สวัสดีจ้าวววววว
เป็นธรรมเนียมของเราที่เดือนธันวาจะต้องมาเชียงใหม่
เมืองที่มากี่รอบก็ไม่เคยเบื่อ ไปกี่รอบก็เที่ยวไม่เคยหมด
มาดูกันดีกว่า ว่ารอบนี้มีอะไรใหม่ และก็พิเศษขึ้นบ้าง
ไปดูแบบ Vlog กันได้นะ อย่ากดเลื่อนกันละ 5555
รอบนี้เราเดินทางด้วยสายการบิน Thai Lion Air ไฟล์ทที่ไป คืนวันที่ 7 เวลาประมาณ 4 ทุ่ม
ถึงเชียงใหม่เกือบเที่ยงคืน เราก็เรียก Grab ให้ไปส่งที่ที่พักคืนนี้ เราพักกันที่ B2 Airport ค่ะ
.
DAY 1
ตื่นเช้ามา เราเช่ารถกับคุณแจ๊ส คนดีคนเดิม คุณแจ๊สมาส่งรถให้ถึงที่พักเลย น่ารักมากกก
ก่อนออกเดินทางไปไหน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราจึงเริ่มวันด้วยการไปทานข้าวที่ 'ต๋องเต็มโต๊ะ'
ถึงต๋องประมาณ 10 โมงครึ่ง มีโต๊ะว่างพอดี พอสั่งอาหารเสร็จ มองไปหน้าร้าน เริ่มการต่อคิวกันแล้ว
โชคดีมากที่มาเช้า 55555
มื้อนี้สั่งมา 3 อย่าง สนนราคาไป 2 ร้อยปลายๆ อร่อยเหมือนเดิม
.
ทานข้าวเสร็จก็ต้องต่อด้วยกาแฟ เราจึงไปหาร้านกาแฟทานกัน แน่นอนว่าเราได้ทำการ Research มาแล้ว ร้านที่่เราจะไปก็คือ Graph Cafe
ร้านจะอยู่ตรง ถนนมูลเมือง 6 เราเลยจอดรถที่วัดเชียงมั่น แล้วก็แวะไหว้พระกันก่อน
เมื่อมาถึงร้าน Graph Cafe ด้วยประชกรมากมายในร้าน บวกกับคนที่นั่งร้านอยู่หน้าร้านอีก
ทำให้เราถอดใจ เพราะเรามีนัดไปนั่งช้างต้องบ่ายที่ปางช้างแม่สา ถ้ารอตรงนี้อาจจะไม่ทัน
เราก็เลย Move ไปอีกร้าน
และด้วยความบังเอิญ ทำให้เรามาเจอร้าน Nowhere ตัวร้านเป็นลักษณะบ้าน และมีขายของที่ระลึก
สอนโยคะ สไตล์ร้าน Local มากๆ
และที่นี้ทำให้เราได้ลองชิม 'กระเจี๊ยบ Espresso' กาแฟที่กลั่นด้วยน้ำกระเจี๊ยบ
ถือว่าเป็นความโชคดี ในความโชคร้าย มันดีมากๆ ค่ะ พี่เจ้าของร้านก็น่ารักด้วย อธิบายขั้นตอน เล่าถึงที่มา เป็นกันเองมากๆ เสียดายเวลาไม่มากพอ เลยนั่งคุยได้ไม่นาน
พิกัดร้าน : https://goo.gl/maps/TfVrjcQEz7r
.
เสร็จจากทานกาแฟ ก็มุ่งหน้าไปปางช้างแม่สา เราจองตั๋วล่วงหน้าผ่านเว็บ Face ticket
ทำให้สะดวกสบายตอนมาถึงมาก แค่ยื่นโทรศัพท์ก็ได้ตั๋วเลย
เรามาถึงมีโชว์อาบน้ำช้างพอดี ได้แวะไปถ่ายรูปก็น้องช้างเรียบร้อย
ก็ไปต่อที่การแสดงช้าง ที่น้องช้างจะมาเตะบอล วาดรูปให้เราดู
ดูสิ วาดเก่งกว่าเราอีกอ่ะ เก่งๆ จริงๆ
จากนั้นก็ถึงเวลานั่งช้าง เราจองแบบ 25 นาที พี่ควาญช้างก็พาเดินรอบๆ บรรยากาศดีมากๆ
จากนั้นเราก็เดินทางเข้าที่พัก ที่พักของเราวันนี้คือ The Grand Morocc Hotel
ขับย้อนมาจากปางช้างไม่ไกลมาก
จุดเด่นของที่นี้เลย คือการตกแต่งสไตล์ Morocco ใครที่ชอบสไตล์ไม่ควรพลาด
เช็คอินเสร็จสรรพ ก็เข้าไปที่ห้องกัน
วันนี้เรานอนห้องสวีท 1 ห้องนอน ขนาดใหญ่พอสมควร มีห้องครัว เครื่องซักผ้าบริการ
สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมาก
เก็บของเสร็จ เราก็ไปถ่ายรูปเล่นกัน โดยที่พักจะมีห้องแต่งตัวบริการผู้เข้าพักไว้
เราสามารถไปเปลี่ยนชุดให้เข้ากับบรรยากาศโรงแรมได้
ถ่ายรูปเสร็จ ก็เปลี่ยนชุดออกไปทานข้าวกัน วันนี้มื้อเย็นฝากท้องไว้ที่ โป่งแยงแอ่งดอย นอกจากที่นี้จะเป็นร้านอาหาร ก็มีส่วนเป็นที่พักด้วยนะคะ บรรยากาศดีมากๆ
ตัวร้านขับไปทางแม่สา เลยปางช้างที่เรามาตอนกลางวันสักพัก ก็เจอร้านเลย
แล้วเราก็โชคดีมาก เนื่องจากวันที่มีคณะสัมมนามา ทำให้โต๊ะเกือบเต็ม แล้วเราก็เป็นโต๊ะสุดท้ายที่ได้ทาน
(คราวหลังลองโทรจองก่อนนะคะ)
มื้อนี้ สนราคาไปที่ 9 ร้อยกว่าบาท อร่อย อิ่ม แถมบรรยากาศก็ดีด้วย
จบแล้ววันที่หนึ่ง กลับห้องพักผ่อน พร้อมลุยขึ้นดอยพรุ่งนี้กันค่ะ
.
วันที่ 2
ตื่นขึ้นมาทาน Breakfast กัน ที่นี้ไลน์อาหารก็มีทั่วไปนะคะ มีทั้งสไตล์อเมริกัน และข้าวต้ม ขนมจีนน้ำเงี้ยว แบบเหนือๆ
ทานเติมพลังเสร็จ ได้เวลาโบกมือลา The Grand Morocc แล้ว
วันนี้เราจะเดินทางไปดอยอินทนนท์กัน ไปสัมผัสอากาศบนดอยซะหน่อย
การเดินทางจาก The Grand Morocc ไปดอนอินทนนท์ต้องผ่านเมืองก่อนนะคะ
เราเลยถือโอกาสแวะร้านดังย่านแม่น้ำปิง นั่นก็คือ The Baristro at Ping river ก่อน
คนเยอะมากกก แต่ร้านก็บรรกาศดี จริงๆ
ที่นั่งมีเยอะพอสมควร รสชาติขนม และกาแฟมาตรฐานดีค่ะ
สั่งน้ำมา 2 อย่าง ขนมเค้กมา อย่าง อยู่ที่ 245 บาท
.
ทานกาแฟ ถ่ายรูปเสร็จก็เดินทางกันต่อ
ระยะทางจากตัวเมืองไปดอยอินทนนท์ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที
เส้นทางถือว่าขับสบายไม่โหดมา แต่พอถึงทางขึ้นดอย ที่เป็นทางโค้ง อาจจะใช้เวลานานหน่อย
(เราขับ Nissan March ขึ้นมาได้ถือว่าไม่โหดมากค่ะ)
ถึงดอยอินทนนท์ประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง ข้างบนอากาศอยู่ 15 องศา เย็นใช้ได้เลย
.
เดินเล่นที่ดอยอินทนนท์สักพัก เราก็ลงมาไปต่อกันที่กิ่วแม่ปาน แต่ไม่ได้เข้าไปค่ะ
เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าใช้เวลาเดินประมาณ 40 นาที ซึ่งถ้าออกมา พระอาทิตย์จะตกแล้ว
เราเลยตัดสินใจไม่เข้า ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน เราจึงไปไหว้พระธาตุที่อยู่ใกล้ๆ กันแทน
พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ เป็น พระมหาธาตุคู่พระบารมี ของ รัชกาลที่ 9 และพระราชินี นั่นเอง
ทำให้มีตัวพระธาตุตั้งเด่นเป็นสง่า 2 จุด ที่นี้สวยมากๆ อากาศก็ดี ใครมาดอยอินทนนท์อย่าลืมแวะมานะคะ
ระหว่างลงดอย เราแวะตลาดม้งดอยอินทนนท์ ซื้อของทานเล่น
ข้าวปุ๊ก หรือโมจิดอย เอาข้าวเหนียวดำไปตำ แล้วปิ้งให้ฟูขึ้นมา จิ้มกับนมข้น อร่อยมากก
.
เราลงจากดอยอินทนนท์ประมาณ 5 โมง ถึงตัวเมืองประมาณ 6 โมง เกือบทุ่ม
คืนนี้เรามาเดินถนนคนเดินกัน เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์พอดี (เราจอดรถตรงวัดเจ็ดลินนะคะ เดินไม่ไกลมาก)
ที่ถนนคนเดินคนเยอะมากกก ส่วนใหญ่ที่ตลาดจะขายของฝาก ของใช้ ไม่ค่อยเน้นของกินเท่าไหร่
เราเดินซื้อของฝากกันสักพัก ก็วนกลับมาตรงที่เราจอดรถ พอดีแล้วก็หาอะไรทานที่ตลาดหน้าประตูเชียงใหม่กัน จบทริปสำหรับวันที่ 2
.
วันสุดท้ายยย
วันสุดท้ายแล้ว วันนี้ตื่นสายหน่อย เลยได้มาทานข้าวเที่ยวที่ร้าน เฮือนเพ็ญ กัน
แต่ก่อนไปทานข้าว เราจะไปซื้อของฝากกันที่ตลาดหน้าประตูเชียงใหม่ก่อน
วันนี้ร้านที่เราซื้อคือร้าน 'ป้าคำ' สุ่มเอานะคะ
ปรากฎณ์ว่ากลับบ้านมา หมดเร็วมาก อร่อยมาก หมูกระจก Is the best
ใครจะซ์้อของฝากแนะนำเลย ซื้อเยอะ ป้าเค้าจะแถมให้เยอะด้วยนะคะ
ถึงแล้วร้าน เฮือนเพ็ญ สั่งไป 3 อย่าง สองร้อยกว่าบาท ถูกมากกก
จากนั้นเราก็เดินไปร้านกาแฟที่ชื่อว่า Clay studio coffee in garden
เป็นร้านกาแฟที่บรรยากาศแปลกใหม่มาก เพราะการตกแต่งเหมือนเราหลุดไปอยู่ยุคโบราณ
ที่มีอิฐ และรูปปั้นโบราณอยู่มากมาย ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ทานกาแฟเสร็จ ยังมีเวลารอขึ้นเครื่อง อีก 2 ชั่วโมง เราเลยมานวดไทยกันที่วัดพันแหวน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 150 บาทเท่านั้น จัดไปสิค่ะ
นวดเสร็จเราก็ไปสนามบิน รอเครื่องขึ้นกันค่ะ
.
จบแล้วสำหรับทริปเชียงใหม่ 2018 ในปีนี้
มากี่ครั้ง ก็จะพูดคำเดิมทุกครั้ง ว่า 'ไม่เคยเบื่อ'
เป็นจังหวัดที่ไปได้เรื่อยๆ บ่อยๆ มาก ไปกี่รอบก็ยังไปไม่ครบเลย
รอบหน้ามีไปเชียงใม่อีกแน่นอน ใครอยากให้เราไปไหนหรือมีที่ไหนแนะนำอีก บอกได้เลยนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่
https://www.facebook.com/ntgoeseverywhere/
Contact me
Facebook : ntgoeseverywhere
Instagram : isnamtarn
#ntgoeseverywhere #eatwithnt
Isnamtarn
วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 00.16 น.