วันนี้จะพาเพื่อนๆไปลองสัมผัสร้านอาหารไทยที่ไม่ได้มีดีแค่ความอร่อย
แต่ยังมีเอกลักษณ์ประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่น่าสนใจอีกด้วย สถานที่
ที่จะไปในวันนี้ มีเรื่องราวความเป็นมาของ"บ้านคุณหมอมี"
ที่กลายมาเป็นร้านอาหารไทย ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใครในปัจจุบันนี้
ประวัติความเป็นมาของบ้านหลังนี้
สร้างขึ้นในช่วงเริ่มยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
ปัจจุบันมีการรีโนเวทบ้านให้กลายมาเป็นร้านอาหาร ตกแต่งสวยงาม
มีการทาสีเพิ่ม แต่กระเบื้องพื้นเป็นแบบเดิมมาตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลก
โดยจุดแรกที่เข้ามาจะเห็นเด่นเลยก็คือ “แขกยาม”
ที่เคยเฝ้าที่นี่มาตั้งแต่สมัยสงครามโลกแล้วและท่านโดนสะเก็ดระเบิดจนเสียชีวิต
ท่านเจ้าของบ้านเห็นถึงคุณงามความดีก็เลยทำรูปปั้นเป็นอนุสรณ์สถานให้
ต่อมาที่เห็นได้ชัดเลยก็คือเรือแคนูสีแดง มีชื่อเรียกว่า"สุวรรณเวศม" ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกันคือ หลุมหลบภัยในสมัยก่อนอันนี้ของจริงนะคะอย่าคิดว่าเป็นโอ่งละ บนหลุมหลบภัยก็จะมีเรื่องราวในสมัยก่อนบอกว่าไว้ด้วย
ที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ยังคงมีเรื่องราวมาถึงปัจจุบันนี้จริงๆค่ะ
การเดินทาง
ที่ตั้งของร้านอาหารหมอมีตั้งอยู่ที่ ซอยเกษมสันต์ 3 ติดคลองแสนแสบ สามารถเดินทางมาได้หลายทาง คือ
- BTS สนามกีฬาแห่งชาติทางออก 1 แล้วเดินเท้าต่อ
- มาทางเรือขึ้นที่ท่าเรือหัวช้าง
- สุดท้ายขับรถมาเองจ้า ที่นี่เค้ามีที่จอดรถกว้างขวาง สามารถจุรถได้ถึง 20 คัน
มุมสวนสวยๆ
มาถึงร้านแล้ว ก่อนเดินเข้าร้านลองสังเกตเห็นช่องด้านบน อันนี้เขาเรียกว่าตาแมวค่ะเป็นตาแมวแบบสมัยโบราณที่เอาไว้มองออกมาว่าใครเนี่ย!มาบ้านเรา
ชมความสวยงามรอบๆตัวบ้านแล้วก็เข้าไปในร้านกันเลยค่ะ
เมื่อเปิดประตูเข้ามาในร้านก็จะพบว่าเป็นโซนห้องกาแฟ จุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือโซฟาสีแดงที่เคยได้เข้าฉากหนังมังกรแดงปี 2500 ด้วยนะคะ
พื้นโซนนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นพื้นไม้สักที่เป็นลายสลับฟันปลาค่ะ ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ
มีพี่บาริสต้าแสนใจดี ชวนพูดคุยเล่าประวัติความเป็นมาของบ้านนี้อย่างน่าฟังทีเดียวค่ะ
เริ่มด้วยมุมว้าวๆ ตรงประตูคาวบอยค่ะ ซึ่งต้องนับถือช่างในสมัยก่อนจริงๆมีความคิดปราณีตและสร้างสรรค์ แถมมุมนี้เป็นหนึ่งในมุมที่ลูกค้าชื่นชอบเข้ามาถ่ายรูปอีกด้วย
อากาศร้อนๆ ขอสั่งเป็นเมนูลาเต้เย็น Art 3D มาดื่มแก้กระหายกันดีกว่า ซึ่งขอบอกก่อนนะคะว่าปกติแล้วเราไม่ค่อยดื่มกาแฟ แต่ว่าครั้งนี้อยากจะเห็นลาเต้อาร์ตแบบสามดีที่พี่บาริสต้าอารมณ์ดีตั้งใจทำให้ชม
และแล้วลาเต้อาร์ตที่ออกมาก็เป็นรูปแมวน้อยน่ารักเชียว รสชาติจะเป็นยังไงนะ?
ความรู้สึกที่ได้ดื่มกาแฟลาเต้เย็นที่นี่มีรสชาติที่นุ่ม กลมกล่อม ไม่ขมและไม่หวานจนเกินไปด้วยค่ะแถมยังมีรสและกลิ่นหอมคาราเมลเล็กน้อย ได้รับสัมผัสที่ลงตัวพร้อมกับฟองนุ๊มนุ่มๆดับกระหายได้อย่างดีเลยนะ
โซนต่อจากห้องกาแฟนี้ เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์นะคะ มีของเก่าที่ยังเก็บรักษาคงสภาพอยู่อย่างดี โดยตัวบ้านจะมีทั้งหมด4ชั้น มีชั้นใต้ดินที่ยังไม่เปิดให้เข้าชมนะคะ
ท่านหมอมีที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ในอดีตท่านคือเภสัชกรของโอสถสภาค่ะ หลายคนฟังชื่อคงรู้สึกคุ้นๆใช่มั้ยคะ...
ใช่แล้วค่ะท่านหมอมี เป็นเจ้าของเดียวกันกับ"ยานัดหมอมีและอุทัยหมอมี" ที่ทุกคนคุ้นเคยนั่นเอง
ต่อมาพาไปชมมุมอื่นๆของบ้านที่แสนสวยกันอีกหน่อย
เดินชมบ้านจนเพลินแล้ว น้ำย่อยเริ่มเดินเราไปต่อยังห้องอาหารที่ชั้นบนกันค่ะ
ห้องอาหารจะแบ่งเป็นโซนๆอย่างดีเลย
- ห้องอาหารแรกภายในห้องอาหารตกแต่งด้วยโทนสีขาวสะอาดตา ประดับด้วยแจกันดอกไม้ ไม้ระย้าต่างๆ สวยงามดูเป็นธรรมชาติ กระจกโปร่งใสเห็นวิวด้านนอกรองรับลูกค้าได้ถึง 20 ท่าน
- ห้องอาหาร VIP เป็นห้องแบบ private รองรับได้ถึง 10-15 ท่าน ซึ่งถ้าใครอยากจะเปิดประตูไปรับอากาศข้างนอกก็ได้นะ
- ห้องอาหารรูปตัว "L"ที่มีการตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้ และไม้ระย้า เรียงรายดูสวยงาม และสามารถรองรับแขกได้ถึง 80 ท่าน
ลูกค้าที่สนใจจะโทรจองโต๊ะหรือจะมา Walk In ก็ได้ค่ะ เลือกมุมได้ตามต้องการถ้ายังมีที่ว่าง ไม่เสียค่าจองโต๊ะนะคะ
โอ้โห เล่าถึงประวัติพร้อมพาชมบรรยากาศรอบๆมานานก็ถึงเวลามาเปิดเมนูสั่งอาหารกันก่อนดีกว่า
Welcome Drink เป็นน้ำอุทัยหมอมีดื่มแล้วหอมเย็นชื่นใจ
ก่อนที่เมนูอาหารจะมาก็มีของทานเล่นก็คือตำมะยม เป็นเมนูทานเล่นที่จะสลับกันไปตามฤดูกาล
เมนูออร์เดิร์ฟ เรียกน้ำย่อยประกอบด้วย สาคูไส้หมู หมี่กรอบ ม้าฮ่อ และยำผักบุ้งกรอบค่ะ
เมนูที่เลือกทานวันนี้มี ยำแหนมสด ต่อด้วย ไก่ห่อใบเตย, ข้าวแช่ ที่เป็นเมนูยอดนิยม เมนูข้าวแช่นี้ได้รับความนิยมมากๆในช่วงของสงกรานต์ แต่เนื่องจากลูกค้าของทางร้านมีถามถึงเรื่อยๆ เมนูนี้จึงมีขายตลอดทั้งปีเลยคะ และวุ้นเส้นแกงร้อนซึ่งเป็นเมนูสมัยโบราณนะคะ จะไม่ค่อยได้เห็นในปัจจุบันแล้วเราก็ไม่เคยทานมาก่อนด้วยน่าลองมากจริงๆ
มาที่รสชาติอาหารของแต่ละอย่างกันบ้างนะคะ
เริ่มแรกก็จะเป็นปอเปี๊ยะทอดซึ่งไส้ใน ก็จะเป็นกะหล่ำปลีผัดกับเห็ด ส่วนแป้งก็กรอบนอกนุ่มใน ราดด้วยซอสสูตรพิเศษของทางร้านซึ่งมีส่วนผสมมาจากอุทัยหมอมี
ตัวซอสแปลกมากไม่เคยทานที่ไหนมาก่อนแน่ๆ ออกหวานทานคู่ปอเปี๊ยะแต่มีรสชาติและกลิ่นแบบอุทัยหมอหมี ครีเอทสุดๆ
ยำแหนมสดเป็นหมูสับ หนังหมู คลุกเคล้าด้วยสมุนไพรไทย รสชาติเปรี้ยวเค็มกำลังดี สามารถทานได้ทุกคนหรือใครที่ชอบรสจัดหน่อยก็สามารถทานคู่กับพริกแห้งได้เลย แซ่บๆนะ
ไก่ห่อใบเตยเนื้อนุ่มผสมกับสมุนไพรไทยทานคู่กับซอสรสชาติหวานๆ ได้กลิ่นหอมสมุนไพรหน่อยๆ เข้ากันดี
และแล้วเมนูวุ้นเส้นแกงร้อนที่เราสนใจก็มาเสริฟ สำหรับเมนูนี้ทางร้านก็แนะนำให้รีบทานตอนร้อนๆไม่เกิน15 นาทีเท่านั้น! ถึงจะอร่อยที่สุด วุ้นเส้นแกงร้อนเป็นเมนูที่หาทานยากมากๆ เด็กสมัยใหม่ไม่ค่อยมีคนรู้จักเมนูนี้ แกงนี้เป็นเมนูที่มีวุ้นเส้น เห็ดหูหนู หน่อไม้จีน ฟองเต้าหู้ต้มคล้ายๆต้มจืดแต่น้ำแกงเป็นน้ำกะทิแบบเข้มข้นรสชาติมันหอม กลมกล่อม
สำหรับเราคืออร่อย และชอบมากเป็นคนที่ทานแกงกะทิได้ และชอบส่วนผสมของทุกอย่างในแกงนี้เลย อาหารไทยนี่มีสเน่ห์มากๆเลย
สำรับข้าวแช่มาแล้วจ้า เสริฟด้วยถ้วยข้าวสวย มาพร้อมกับเคียงต่างๆ อาทิหมูฝอย กะปิทรงเครื่อง ไช้โป๊วหวาน ปลาหวาน หอมทรงเครื่อง และปลาเค็มหมูสับค่ะ ทานคู่กับน้ำข้าวแช่อบควันเทียน และ น้ำข้าวแช่อุทัยหมอมี ใส่น้ำแข็งเย็นชื่นใจคลายร้อน ทุกอย่างล้วนใส่ถ้วยชามกระเบื้องลายไทย ชวนน่ารับประทานจริงๆค่ะ ตอนทานรสชาติเครื่องเคียงส่วนใหญ่จะมีรสเข้มข้นอย่างกะปิทรงเครื่อง เด่นที่รสหวาน เค็มนำ ทานคู่กับข้าวแช่น้ำเย็นชื่นใจ
เกร็ดในการทานข้าวแช่ให้อร่อย
เริ่มจากทานเครื่องเคียง ตักข้าวแช่ขึ้นทานตาม ชดน้ำข้าวแช่เล็กน้อยเพื่อความสดชื่นค่ะ
เต็มปากเต็มคำมั่กๆ
สำหรับเครื่องดื่มที่เราสั่งเป็นหมอมีไทยคูลลิ่งเป็น signature ของทางร้านค่ะ รสชาติคล้ายสตอร์เบอรี่อิตาเลี่ยนโซดา ผสมมะนาวและน้ำอุทัยหมอมีแถมมีเจลลี่สตอเบอรรี่ให้รสสัมผัสในเครื่องดื่มอีกด้วยค่ะ
ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานกันค่ะ เป็นเมนูสุดพิเศษของทางร้านนะคะซึ่งยอมรับว่าพิเศษไม่เหมือนที่ไหนจริงๆ นั่นก็คือ ไอศรีมหมอมีไทยซอเบต์ รสชาติเปรี้ยวจี๊ดโดนใจทานแล้วสดชื่น
ต่อด้วยลูกตาลลอยแก้ว เนื้อหนึบ หวานหอมชื่นใจและข้าวต้มน้ำวุ้นเนื้อเหนียวนุ่ม ได้ความสดชื่นค่ะ
จบการรีวิวร้านอาหาร “บ้านหมอมี” แต่เพียงเท่านี้นะคะ
โดยรวมบรรยากาศและการตกแต่งสถานที่ร้านอาหารทำได้สวยมาก ด้วยการเน้นสีขาว สะอาดตา แต่แฝงความน่ารักของของประดับตกแต่งที่มีอยู่ทั่วร้าน ได้กลิ่นไอความเป็นไทยและเรื่องราวมากมาย
ในส่วนของอาหารหน้าตาน่าทานมากๆ มีความปราณีต ให้ความเป็นไทยได้อย่างดี ใช้ผลิตภัณฑ์จากอุทัยหมอมีมาเป็นวัตถุดิบในการปรุงทั้งเครื่องดื่มและอาหาร ทำให้อาหารของที่นี่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
ร้านอาหารแห่งนี้เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย ทั้งคนไทยและต่างชาติ อยากให้ทุกคนลองมาทานอาหารไทย และรับรู้ประวัติความเป็นมาอันยาวนานของบ้านหมอมีแห่งนี้กันค่ะ
สุดท้ายฝากวิดีโอพาชมบรรยากาศร้านอาหารบ้านหมอมี ด้วยน้าา
ติดตามพวกเราได้ที่ : แล้วแต่ตัว
รีวิวอื่นๆ: คลิก
Laewtaetaw
วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.35 น.