ
เดินมาเหนื่อย นั่งได้นะ…
แวะไหว้พระ ดื่มน้ำ ชมวิว แล้วไปต่อ…
หายเหนื่อยแล้วเดินกันต่อ จากจุดนี้ไม่ไกลแล้วประมาณไม่ถึง 200 เมตร ก็ถึงยอดสูงสุด ภูบ่อบิด ด้านบนนี่วิว 360 องศา แต่ไม่ใช่หมุนตัวรอบเดียวนะ บนยอดภูมีบริเวณให้เดินชมความงามหลายด้าน ด้านหนึ่งวิวเมือง ด้านหนึ่งเป็นวิวป่า ได้สองบรรยากาศ ยอดเยี่ยมมากๆ ลืมไปนิดนึงก่อนขึ้นยอดภูน่าจะสัก 20 เมตร จะมีถ้ำลอด สามารถมุดลอดผ่านถ้ำขึ้นสู่ยอดภูบ่อบิดก็ได้นะ
เซลฟี่โดยพร้อมเพรียงกัน…
ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากตัวเมือง แต่จุดชมวิวแต่ละที่ไม่ธรรมดา ถ้าเป็นช่วงหน้าหนาว แล้วรีบขึ้นมาตั้งแต่ตี 5 เช้าตรู่ได้เห็นทะเลหมอกแน่ๆ หรือจะเป็นช่วงพระอาทิตย์ทั้งขึ้นและตก รับรองสวยงามจับใจ แนะนำมาเที่ยวเมืองเลยต้องแวะมาที่นี่ไม่ผิดหวัง……
วิวฝั่งผืนป่า ภูบ่อบิด
ลงแล้วนะ เดี๋ยวแวะไปกินข้าวก่อนช่วงบ่าย ไปสถานที่ที่เค้าว่ากันว่า เมืองอวตารแห่ง จ.เลย ครั้งนี้ไปไกลถึง ฮอลลีวู้ด กันเลยทีเดียว…
ยัง…ยังไม่จบภาคเช้าเพียงแค่นี้ ไปชมของดีของดังของมีคุณค่า เป็นความภาคภูมิใจของชาวเลยกัน อันนี้เราบอกเลยชอบมากมาย เราจะไปดู “ต้นเซียงใหญ่ รุกขมรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี” หนึ่ง ใน หกสิบห้า ต้นไม้มรดกของชาติ ที่ได้ผ่านการคัดเลือกจากกระทรวงวัฒนธรรม จากจำนวนต้นไม้มากกว่า 500 ชนิด ต้นเชียงใหญ่ ต้นไม้ที่มีอายุกว่า 200 ปี ถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าของแผ่นดินอย่างแท้จริง……
ลงมาจากภูบ่อบิดเดินทางด้วยรถยนต์ประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้ว ต้นเชียงใหญ่ ที่บ้านนาบอน ต.ชัยพฤกษ์ อ.เมือง จ.เลย คือ พอไปเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ ต้องบอกว่า อึ้ง ทึ่ง อลังการ งานต้นไม้ยักษ์ เส้นรอบวงประมาณ 22 เมตร แผ่กิ่งก้านสาขา ตั้งตระหง่าน ใบเขียวสด นอกจากจะให้เราเงาแก่ผู้ไปเยือนแล้ว ยังเป็นที่อาศัยของผึ้งหลวงได้มาทำรังตามกิ่งก้านบนยอดสูงเป็นจำนวนมาก…เราไปกัน 24 คน ถ่ายรูป 2 คนที่เหลือดูตามภาพประกอบได้เลย……
เที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน มื้อนี้ไปทานข้าวกลางทุ่งนากับร้านบรรยากาศดีๆ ชื่อร้านนาเรากว้าง อาหารอร่อย กับวิวทุ่งนาเข้ากันนะ…
อาหารอร่อย บรรยากาศดีงาม…
วนอุทยานภูผาล้อม…
และแล้วก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเส้นทาง มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติและภูผา สำหรับโปรแกรมนี้นะ ถ้าให้ไปจริงทุกทีน่าจะต้องเที่ยวเป็นเดือน เราจะไปดู เมืองอวตาร วนอุทยานภูผาล้อม ที่นี่เค้าว่าทางกายภาพจะคล้ายๆสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง อวตาร หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของทางฝั่ง ฮอลลีวู้ด โน้นเลย
ไปพิสูจน์กันว่ามันจริงไม่จริง แต่ขอบอกไว้นิดนึง ตั้งใจจะอุบไว้เป็นที่เด็ด แต่บอกเลยดีกว่า เราไปเจอสิ่งที่ตามหามานานแสนนาน เที่ยวป่าขึ้นเขามาก็พอสมควร มาเจอจะจะ เต็มๆก็ที่นี่แหละ คืออะไรไปตามดูกัน บอกเลยว่าพี่ปลื้มมมมมม……
วนอุทยายภูผาล้อม ตั้งอยู่ตำบลน้ำสวย อำเภอเมือง จังหวัดเลย ประมาณ 30 กิโลจากกลางเมือง คงไม่ต้องบอกวิธีไปเนาะ โลกยุคใหม่แค่ปลายนิ้ว
เริ่มที่ไปฟังบรรยายจากวิทยากรของทางอุทยานก่อน อืมมมม…บนเนื้อที่ประมาณ 13.6 ตารางกิโลเมตร หรือ 8,500 ไร่ เออออออ หนทางอันแสนยาวไกล การเดินเที่ยวชมทั้งหมด ต้องใช้เวลานานและเดินไกลพอสมควร ดังนั้น เหมือนเดิม เราเอาเฉพาะเท่าที่ทำได้ ก็มันมีข้อจำกัดเรื่องเวลาอ่ะนะ แต่พอเดินเข้าจริงๆ เข้าใจเลยถ้าจะให้จบครบทุกจุดทุกมุมมอง ต้องใช้เวลาเป็นวัน จบการบรรยายก็ลุยกันเลยเดี๋ยวจะเสียเวลามากกว่านี้ เราเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ มุ่งหน้าสู่จุดชมวิวผาบ่องระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร……
สภาพเส้นทางคือ เป็นป่าดิบชื้นรกทึบ อุดมสมบูรณ์ มีพันธ์ุไม้หลายชนิดมาก เดินๆไปสัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้น ความเย็นของอากาศ ทีเด็ดเลยคือ ดอกไม้นานาชนิด เห็ดก็เยอะ และนี่คือทีเด็ดที่เราได้บอกกล่าวกันไว้ก่อนหน้านี้
ลูกตำแยช้าง…
ดอกกระทือ…
อธิบายอย่างงี้ เราไปเจอ เห็ดถ้วยขนสั้น ถ้าบอกชื่องี้อาจจะยังไม่คุ้น แต่ถ้าบอกว่าคือ เห็ดแชมเปญ น่าจะคุ้นแล้วเนอะ การจะเจอเห็ดแชมเปญ สีสรรจัดจ้าน สวยงามสภาพสมบูรณ์ ก็ต้องไปหาตามป่าชื้น เหมาะสมกับสภาพการเจริญเติบโต ที่สำคัญมีอยู่หลายถ้วยเลยทีเดียว ไงล่ะที่นี้ ก็เพลิดเพลินสิครับผม
พรรคพวกก็เดินกันไป เราก็ไม่สนจะมีคนบ้าถ่ายกันอยู่ 2-3 คน เป็นชั่วโมง ไม่สิ จะสองชั่วโมงเห็นจะได้ อย่างอื่นไม่ต้องดูมันแล้ว กว่าจะถ่ายเสร็จ พรรคพวกเดินย้อนกลับมาแล้ว เอาไงล่ะ เราก็ต้องวิ่งไปให้ถึงจุดชมวิว เพื่อเก็บภาพบรรยากาศ อวตาร เมืองเลย เวลาก็มีน้อย ขากลับก็รีบเดินให้ทันเพื่อน กะว่าเดินไวหน่อยทันแน่ เพื่อนที่มาด้วยกันสายตาดีอีกไปเจออีกถ้วย ถ่ายอีกไม่สนใจแล้ว เดี๋ยวค่อยใส่ร้อยเมตรวิ่งกลับน่าจะทัน……สรุป เราสนุกมากกับการถ่ายเห็ดแชมเปญ แต่วิวโดยรวมก็ไม่พลาดที่จะชื่นชม แม้จะน้อยนิดก็ตาม มันช่างสุขสมอารมณ์หมายยิ่งนัก…
ก็ถือว่าจบครบทุกเส้นทาง มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติและภูผา สนุก เหนื่อย มันส์ คุ้มค่า การเดินทางคือการเรียนรู้ คำที่เคยได้ยินบ่อยๆแต่มันใช่เลย แต่มันยังไม่จบแค่นี้ ครั้งหน้าจะพาไปเที่ยวต่อกับ เส้นทางท่องเที่ยวสีเขียว ไม้ดอกเมืองหนาว ถ้าตามกันมาถึงขนาดนี้แล้วต้องตามกันต่อนะ……
คน ฟ้า ป่า น้ำ
วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 12.31 น.