ว่ากันว่าการออกเดินทางทำให้เราได้พบกับสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เราขออาสาพาทุกคนไปยังอีกโลกหนึ่ง ที่ที่เวลาเดินช้าลง สัมผัสชีวิตแบบไม่รีบร้อน แล้วให้ธรรมชาติโอบรอบตัวเรา ที่นี่...สังขละบุรี
ใช้ชีวิตให้ช้าลง สัมผัสธรรมชาติให้มากขึ้น มาทำความรู้จักกับเมืองเล็กๆในสายหมอกให้มากขึ้นที่นี่....สังขละบุรี
สังขละบุรีเป็นเมืองในจังหวัดกาญจนบุรีที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของสามเชื้อชาติ ทั้งไทย มอญ และกระเหรี่ยง
ซึ่งหากใครได้ลองไปเยือนแล้วจะได้พบกับความสุขกลับไปแน่นอน
เริ่มต้นกันที่การเดินทางหากเดินทางจากกรุงเทพจะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 เส้นทางเมื่อเข้าใกล้สังขละบุรีค่อนข้างคดเคี้ยวควรตรวจสอบสถาพรถให้ดีและเดินทางด้วยความระมัดระวัง นอกจากรถยนต์ส่วนตัวแล้วการเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางและรถไฟต่างก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเช่นกัน
เมื่อเดินทางมาถึงตัวเมืองสังขละบุรี เราพบกับที่พักมากมาย โดยสามารถจองมาก่อนล่วงหน้าหรือมาติดต่อที่ที่พักโดยตรงก็ได้ ซึ่งที่พักที่เราแนะนำคือ สามประสบรีสอร์ทเนื่องจากสามารถมองเห็นวิวสะพานมอญได้ค่อนข้างชัดเจน หรือหากใครอยากสัมผัสบรรยากาศริมน้ำก็สามารถพักแพริมน้ำได้เช่นกัน
หลังจากเข้าที่พักสิ่งที่ควรทำคือเข้านอนแต่หัวค่ำเพื่อเก็บแรงไว้สำหรับวันถัดไป เมื่อเช้าวันใหม่มาถึงเราออกจากที่พักกันตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งกิจกรรมของเราในวันนี้คือ
- เที่ยวชมสะพานมอญ : สัมผัสวิถีชีวิตและการตักบาตรแบบชาวมอญ
- นั่งเรือชมวัดใต้น้ำ : เดินทางผ่านสายน้ำและสายหมอกเยี่ยมชมวัดใต้น้ำ วัดวังวิเวการาม(เดิม) อดีตเป็นชุมชนชาวมอญตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่าสามประสบ คือเป็นที่บรรจบของแม่น้ำสามสาย ต่อมาทางการได้มีการสร้างเขื่อนวชิราวงกรณ์ น้ำจึงท่วมตัวอำเภอเก่ารวมถึงหมู่บ้านชาวมอญ ปัจจุบันวัดจมอยู่ใต้น้ำเหลือเพียงซากของวัดเก่าสามารถเข้าชมได้ทางเรือเท่านั้น
วิวตอนนั่งเรือ ดีแค่ไหนให้ดูจากรูปได้เลยค่า
- ไหว้เจดีย์พุทธคยา : เจดีย์สีทองอร่ามส่องแสงสวยงามเห็นได้อย่างชัดเจน สามารถมองเห็นได้จากช่วงเช้าที่นั่งเรือชมวัดใต้น้ำ โดยด่านหน้าเจดีย์จะมีสิงห์แบบมอญสองตัว ยืนเฝ้าบันไดทางขึ้นที่ทอดยาวพา่ขึ้นสู่ตัวเจดีย์ทรงเหลี่ยมฐานจัตุรัส ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
- สักการะหลวงพ่ออุตตมะแห่งวัดวังวิเวการาม(ใหม่) : วัดวังวิเวการาม (ใหม่) ที่ชาวมอญได้ย้ายจากบริเวณเดิมที่จมน้ำ โดยสามารถเข้ามาสักการะหลวงพ่ออุตตมะ พระภิกษุที่ได้รับความเคารพเลื่อมใสในหมู่คนไทยเชื้อสายมอญและชาวพุทธทั่วไป
หลังจากไหว้จนอิ่มบุญแล้วช่วงเย็น เราขอแนะนำร้านอาหารที่ช่วยให้อิ่มท้องคือ "บารมีหมูกระทะ" เป็นร้านดั้งเดิมของสังขละบุรี ซึ่งได้รับการการันตีจากคนท้องถิ่นว่าไม่ผิดหวังแน่นอน รสชาติดีราคาไม่แพงให้เต็ม 10 ไปเลยค่ะ
เข้าสู่เช้าวันสุดท้ายของทริปนี้เราจะเดินทางไปยังชายแดนฝั่งไทยตะวันตกนั่นก็คือ ด่านเจดีย์สามองค์ โดยเราสามารถข้ามไปท่องเที่ยวฝั่งพม่าได้ ซึ่งสามารถเดินทางไปได้หลายวิธี โดยครั้งนี้เราเลือกที่จะใช้บริการการนำเที่ยวแบบกันเองด้วยการนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์รับจ้างพาเที่ยวยังจุดต่างๆ ได้แก่
- วัดเสาร้อยต้น : เมืองพญาตองซู ประเทศพม่า ด้านบนชั้นสองสามารถขึ้นไปสักการะพระพุทธรูปได้ ด้านหลังวัดจะเจอกับรูปปั้นพระพุทธรูปบิณฑบาตจำนวนหลายร้อยรูปให้ความสวยงามไปอีกแบบ
- วัดเจดีย์ทอง : ตั้งอยู่บนเนินเขาห่างจากวัดเสาร้อยต้นไม่มาก สามารถเห็นวิวรอบๆเมืองได้
- วัดพระนอน : แวะสักการะพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคล
- วัดตองไว : ไหว้หลวงพ่อทันใจ (จำลอง) เพื่อขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
- ตลาดพม่า : มีสินค้าพื้นเมืองให้เลือกซื้อมากมาย รวมทั้งร้านค้า Duty free
สุดท้ายแล้วก็กลับที่พักเก็บกระเป๋าพร้อมความทรงจำที่ดี ออกเดินทางกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง ทริปนี้ได้ให้อะไรมากมาย นอกเหนือจากได้เที่ยวเมืองไทยแล้วยังได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบชาวมอญและชาวพม่าที่แตกต่างออกไป ได้สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติอย่างที่พบเจอไม่ได้ในเมืองใหญ่ ได้ใช้ชีวิตให้ช้าลง อยู่กับตัวเองให้มากขึ้น สุดท้ายนี้ทุกอย่างที่พิมพ์มานี้อย่าเพิ่งเชื่อทั้งหมด ต้องลองสัมผัสด้วยตัวคุณเองแล้วจะพบว่าเที่ยวเมืองไทยนั้นให้อะไรมากกว่าที่คิด ;)
Smoothies Tidtee
วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 00.15 น.