ส โ ล ว์ ไ ล ฟ์ ใ ห้ สุ ด ....
สวัสดีค้าาาาาาาาาาาาาา ทริปนี้ที่หลวงพระบางนะคะ เดินทางกับ Air Asia อีกเช่นเคย ได้โปรฯไปกลับคนละ 2,200 บาทค่ะ ดีงามมาก สำหรับวันเดินทาง เราเดินกัน 3 วัน 2 คืนค่ะ บินช่วงบ่ายวันที่ 20 และบินกลับช่วงเย็นวันที่ 22 พ.ย. 61
อยู่บนเครื่องก็กรอกใบตม.ให้เรียบร้อยนะคะ ถึงสนามบินหลวงพระบาง หลังจากผ่านตม.มาแล้ว อันดับแรกก็แลกเงินค่ะ 1 บาท เท่ากับ 267 กีบ (ที่นั่นใช้เงินไทยก็ได้ ก็ลาวก็ได้ หรือเงินดอลล่าห์ก็ได้นะคะ) สำหรับเวลา ก็เหมือนกันกับเวลาประเทศไทยเลยค่ะ ไม่ต้องปรับ ซิมโทรศัพท์หากใครต้องการซื้อก็เดินมาซื้อบริเวณทางออกก็ได้ค่ะ ราคาถูกกว่าตรงบริเวณจุดรับกระเป๋าค่ะ
ค่าใช้จ่ายหลักๆของเราก็มี
- ค่าตั๋ว คนละ 2,200 บาท
- ค่าที่พักคือแรก (MaKong Sunset Guest House) 24 เหรียญ /ประมาณ 792 บาทต่อ 2 คน ไม่รวมอาหารเช้า
- ค่าที่พักคืนที่สอง (สายน้ำคาน) 41 เหรียญ /ประมาณ 1,353 บาทต่อ 2 คน ไม่รวมอาหารเช้า
เราแลกเงินกีบที่สนามบินลาวค่ะ คนละ 3,000 บาท แลกแล้วได้ทั้งหมด 1,602,000.00 กีบ และเผื่อเงินไทยด้วยนิดหน่อย
จากสนามบินมาที่พัก เรานั่งแท๊กซี่แบบVan มาค่ะ 50,000 กีบ ต่อ 3 คน (พอดีเจอน้องคนไทยลงเครื่องมาด้วยกันพอดี เลยชวนน้องเค้าหารด้วยเลย) มาส่งถึงที่พักเลยค่ะ
ที่พัก MaKong Sunset Guest House เราพักอยู่ชั้น 2 มีระเบียงหน้าห้องด้วยนะ บรรยากาศดีมากกกกกกกกก ลมเย็นๆพัดโชยตลอด และที่สำคัญ เงียบ มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ทั้งๆที่บริเวณริมโขงมีร้านอาหาร ผับบาร์ คาร์เฟ่เยอะแยะ แต่แปลก ที่เงียบสุดๆ
หน้าที่พักคือแม่น้ำโขง ซึ่งจุดนี้สามารถดูพระอาทิตย์ตกน้ำป๋อมแป๋มได้เท่ากับบนยอดเขาพูสีเลย (วันนี้คงขึ้นเขาไม่ทัน เลยเลือกดูที่หน้าที่พักเอาค่ะ)
เก็บของเก็บกระเป๋า เดินขึ้นไปตลาดมืดกัน ........ อ่อ ก่อนถึงตลาดมืด เราเจอร้านต้มข้าวเปียกด้วยค่ะ อร่อยมากกกกกกกก ชอบอ่ะ ฝรั่งยกถ้วยซดเลยจะบอกให้
อิ่มแล้ว เดินทางต่อ
เดินอีกนิดเดียวก็เจอตลาดมืดแล้ว ไม่ไกลค่ะ
เดินมาเรื่อยก็เจอแลนด์มาร์คแล้วค่ะ .... ภาพนี้เอง ที่อยู่ในโปสเตอร์
สวยมาก หลวงพระบางเวลากลางคืน สวยสุดๆค่ะ
เดินไปเดินมา .... อ่าว ของขายก็เหมือนถนนคนเดินท่าแพนี่นาาา 5555+++ แต่ก็สวยเป็นเอกลักษณ์อยู่ค่ะ ราคาก็ไม่แพง เป๋าตังค์ใส่เหรียญ 20 บาทเอง เท่าๆซาปาเลย
ปล. ชอบสร้อยเส้นนี้มาก ราคา 500 บาทค่ะ ไม่ลดเลยย
เราเดินไปมาได้ครึ่งทางก็วกกลับค่ะ เพราะจะไปลองส้มตำข้างโรงแรม Indigo เค้าบอกว่าแซ่บบบบ
สรุปแล้ว แซ่บจริงค่ะ แซ่บมาก เราสั่งแบบเผ็ดครบรส หืมมมมมมม นัวเว่อร์ ปลาเผาก็เนื้อแน่นอร่อยมากๆ ไม่มีกลิ่นดินเลย ปีกไก่ก็อร่อย ข้าวเหนียวก็อร่อย โอ้ยยยยยย คิดถึงง
อิ่มแล้ว กลับไปพักผ่อนได้ เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าตักบาตรข้าวเหนียวค่ะ (ควรตื่นตั้งแต่ตี 4 นะคะ เพราะพระมาบิณฑบาตรเช้ามาก) เราตื่นตี 5 ยังไม่ทันเลย
สวัสดี วันที่สอง ของหลวงพระบาง
ตักบาตรเสร็จ ก็เดินเที่ยวตลาดเช้าค่ะ ... (หมอกลงเยอะมาก อากาศเย็นสบายมากค่ะ)
เดินมาเรื่อย จนมาทะลุร้านกาแฟ ประชานิยมริมโขงค่ะ
ทานเสร็จก็รีบไปเก็บของเช็คเอ้าท์ค่ะ เพราะเรานัดให้รถสามล้อมารับไปเที่ยวน้ำตก ตาดกวางสี เวลา 10 โมง สำหรับค่าเหมารถ เราเหมาอยู่ที่ ราคา 180,000 กีบ ต่อ 2 คน เงินไทยประมาณ 600 บาท พาเที่ยวทั้งวัน (รถใหม่ สภาพดี คนขับสุภาพ เค้าเสนอให้ไปตาดแส้ด้วย แต่เราไม่ชอบ เลยไปแค่ตาดกวางสี และเที่ยวในเมืองค่ะ)
ระยะทางจากตัวเมืองถึงน้ำตก ประมาณ 30 กิโลค่ะ ใช้เวลา 1 ชม. (ก็ไกลอยู่นะ) เปนทางขึ้นเขาลงเขา วิวประมาณนี้
11 โมงกว่า ก็ถึงแล้วค่ะ น้ำตกตาดกวางสี destination ในฝันของเรา ค่าเข้าคนละ 20,000 กีบ
เดินเข้าไปไม่ไกลค่ะ จะเจอพี่หมีก่อน
เดินมาอีกนิด ก็เจอบ่อน้ำตกเล็กๆ แต่สีฟ้ามากกกกกกกค่ะ เห็นแล้วต้อง ว้าววววววว
ไม่ไหวแล้วใจ .... ใจพี่อยากโดดแล้วววววววว ฮรืออออออออ ทำไมฟ้าได้ขนาดนี้
เดินขึ้นไปอีกนิด ก็จะเจอแบบนี้ ...
สวย มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก .... เย้ ช้านนนมาถึงหลวงพระบางแล้วววววว
กลับแล้วววว บ๊ายบายน้ำสีฟ้าๆ เขียวๆ
จากน้ำตก เราให้รถเหมาพาไปส่งเช็คอินที่สายน้ำคาน แล้วก็พาเราไปทานข้าวเที่ยงที่ ร้านเจ๊ติ๋ม ต่อด้วยกาแฟร้านโจมาค่ะ
มาต่อร้าน เจ๊ติ๋ม .......... มาลองตำหลวงพระบางกันจะแซ่บมั้ย
สรุปร้านนี้ให้เต็ม 10 จ้าาาาา ส้มตำนัวมาก ไส้กรอกก็อร่อย แหนมหมูยิ่งอร่อย ข้าวก็อร่อย ชอบๆๆๆ
มาต่อกาแฟเย็นที่ร้านโจมา ... รสชาติอ่อนไปค่ะ ไม่โอเค
4 โมงครึ่ง เตรียมร่างกายขึ้นยอดพระธาตุพูสีค่ะ ได้ข่าวว่า สามร้อยกว่าขั้นเอง .... 555++ หอบแหลกเลย
โอ้ยยยยยยยย ลิ้นห้อย ... เหนื่อยมาก หอบค่ะเพราะแก่แล้ว กว่าจะถึงก็เกือบ ครึ่งชม. แต่พอถึงปุ๊บบบ หายเหนื่อยเลยค้าาา วิวสวยมากกก
ดูวิวสิเธออออออออออออออสวยมั้ยอ่ะ
มาถึงคอลเลคชั่นท่าโพสยามพระอาทิตย์ตกกันค่ะ (ขออนุญาตบุคคลในภาพนะคะ) เอาจริงคือคิดท่าไม่ทันนะ เพราะคิวยาว 555+
ยามที่พระอาทิตย์ตกลับหลังเขาไปแล้วนั้น ช่างโรแมนติกมากๆ สวยมากกกกกกกกก แสงสวยจริงๆ
ลงมาข้างล่าง เดินช๊อปปิ้งซื้อของฝากที่ตลาดมืดกันต่อค่ะ
เข้าไปดูสินค้าแฮนด์เมดที่ ออก พับ ตก ลายผ้าทอมือสวยมากค่ะ
เดินไปเดินมา หิว .. ได้ข่าวว่าสลัดลาวที่ร้านอาหารตำหนักลาวอร่อยมาก .. แวะเลยค่ะ เรามาแล้วเราต้องลอง
อิ่มแล้ว เดินกลับสายน้ำคานได้ค่ะ เดินเล่นชิวๆ อากาศเย็นๆ ... ฟินนอ่ะ
บรรยากาศหน้าที่พัก ตอนกลางคืน ตรงข้ามคือแม่น้ำคานนะ (นอน 2 คืน 2 ที่ 2 บรรยากาศ) สะพานไม้ไผ่นี้ เราไมไ่ด้ข้ามไปค่ะ
เช้าวันที่สาม ....... วันสุดท้ายแล้ว กะว่าจะมาถ่ายรูปเพราะบิณฑบาตร ปรากฎว่า ตื่นไม่ทัน 5555+ ได้แต่วิวหมอกจางๆมาฝาก
กลับจากถ่ายรูป ก็รีบอาบน้ำเก็บของค่ะ ทั้งวันวันนี้ เราจะเดินชมเมืองกัน ... จุดแรกเลยคือ วัดเซียงทอง ที่เป็นจุดหมายปลายทางในฝันของเราอีกที่นึงค่ะ แต่ก่อนอื่น เดินหาข้าวเช้าทานก่อนค่ะ เดินๆไปเจอร้านขายต้มข้าวเปียก ข้าววอย และก็เฝอ ข้างวัดแสนด้วย แวะเลย ..
เฝอกินแล้ว กาแฟก็ดื่มแล้ว ได้เวลาเข้าไปวัดเชียงทองแล้วค่ะ
หลวงพระบาง ตั้งอยู่ทางเหนือของสปป.ลาว อดีตเคยเป็นนครหลวงของอาณาจักรลานช้าง ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในปี พ.ศ. 2538 ใช้เงินกีบเป็นหลักในการซื้อขายโดย 1 บาท ประมาณ 250 กีบ แต่สามารถใช้เงินบาทได้ คนไทยสามารถเข้าหลวงพระบางได้โดยไม่ต้องทำวีซ่า
วัดเชียงทอง (ลาว: ວັດຊຽງທອງ วัดเซียงทอง) เป็นวัดในแขวงหลวงพระบาง ประเทศลาว สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2103 สร้างโดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำโขง เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างที่สวยงามมาก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น"อัญมณีของศิลปะล้านช้าง"
โรงเมี้ยนโกศ งดงามด้วยลายแกะสลักควักไม้
โรงเมี้ยนโกศ ที่เป็นโรงเก็บราชรถที่เคยใช้ในการอัญเชิญพระโกศของพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2504โรงเมี้ยนโกศหลังนี้ มีสิ่งที่ชวนชมทั้งภายนอกและภายใน โดยภายนอกจะงดงามวิจิตรไปด้วยลวดลายแกะสลักไม้สีเหลืองอร่ามเรืองรอง ฝีมือของ“เพียตัน”(พระยาตัน) หนึ่งในสุดยอดช่างของลาว
และหากใครไปยืนเพ่งพินิจชมรายละเอียดก็จะเห็นว่าเพียตันนั้นแกะสลักไม้ได้งดงามนัก ไม่ว่าจะเป็นรูปสีดาลุยไฟที่พลิ้วไหวทรงพลังที่บานประตู รูปทศกัณฑ์ฝันว่ากำลังเสพสังวาสกับสาวงามก่อนตายที่บานหน้าต่างบานแรก(ด้านซ้าย) และรูปสลักที่งดงามอีกมากมาย ซึ่งหลายๆคนที่ได้ยลต่างก็บอกว่านอกจากเพียตันจะแกะสลักแล้วยังใช้การ“ควัก” ไม้ออกมาเป็นลวดลายอันวิจิตรดังที่เห็น
จากภายนอกเมื่อเข้าสู่ภายในโรงเมี้ยนโกศก็จะเห็นราชรถแกะสลักไม้สีทองเหลืองอร่ามทั้งคัน มีเศียรของพญานาค 5 เศียรยื่นออกมาจากด้านหน้าราชรถอย่างอ่อนช้อยสวยงามแต่ว่าก็แฝงความขรึมขลังอยู่ในที
สวยงาม งดงามมาก ต้องมาดูด้วยตาตัวเองนะ
เราใช้เวลาอยู่ในวัดเชียงทองซักพัก ก็กลับแล้วค่ะ เพราะว่ายิ่งสาย ทัวร์ยิ่งลงเยอะ คนเต็มวัดเลย เราก็เลยเดินกลับ ขากลับแวะดูงานแสดงภาพถ่ายนิดหน่อยค่ะ
เดินมาเรื่อยๆก็เจอหอพระบางแล้วค่ะกลางคืนก็สวย กลางวันก็สวย ยิ่งโดนแดดยิ่งสวย
เราขึ้นเรื่องกลับวันนี้ค่ะรอบ 15.50 น. ยังพอมีเวลาไปดื่มลาวคอฟฟี่ลาเต้ Saffron กับ Utopรฟ อีกนิดหน่อย
พักหายเหนื่อยกลับมามาเช็คเอ้าท์ และเดินไป Utopia ต่อค่ะ อ้อ ขากลับไปขึ้นเครื่องสนามบิน เราให้โรงแรมเรียกรถตู้ให้ค่ะ 50,000 กีบเหมือนเดิม แต่เดินทาง 2 คน ... สรุปเงินกีบที่แลกมา หมดพอดีเลยค่ะ มีใช้เงินไทยไปบ้าง 300-500 บาท
ถึงสนามบินบ่าย 2 ยังพอมีเวลานั่งสวยๆรอขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยค่ะ ... ปล. แนบรูปมุมสูงมองจากบนเครื่องมาให้ชม สวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สวยที่สุด หุบเขาคือสูง ภูเขาคือเขียว เมืองโคตรใหญ่ ชอบมากเมืองนี่ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆก็อยากมา ไอ้ที่เค้าพูดๆกันว่า ไปสโลว์ไลฟ์นี่ คือ เข้าใจล่ะคะ เมืองนี้สโลว์ไลฟ์และสวยงามจริงๆ
" กล้อง ...อาจเก็บความงามไว้ได้ไม่หมด ... แต่หัวใจได้บันทึกความสวยหมดจดนี้ไว้อย่างชัดเจน "
บอกเลย เมืองนี้ต้องมีซ้ำ ..
*************************************************************************************************************************
Whatdayistoday Playplern
วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 17.13 น.