.........ทริปนี้ได้ไปเที่ยวพักผ่อนที่ตลาดน้ำอัมพวาเมื่อวันพุธที่ 3 ก.พ.โดยไปพัก 1 คืนที่นั่น และเป็นครั้งแรกของเราที่มาที่อัมพวา

ที่นี่อยากจะมานานแล้ว แต่ได้ยินว่าคนเยอะมากแน่นมากรถติดแถมหาที่จอดรถยากด้วย และที่พักในวันสุดสัปดาห์ก็แพงและเต็มตลอดๆ

ก็เลยลองมาพักมาเที่ยวในวันธรรมดาดูซะหน่อย ก็เลยจองมาพักทีโรงแรมนี้ Pomelo Amphawa the Local Residence

ซึ่งโรงแรมนี้มีห้องพักด้วยกันทั้งหมดแค่ 6 ห้องและในวันเสาร์จะเต็มตลอดๆจองยากมาก



ในการมาพักครั้งนี้ เราจองห้องธรรมดาแบบถูกที่สุดมา แต่พอมาเช็คอินทางนี้จำเราได้เป้นแฟนรีวิวด้วย ก็เลยอัพเกรดห้องให้

และวันรุ่งขึ้นทางการท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรสงครามก็มาพาเราเที่ยวอีก ก็เลยขอขึ้นรีวิวนี้เป็นรีวิว SR ละกันนะครับ



เรื่องราวในตอนนี้จะมีดังนี้ครับ

โรงแรม Pomelo Amphawa the Local Residence ที่เราพัก

ล่องเรือไหว้พระ 3 วัด ได้แก่วัดจุฬามณี วัดแคน้อย วัดบางกุ้ง(วัดปรก)

ร้าอาหารครัวครูหอม

ล่องเรือชมหิ่งห้อย

เตาตาลมิตรปรีชา (วิถึชุมชน ชมวิทีทำน้ำตาลมะพร้าว)

ปั่นจักรยาน ชุมชนบ้านบางพลับ

อุทยาน ร.2

ร้านเล้งแซบ ก๋วยเตี๋ยวจอมพลัง

ตลาดร่มหุบ

เพื่อนๆลองมาดูกันครับ ว่าวันธรรมดาที่อัมพวาจะน่าเที่ยวขนาดไหน แต่ที่รู้ๆคือรถไม่ติด คนไม่เยอะ ชิวๆและสบายๆจริงๆครับ

เพื่อนๆ ถูกใจ ชอบใจรีวิว อยากให้ทิป เป็นกำลังใจแม่ประนอมคนทำรีวิว ก็กด+ที่มุมซ้ายด้านล่างครับ



ขอบคุณครับ



แม่ประนอม จ้าเราออกจากกรุงเทพประมาณบ่าย 2 ก้ถึงโรงแรมครับ

จอดรถแล้วก็ไปเช็คอินกันครับ


เช็คอินเสร็จแล้วก้ไปห้องกันครับ


ที่นี่มีจักรยานให้ยืมไปปั่นได้ครับ


ด้านหลังห้องพักเราครับ


เราเข้าไปดูในห้องกันครับ


กาแฟและขนมฟรีหมดนะครับ


ในตู้เย็นน้ำอัดลม 2 กระป๋องนี่ก็ไม่เสียตังครับ


ไปดูห้องน้ำกันก่อนนะครับ


ต่อด้วยในห้องนอนครับ ที่นี่สภาพยังใหม่กิ๊กๆเลยเพราะเพิ่งเปิดมาได้ประมาณ 1 ปีเองครับ.


หลังจากเก็บข้าวของล้างหน้าล้างตาแล้ว เราก็จะนั่งเรือไปไหว้พระและไปชมตลาดน้ำอัมพวากันทางเรือครับ


เรือลำนี้ละครับ ขึ้นที่ท่าหน้าโรงแรมเลยครับ


ลุงคนขับคนนี้ละครับ แกเป็นทั้งไกด์อธิบายเรื่องราวต่างๆให้เราเพลินเลยครับ


วัดแรกที่ลุงพาเรามาครับ


วัดจุฬามณี ครับ


ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 325 (สมุทรสงคราม-บางแพ) กิโลเมตร 34–35 ตำบลบางช้าง

เป็นวัดโบราณริมฝั่งคลองอัมพวาต่อเนื่องกับคลองผีหลอก

วัดนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง


สันนิษฐานว่า ท้าวแก้วผลึก (น้อย) นายตลาดบางช้าง ต้นวงศ์ราชินิกุลบางช้างเป็นผู้สร้างขึ้น

บริเวณหลังวัดเดิมเป็นนิวาสสถานของคุณนาค (สมเด็จพระอมรินทรามาตย์พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 1) และคุณบุญรอด (สมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 2)

ออกจากวัด คุณลุงคนขับเรือพาเราวนอ้อมไปทางตลาดน้ำอัมพวา แบบว่าเราออยากเห็นสภาพในวันธรรมดากันครับ


ร้านส่วนมากก็ปิดกันหมดครับ แต่ก็พอมีบางร้านเปิดขายมั่งเหมือนกัน


พี่ฝรั่งเค้าท่าทางคงจะทานอร่อยแน่เลย


แล้วเราก็แวะรับชายามบ่ายกะคุณป้ากันครับ


ต่อไปคุณลุงพาเราไปเที่ยววัดบางแคน้อยครับ


คุณลุงบอกว่า พื้นของอุโบสถปูด้วยไม้ตะเคียนแผ่นโตๆ ถึง 7 แผ่น ขนาดหนา 2 นิ้ว ใหญ่ (กว้าง) 1 เมตร และยาว 14 เมตร ซึ่งหาไม่ได้ในปัจจุบันแล้ว

วัดบางแคน้อย


เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 ในปี พ.ศ.2357 อุโบสถวัดนี้มีความงดงามทางด้านศิลปะอย่างยิ่ง

เนื่องจากมีการแกะสลักไม้สักของฝาผนังภายใน และการตกแต่งวิจิตรบรรจง อีกทั้งศิลปะการฝังไม้โมกมันเพื่อให้เกิดรูปภาพอันสวยงาม



คุณหญิงจุ้ย (น้อย) วงศาโรจน์ เป็นผู้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2411

เดิมอุโบสถของวัดสร้างบนแพไม้ไผ่ผูกไว้กับต้นโพธิ์ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง

ปัจจุบันวัดนี้ได้รับการบูรณะอย่างดี สิ่งที่น่าชมภายในวัด ได้แก่ ผนังภายในพระอุโบสถทำจากไม้สักแกะสลักเป็นเรื่องราวในพุทธประวัติ

การประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน และเรื่องพระเจ้าสิบชาติ ลวดลายสวยงามชัดเจนโดยฝีมือช่างแกะสลักจังหวัดเพชรบุรีซึ่งมีชื่อเสียงด้านการแกะสลักไม้ นับเป็นอุโบสถที่มีความงดงามในศิลปะการแกะสลักไม้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3476 1222

ภายในนี้สวยงามมากครับ ต้องมาเห็นกับตาตนเองครับ


พื้นไม้แผ่นใหญ่ๆที่ว่าอะครับ


แล้วเราก็ไปต่อกันครับ


แล้วคุณลุงก็พาเรามาเที่ยว วัดบางกุ้ง(ค่ายบางกุ้ง)


ประวัติวัดบางกุ้ง(ค่ายบางกุ้ง) สมุทรสงคราม


เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม

ตามประวัติกล่าวว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่ง ทางประวัติศาสตร์

เนื่องจากในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปีพ.ศ. ๒๓๐๘ กองทัพพม่ายกเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา

สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์จึงทรงมีพระราชดำรัสสั่งให้หัวเมืองปากใต้ ยกกองทัพ เรือมาตั้งค่ายสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งที่ตำบลบางกุ้ง เมืองสมุทรสงคราม เรียกว่า “ค่ายบางกุ้ง"

กองทัพพม่าซึ่งยกทัพเข้ามาตามลำน้ำแม่กลองและบุกลงมาจนถึงค่ายบางกุ้ง โดยที่กองทัพของกรุงศรีอยุธยาไม่สามารถต้านทานไว้ได้ค่ายบางกุ้งจึงแตก หลังจากพม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตกในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ ค่ายบางกุ้งก็ตกอยู่ในสภาพค่ายร้าง เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนากรุงธนบุรีแล้ว โปรดให้ชาวจีนรวบรวมสมัครพรรคพวกมาตั้งเป็นกองทหารรักษาค่ายเก่าที่บางกุ้ง จึงเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ค่ายจีนบางกุ้ง"


ในปี พ.ศ. ๒๓๑๑ หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาไปประมาณ ๘ เดือน กองทัพพม่านำโดยเจ้าเมืองทวายยกทัพบกและทัพเรือลงมาล้อมค่ายจีนบางกุ้งไว้ ทหารจีนที่รักษาค่ายบางกุ้งสู้รบอย่างเต็มที่แต่มีกำลังน้อยกว่าเกือบจะเสีย ค่ายแก่พม่า


กรมการเมืองสมุทรสงครามจึงมีหนังสือกราบทูลไปยังกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงทราบจึงยกกองทัพมาตีทัพพม่าแตกพ่ายไป และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๑๗ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยกกองทัพเรือนำทหารไปออกศึกที่บางแก้ว เมืองราชบุรี ในระหว่างการเดินทางได้หยุดกองทัพพักพลเสวยพระกระยาหารที่วัดกลางค่ายบาง กุ้ง กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดบางกุ้งเป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจจา นุเบกษา เล่ม ๑๑๓ ตอนพิเศษ ๕๐ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙

นอกจากนี้ถ้าข้ามถนนไปอีกฝั่งหนี่งก็จะเป็นฝั่งของวัดบางกุ้ง ซึ่งติดกับแม่น้ำแม่กลอง หน้าวัดมีปลาตะเพียนตัวใหญ่ให้เราได้ให้อาหารกัน รวมทั้งสัตว์อีกหลายชนิดให้ชมกัน


ที่วัดบางกุ้งนี้ยังมีสถานที่ Unseen Thailand อีกคือ โบสถ์ปรกโพธิ์


โบสถ์นี้สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ชาวบ้านเรียกว่า “โบสถ์หลวงพ่อดำ" มีลักษณะพิเศษคือ โบสถ์ทั้งหลังปกคลุมด้วยต้นไม้สี่ชนิด คือ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร ต้นกร่าง ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าโบสถ์ปรกโพธิ์

ออกจากวันนี้แล้ว ก็เหนื่อยแล้วครับ คนแก่ไม่ไหวแล้ว ก้ขอให้ลุงแกพากลับโรงแรมไปพักผ่อนก่อน เดี๋ยวกลางคืนค่อยออกมาดูหิ่งห้อยกันครับ



ระหว่างทางครับ สวยมากแต่ยังสร้างไม่เสร็จดีครับ


ช่วงเย็นๆเราก็พักผ่อนชิวๆกันที่โรงแรมครับ บรรยากกาศริมน้ำชิวๆดีครับ


ราคาเครื่องดื่มก็ไม่แพงด้วย และทางโรงแรมมีให้ดื่มฟรีแก้วแรกด้วยครับ

ก็นั่งกันเพลินยังค่ำเลยครับ


มาดูบรรยากาศโรงแรมตอนกลางคืนกันครับ สงบและโรแมนติกจิงครับ


อันนี้หน้าห้องเราครับ


และห้องอาหารติดริมแม่น้ำครับ


มื้อเย็นเราทานร้านดัง ร้านครัวครูหอม ซึ่งอยู่ติดกับโรงแรมเราเลย ก็เดินไปทานสบายๆ


ร้านนี้หมึกแดงแนะนำนะจ๊ะ


เอาเมนูมาให้ดูครับ ราคาโอเลยครับ


มาดูอาหารกันครับ


อันนี้เรียกว่าปลาทูซาเตี้ยะ คล้ายๆปลาทูสามรสครับ

ไข่เจียวธรรมดาๆครับ แต่ก็อร่อยครับ


น้ำพริกไข่ปูนี่ แซบเวอร์เลยครับ


อิ่มแล้ว ก็มานั่งเรือไปดูหิ่งห้อยกันครับ



คุณลุงก็พาเราไปดูหิ่งห้องตามที่ต่างๆประมาณ ชั่วโมงนึง น่าเสียดายมากเพราะว่าถ่ายรูปยังไงก้ไม่ติดครับ


แล้วลุงก็พาเราวนไปดูตลาดน้ำอัมพวาตอนกลางคืนครับ

ซึ่งก็สวยจริงๆครับ

ตื่นเช้ามาไฮไลท์ที่มาค้างที่อัมพวานี่ก็คือ การใส่บาตร์เช้าริมแม่น้ำครับ


อันนี้ครับ พระท่านพายเรือมารับบาตรหน้าโรงแรมเลยครับ


ใส่บาตรเสร็จแล้ว ก็ทานอาหารเช้าริมแม่น้ำกันครับ


อาหารเช้าที่นี่จะแถมมากับห้องที่จองมาครับ

อาหารก็เป็นเซ็ตอเมริกันเบรคฟัดครับ

อิ่มข้าวเช้าแล้ว เราก็เอาจักรยานที่โรงแรมไปขี่ย้อยอาหารหน่อย


แล้วเราก็ขี่มาแวะดูเค้าทำน้ำตาลกัน ที่เตาตาลมิตรปรีชา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมประมาณ 1 ก.ม. ก็ขี่มาตามป้ายอะครับ


มาดูเค้าทำน้ำตาลปึกจากมะพร้าว และซื้อกลับบ้านด้วย เพราะน้ำตาลของเค้าจะเป็นน้ำตาลมะพร้าวไม่มีผสมอะไรเลย

มาถึงแล้วครับ เค้ากำลังเคี่ยวน้ำตาลพอดีเลย ที่นี่เค้าจะเคี่ยว 2 รอบ คือเช้ากับเย็นตามรอบเก็บน้ำตาลเลยครับ


กระบอกที่ใช้เก็บน้ำตาลกันครับ


ซึงทีอยู่บนกระทะนั่น เค้าใช้กักฟองไม่ให้มันล้นอะครับ


พอเคี่ยวจนงวดได้ที่แล้ว คุณลุงก็เอามาปั่นๆแบบนี้ครับ


คุณลุงบอกว่าน้ำตาลมะพร้าว 7 ลิตร จะได้น้ำตาลปึก 1 โลครับ

แล้วก็ตักขึ้น แล้วเอาไปหยอดเป้นก้อนๆครับ


น้ำตาลที่นี่ไม่ใส่สารกันบูดนะครับ ขายโลละ 70 บาท


อันนี้คุณลุงเจ้าของพาเรามาดูวิธีเก็บน้ำตาลครับ


เริ่มด้วยพอมะพร้าวแตกงวงออกมาเพื่อออกดอก ก็รีบตัดงวงก่อนแล้วพักไว้ 5 วัน

พอครบ 5 วันแล้วก็เอากระบอกมารองน้ำตาลได้เลย ต้นหนึ่งเก็บได้วันละ 1.5 ลิตรทุกวัน 1 งวงก็เก็บได้ 25 วันครับ


อันนี้ละครับน้ำตาลที่ไหลออกมาครับ


ต้นมะพร้าวพันธ์ที่พัฒนามาใหม่ให้เตี้ยลงครับ ซึ่งเมื่อก่อนต้นจะสูงมาก


อันนี้คือที่เค้าไม่ได้ตัดงวง ก็จะออกมาเป็นลูกปกติ ลุงแกก็ตัดมาให้ลองกินดู ปรากฏว่าน้ำหอมหวานมากจริง


ก็อยู่ที่นี่ได้เกือบชั่วโมงเลย คุณลุงแกคุยเก่งมาก และอธิบายกระบวนการได้สนุกจริงๆ


เพื่อนๆก็ลองแวะมาเที่ยวกันนะครับ

สายๆเราเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม น้องเอ็กซ์จาก ท.ท.ท.สมุทรสงครามก็อาสามาพาเราเที่ยวต่อ


เค้าอยากพาเราไปปั่นจักรยานในเส้นทางที่เค้าทำไว้

มาถึงแล้วครับ ชุมชนบ้านบางพลับ สมุทรสงคราม ซึ่งเค้าวางเส้นทางปั่นจักรยานไปสัมผัสวิถีชุมชนต้นแบบ ซึ่งน่าสนใจมากครับ


ส้มโอของทีนี่น้องแม็กเค้ารับรองว่าอร่อยมากทุกลูกครับ ซึ่งเราก็ลองซื้อมาชิมดู พอดีเอามาไหว้เจ้าพอดีเลยครับ


แวะดื่มกาแฟแป๊ปนะครับ ก่อนไปปั่นกัน


อันนี้จักรยานของ ททท.ที่มาสนับสนุน ใครมาหยิบไปใช้ได้ฟรีเลยครับ


เลือกจักรยานเสร็จแล้ว เราก็ไปปั่นกันครับ


ฐานต่างๆให้เราเยี่ยมชมในเส้นทางครับ


เราแวะที่นี่กันครับ มาดูเค้าทำบอระเพ็ดให้กินได้กันครับ


อันนี้ละครับ บอระเพ็ด ที่เด็กเราโดนครูให้อมทำโทษอะครับ


มาลองชิมกันดูครับ


ด้วยภูมปัญญ่ชาวบ้าน หายขมเลยครับ กรอบหวานมันเลย

แพ็คขายกล่องละ 50 บาทครับ


อันนี้ก็ขนมโบราณครับ เค้าบอกว่ามีที่นี่ที่เดียวเองครับ


อันนี้ก็รสชาติดีเลยครับ


อันนี้ก็ฐานส้มโอครับ มาดูต้นส้มโอกัน


เอาแค่นี้พอสังเขปนะครับ ที่เหลือต้องมาขี่เที่ยวเองครับ เดี่ยวจะไม่สนุกแล้วเราก็ไปเที่ยวอุทยาน ร.2กันครับ



อุทยานนี้เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ของมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานศิลปะอันงดงามไว้ เป็นมรดกแก่ชาติและได้รับการยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดป้ายอุทยานเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2522 และเปิดให้ประชาชนเข้าชมภายในอุทยานได้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2530



พิพิธภัณฑ์พระพุทธเลิศหล้านภาลัย


เป็นอาคารทรงไทย จำนวน 4 หลัง พื้นที่รวม 600 ตารางเมตร จัดพิพิธภัณธ์แบบชาติพันธุ์วิทยา แสดงศิลปวัตถุในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ที่จะสะท้อนให้เห็นลักษณะศิลปวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ และการดำรงชีวิตของชาวไทยในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

มีบริการแต่งชุดไทยด้วยครับ


ภายในสวยงามากครับ แต่เค้าห้ามถ่ายรูปครับ


แล้วเราก็แวะไปดูตลาดน้ำอัมพวากันทางบกดูครับ


อันนี้อร่อยครับ ลองซื้อทานดูแล้ว


ของฝากก็พอมีขายอยู่ครับ


ก๋วยเตี๋ยวเจ้านี้ท่าจะมาขายทุกวัน คนกินเยอะตลอดเลย


สภาพแบบนี้ถ้ามาสุดสัปดาห์คงอีกแบบแน่


แล้วก็อย่าลืมแวะซื้อขนมกับน้องคนสวยนะครับ


มื้อเที่ยง เราบอกน้องเค้าว่าอยากได้ร้านอาหารแบบจานเดียวและอร่อยๆและดังด้วย เผื่อเพื่อนๆได้ตามรอย


น้องเอ็กซ์จาก ททท.เค้าก็เลยพาเรามาเลี้ยงข้าวเที่ยงร้านนี้ครับ เล้งแซ่บ เตี๋ยวทรงพลัง และ ข้าวมันไก่ไหหลำ ขนานแท้

อันนี้ละครับ เล้งแซบ ชามใหญ่ๆโตๆ เผ็ดเปรี้ยวจี๊ดเลย 90 บาท


และข้าวมันไก่ไหหลำ


ต่อด้วยของหวานที่เค้าบอกเราว่าต้องกิน


แล้วก็มาไหว้พระก่อนกลับกันที่วัด วัดเพชรสมุทรวรวิหาร หรือ วัดบ้านแหลม ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟแม่กลอง


วัดเพชรสมุทรวรวิหาร เดิมชื่อ วัดบ้านแหลมในอดีตชื่อ วัดศรีจำปา


ตั้งอยู่ที่ ตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นอารามหลวง ชั้นวรวิหาร สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย

สร้างขึ้นในราวรัชสมัยพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา


ตาม ตำนานเล่าว่า ในปี พ.ศ. 2307ชาวบ้านแหลมในเขตเมืองเพชรบุรีอพยพหนีพม่ามาตั้งบ้านเรือน อยู่บริเวณตำบล แม่กลองเหนือวัดศรีจำปา และเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านแหลม" ตามชื่อหมู่บ้านเดิมของตน


ชาวบ้านแหลมได้ช่วย กันบูรณะวัดศรีจำปาและเรียกวัดนี้ใหม่ว่า วัดบ้านแหลม" ต่อมาวัดบ้านแหลมได้ยกฐานะขึ้นเป็นอาราม หลวง ชั้นวรวิหาร ได้รับ พระราชทานนามว่า วัดเพชรสมุทรวรวิหาร

ประวัติหลวงพ่อบ้านแหลม


ชาวบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรีได้มาตีอวนหาปลาบริเวณแม่น้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสาคร ได้ลากอวนพบพระพุทธรูป 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร ซึ่งได้มีการอัญเชิญไปประดิษฐานที่ วัดศรีจำปา (ปัจจุบันชื่อ วัดบ้านแหลม ทำให้ชาวบ้านเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่าหลวงพ่อบ้านแหลม

ตั้งแต่นั้นมา พระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง ปางสมาธิ ชาวบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ได้นำกลับไปประดิษฐานที่วัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี

ตำนานพระพุทธรูปห้าองค์อยู่บนแพลอยน้ำมาในแม่น้ำแม่กลองจากเมืองทางทิศเหนือของจังหวัดสมุทรสาคร คือ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อโต (บางพลี) หลวงพ่อวัดเขาตะเครา และหลวงพ่อวัดไร่ขิง ซึ่งชาวบ้านริมฝั่งน้ำที่ศรัทธาได้อัญเชิญไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถของวัด เพื่อสักการบูชา

ข้อมูล วิกิพีเดีย

ออกจากวัด เราก็เดินไปที่สถานีรถไฟแม่กลองกันครับ เพื่อไปดูตลาดร่มหุบและแวะซื้อกับข้าวก่อนกลับกรุงเทพกัน


แต่ตอนนี้เค้ากำลังก่อสร้างปรับปรุงเปลี่ยนรางรถไฟกัน ก็เลยไม่มีรถไฟวิ่งมาปียึงแล้ว ตลาดนี้ก็เลยไม่ต้องหุบร่มกันแล้ว จนกว่ารถไฟจะเปิดวิ่งมา

แล้วเราก็เดินตามรางรถไฟไป ช๊อปกันครับ


ก็จบแล้วครับ 24 ชั่วโมงในวันธรรมดาๆที่อัมพวานี่ก็ชิวดีมากครับ


ไม่ต้องไปเบียดๆแย่งกันเดินแย่งกันกิน ค่าที่พักก็ถูกกว่า อาหารการกินก็ไม่ต้องรอนาน ใช้ชีวิตชิวๆสบายๆสงบๆริมแม่น้ำ ก็อยากบอกให้เพื่อนลองมาเที่ยวกันวันธรรมดาดูครับ

ก็จบแล้วครับ หวังว่าคงได้รับความเพลิดเพลินตามสมควรนะครับ



สุดท้ายนี้

ขอบคุณ Pantip สำหรับพื้นที่ดีๆที่ให้เราได้แบ่งปันข้อมูลและหาข้อมูลดีๆในการท่องเที่ยวด้วยตนเอง


ขอบคุณน้องเอ็กซ์ แห่งการท่องเที่ยวสมุทรสงคราม ที่มาพาไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา มีอะไรมาให้เพื่อนๆได้รับชมกัน


ขอบคุณ เพื่อนๆ แฟนๆ ที่ให้การสนับสนุนแม่ประนอมมาตลอดๆ



แล้วจะพยายามทำรีวิวให้ดีขึ้น ดีขึ้น นะครับ



แม่ประนอม



รักผู้อ่านทุกคนคราบ..........................................



แม่ประนอม นะจ๊ะ

แม่ประนอม

 วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 20.33 น.

ความคิดเห็น