ทริปนี้เป็นทริปกะทันหัน ปุ๊บปั๊บกดจอง มีเวลาเตรียมตัวประมาณ 2 อาทิตย์ค่ะ ก่อนเราจะย้ายไปทำงานบริษัทใหม่มีเวลาว่างประมาณ 10 วัน ก็คุยกับพี่หมีว่าไปเที่ยวไหนกันเถอะ เกาหลีเป็นตัวเลือกแรกๆที่อยากไป เนื่องจากค่าตั๋วเครื่องบินที่ออกโปรราคาถูกแข่งกันหลายๆสายการบิน ของกิน (ขีดเส้นใต้และเน้นตัวหนา) อปป้า ติ่งสามแฝด ใบไม้เปลี่ยนสี และอยากเจอหิมะ
เราลองชวนเพื่อนๆแล้วแต่ไม่มีใครว่าง เลยกลายเป็นทริป 2 คนอีกเช่นเคย (แหม!!ใครเค้าจะว่างไปเที่ยวตลอดเหมือนพวกหล่อนละยะ!) ก็จริงอ่ะนะ 555
เดินทาง 24/11/2015-28/11/2015 (5วัน) เช็คสภาพอากาศไปเบื้องต้นคืออากาศค่อนข้างหนาวมาก-มากที่สุดบางวันติดลบด้วยแหละเท๊ออ เจออากาศร้อนมากๆเมืองไทย เราก็ตื่นเต้นอยากไปเจอหนาวๆบ้าง ก่อนไปก็เดินเลือกเสื้อหนาวให้พี่หมีก่อน เราเลือกขนเป็ดแบบนวมๆแต่ไม่ถึงกับใส่แล้วเป็นยางรถ เน้นใส่ฮีทเทคข้างในเอาค่ะ ราคาก็ประมาณ 2-5พัน (Uniqlo) ส่วนของเราพอมีอยู่เลยไม่ขอเสียตังค์สำหรับทริปนี้ งัดของเก่ามาใส่ละกันนะลูกกกก
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ตั๋วเครื่องบินAirasia : 6,580บาท (จองตอนโปรแลกคะแนนBig 25,000 point)
น้ำหนักกระเป๋า : 700/คน ขากลับ (ขาไปไม่โหลดอีกเช่นเคย ใช้ล้อลาก 20 นิ้วถือขึ้นเครื่องเลยค่ะ)
ประกันการเดินทาง : 510 บาท (แถมที่ชั่งน้ำหนักกระเป๋าแบบพกพา ได้ของแถมอีกล้า >< )
KTX 3days pass: 2,780/คน ใช้เดินทางระหว่างโซล-ปูซาน รายละเอียดการจองและราคาตามเว็บเลยค่ะ
www.letskorail.com
โรงแรม : 1,800+2,400 = 4,200/4 คืน
T-money 10,000W x 2ใบ (Free ได้มาตอน อสท.เกาหลีแจกค่ะ จะมีแจกคูปองส่วนลดอยู่เรื่อยๆติดตามดูได้ทาง Facebook หรือ
http://kto.or.th/ ค่ะ)
แลกเงิน : 10,885บาท = 350,000วอน (rate 0.0311) super rich สีเขียว
รวมค่าใช้จ่ายต่อคน = 5วัน 12,316+10,885(pocket money) เบ็ดเสร็จแล้วประมาณ 23,200บาท
*tripนี้แพงตรงค่าตั๋ว KTX ค่ะ เพราะมีแค่แบบ 1วัน แล้วกระโดดไป3วันเลย จริงๆเราอยากไปค้างที่ปูซานซัก 1 คืนแต่ตั๋วรถไฟไม่อำนวยเลยต้องเลยเถิดอยู่เป็น3วัน2คืนแทน ไหนๆไปแล้วไม่ไปปูซานด้วยคงเสียดายแย่ เอาวะ! จัดไป!
อุปกรณ์ที่ควรพกไป
1. เสื้อกันหนาว(สำหรับเราขนเป็ดนี่เวิร์คสุดนะ) 1 ตัวเจ๋งๆ
2. ฮีทเทค 1-2 ชุด ถ้าไม่ซีเรียส1ชุดก็พอไหว (มันหนาวไม่เหม็นหรอก หรอออออ!)
3. ผ้าพันคออย่างหนา อปป้าๆ เกาหลีๆ พันถึงหน้าถึงหูได้ยิ่งดี
4. ถุงมือ ถุงเท้า หมวกไหมพรม อย่างหนา ย้ำ อย่างหนา! หนาวจนต้องใส่ถุงมือกินต๊อกข้างทางอ่ะ คิดดู
5. ฟิตร่างกายให้พร้อมกับการเดินที่หนักหน่วง แนะนำรองเท้าผ้าใบพื้นหนา รองเท้าวิ่งได้ยิ่งดี
ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลยค่ะ
สิ่งที่คิด
ความจริงแล้ว....
Day1 Busan
เครื่องออกราวๆตีสอง ขึ้นเครื่องปุ๊ปก็หลับสิครับรออะไรล่ะ หลับง่ายเหมือนชักปลั๊ก(อันนี้ถือเป็นข้อดีรึเปล่า!?) แลนด์ดิ้ง แอท อินชอน แอร์พอร์ต พาร์มาน สิปมงเช่า(สำเนียงตุ๊ยตุ่ย) สิ่งแรกที่ทำคือตรงดิ่งไปร้านสะดวกซื้อค่ะ น้องขาดอาหารมาเกินหกชม.แล้วใครก็ได้โยนอาหารมาให้ที เอ๊ยไม่ใช่กระต่ายนะ!
ข้าวปั้นบิบิมบับกับกิมจิคือดีย์ ถูกจริต ชอบมาก อยากให้มีขายในเซเว่นที่ไทยบ้างจริงๆ ส่วนน้ำมะเขือเทศซื้อเพราะขวดที่ดูสวยงาม ในส่วนของรสชาตินั้น...ข้ามไปค่ะ
ระหว่างรอรถ เดินเล่นร้านขายของดีไซน์ ของจุ๊กจิ๊กเต็มไปหมด
หลังจากเช็คอินตั๋ว KTX แล้ว
(สามารถขึ้นรถไฟไปปูซานได้จากแอร์พอร์ทเลยค่ะ แต่รอบรถไฟจะน้อยกว่าขึ้นจากSoul Station) รถรอบเร็วสุดที่ไปปูซานคือ 12.07 น. ถึงปูซาน 15.56น. นานจังวะ แอบคิดในใจแต่ก็เอาเถอะ พวกเราสายชิว รถไฟ KTX ก็น่าจะคล้ายๆชินคันเซนของญี่ปุ่นล่ะมั้ง แต่ไม่รู้เพราะมันไกลหรือขึ้นผิดขบวนนะ รู้สึกว่าหลับเท่าไหร่ตื่นมาก็ยังไม่ถึงซักที เฮ้อ...
บรรยากาศภายในรถ
ระหว่างทาง
สถานีปูซาน บรื๊ออออ
ถึงสถานีปูซานแล้วฝนก็ตก หนาวก็หนาว ( ประมาณ 5 องศา )ต้องเปลี่ยนสถานีไปขึ้นรถไฟเพื่อไปสถานีแฮอึนแด(Haeundae station)อีกต่อค่ะ ในหัวคิดไว้เลยว่านอนแถวทะเลคงโรแมนซ์น่าดู แต่ๆๆๆๆๆเดี๋ยวๆๆๆๆ อากาศงี้ ทะเลงี้ จะเดินชิวจิบเบียร์งี้ ยังไงดีล่ะ!!!?
ที่พักของเราคืนนี้ เป็นเกสเฮาส์ โลเคชั่นและราคาบอกเลยว่าดีระดับ4.5ดาว แต่ห้องพักที่เราได้คือ ชั้น 3 Noลิฟต์ ฝนตก เดินขึ้น ลากกระเป๋า ท้องร้อง พีคสุด!!
น้องได้ห้องชั้น3!!! #มองบนแล้วถอนใจแรง
เปิดห้องปุ๊ป ผ่าง!!! ห้องเล็กๆนอนพื้น มีโต๊ะและทีวี1เครื่อง ผ้าห่มทำความร้อนซึ่งนอนๆไป เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว แนะนำเลยนะ เหมาะมากสำหรับคนชอบเที่ยวแนวบ้านๆผจญภัยนิดๆ เริ่ดค่ะ
ปล.รูปในเว็บดีจน.. ความจริงก็ไม่แย่ ไม่เล้ยยยยจริงจริง คิดในแง่ดีคือรู้สึกเหมือนนางเอกเกาหลีผู้น่าสงสารไม่มีที่ไปมาขออาศัยอยู่บ้านพระเอก ก็โดนเนรเทศไปนอนดาดฟ้าไรงี้อ้ะเทอว์นึกออกป้ะ (จริงๆไม่แย่ขนาดนั้นหรอกมีคนให้กอดก็อุ่นดีนะ อร๊างงงง<3)
ให้ 3/5 โลเคชั่นดี ห้องสะอาด อาจจะเก่าไปนิด แต่ราคาเป็นมิตรค่ะ
เอลลี เกสต์เฮาส์ (Elly Guesthouse) Busan : 1,800 บาท/2คืน(agoda)รวมอาหารเช้า
Haeundae station ใกล้ตลาด ใกล้หาดแฮอึนแด ใกล้พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำปูซาน
มื้อแรก ต้องจัดหนัก จัดเต็ม ถึงอากาศจะไม่เป็นใจแต่เราไม่ถอยค่ะ ร้านหอยคือจุดหมาย (ได้ลายแทงมาจากเพื่อนๆในห้องนี้นี่เอง) โบกแท็กซี่และยื่นรูปนามบัตรร้านให้เลยทันที ความรู้ภาษาเกาหลีมีเยอะด้วย “อันยอง คัมซามิดา เด๋ " 3คำโดยประมาณ รถวิ่งขึ้นเขา ทางชันๆเหมือนขึ้นภูทับเบิก ขึ้นไปเรื่อยๆประมาณ10นาที โชเฟอร์จอดและชี้ๆเหมือนบอกให้ลง มืดก็มืด ฝนก็ตก แล้วนี่พี่พาพวกหนูมาถูกร้านรึเปล่าไม่รู้แต่ถ้าผิด กลับไม่ถูกเลยนะ เอาดีๆพามาถูกใช่ไหม มีอาจุมม่าวิ่งเหยาะๆถือร่มมารับ ชะเง้อดูในร้าน มีไฟ มีคน โอเค ขากลับค่อยว่ากันนะ
Taxi 4,000 won (124บาท)
เฮ้ย!!คือร้าน Local มากๆ ไม่มีใครพูดอังกฤษได้ เอาวะ ภาษามือ พูดไทยบ้าง อังกฤษบ้าง รูปบ้าง ดีนะที่อ่านรีวิวมาเลยจิ้มๆไป ได้เซ็ทหอยรวมที่ต้องการ
มาปุ๊บ นั่งมองหน้ากัน กินไงล่ะเฮ้ย! อาจุมม่าคงมองอยู่นานเลยเข้ามาช่วยย่างหอยให้ นางก็น่ารักนะอธิบายไป ย่างไป พี่หมีก็ส่งเสียง อู้หู้ ๆเรานี่ก็ถ่ายรูปมือนึง ถ่ายคลิปมือนึง สรุปก็ไม่มีใครย่างข่า รอแดร๊กอย่างเดียว
วิธีการคือ ย่างหอยพอให้หลุดออกจากเปลือก จากนั้นตัดลงไปรวมกันในถ้วยฟรอยที่มีหอมใหญ่ เห็ดเข็มทอง เนย และน้ำของหอยย่าง ย่างรวมกันใช้ฝาหอยปิดสักพัก แท่แด๊นนนน
หอยขวา : อาจุมม่าพยายามพรีเซ้นว่าเป็นคารุโบไรซักอย่าง พอกินคำแรกเท่านั้นแหละ อ๋อ คาโบนาร่า!!!!!!!!!!!!!!!
หอยอะไรกันมหัศจรรย์กลายเป็นคาโบนาร่าได้ไง โอ้มายก็อด อร่อยเท้าลอย อร่อยตาเป็นประกาย สายหอยคอนเฟิร์ม!!!
หอยซ้าย : เป็นกิมจิ วิธีการย่างและอบเหมือนอันแรกแต่ใส่กิมจิลงไปแบบตู้ม ตู้ม สะใจเจ๊มาก
หน้าตาบ้านๆแต่รสชาติไม่ใช่เล่น! พีค!
ps.พี่หมีปกติไม่ค่อยกินหอย ยังแย่งช้านนนนกินจนหมด หึ! ที่พามาร้านหอยเพราะหวังว่าจะกินคนเดียวแบบเปรมๆ นี่ดันอร่อย แย่งกรูแดร๊กเลยสิ หึ หึ หึ
หอยอย่างเดียวคงไม่พอยาไส้ เราจึงสั่งมาม่า โดยตะโกนบอกว่า "รามยอน วันๆ" คือนี่ก็มั่นใจว่าสั่งได้ไง
อ้าว นิ่ง อาจุมหน้างง ค่ะ สงสัยสำเนียงดีจัด เลยพยายามทำท่ากินบะหมี่
อาจุมม่า : อ๋า!นูดเดิ้ลๆ
เยสสสสสสสสสสสส เลิฟจุมม่าอ่ะ
อากาศหนาวๆ ได้มาม่าเกาหลีร้อนๆ จิบโซจูไปพลางกินหอยไปพลาง มีอะไรจะดีไปกว่านี้อีกม๊ายยยยยย!!!!!
พิกัดร้านหอย
มื้อนี้อร่อย ตรึงใจ เลิฟร้านนี้จนอยากแปะประกาศ อยากเข้าไปกอดจุมม่า อร่อยไม่ผิดหวังใครมาปูซาน
ห้ามพลาด!!! 1000/10 มื้อนี้ 36,000 won (1,120บาท)
ทางร้านโทรเรียกแท็กซี่ให้ค่ะ กลับได้ปลอดภัยหายห่วง
กินตามรอย กระทู้Cr.คุณนู๋ถังค่ะ
บอกแท็กซี่ว่า แฮอึนแดบีชจิ นางก็พาไปพอถึงแถวที่มีร้านเยอะๆไฟเยอะๆพี่แท็กซี่ก็ปล่อยลง เราก็เอ๋อหันไปมองหน้าพี่หมี ยิ้มอ่อน นี่เราอยู่ที่ไหนหรอ ???
พี่หมีนางแม่นทิศทางระดับที่เดินเมกะบางนาแล้วไม่หลง (แล้วใครเค้าหลงกันล่ะเฮ้ย! หนูไงค่ะ ไปกี่ทีก็ยังหลงอยู่555)
ก็ได้พี่หมีนี่แหละช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้
เดินไม่ไกลจากรรนัก เราก็เจอตลาดแฮอึนแด รออะไรล่ะ ไปสิค่ะ
ร้านอาหาร ของกินข้างทางในนี้มีเพียบเลยค่ะ ใครสนใจมาแวะหาอะไรกินที่นี่ก็แนะนำนะ
เดินยาวมาทะลุอีกฝั่งนึงของถนน
เจอร้านเบเกอรี่เจ้าดังของปูซาน อิ่มแค่ไหนน้องก็ลุยค่ะ เออ....ถามจริงหอยตะกี้คืออัลไล!?
คิดว่าจะเหลือไหมล่ะ อร่อยค่ะ
เหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวันแล้ว เลยกลับที่พักตั้งแต่สองทุ่ม อาบน้ำ บรื๊อ
Day 2
วันที่สองเรายังคงอยู่กันที่ปูซาน แพลนวันนี้เราจะไปหมู่บ้านเจ้าชายน้อยที่เป็นบ้านสีๆเยอะๆอยู่บนภูเขา ชื่อไรนะ หมู่บ้านกำจอน!? เดี๋ยวนะ Gamcheon ค่ะลูกกกกก คัมชอนวิลเลจ (สำเนียงพี่ลูกกอลฟ์)
ทางไปอย่างง่ายๆคือนั่งรถไฟไปลงสถานี Toseong ออกexit6 เดินเลียบโรงพยาบาลไปทางขวาจะเจอป้ายรถเมล์ ขึ้นสาย1-1หรือ2-2 ลงป้าย Gamcheon village เหมือนจะง่ายนะเพราะไปมาแล้วไง แต่ตอนไปถึงจริงเราก็ดันอ่านไกด์บุ๊ค เค้ามีทางลัดบอกออกทางนี้เดินงี้ๆแล้วใกล้ เราก็ชอบทางลัดด้วยดิ ปรากฏว่าเดินวนไปเหอะ ขึ้นเขาลงเขา เห็นหมู่บ้านอยู่ลิบๆ กะเดินไปแล้วนะตอนแรก สักพักไม่ไหวว่ะต้องถามทางแล้วแหละ ถามไปประมาณ 3 คน จนเจอลุงผู้ใจดี นางก็พยายามอธิบายด้วยภาษาเกาหลีนะ แต่หนูไม่เข้าใจค่ะลุงขา นางก็ใจดีเดินไปส่งจนเกือบถึงป้ายรถเมล์ โหยยยซึ้งจายยมาก TT
รถเมล์ที่นี่ขับเทพจนอยากมอบโล่ มอบมงกุฏและแถมสายสะพาย จากแชมป์10สมัยซ้อน โชเฟอร์รถเมล์สาย8 จากไทแล่นให้เลย แบบว่าเขาชันมากกกกกก แล้วโค้งหักศอก ขับเหมือนรีบไปส่งรถ เบรกจน กล้ามแขนงอก ตัวน้องนี่หมุนไร้ทิศทางจนอายอาจุมม่าข้างๆ ถ้าบอกกันก่อนจะได้ยกเวทเตรียมตัวมาให้ดีกว่านี้ สะกิดถามคนข้างว่าคัมชอนวิลเลจๆ นางก็บอกลงนี่ๆ รีบสิเฮ้ย เอ้า ทุลักทุเลมาก แต่พอลงมา โอ้โห วิวสุดยอด
กิมมิกของที่นี่คือ check point ล่าแสตมป์ให้ครบจะได้ postcard ฟรี กูรูของเราได้เตือนก่อนมาแล้วว่า ซื้อเอาเถอะนะเดินเมื่อย Chip-hai แต่ถึง ณ จุดนั้น เคลิ้มตามกิมมิกไปแล้ว เลยเดินสิ เดินไป เดินๆ รู้ซึ้งเลย
เอะนั่นอะไรหน่ะ
1,000 won อาหย่อยยย
เดินไปด้วยความหวัง หมดบันไดชุดนั้นคงถึงสินะ เลี้ยวปุ๊ปเจอบันไดอีก แ-ร่งเอ๊ยยยย ขาจะหัก พอเจอถนนเท่านั้นแหละ พี่หมีถึงกับโบกแท็กซี่ พับๆ (Taxiอีกแล้ว พี่หมีผู้ไม่มีความอดทนต่อการเดินไกลๆและอากาศหนาว)
สถานที่ถัดมาที่เป็นไฮไลท์ของปูซานอีกที่คือ ตลาดปลา ตลาดปลาเค้าก็มีเยอะอีกดิ เอาเข้าไป เลือกไม่ถูกอีก แต่จากที่ได้ปรึกษากูรูมานั้น นางบอกอันนี้สะดวกสุดและยังเดินเที่ยวต่อได้เลย ตลาดปลาจาเกาจิ๊ (Jagalchi)
ปล.ภาษาเกาหลีติดลบ สำเนียงก็ตามที่จินตนาการนะคะ #โนมาม่านะค่ะ
เดินเข้าไปก็เจออาจุมม่า อาจุมลุง กวักมือเรียกให้ดูปู พูดไทยใส่ด้วย โห!นี่น้องแทบจะเดินเข้า
แข็งใจไว้ แข็งใจไว้ก่อน เดินเข้าไปจนเจอตลาดด้านใน
เลือกร้านแล้วก็ไปนั่งได้เลย ของทะเลเค้าไซส์ใหญ่ สด และราคารับได้เลยอ่ะ
เรามาหยุดกันร้านที่ 3 จากปากทางเข้าของตลาดด้านใน เพราะนางพูดญี่ปุ่นใส่น้องค่ะ เอาซี๊ เจอน้องต่อราคานะคะ ยืนต่อราคาไปมาจนได้ ปูสุไวน้ำหนัก 2 กิโลนิดๆ ในราคา80,000 วอนจากโลละ 50,000 แถมหมึกซันนักจี้(หมึกดิบที่ยังดิ้นได้) แถมหอยตลับ หอยแครง มาอีก 3-4 ตัว ก็พอใจละ ไปค่ะนั่งรอประมาณ 10 นาที
หมึกมาก่อน
ความรู้สึก ลื่นๆ ดูดๆ กรอบๆ หนึบๆ มีกลิ่นงา ดึ๊ย ดึ๊ย บอกไม่ถูก เนื้อหมึกสดหวานนะ ก็อร่อยดีสำหรับคนที่ชอบแต่เราไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่
หอยตามมาติดๆ
พระเอกของเรามาแล้ว!!!
แกร๊ๆๆๆๆๆๆ ฆ่าช้านเถอะถ้ามันปูจะเยอะขนาดนี้ โอ้ววววววว สวรรค์
เราเตรียมการมาอย่างดี ห่อน้ำจิ้มซีฟู้ดมาเพื่อความฟินขั้นสูงสุด
กินปูขาดน้ำจิ้มซีฟู๊ดมันจะไปฟินได้ไงล่ะ
อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ข้าวผัดมันปู ยื่นกระดองปูที่มีมันแน่นๆไปให้อาจุมม่า บอก ผับๆ บับๆ นางก็เข้าใจเอง เลิฟจุมม่าอีกแล้ว
ข้าวดีมากกกกกกกกก กไก่ล้านตัว อร่อยลืมอ่ะ หอมมันปู มีความหวานมัน ใส่สาหร่ายและงามาให้ยิ่งเพิ่มความอร่อยเข้าไปอีก เราบรรลุเป้าหมายของการมาปูซานครั้งนี้แล้วค่ะ 100000000/10
มื้อนี้ราคา 80,000+3,000วอน(ค่าข้าวผัด) ประมาณ2,580บาท
ปล.บางที่อาจจะผัดข้าวให้ฟรีนะคะแล้วแต่การตกลงราคาตอนแรก
ปล.2 ราคานี้กินที่ญี่ปุ่นไม่ได้แน่ๆหลังจากอิ่มหนำฟินปูกันไปเรียบร้อยแล้ว
เราเดินจากตลาดไปทะลุถนน BIFF เลยค่ะไม่ไกล แต่วันนี้ฝนตกปรอยๆคนเลยไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่
ร้านนี้ขายดีมาก มาที่นี่ต้องกิน
1,000 won (31บาท)
ต่อด้วยปูซานทาวเวอร์
ก่อนจะเดินไปเรานั่งพักจิบแฟสวยๆก่อน (จริงๆคือหนาวจนเดินไม่ไหวต่างหาก) ก็ได้wifi ตามร้านกาแฟนี่แหละคอยดูแผนที่ ดูร้านอาหารต่างๆ โดยที่ไม่ต้องเช่าพ็อคเก็ตไปก็มีชีวิตรอด
แต่..ความจริงนั้นช่างโหดร้าย พี่หมีเปิดถามทางพี่Goo พี่Gooบอกให้ไปซ้าย แต่เราถึงจะหลงทิศยังไง ในใจก็คุ้นๆว่าต้องไปขวาไม่ใช่หรอ ยืนเถียงๆกันหน้าร้านซักพัก ก็ตกลงปลงใจไปกับพี่Goo (น้องกลัวโดนอุ้งหมีตะปบค่ะ) เดินไปสัก10นาที เฮ้ย!ทำไมมันไกลขึ้นเรื่อยๆวะ เลยถามทางอปป้าแถวนั้น นางก็ชี้เลย นู้นๆไปทางที่พวกเมริ้งเดินมานั่นแหละ ตึง! เดินกลับเงียบๆพร้อมบรรยายกาศอึมครึมเบาเบา T^T
ระหว่างทาง
อุ๊ยไอติมตรงนั้นน่ากินจังเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ข้อดีของพี่Gooคือ พี่Gooพากรูไปผิดทิศตลอดแต่นางพาเรามาเจอสิ่งใหม่นะ นี่...เป็นไงล่ะ คิดบวก ปริ้ง ปริ้ง
ปูซานทาวเวอร์
ลงมาอีกด้าน เจอบันไดเลื่อนค่ะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!! T^T
ถนนช้อปปิ้ง ทุกอย่างจะดีมากถ้าฝนไม่ตก
เฮ้ยแกร๊ตรงนั้นเค้ามุงอะไรกันอ้ะ
สั่งไม่ถูกเลยชี้ๆ เอาแบบคนข้างๆ ก็ได้อันนี้มา
ซ้าย : คล้ายๆสลัดผัก เปรี้ยวๆเผ็ดๆ อร่อยดีค่ะ
ขวา : คิดว่าเป็นพิซซ่าเกาหลี แป้งทอดใส่ผักเยอะๆ ก็ดีงามตามท้องเรื่อง
ก่อนกลับที่พักเราแวะไปดูสะพานที่เปิดไฟสีๆกันที่ Gwanghali beach เดินจากสถานีไปประมาณ10นาทีเดินสบาย เป็นทางลงเขา
แถวนี้เราคิดว่าน่าจะใกล้กับที่พักเลยนั่งแท็กซี่ค่ะ(ทริปนี้นั่งแท็กซี่บ่อยมาก ก็อากาศมันหนาว เดินม่ายหวาย) ระหว่างทางเหลือบไปเห็น Bay101 ที่กูรูบอกไว้ว่าต้องมาชิวจิบเบียร์ที่นี่ ขอแวะแพปนุง
บรรยากาศชิวแต่หนาวมาก ดีตรงที่นั่งมีที่กันลมแต่มองไม่เห็นวิวเลย
เอาล่ะเรามาจิบเบียร์ซักหน่อยละกัน
ราคา 21,000 won (653บาท)
อบอุ่นร่างกายแล้วก็ออกกำลังต่ออีกหน่อยนะ เราบังคับให้พี่หมีเดินกลับค่ะ เพราะวันนี้หมดค่าแท็กซี่เยอะเกินไปแล้ว
วันนี้เดินเยอะ กินเยอะ เที่ยวเยอะ มากจริงจริง
จบรีวิวปูซานไว้แค่นี้ก่อน ฝากติดตามตอนอื่นๆด้วยค่า
Whereto Tabi Tabi
วันพฤหัสที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 15.38 น.