ขอมารีวิวย้อนความหลัง เผื่อเป็นไอเดียให้เพื่อนๆได้วางแผนเที่ยวในหน้าหนาวนี้ เมื่อเดือนมกราคม 2018 เป็นทริปเที่ยวแบบยาวๆของครอบครัว โดยไล่เที่ยวไปเรื่อยๆทางโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนตั้งแต่จังหวัดนครราชสีมา อุดรราชธานี(คำชะโนด) หนองคาย และจังหวัดเลย "ณ ภูลมโล"
ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะมารีวิวทริปนี้เลย เพราะโทรศัพท์พังรูปหายไปเยอะอยู่พอสมควร แถมไม่ได้เก็บข้อมูลมารีวิวแบบละเอียดตามสไตล์ของเราเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ไปขุดรูปเท่าที่จะหาได้และพยายามรีวิวให้ดีที่สุดตามความทรงจำของเรา
จุดหมายปลายทางของทริปนี้ เราได้มีโอกาสและโชคชะตาพาไปเจอภูเขาวิวสีชมพูที่อยู่ใกล้ๆกับ ภูลมโล เลยคิดว่า ควรค่าแก่การแนะนำให้เพื่อนๆได้รู้จักและเห็นความสวยงามของมันผ่านภาพที่ถ่ายจากกล้องไอโฟน 6 เท่านั้น
แต่ถ้าเพื่อนๆไม่มีเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดเราแนะนำบทความ ที่พักกรุงเทพ : แนะนำ 12 โรงแรมวิวสระว่ายน้ำที่ดีที่สุดในกรุงเทพ ใครจะรู้ว่ากรุงเทพก็เป็นจังหวัดที่น่าพักผ่อนอยู่เหมือนกัน
ไปดูกันเลยดีกว่าว่าภูเขาสีชมพูที่เราพูดถึง มันอยู่ที่ไหนและมีชื่อว่าอะไร มาเริ่มกันที่...
"จังหวัดหนองคาย"
ขอเริ่มจากจังหวัดเล็กๆริมแม่น้ำโขงที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยนิยมไป สำหรับเราตอนแรกก็มองเป็นเมืองทางผ่านเพื่อเดินทางไปยังจังหวัดเลย แต่พอมาดูว่าจังหวัดหนองคายมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง ก็ได้พบกับ 2 สถานที่ที่น่าสนใจสำหรับชมวิวแม่น้ำโขง
ภูหนอง
ภูหนองเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกน้องใหม่ของจังหวัดหนองคาย ที่ชาวบ้านช่วยกันพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของชุมชน ระหว่างทางขึ้นไปจะต้องจอดรถไว้ที่บริเวณวัดด้านล่าง และนั่งรถของชาวบ้านหรือรถอีแต๋นขึ้นไป ระหว่างทางเพื่อนๆจะสนุกและตื่นเต้นไปกับการนั่งรถอีแต๋น พร้อมได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด พอไปถึงจะต้องเดินเข้าไปอีกหน่อยประมาณ 100 เมตร
จุดเด่นของ ภูหนอง คือ วิวแม่น้ำโขง ที่มีความสวยงามและชัดเจนมากๆในมุมสุง และถ้ามาถูกจังหวะหรือโชคดีก็จะได้เห็นทะเลหมอกที่ลอยอยู่เหนือแม่น้ำโขงอีกด้วย น่าเสียดายวันที่เราไปมีลมแรงและอากาศไม่ค่อยเป็นใจ เลยได้วิวของแม่น้ำโขงมาฝากเพื่อนๆแต่เพียงเท่านี้
ระหว่างทางที่เดินไปจุดชมวิวจะมีจุดให้นั่งพักผ่อนชมวิวด้วย
ทางเดินไปยังจุดชมวิวไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด
วิวของแม่น้ำโขงบนภูหนอง
พาคุณแม่มายืนรับลมสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า พร้อมชมวิวสวยๆของแม่น้ำโขง
จุดนี้คือจุดชมวิวที่ดีมากๆบนภูหนอง ได้ชมวิวจากมุมสูง พร้อมนั่งเสพบรรยากาศยามเช้าที่เย็นสบาย (ขออภัยแทนสีผ้าห่มด้วยจริงๆ 5555555)
หลังจากความคาดหวังว่าที่จะได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นจากมุมนี้ได้พังทลายลง เราก็ออกเดินทางไปยังจุดชมวิวอีกหนึ่งที่ที่ดีไม่แพ้กันของจังหวัดหนองคาย นั่นก็คือ "สะพานแก้ว วัดผาตากเสื้อ"
วัดผาตากเสื้อ
เป็นวัดที่อยู่บนหน้าผา จุดเด่นคือ Sky Walk ทำด้วยกระจกแห่งแรกของประเทศไทย ที่ยื่นออกไปนอกหน้าผาเพื่อให้เราได้ชมวิวแม่น้ำโขงแบบพาโนรามา แต่ก็แอบมีเสียวๆตื่นเต้นเบาๆ ก่อนเดินเข้าไปอย่าลืมเปลี่ยนรองเท้าให้เรียบร้อยด้วยนะจ้ะ
ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวยไปหมด วิวอ่ะหรอ? ภรรยาผมเอง 5555555
มากัน 7 หายไป 1 ไม่ต้องสืบเลย ป๊าเอง ป๊ากลัว ป๊าขอ
สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปเที่ยว Sky Walk
- ที่นี่เป็นสะพานที่ทำจากกระจกแห่งแรกในประเทศไทย
- ทุนในการสร้างสะพานแห่งนี้อยู่ที่ 17 ล้านบาท
- ห้ามนำโลหะหรืออุปกรณ์ใดๆขึ้นไประหว่างชมวิว เพื่อความปลอดภัยของการชมและลดโอกาสที่จะทำให้กระจกเกิดความเสียหายในอนาคต
- ขึ้นไปชมวิวได้สูงสุดครั้งละ 20 คนเท่านั้น
"จังหวัดเลย"
สถานที่ท่องเที่ยวที่เราตั้งใจจะมาที่จังหวัดเลยก็คือ ภูเรือ เพื่อไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า ในคืนก่อนที่เราจะมาภูเรือมีข่าวว่าอากาศจะหนาวลงอีก ซึ่งเราก็ดีใจและตื่นเต้นที่จะได้เจออากาศหนาวแบบอังเอิญ และที่บังเอญยิ่งกว่าก็คือ เราไม่ได้เตรียมชุดสำหรับกันหนาวมาซักเท่าไหร่
เช้าวันรุ่งขึ้นก็มีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นกับเราอีกแล้ว หมอกลง หมอกกกกกกกก หนาแบบหนามากกกกกก จนไม่สามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นตามที่เราได้แพลนกันเอาไว้ แต่บนความโชคร้ายมักมีสิ่งสวยงามรออยู่เสมอ เราได้เดินชมธรรมชาติท่ามกลางอากาศเย็นสบาย 8 องศา พร้อมหมอกที่อยู่รอบตัวเราเต็มไปหมด มันมีความสุขและตื่นเต้นแบบบอกไม่ถูก ถึงแม้หมอกจะเยอะแต่ทำให้เราได้ชื่นชมธรรมชาติในอีกรูปแบบหนึ่ง
"หมอกจางๆหรือควัน คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้" เดินทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวีซะเลย
พอลงจากภูเรือตรงทางเข้าจะมีจัดแปลงดอกไม้สีแดงๆ (จำไม่ได้ว่าต้นอะไร) กับกังหันลมทีอยู่ด้านหลัง ถือเป็นแลนด์มาร์คและจุดถ่ายรูปยอดนิยมอีกหนึ่งจุด "ภูเรือ เมืองแห่งทะเลภูเขา" แต่กลายเป็นทะเลหมอกสำหรับเรา
ภูลมโล
และก็มาถึงสถานที่ที่ทุกคนรอคอยกับภูที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีชมพู หรือต้นพญาเสือโคร่ง ที่ดอกของมันจะบานสะพรั่งไปทั่วทั้งภูเขา ทำให้ได้วิวที่สวยงามจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่หรือประเทศไทย
ภูลมโลตั้งอยู่ในตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่อง
เราขอแนะนำรีสอร์ทของที่นี่ซักหน่อย "ร่องกล้า แลนด์" เป็นรีสอร์ทอยู่ในหุบติดกับริมคลองเล็กๆมีเสียงน้ำไหลผ่านเบาๆ บรรยากาศของรีสอร์ทจะเป็นโทนสีขาว ประดับประดาด้วยของตกแต่งมุ้งมิ้ง เหมาะแก่การมาพักผ่อนทั้งแบบครอบครัวและแบบส่วนตัว มาพร้อมการบริการและอาหารที่เราขอยกให้เป็นระดับ 5 ดาวเลย
และวันนี้ก็เป็นวันพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยังภูลมโลในวันรุ่งขึ้นตอนประมาณตี 5 โดยจะมีรถมารับถึงหน้ารีสอร์ทเลย เพื่อนๆสามารถติดต่อเรื่องรถเพื่อขึ้นไปยังภูลมโลได้ที่เจ้าหน้าที่ของรีสอร์ท
มาถึงวันของการเดินทางไปสู่ดินแดนสีชมพู... บริการรถเพื่อเข้าไปยังภูลมโลถ้าจำไม่ผิดจะคันละ 1,500 บาทนั่งได้ประมาณ 8-10 คน ถ้าเรามากันไม่เยอะอาจจะไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆได้ เพราะก็มีคู่สามีภรรยามาขอไปกับรถคันของเราด้วย ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะประหยัดค่ารถทั้งเค้าและเรานั่นเอง
ระยะทางจากที่พักเข้าไปประมาณ 30 กิโลเมตร คนขับรถจะมีหน้ากากปิดปากปิดจมูกให้สำหรับคนที่นั่งหลังกระบะเพื่อกันฝุ่นระหว่างทาง (การเดินทางเข้าไปในภูลมโลไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวเข้าไป เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกต่อการจราจร)
เมื่อเข้าไปถึงคนขับรถจะพาเราไปจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นก่อน อากาศตอนนั้นประมาณ 8 องศา ซึ่งก่อนขึ้นไปเราก็ไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้ มีเพียงเสื้อคลุมบางๆและมีอะไรที่พอจะกันหนาวได้ก็เอามาพันให้หมด เล่นเอาเกือบแย่เลยเหมือนกัน และก็เป็นอีกครั้งที่หมอกมาเยือนเลยไม่ได้ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นอีกแล้ว เลยตัดสินใจบอกคนขับรถให้พาไปดูจุดชมวิวต้นพญาเสือโคร่งอันเลื่องชื่อของ ภูลมโล และความสวยงามก็จะประมาณนี้ ให้มันเป็นสีชมพู พี่ตูนกล่าว
ตอนที่เราไปต้นพญาเสือโคร่งพึ่งเริ่มบาน พอมีสีชมพูให้ได้เห็นอยู่บ้าง แต่วิวที่ได้ถือว่าน่าประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ชุดทุกคนดูพร้อม ยกเว้นเราสองคน แต่งตัวชิวๆ 8 องศาทำอะไรเราไม่ได้หร๊อกกกก 5555555
เมื่อเดินชมวิวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนขับก็ถามเราว่า...
คนขับ : จะกลับกันเลยไหม มีทางกลับที่แบบใกล้ๆกับแบบไกลๆ อยากไปทางไหน?
คุณแม่ : ไปทางไกลๆ ไหนๆก็มาแล้วขับพาเที่ยวหน่อยแล้วกัน
คนขับ : งั้นเดี๋ยวจะพาไปอีกที่แล้วกัน มันเข้าไปไกลหน่อยนะแต่สวยกว่าตรงนี้อีก
บทสนทนานี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของวิวที่สวยที่สุดในทริปนี้
คนขับรถบอกว่าคนแถวนี้จะเรียกจุดนี้ว่า "ภูขี้เถ้า" เราก็นั่งรถเข้าไปเรื่อยๆจำไม่ได้ว่านั่งไปนานขนาดไหน แค่รู้สึกว่ายิ่งเข้าไปเรื่อยๆ ยิ่งเห็นความหนาแน่นของสีชมพูที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ จนอยากจะบอกให้คนขับจอดข้างทางตลอดเวลา และในที่สุดเราก็มาถึง ภูขี้เถ้า กับโลกสีชมพู ความบังเอิญและโชคชาตะที่พาให้เรามาเจอกัน
ภูเขาตรงจุดนี้มีเพียงแค่รถของเราคันเดียวที่ขับเข้ามา วิวที่คนพื้นที่พาไปเซอร์ไพรส์ให้เห็นความสวยงามของต้นพญาเสือโคร่งแบบเป็นการส่วนตัวสุดๆ
ขอปิดท้ายด้วยรูปนี้ รูปแห่งความสวยงามของธรรมชาติและความสวยงามความรักของคนสองคนที่เรารักมากที่สุด การได้พาพ่อ-แม่ หรือคนในครอบครัวมาเที่ยว มามีเวลาสวีทกันบ้าง ก็เป็นอะไรที่อิ่มเอมใจและมีความสุขได้เหมือนกัน
**ปอลอ เราเดินทางไปเที่ยวตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม 2018 ซึ่งก็เกือบปีแล้ว ถ้าเพื่อนๆคนไหนกำลังวางแผนไปดูต้นพญาเสือโคร่งบานสะพรั่งเต็มภูเขาแบบนี้ ต้องเช็คช่วงเวลาที่อัพเดทหน่อยก็ดีเพื่อที่จะไม่พลาดวิวสวยๆ
ขอทิ้งท้ายหน่อยว่า ความสวยงามของการเดินทาง อาจจะมาจากการที่อะไรๆก็ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งอาจจะนำพาสิ่งใหม่ๆที่เราเองก็อาจจะคาดไม่ถึง จนกลายเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวและความทรงจำดีๆที่นึกถึงเมื่อไหร่ก็มีแต่ความสุข
เหมือนดินแดนอันกว้างใหญ่บนโลกอินเตอร์เน็ต ที่พาเพื่อนๆมารู้จักกับ ZIAstyle ถ้าชอบบทความของเรา ฝากตามไปให้กำลังใจและติดตามกันต่อด้วยนะคะ :)
Website : https://ziastyle.co
Facebook : https://www.facebook.com/ziastyle.co/
Twitter : https://twitter.com/ziastyle
What Should I Do
วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 18.24 น.