ไปปาย ไม่เหงาเพราะมีเขาอยู่ข้างๆ

เรารู้จัก ปาย ครั้งแรกจากวิชาสังคมศึกษา ในสมัยมัธยมฯ ซึ่งหนังสือได้บอกว่า ปาย เป็นอำเภอเล็กๆตั้งอยู่ทางตอนบนของจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้คนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ ทั้งชาวล้านนา ชาวไทยใหญ่และชาวเขา ภูมิประเทศในอำเภอปายเป็นที่ราบแอ่งกระทะ ล้อมรอบไปด้วยภูเขา

แต่เมื่อเราโตขึ้น ทำให้รู้ว่า ปายมีความลับบางอย่างที่หนังสือเรียนไม่เคยบอกไว้ อำเภอปายเป็นที่ๆคงความเป็นธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่เราอยู่ ต่อให้เราจะอ่านหนังสือมาสักร้อยเล่ม ก็ไม่เท่าการได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองเพียงหนึ่งครั้ง เพราะนอกจาก ภูเขา ธรรมชาติ และทะเลหมอกแล้ว โค้งหลายพันโค้ง ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้รู้ว่าเรามาถึงปายแล้ว


คำแนะนำก่อนเตรียมตัวไปปาย

1. การเดินทางไปปาย

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จะใช้บริการรถตู้เปรมประชา ซึ่งเราสามารถจองที่นั่งได้จากทางเวปไซต์ ถ้าใครเมารถแนะนำให้เลือกนั่งด้านหน้า เพราะจะช่วยให้อาการเมาลดน้อยลง

ชาวต่างชาติบางคนนิยมเช่ามอเตอร์ไซต์จากสถานีเชียงใหม่ ขับไปปาย เพราะระหว่างทางบรรยากาศค่อนข้างสวยและวิวดีมาก ทริปนี้เราไปกับเพื่อนอีก 2 คน การเช่ารถจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทางนี้ รถที่เช่ามาเป็นวีออสสีขาว เครื่องยนต์ 1500 cc ซึ่งยอมรับเลยว่า ประหยัดน้ำมันเอามากๆ

เราไปกัน 4 วัน 3 คืน จากเชียงใหม่สู่ปาย และ จากปายสู่แม่ฮ่องสอน ตลอดการเดินทางครั้งนี้ เราใช้น้ำมันไปเพียงหนึ่งพันบาท ถ้าใครมากันหลายคน การเช่ารถยนต์ขับเป็นหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว


2. ฤดูแห่งการท่องเที่ยว

ใครๆมักชอบไปปายในช่วงฤดูหนาว เพราะเหมาะแก่การเที่ยวชมทะเลหมอก แต่เราไปปลายเดือนตุลาคม ช่วงนี้ปายก็สวยไม่แพ้ฤดูหนาวเช่นกัน กลางวันมีแดด ส่วนกลางคืนก็แอบหนาว อุณหภูมิในช่วงกลางคืน อยู่ราวๆ 17 องศาเซลเซียส ช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้นับเป็นช่วงที่ทุ่งนาเขียวขจี


3. การแต่งกาย

ไหนๆจะมาเที่ยวป่าเขาลำเนาไพรแล้วรองเท้าผ้าใบก็เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้เช่นกัน คุณอาจจะหนีบรองเท้าแตะ มาเพิ่มด้วยก็ดี แต่รองเท้ามีส้น แนะนำให้เก็บสวยๆไว้ที่บ้านดีกว่า เพราะงานนี้นอกจะไม่เข้ากับสถานที่แล้วเผลอๆอาจมีพัง เนื่องจากบางจุดท่องเที่ยวก็เป็นดินแดง ดินสไลด์ และบางสถานที่มีการขึ้นบันไดสูงหลายชั้นอีกต่างหาก



เริ่มต้นการเดินทาง

ทริปนี้ บินสายการบินของนกแอร์จากดอนเมือง เดินทางสู่สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ จะใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง

พอมาถึงเราก็มองหารถที่เราติดต่อไว้ คนนำรถมาส่งไม่ได้ทำให้เราหงุดหงิดแต่อย่างใด มาตรงเวลาและดูเป็นมิตรกับเรามาก ค่าเช่ารถราคาอยู่ที่ 1,100 บาท และค่าประกันรอยขีดขวนอีก 400 บาท ซึ่งการทำประกันนี้ ทางบริษัทไม่ได้บังคับแต่อย่างใด แต่เราเลือกทำไว้เพื่อความสบายใจในการเฉี่ยวชน

จากสนามบินเชียงใหม่มาปาย ระยะทางราวๆ 130 กิโลเมตร แต่ด้วยความที่ทางเป็นโค้งซะส่วนใหญ่จึงใช้เวลารวมๆแล้วเกือบสามชั่วโมง

เมื่อเข้าสู่เส้นทางไปปาย ถนนก็ไม่เป็นเส้นตรงอีกต่อไป โค้งแล้วโค้งเล่าจนถึงที่หมาย ในที่สุดก็อยู่ท่ามกลางธรรมชติอย่างแท้จริง บนเส้นทางปรากฏไปด้วย ภูเขาบ้าง ทุ่งนาบ้าง และ วัวควาย มาแล้วทำให้รู้สึกว่า "บ้านแสนสบาย แต่ปายทำให้เราเห็นคุณค่าของความสุขเล็กๆรอบตัว "


Hostel

เรามาในแบบ Backpacking และเจ้ากระเป๋าหนักๆนี่เองทำให้เราอดนึกถึงหอยทากไม่ได้ เพราะไม่ว่ามันจะไปไหนมันก็มักจะแบกบ้านของมันไปด้วยซึ่งตอนนั้นพวกเราก็ไม่ได้ต่างจากหอยทากเท่าไหร่

คนส่วนใหญ่มาปายมักมองหาที่พักสวยๆ โรแมนติก แต่หารู้ไม่ว่า ธรรมชาติดีๆนี่แหละที่สร้างความโรแมนติกได้ดีกว่าอย่างใดเลย มีโฮสเทลอยู่หลายแห่งให้เลือกที่ปาย และส่วนใหญ่ก็คงความเป็นวัฒนธรรมของบ้านเรือนสมัยก่อนไว้ ซึ่งมีลักษณะติดภูเขา และทุ่งนา


Spicypai

บ้านของเราสำหรับ 3 คืนในปาย ผู้เข้าพักที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่มาแบบฺ Backpack บางคนมาคนเดียว และบางคนมากันเป็นกลุ่ม ที่นี่จะมีห้องพักให้เลือกสองแบบมีทั้งห้องพักรวม และห้องหญิงล้วน






อาหารเช้าของที่นี่ จะมีขนมปังและกาแฟเตรียมไว้ให้ เราสามารถปิ่งเองได้เลยค่ะ ในมุมนี้จะเป็นห้องนั่งเล่น ผู้คนส่วนใหญ่มักทำกิจกรรมร่วมกันที่นี่ ช่วงเช้าค่อนข้างเงียบ ช่วงบ่ายคนจะเยอะหน่อย ถ้าเพื่อนๆไม่มีโปรแกรมออกไปข้างนอก แนะนำให้ขึ้นมาบนนี้ค่ะ รับรองว่าอากาศเย็นสบายและบรรยากาศดีมากค่ะ





ออกไปกินกาแฟแปปเดียวกลับมาโดนแย่งที่เลย นี่รึป่าวนะที่มาของคำว่า '' ลุกแล้วเสียม้า ''



ที่กิน

ที่ปายเราสามารถหาร้านนั่งกินนั่งเล่นได้ในเวลาเดียวกัน เนื่องจากร้านส่วนใหญ่มักจะทำเปลไว้ให้นอนเล่นด้วย อย่างร้านนี้มีชื่อว่า '' คุณนายตื่นสาย '' ตั้งอยู่ตรงริมถนน จากวัดพระธาตุแม่เย็น ร้านจะตั้งอยู่ทางด้านซ้ายมือติดกับ Spicypai ที่นี่นอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว ยังมีของที่ระลึกน่ารักๆไว้ให้เลือกซื้ออีกด้วย



รู้จักชาวกระเหรี่ยง

เมื่อเรานึกถึงกระเหรี่ยง เราก็มักจะคิดว่าจะต้องอาศัยอยู่บนเขาเท่านั้น แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ได้อยู่บนเขาด้วยเช่นกัน อย่างที่สวนพระอินทร์ที่นี่

ชาวกระเหรียงเมื่อพวกเขาได้ตั้งถิ่นฐานที่ใดแล้วก็มักจะไม่นิยมย้ายถิ่นฐานไปที่อื่น นอกจากว่าแต่งงานก็จะแยกครอบครัวไปปลูกบ้านใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะปลูกใกล้กับบ้านของฝ่ายหญิง แต่ก่อนที่จะย้ายออกไปฝ่ายชายจะต้องย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ฝ่ายหญิงก่อน ช่วงหนึ่งฤดูเก็บเกี่ยว ก่อนที่จะแยกตัวไปปลูกบ้านใหม่ได้



ห่วงทองเหลือง

เด็กชาวกะเหรี่ยง นิยมใส่เมื่อห่วงทองเหลืองเมื่ออายุ 5-9 ขวบ ในสมัยก่อนนั้น จะใส่ให้กับเด็กผู้หญิงที่เกิดในวันพุธ ในคืนเดือนเพ็ญเท่านั้น และต้องเป็นเด็กหญิงปาดองที่แท้จริง โดยการใส่ทองเหลืองนี้จะมีหมอผีประจำเผ่าทำพิธีใส่ให้ ต่อมาระยะหลังไม่ว่าจะเกิดวันใดก็ใส่ได้หมด



หมู่บ้านกะเหรี่ยงสวนพระอินท์

เป็นหมู่บ้านเล็กๆของครอบครัวหนึ่ง ทางเข้าหมู่บ้าน จะทำด้วยสะพานไม้ไผ่ เราสามารถจอดรถไว้ทางเข้าและเดินต่อไปเพียง 3 นาที ก็จะเจอกับหมู่บ้าน ที่นี่มีการเก็บค่าเยี่ยมชมอยู่ที่ 50บาทในราคาคนไทย และ 150 บาทในราคาต่างชาติ

ด้านในจะมีร้านขายของที่ระลึก และ ผ้าทอ เราสามาถขอถ่ายรูปร่วมกับชาวกระเหรียงได้ พวกเขานอกจากจะยิ้มแย้มแล้วยังอัธยาศัยดีอีกด้วย


วัดพระธาตุแม่เย็น

ไม่ไกลจากหมู่บ้านกะเหรียงมีพระพุทธรูปสีขาวตั้งอยู่ วัดนี้มีชื่อว่า วัดพระธ่าตุแม่เย็น ไม่มีประวัติแน่ชัดว่าเกิดขึ้นในสมัยใด เจดีย์พระธาตุแม่เย็นเป็นเจดีย์ระฆังฐานกลม และ ยอดฉัตรเจดีย์แบบทรงพม่า


สิ่งที่เห็นได้เด่นชัดของวัดนี้คือ พระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ มีชื่อว่า พระพุทธโลกุตระมหามุนี ซึ่งมีบันได สีขาวทอดยาวจากด้านล่างขึ้นไป ถ้าใครมาช่วงกลางวันอาจถอดใจที่จะขึ้นไปเพราะด้วยอากาศที่ร้อนและต้องเหนื่อยกับการขึ้นไปด้านบนที่สูงลิบลิ่วแต่เราคงไม่ได้มาที่นี่ได้บ่อยๆใช่ไหม เพราะฉะนั้นต้องลอง

ด้านบนนอกจากจะมี พระพุทธรูป ทีสวยงามแล้ว วิวด้านบนก็สวยไม่แพ้กัน เราจะสามารถมองเห็นวิวภูเขาล้อมรอบตัวเรา ลมเย็นสบายแต่พื้นค่อนข้างร้อนเพราะทำมาจากกระเบื้อง



วัดทองขาว

วัดนี้หลงทางมาค่ะ มีลักษณะคล้ายประติมากรรมพม่า ไม่แน่ใจเรื่องประวัติ แต่เป็นวัดที่ค่อนข้างใหญ่อยู่เหมือนกันค่ะ


ที่ปายมีปางช้างอยู่หลายที่เลยค่ะบางที่เราสามารถเปลี่ยนชุดและลงเล่นน้ำกับช้างได้ด้วย หรือ เราอาจให้อาหารช้างอย่างเดียวก็ได้ค่ะราคาอยู่ที่ 20บาทต่อหนึ่งตะกร้า



สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย

สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย เปรียบเสมือนประตูสู่อำเภอปาย ตัวสะพานเป็นเหล็กสีเขียวเรียงซ้อนต่อๆกัน ที่นี่คนไม่เยอะมาก แต่ก็ยังคงเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ



ชมพระอาทิตย์ตก ที่กองแลน

ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพระเจ้าได้สร้างธรรมชาติไว้ได้สวยงามขนาดนี้ กองแลน เป็นชื่อภาษาพื้นเมือง กองหมายถึง ถนนเส้นเล็ก และ แลน เป็นชื่อของของสัตว์เลื้อยคลานที่มีลักษณะคล้ายตัวเงินตัวทอง ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะรู้จักกันในนามของ ปายแคนยอน

ปายแคนยอน เกิดจากการทรุดตัวของดินบนภูเขาสูง กลายเป็นล่องลึกคล้ายหน้าผา ใครมาที่นี่แนะนำให้ เตรียมรองเท้าผ้าใบที่พื้นรองเท้าเกาะถนน เพราะทั้งหมดเป็นดินแดงและค่อนข้างลื้น บางช่วงทางขาด และเป็นดินสไลด์ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักมารอดูพระอาทิตย์ตกดิน แนะนำให้พกแฟนมาด้วย เพราะสวยและ โรแมนติกมากเมื่อสีของพระอาทิตย์มากระทบกับสีของแกนแคนย่อน



ปาย แคนยอน เป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก บางคนนำหนังสือมานั่งอ่านเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกดิน ช่วง 6 โมงเย็นแดดเริ่มอ่อนลง และในขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวก็ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ที่นี่นับเป็นจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดสำหรับการสำรวจปาย



วิวกิ่วลม

เป็นจุดสูงสุดของเส้นทางที่ 1095 จากปายถึงปางมะผ้า วิวกิ่วลมเป็นจุดชมวิว ของเส้นทางที่มาจากปางอุ๋งเพื่อจะกลับเข้าปาย ถ้าใครมาช่วงเย็นอาจได้เห็นพระอาทิตย์ตกและดวงจันทร์ขึ้นฝั่งตรงข้ามในเวลาเดียวกัน สิ่งที่น่ารักของที่นี่นอกจากจะเป็นวิวที่สวยแล้วแล้ว ยังมีเด็กชาวเขาให้เราได้ถ่ายรูปเล่น



นอกจากนี้ยังมีทั้งร้านขายของกินเล่น และ ห้องน้ำไว้รอบริการนักท่องเที่ยว สิ่งที่สะดุดตาตรงนี้คือชิงช้า ชาวเขาถ้าใครยังไม่เคยลองไม่ควรพลาดเพราะเป็นอะไรที่สนุกมาก มันดูเหมือนไม่สูงและพอได้ขึ้นไปอยู่ข้างบนแล้วมันหวิวสุดๆ ขอแนะนำอย่างมากให้ลองเล่น เมื่อคุณเดินทางมาถึงปายแล้ว




เยี่ยมชมบ้านรักษ์ไทย

บ้านรักษ์ไทยตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาที่นี่เพราะเป็นจุดชมวิวที่มีรีสอร์ตสวยตั้งอยู่บนเนินเขา นอกจากรีสอร์ตสวยแล้วยังมีสิ่งเล็กๆที่สวยงามซ่อนอยู่ เมื่อเราเข้ามาทางด้านในของหมู่บ้านเราจะพบกับหมู่บ้านชาวจีนเล็กๆ คนที่นี่น่ารักและอัธยาศัยดีมาก ทุกคนยิ้มแย้มต้อนรับผู้มาเยือนอย่างดี


บางคนเล่าถึงประวัติความเป็นมาของที่นี่ได้อย่างดีเยี่ยม พี่คนในรูปนี้ชื่อพี่เฟริน เปิดร้านเล็กๆอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้าน ได้เล่าประวัติของที่นี่คราวๆไว้ว่า ที่นี่เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ คนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของกองพลที่93
ซึ่งกองพลที่93นี้ ได้สร้างผลงานไว้ให้กับประเทศไทยโดยการกวาดล้างผู้ก่อการร้ายที่เขาค้อ จนหมดสิ้น หลังจากนั้นทางกองบัญชาการทหารสูงสุดจึงแปลงสัญชาติให้เป็นคนไทย และได้มอบพื้นที่ทำกินสืบทอดไปยังรุ่นหลาน ถ้าใครที่เรียนเก่งพูดภาษาจีนได้ จะได้รับทุนการศึกษาจากทางใต้หวัน และ เมื่อเรียนจบสามารถทำงานกับทางใต้หวันได้เลย ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็เป็นล่ามแปลภาษา





เดินถัดมาไม่ไกลนัก มีร้านตรงฝั่งร้านตรงข้าม ได้เจอกับเด็กผู้ชายคนนึงชื่อ ชายน้อย น้องคนนี้ขายชาและแถมยังใจดี ชวนชิมชาฟรีอีกด้วย ชายน้อยเล่าให้ฟังว่าที่ถ้าใครมาที่นี่ แล้วไม่ได้ชิมชากับกินข้าวขาหมูถือว่ามาไม่ถึง หันไปหันมา อ่อชายน้อยขายข้าวขาหมูด้วยนี่เอง


ชาที่นี่กลิ่นหอมละมุนมากค่ะ มีให้เลือกหลายแบบราคาไม่แพงถ้าใครผ่านมาที่นี่แล้วอย่าลืมแวะ ชิมชา กับกินข้าวขาหมูนะคะ ไม่งั้นแสดงว่ายังมาไม่ถึง ชายน้อย คอนเฟิร์ม



ถัดจากบ้านรักษ์ไทย ก็สามารถแวะชมวิวที่ ลีไวน์รักไทย ได้เช่นกันค่ะ ขึ้นมาด้านบนสิ่งที่เจออย่างแรกคือร้านอาหารจีน ชอบการตกแต่งร้านของที่นี่ตอนมาทางร้านได้เปิดเพลงจีนบรรเลงด้วย ทางด้านล่างจะเป็นร้านขายของฝาก และของที่ระลึกค่ะ




ขึ้นมาด้านบนจะเห็นรีสอร์ทลีไวน์ รักษ์ไทย บางส่วนมีการต่อเติมเพิ่มอยู่ จากมุมนี้เห็นวิวที่สวยมากค่ะ









สรุปทริปปาย

สิ่งที่มหัศจรรย์ของการมาปาย

  • เส้นทางมาปาย มันเป็นโค้งแบบโหดมาก แต่เมื่อผ่านมาเกิน500โค้งแล้วก็แทบมองไม่เห็นโค้งที่น่ากลัวอีกต่อไป

  • อาหาร ดีมากร้านอาหารส่วนใหญ่ที่นี่อร่อยและยังสามารถนอนเล่นโดยไม่มีใครมารบกวนอีกด้วย
  • สถานที่และผู้คน นี้อาจเป็นส่วนที่ตื่นเต้นที่สุด และก็เป็นที่ทำให้ดีอกดีใจมากที่สุดด้วย เราชอบโฮสเทลที่ Spicypai มากเพราะสามารถพบปะกับผู้คนที่เข้ามาพัก มั่นใจได้เลยว่าการหาเพื่อนใหม่ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะส่วนใหญ่ผู้เข้าพัก เป็นนักเดินทางเดี่ยว แบบแบกเป้เที่ยว ซึ่งพวกเขาพร้อมที่จะเป็นเพื่อนกับเราอย่างแน่นอนค่ะ

ความจริงที่ว่าเมื่อเราได้พบกับคนใหม่ ๆ ก็เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ทำให้ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมมากมาย กับเพื่อนนักเดินทางด้วยกัน จากปลายทางหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่ง และอีกภูมิภาคหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง การได้พูดคุยกับผู้คนจากประเทศต่างๆเป็นประสบการณ์ที่สวยงามจริงๆสิ่งเดียวที่แย่สำหรับการมาปาย

คือเรื่องของเวลา เพราะปายเป็นที่ๆน่าสำรวจมากเราเที่ยวไปเพียงแค่20%เท่านั่น เพราะเรามาเพียงแค่ 4 วัน 3 คืน ถ้าใครชอบการผจญภัย หรือ เพื่อหลีกเลี่ยงชีวิตธรรมดาที่แสนน่าเบื่อ ปายนับเป็นหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับการออกมาสำรวจ นอกจากการท่องเที่ยวกับธรรมชาติแล้วเราอาจได้ เพิ่มพูนความรู้ในวิถีชีวิตของคนอื่น ๆ และยังช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและโลกของเรา ซึ่งทำให้เราเห็นว่าเหตุใดวัฒนธรรมบางอย่างจึงแตกต่างกันไป สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเดินทางคือการช่วยให้เราเติบโตขึ้น คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวคุณเอง ขนาดเล็กของโลก และ ความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับทุกสิ่ง สุดท้ายนี้อย่าลืมพาตัวเองออกมาเดทนะ โลกกว้างใหญ่เกินกว่าในหนังสือค่ะ

จบทริปเที่ยวเขาแล้ว ทริปหน้าพาไปติดเกาะแทน แล้วตามไปติดเกาะด้วยกันนะคะ

พาตัวเองไปเดท

 วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 17.34 น.

ความคิดเห็น