รู้สึกเหมือนกันบ้างมั้ยว่าวัยทำงานมันเหนื่อย มันท้อ มันเบื่อ... ยิ่งทำงานไกลบ้านและโสด ความรู้สึกนี้ยิ่งทวีคูณ คูณสอง คูณสาม ทำงานติดต่อกันนานๆ รู้สึกว่าทนไม่ไหวละ ต้องออกเดินทาง...

การเดินทางคนเดียว ครั้งนี้มาเกิดจากรู้สึกเหมือนจะหมดไฟในการใช้ชีวิต เลยอยากออกไปหาแรงบันดาลใจ ได้เห็นโลกกว้างๆ อากาศดีๆ ชาร์ตแบต เติมพลังให้ชีวิต แต่ถ้าจะรอไปพร้อมเพื่อนคงเฉาตายแน่ๆ เลยเก็บกระเป๋าจองตั๋ว ไปคนเดียวซะเลย อยากไปเที่ยวคนเดียวมานานแล้ว ขอเตือนก่อนนะว่าใครที่คิดจะเที่ยวคนเดียว ให้คิดดีๆก่อน ไม่อย่างนั้น...จะหยุดไม่ได้ อิอิ

"เชียงใหม่ยามเย็นที่จุดชมวิวดอยสุเทพ"

เชียงใหม่ จังหวัดขนาดใหญ่ทางภาคเหนือที่คงไม่มีใครไม่รู้จัก แต่ก่อนไม่เคยคิดอยากไปเชียงใหม่เลย เพราะเห็นใครๆก็ไป คนคงเยอะ วุ่นวาย แต่เมื่อซักสามปีก่อนมีโอกาสไปครั้งแรก หลังจากนั้นก็มีครั้งสอง สาม สี่ ตามมา คงเป็นเพราะ....เชียงใหม่มีที่กิน ที่เที่ยวเยอะมากกกกกก ผู้คนน่ารักมาก และเราชอบภูเขา นั่งมองได้ทั้งวันไม่เบื่อ ไปอีกซักสิบรอบก็คงยังเที่ยวไม่หมด

ทริปเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน แพลนคร่าวๆของเราคือ

Day 1 ถึงเชียงใหม่เช้าๆ หาอะไรกินในเมือง นั่งเล่นคาเฟ่ซักที่ บ่ายๆเช็คอินที่พักไว้ เช่ามอไซต์ขึ้นดอยสุเทพ ชมพระอาทิตย์ตกดอยปุย

Day 2 หาอะไรกินในเมืองก่อน บ่ายๆเช่ารถยนต์ไปเชียงดาว นอนเต็นท์ชมดอยหลวงเชียงดาวที่บ้านนาเลาใหม่ นั่งดูฟ้า ดูภูเขา ดูดาว นอนหนาวๆซักคืน

Day 3 ตื่นเช้ามาดูหมอก ไปนั่งจิบกาแฟที่บ้านระเบียงดาว ขากลับแวะสวน 900 ไร แม่โจ้ ชมทุ่งทานตะวันกับดอกเก็กฮวย แล้วเตรียมตัวกลับ

เอาหล่ะ พล่ามมายาวมากแล้ว ไปเที่ยวพร้อมกับเรากันดีกว่า ป่ะ : )

เราเดินทางด้วยรถนครชัยแอร์ จากบุรีรัมย์ - เชียงใหม่ เวลารวมเที่ยวละ 13 ชั่วโมงค่ะ นั่งจนก้นระบม ครั้งหน้าไปเครื่องละกัน 5555


เดินทางไกลแบบนี้แนะนำให้กินยาแก้เมารถไว้เลยค่ะ จะได้หลับสนิท ตื่นมาก็เช้าเลย :)

ที่นั่ง 1A วิวดีสุด ตรงนี้น่าจะก่อนเข้าลำปาง เจอวิวนี้ตื่นเลยยย

ลงรถที่สถานีนครชัยแอร์ ขนส่งอาเขต ก็ตรงไปร้านเช่ามอไซต์ BIKKY ขั้นตอนง่ายมากกก แค่มีบัตรประชาชนและเงิน ราคาแล้วแต่รุ่น เราเลือกเกียร์ออโต้วันละ 300 บาท (ขอยืมรูปจากอากู๋นะคะ)

สิ่งแรกที่ทำคือแว๊นไปหาของกิน วันนี้จิ้มมื้อแรกไปที่ร้านก๋วยจั๊บสามกษัตริย์ค่ะ ติดใจไส้ในก๋วยจั๊บกับหมูกรอบร้านนี้มาก


มาคนเดียวแต่อยากกินหลายอย่าง T^T

ก๋วยจั๊บ 70 บาท + หมูกรอบ 70 บาท อิ่มจุกสุดๆไปเลย

แอบเหล่หมูกรอบข้างๆ แฮร่

แต่กระเพาะยังต้องการของหวานต่อเลยแว๊นไปต่อ ร้าน Magokoro Teahouse & Matcha Cafe เป็นร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น น่ารักๆ แต่คนแน่นมาก

ทั้งร้านมีแค่เมนูชาเขียวเท่านั้น แต่มีหลายแบบ หลายรสชาติ พนักงานแนะนำดีมาก แต่เราจำไม่ได้ จิ้มๆมา 1 แก้ว เป็นชาเขียนมัจฉะ อร่อย ละมุนมาก

มีสวนแบบญี่ปุ่นให้นั่งชมชิลๆ

นั่งเล่นจนบ่ายๆ เลยไปที่พัก คืนนี้นอน hostel ใกล้ประตูท่าแพ เพราะเราอยากเดินไปถนนคนเดินท่าแพสะดวก(มีเฉพาะวันอาทิตย์)

สุเนต์ตา โฮสเทล เชียงใหม่

ขอเช็คอินอาบน้ำก่อนเวลา สตาฟน่ารักมากกกกก กอไก่ร้อยตัว จัดให้เลย แถมแนะนำที่เที่ยวที่กินในเมืองให้ด้วย


เราพักห้องแยก 1 เตียง ห้องนอนเล็กๆ เป็นส่วนตัวดี ห้องน้ำรวม ห้องอาบน้ำที่นี่ดีมากก มีแยกโซนเปียก-แห้ง ที่ปกติไม่ค่อยเห็น hostel ไหนทำ


วิวกระจกห้องน้ำเห็นหลังคาวัดด้วย ชิคชิค

อาบน้ำพักผ่อนซักแปบ ก็ไปแว๊นขึ้ยดอยสุเทพกันต่อ อากาศบนดอยจะเย็นๆขึ้นมาหน่อย

นักท่องเที่ยวเยอะ แต่แทบไม่ได้ยินเสียงคนไทยเลย มาทั้งจีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง

"ชอบท้องฟ้าตอนเย็นของฤดูหนาว มันละมุนดีจัง"



ใกล้มืดแล้ว เราตัดสินใจแว๊นไปต่อ จุดชมวิวดอยปุย ค่ะ ทางแคบลงเรื่อยๆ มีทำถนน มีหลุมเยอะด้วย ด้วยระวังมากๆหน่อยนะคะเส้นนี้

ยิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งค่ำยิ่งเย็น เย็นแบบไม่เกรงใจ 30 องศาในตัวเมืองเลย

มองทางขวาก็มาเป็นคู่ ทางซ้ายก็คู่....ทำร้ายจิตใจสาวโสดเกินไปแล้ววววววววว

คนโสดจิตใจต้องแข็งแกร่งมากนะคะ จับมือตัวเองแน่นๆ แล้วกดชัตเตอร์ 5555


มองวิวหมู่บ้านม้งดอยปุยดีกว่า ตาจะได้หายร้อน



ดูพระอาทิตย์ตกก็รีบแว๊นกลับ กลัวมืดมาก แต่ก็พบว่ามืดมากอยู่ดี ไม่ค่อยมีรถสวน อากาศก็เย็นมากกก ลงมาถึงจุดชมวิวดอยสุเทพเห็นคนเยอะๆเลยแวะถ่ายรูปเมืองเชียงใหม่ตอนกลางคืนซักหน่อย



นั่นนนนน มาเจออีกคู่ หื้มมมมม อิจค่ะ อิจอิจอิจ


ยินดีกับทุกความรักนะคะ ขอตัวกลับเข้าเมืองก่อน มีนัดกับถนนคนเดินท่าแพ อิอิ

ลงมาในเมืองก็เอารถไปจอดไว้ที่ hostel แล้วเดินไปถนนคนเดินค่ะ ใกล้มากกกก เดินสบายๆชิลๆแปบเดียวก็ถึง

ช่วงที่เราไปเป็นประเพณียี่เป็ง (ประเพณีลอยกระทงแบบล้านนา) พอดี เมืองเชียงใหม่ถูกประดับด้วยโคมยี่เป็งแทบจะทุกมุม เราว่ามันคูลดีนะ เป็นประเพณีที่น่ารัก ตามประตูเมืองต่างๆก็มีโคมยี่เป็นประดับสวยงาม และยาวไปตามรอบๆคูเมือง






แบบที่ติดตามวัดก็สวย

ชอบจนอยากซื้อมาห้อยหน้าบ้านเลย ^^ อย่าลืมนะคะ ต้องมาช่วงลอยกระทงเท่านั้นถึงจะเจอ

พาไปเดินเล่น ถนนคนเดินท่าแพ ต่อค่ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นงานแฮนเมดที่ดูชาวต่างชาติจะชอบกันมาก ส่วนเราเก็บภาพอย่างเดียว

และ...ไปถนนคนเดินอย่าลืมชมการแสดงเลนกลาง


เราเป็น FC สาวน้อยคนนี้ รำสวยมากและเก่งมากๆๆ

Day 1 สนุกมาก ยังไม่รู้สึกเหงาเลย กลับไปนอน hostel เตรียมตะลุยต่อพรุ่งนี้ :)

ที่พักมีอาหารเช้าให้ด้วย เป็นขนมปังปิ้ง สลัด ไข่แบบต่างๆ กาแฟ น้ำผลไม้ บอกตามตรงว่าออมเล็ตที่นี่อร่อยสุดที่เคยกินเลย

แอบแว๊บขึ้นไปดูดาดฟ้า เห็นเค้าบอกว่ากำลังปรับปรุง มันสามารถชมวิวเชียงใหม่ได้ทั้งเมืองเลย


ร่ำลากันแล้วก็ถึงเวลาเปลี่ยนรถ เอามอไซต์ไปคืนที่ร้านแล้วเช่ารถยนต์แทน เพราะวันนี้เราจะเดินทางไกลหน่อย ไปเชียงดาว ระยะทางประมาณ 80 km จริงๆตอนแรกกะจะแว๊นไป แต่ถนนมันค่อนข้างจะขับมอไซต์ยากนะเราว่า ไหล่ทางไม่ค่อยมี รถยนต์ดูจะโอเคกว่า

เชียงใหม่มีร้านรถเช่าเยอะมากๆๆๆๆ เราเลือกร้าน OMG car rent เพราะราคาถูกและดูใส่ใจดี บริการดี เผื่อใครหารถเช่าอยู่ แนะนำเลย เราเช่า Toyota yaris ative วันละ 1000 บาท (มัดจำ 3000 บาท) รถใหม่มาก ไมล์หมื่นกว่าโลเอง อีโก้คาร์ก็ขึ้นเขาได้สบายๆนะคะ

พอดีมีนัดกินข้าวกับเพื่อนที่เชียงใหม่ก่อนออกนอกเมือง เลยนัดกันไป ร้านเฮือนม่วนใจ๋


บ่ายโมงออกเดินทางไป อ.เชียงดาว เดินทางเส้น อ.แม่ริม - แม่แตง ไปคนเดียว ไม่มีเพื่อนคุยก็เปิดเพลงฟังชิลๆไปเรื่อย

พอเห็นภูเขาแบบนี้ก็แสดงว่าใกล้ถึงแล้ว


ตรงไปเรื่อยๆ ค่อยไปเลี้ยวซ้ายทีเดียวตอนเข้าถ้ำเชียงดาว


เราไม่ได้แวะถ้ำเชียงดาว เพราะอยากไปใช้เวลานั่งโง่ๆมองดอยหลวงเชียงดาวนานๆ

จุดที่ต้องห้ามพลาดคือถนนก่อนถึงถ้ำเชียงดาว ตรงนี้ค่ะ


เราพยายามจะตั้งกล้องถ่ายตัวเอง แต่มุมไม่ค่อยได้เลย บังเอิญมีพี่ๆบิ๊กไบค์มาจอดถ่ายรูป พี่เค้าเลยแช๊ะให้เราด้วย รูปสวยมากกกก ขอบคุณนะค้า : ))


ขับรถขึ้นเขาซักพัก ทางชันและแคบหน่อย แต่ถนนเรียบดีค่ะ

และเราก็มาถึง เลือกจองเต็นท์ที่ "ม่านหมอกเชียงดาว" จริงๆมีที่พักอีกหลายที่ แต่แนะนำให้จองมาก่อน เพราะมันเต็มเร็วมากกกก และโทรติดยากเพราะที่นี่ไม่ค่อยมีคลื่น

วิวตอนเย็นก็จะประมาณนี้ ^^






ถ่ายจากเต็นท์ที่อยู่ล่างสุด เค้ายังไม่เข้าพักพอดี ไม่มีอะไรบังเลย อิจฉามากกก เพราะเต็นท์เราอยู่หลังสุด T^T


กลับมาดูเต็นท์เรา ปกติถ้ามาหลายคนคิดราคาหัวละ 600 บาท รวมอาหารเย็นกับเช้า แต่เรามาคนเดียวคิดราคา 800 บาท แพงกว่านิดหน่อยแต่ก็โอเคนะคะ เจ้าของใจดีให้พัก ก็ดีใจแล้วว

วิวจากหน้าเต็นท์ เห็นแล้วมันสดชื่นนนนน


คนเดียวก็เปรี้ยวได้ ขนมเครื่องดื่ม แนะนำให้แวะซื้อระหว่างทาง มีเซเว่นเยอะเลยค่ะ เราวางแผนเวลามาอย่างดี รีบซื้อก่อนบ่ายสอง 5555


ชิลมากกกก นั่งฟังเพลงเฮิร์ทๆ ทำตัวเหมือนอกหักช้ำจากรักมา ถ่ายดอกไม้ใบหญ้าไปเรื่อยๆ



ซักพักอาหารเย็นก็มาเสิร์ฟ มาคนเดียวก็ปริมาณเท่าหลายคน และ...กินหมด 555555


เป็นการกินมื้อเย็นคนเดียวที่ดีที่สุดในรอบปีเลย


พอตกกลางคืนตั้งใจจะถ่ายดาว แต่สกิลไม่ได้เลย ร้องไห้ T^T ไว้คราวหน้าจะมาแก้ตัวใหม่ ขอไปฝึกมาใหม่ก่อน

ตื่นเช้ามากับความหวังอันน้อยนิดว่าอาจจะหมอกลอยมาปะทะหน้า แต่ดู %ความชื้นของอากาศจากมือถือแล้วก็นั่นแหละค่ะ ....0% ไม่มีหมอกตามคาด




อาหารเช้ามาเสิร์ฟก่อนพระอาทิตย์อีก ตื่นเต้นกับการกินข้าวต้มกับน้ำพริกลีซอ ดูยังไงก็ไม่เข้ากัน

แต่...มันเข้ากันเว้ย ดีด้วย แต่อย่าใส่เยอะนะ เพราะมันเผ็ดมากกกก



และนี่ก็คงเป็นการกินอาหารเช้าคนเดียวที่ดีที่สุดของปี ^^

เราจะกลับเลยไม่ได้ ต้องทำพิธีเดินชมระเบียงบ้านอื่นๆก่อนตามประเพณี



ถ้าไม่แวะกินกาแฟบ้านระเบียงดาวก่อนกลับเค้าจะหาว่าไม่ไม่ถึงเชียงดาว

มอคค่าเย็นหวานน้อย เข้มข้นมากก


ขากลับมีนัดคืนรถประมาณเที่ยง น้องพนักงานโทรมาบอกว่าแถมให้อีกชั่วโมงนึง แผนการแวะผุดในหัวทันที

ทุ่งดอกไม้ที่ ฟาร์ม 900 ไร่ ม.แม่โจ้ ที่เห็นจากเพจรีวิวเชียงใหม่วันก่อน โดนปักหมุดเพราะแวะง่าย อยู่ระหว่างทางกลับพอดี

ขับตาม google map ไปเรื่อยๆ หลงบ้าง ไม่หลงบ้าง ก็ไปถึงอยู่นะ


เจอทุ่งดอกเก็กฮวยสีเหลือง เล็กๆน่ารักๆ ให้พอชื่นใจอยู่บ้าง แต่ที่นี่เค้าห้ามเข้าไปในสวนนะคะ ถ่ายได้แค่รอบๆ



แถมทุ่งทานตะวันใกล้ๆกัน แต่ไม่รู้น้องๆเป็นอะไร ก้มหน้าก้มตาไม่คุยด้วยเลยยย 555



เผยโฉมหน้าตากล้องส่วนตัวค่ะ ซื้อตัวมาในราคา 250 บาทจาก shopee น่ารัก ไม่งอแง แต่เราต้องเหนื่อยหน่อย วิ่งไปกดชัตเตอร์หลายรอบ 5555


สรุปค่าใช้จ่าย
ค่ารถไป-กลับ 670x2 = 1340
ค่าที่พักสุเนต์ตา 503 (จองผ่าน agoda)
ค่าที่พักม่านหมอกเชียงดาว 800
เช่ามอไซต์ 300
เติมน้ำมันมอไซต์ 70 (จริงๆเติมซัก 40 บาทก็พอ นี่ขนาดขึ้นดอยสุเทพยังเหลือเกือบเต็มถัง)
เช่ารถยนต์ 1000
เติมน้ำมันรถยนต์ 560
ค่าเข้าอุทยานที่เชียงดาว 50 (คน 20 รถ 30)

รวม 4623 บาท ไม่รวมค่าอาหารและของฝาก (เที่ยวคนเดียวงบโหดมากกกก ไม่มีคนหารใดๆ ฮรือออ T^T)

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการไปคนเดียวคือ

1. เข้าใจตัวเองมากขึ้น รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร และได้ทำตามใจตัวเองจริงๆ
2. รู้จักเอาตัวรอด มีสติ ถ้าไปคนเดียวก็ทำเบลอๆไม่รู้เรื่องนี่อาจไม่รอดกลับมา
3. เที่ยวคนเดียวไม่เหงาเลย สนุกกับการได้คุยกับคนแปลกหน้าด้วยซ้ำ
4. รู้จักการมีความสุขได้ด้วยตัวเอง เราว่าถ้าเราสามารถสร้างความสุขให้ตัวเองได้โดยไม่หวังรอใครสักคน...มันคือที่สุดของชีวิตแล้วอ่ะ

แล้วเจอกันระหว่างทางนะคะ อาจเจอเราไปคนเดียวอีกครั้ง :))



กลิ้งไปเที่ยว

 วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.39 น.

ความคิดเห็น