╱╲โคตร รัก 'เลย'╱╲ 4 วัน 3 คืน
(ข้ามไปกินส้มตำที่ลาว) (รถยนต์ส่วนตัว) (แบกเต็นท์ไปด้วย) (อยู่ตั้งนานใช้ 3 พัน)
♦ ทริปนี้ด้วยความที่อยากเห็นทะเลหมอกก่อนจะหมดหน้าหนาว งบน้อยและก็อยากขับรถไปไม่ไกลเท่าไหร่แต่ได้เห็นหมอกแบบฟินๆ จังหวัดเลยก็แว่บเข้ามาด้วยระยะทางขับรถประมาณ 7-8 ชม. ♦
Day 1
เราออกเดินทางวันที่ 7 มค 62 - 10 มค 62 ล้อหมุนออกจาก กทม. ตี4 ถึงจังหวัดเลย 11:30 น.
จุดชมวิวทางผ่าน น่าแวะไปถ่ายรูปทุกที่ ภูเขาที่เลยมีเสน่ห์อย่างมากกอ่ะ
ระหว่างทางเห็นป้ายข้ามไปประเทศลาวอยู่ตลอด เลยอดใจไม่ไหว ไหนๆ ก็มาใกล้ลาวแล้ว เลี้ยวรถเลยจ้าาา ขอแวะไปกินส้มตำที่ลาวซะหน่อย ◕‿◕ ทุกอย่างอยู่นอกแพลนที่เราวางไว้หมดเลย ข้ามไปลาวได้ที่สะพานมิตรภาพน้ำเหืองไทย-ลาว ที่อำเภอท่าลี่
พกมาแค่บัตรปชช. ใบเดียวก็ไปได้จ้าาา ไปถึงไปติดต่อขอบัตรผ่านแดนชั่วคราวขอข้ามไปตลาดฝั่งลาว เสียค่าข้ามทั้งฝั่งไทยและลาว ฝั่งละ 40 บาทเป็น 80 บาท ค่ารถตุ๊กตุ๊กพาข้ามสะพานไทย-ลาว 20 บาท ข้ามถึงปุ๊ปจะเจอสองแถวที่จะพาเข้าไปที่ตลาด พี่เค้าคิดคนละ 150 บาท ไปส่งและรอรับกลับจะกี่ชม.ก็ได้ พี่เค้ารออออ ไปสิค่ะรออะไรรรร....รวมค่าไปลาว 250 บาท
ประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว อารมณ์ประมาณตลาดนัดบ้านเรามากกว่า มีของใช้จากบ้านเรา แต่ในใจคือติดใจส้มตำปลาร้าที่ประเทศลาวคือออดีงามมาก เดินหาร้านส้มตำแล้วก็ จจจจเจออออแล้ว!!!
อร่อยแซ่บแบบต้นตำหรับบบบ ≧▽≦
ใช้เวลาอยู่ที่นี่ 1 ชม.เองงง เพราะไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ กินเสร็จซื้อของขึ้นชื่อที่ลาวกลับไปซะหน่อย คืออ เบียร์ลาวว กับ กาแฟดาวคอฟฟี่ กลับมามุ่งหน้าต่อไปยังเชียงคานใช้เวลาอีก 2 ชม. จากท่าลี่ เราจองรร.ไว้จากอโกด้า อยากได้วิวดีราคาถูก เพราะช่วงนี้ไฮซีซั่นทุกที่พร้อมใจกันแพงงงง มาเจอที่นี้แหละวิวแม่น้ำโขงและราคาถูก ที่ ✿ Inbox Living Rimkhong ✿ 1500 บาท นอนตู้คอนเทนเนอร์ คูลสุดๆๆๆ อาหารเช้าด้วยนะ
แท่นนนน แท๊นนนนน สวยยยใช่ป่าวววว
หลังจากเก็บของชื่นชมกับบรรยากาศรอบที่พักก...ถึงเวลาไฮไลท์ของที่เชียงคาน คือ ถนนคนเดินเชียงคาน ∩_∩ เราไปวันจันทร์คิดไว้แล้วว่าอาจจะมีร้านเปิดแค่ 20% แต่ที่ไหนได้ถนนคนเดินที่นี่วันธรรมดาเปิดเต็มทุกร้านนน แนะนำว่าให้เดินตระเวนกินไปให้ทุกร้าน อย่าไปจัดหนักอยู่ร้านเดียว ไม่งั้นจะพลาดความอร่อยอาหารพื้นเมืองของที่นี่
ยำร้านนี้เด็ดมากกก ผ้าขี้ริ้วกับหมูยอออ ส้มตำ ยำ ที่จังหวัดเลยอร่อยแทบทุกร้าน แซ่บจริงไรจริง
ซิกเนเจอร์ใครมาก็ถ่ายอ่ะ อ้ะ อ้ะ ถ่ายบ้างงงง ส่วนตัวเราชอบปูอ่ะ ปูรสชาติมันส์ๆ อร่อยดี
หลังจากเดินดื่มด่ำและท้องอิ่มแล้ว กลับที่พักไปพักผ่อน พรุ่งนี้เราจะออกไปเดินพระอาทิตย์ขึ้นกันที่ภูทอก ห่างจากที่พักเรา 7 กม. -_-zzzzz
Day 2
เราตื่นตี 5 ออกจากเพื่อไปให้ถึงภูทอกสักตี 5 ครึ่ง ตื่นมาอากาศเย็นๆ นะ แต่ไม่หนาว ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีอ่ะ ถึงภูทอกแล้ววว แต่ว่าต้องจอดรถไว้แล้วไปขึ้น 2 แถวที่ทางภูจัดเตรียมไว้ให้เท่านั้น คนละ 25 บาท ทั้งไปและกลับ แนะนำว่าให้ซื้ออะไรไว้กินระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้น เพราะข้างบนไม่มีอะไรขายเลย ตอนเช้าจะมีร้านค้าเปิด เป็นชา กาแฟ ข้าวจี่ ตับย่าง นมสด หลากหลายร้านอยู่นะ
ประมาณ 5 นาทีก็ถึงจุดชมวิวภูทอกแล้ววว แต่เราเป็นผู้หญิงที่โชคร้ายสำหรับวันนี้ หมอกไม่มาอ่ะ T_T ภารกิจของเราคือต้องมาเห็นทะเลหมอกให้ได้อ่ะ แต่วันนี้ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่เป็นไร มาดูพระอาทิตย์ขึ้น วิวสวยๆ แบบนี้ คุ้มค่าาา แต่ว่าข้างบนหนาวแฮะ °○°
มาแล้ววว เส้นขอบฟ้าาา
ได้ดูวิวฝั่งแม่น้ำโขงแบบนี้ มีความสุขไปอีกแบบ มีเสน่ห์จริงๆ แม่น้ำที่อยู่ข้างภูเขาแบบนี้ ❤❤❤ ป่ะ ลงๆ
ลงมาแล้วจะมีร้านไข่กระทะ ร้านกาแฟ เปิดรออยู่เลยย แต่ว่าเราจะไปใส่บาตรข้าวเหนียวที่ถนนคนเดิน ลงมาสายไม่แน่ใจจะมีให้ใส่อยู่มั๊ยยยย??
แง่วววว เป็นผู้หญิงโชคร้ายอีกแล้วววว มาถึง 08.30 น. ไม่มีพระแล้ววว ⋟﹏⋞ เดินเล่นริมโขงแล้วกัน แล้วกลับไปกินอาหารเช้าที่พักกก
อื้ออหือออ อาหารเช้าหลากหลายอยู่นะ เอาจริงงง!! เหมือนภาพความฝันเลยอ่ะ นั่งกินข้าว กินกาแฟ ติดแม่น้ำโขง ติดภูเขาลูกใหญ่ๆ แบบนี้อ่ะ อยากหยุดเวลาไว้เลยย ประทับใจมากกกสำหรับที่พัก Inbox Living Rimkhong มีร้อยยยให้ร้อยเลยอ่ะ
แต่ก็นะ ต้องเช็คเอ้าท์เที่ยงง 555 ป่ะ เก็บของเตรียมไปต่อ แพลนคืนนี้ว่าจะต้องเอาเต็นท์ที่แบกมาไปกางสักที งบนอนตามรร. ไม่มีแล้ววววว กลับสู่วิถีที่ถนัดดีกว่าาา :P ไปต่อค่ะที่ไหนเค้าว่ามีหมอกไปหมดดดด สถานีต่อไปคือ อุทยานแห่งชาติภูเรือ แต่ว่าก่อนไปหาข้าวเที่ยงกินก่อน ไหนแก่งคุดคู้ คืออะไร ที่ไหนยังไง เห็นห่างจากที่พักแค่ 5 โลเองงอ่ะ ไปปปปป!!!
ถึงแล้ววว โอ่ยยย สวยอีกแล้วอ่ะ เป็นโรคแพ้ภูเขา อะไรที่ได้เห็นภูเขาอ่ะ ชอบหมดด
ร้านก็จะเป็นประมาณนี้ มีชั้นล่าง ชั้นบน อาหารก็จะเป็นไก่ย่างส้มตำ ปลาจากแม่น้ำโขง ไฮไลท์อีกแล้ว แท่นแท้นนนน กุ้งเต้น
ส้มตำปลาร้าเด็ดอีกแล้วววอ่ะ ที่ฝาครอบอ่ะ กุ้งเต้น เปิดไม่ได้กระเด้งออกมาเลยยยย รีบกินรีบไปป
มุ่งหน้าต่อสู่ "อุทยานแห่งชาติภูเรือ" ใช้เวลาจากเชียงคานไป 2 ชม. เอ่ออ ก่อนขึ้นภูเรือจะมีตลาด มีโลตัส มีเซเว่น ให้ซื้อเสบียงไปให้พร้อม เพราะขึ้นไปร้านค้าไม่ได้มีมากมายหนัก ซื้อของที่จะไปปิ้งกิน อาหารเช้าให้เรียบร้อย ถึงด่านเก็บเงินเสียค่าขึ้นรวมรถยนต์ 110 บาท และกลางคืนก็จะมีเจ้าหน้าที่มาเก็บค่ากางเต็นท์อีก 60 บาท รวมแล้วค่าที่พักคืนที่2 คือ 170 บาท อช.ภูเรือกางเต็นท์วิวดีที่จุดบริการนักท่องเที่ยวที่2 นะ ไฟฟ้าเปิดให้ใช้ถึง 3 ทุ่ม
พยายามไปให้ถึงก่อนมืดนะ เพราะเราต้องกางเต็นท์ถ้าใครที่เอาไปกางเอง แต่ถ้าใครไม่มีก็มีเต็นท์ให้เช่าอยู่ ทำไรให้เสร็จแล้ว แนะนำรีบอาบน้ำเลยย เพราะฟ้ามืดเมื่อไหร่ หน้าชาาาา 18 องศาจ้าาา แต่ลมพัดมาทีสั่นนนน •.¸¸• รีบเข้านอนเพราะต้องตื่นเช้าไปดูหมอกอีกแล้วว "_" zzzzz
Day 3
หนาววววววว คำแรกที่พูดเลยยย วันนี้ตื่นตี 5.30 น. ต้องขับรถไปจอดตรงก่อนทางขึ้นอีกแล้ว ต้องไปสองแถวที่ภูจัดเตรียมไว้เหมือนเดิม ขาไป 25 บาท ขากลับ 20 บาท
ใจชื้นแล้วว ภารกิจในการล่าหมอกของเราครั้งนี้จะสำเร็จใช่มั้ยยย ทะเลหมอกจะมาใช่มั้ยยย
นั่นๆๆๆ ตั้งหน้าตั้งตารอค่ะ นางกำลังจะมาาา กำลังจะเต็มทะเลแล้วววว
แอร้ยยยย แทบกรี๊ดดดด ทะเลหมอกกกก ทะเลหมอกกกก ทะเลหมอกกก >_< ปกติไม่ว่าจะขึ้นภูไหน ไปไกลแค่ไหน ก็จะเป็นผู้หญิงโชคร้ายเสมอ เพราะหมอกไม่มาตลอดดด ครั้งนี้ประสบความสำเร็จแล้วค่ะ
มาแบบจัดหนัก จัดเต็มม หนาวววสั่นน กันเลยยย ❤❤❤❤❤❤❤
ชื่นชมทะเลหมอกเสร็จก็กลับไปเต็นท์ จุดลงสองแถว จะมีร้านเปิดให้บริการอยู่นะ ร้านโจ๊กเอย ร้านกาแฟ ซาลาเปา แต่โนสนค่ะ เพราะเรามีเสบียงมาแล้ว กลับไปเต็นท์ต่ออ ที่กางเต็นท์ที่นี่อากาศหนาวเย็นอยู่ทั้งวัน ปกติก่อนเที่ยงนี่พระอาทิตย์มา แดดมา ต้องเก็บแล้ว แต่ที่นี่นอนได้ทั้งวันน น้ำนี่อาบไม่ได้เลย เย็นมากก หน้าชาาา ได้คุยกับคุณลุงป้าคู่นึงว่าเค้าจะไปไหนกันต่อ แพลนเราคือ คืนนี้จะต้องไปนอนแถว เพรชบูรณ์เพื่อที่อีกวันไม่ต้องขับกลับ กทม. ไกลมากนัก แต่คุณลุงคุณป้าเสนอมาให้ไปที่ "อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย" ซึ่งอยู่ในจังหวัดเลยเหมือนกัน ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว นี่แหละเสน่ห์ของการเที่ยว คือ การออกนอกแพลนนี่แหละ โอเคคค เป็นไงเป็นกัน ไปค่าาาา!!! ห่างจากที่นี่ 2 ชม. เหมือนกัน ติดใจทะเลหมอกที่เลยซะแล้วสิ (◡‿◡✿) มุ่งหน้าสู่ "อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย" และก็หาข้อมูลระหว่างทางว่ากางตรงไหนที่ตื่นมาแล้วเห็นหมอกได้เลยโดยที่ไม่ต้องเดินทางออกไปดูแล้ว ได้เจอกับ จุดกางเต็นท์ภูหัวฮ่อม ซึ่งอยู่ในอุทยานเดียวกัน ค่าเข้า+ค่ากางเต็นท์ คืนที่3 ของเรา คือ 80 บาทท
นี้คือจุดกางเต็นท์ของเรา เลือกเอาเลยตามใจชอบบ เจ้าหน้าที่ที่นี้ใจดีมากและของแถมคือห้องน้ำ สะอาดมากๆ แถมยังมีเครื่องทำน้ำอุ่นไว้อีก ญ/ช อย่างละ 1 ห้อง
ฝนตกลงมาปรอยๆ ทำใใ้หอากาศเย็นขึ้นๆ สเต็ปเดิม คือ รีบอาบน้ำ 55555 และก็มาทำอะไรกิน บลาๆๆ เข้านอน "_" zzzzz
Day 4
เปิดเต็นท์มาตอน 07.30 น. นี่แหละสิ่งแรกที่อยากเจอ อยู่ท่ามกลางดงหมอก แต่ว่าไม่มีทะเลหมอกแบบเมื่อวานเพราะฟ้าไม่เปิด แต่ไงก็ได้ขอแค่อยู่ในดงหมอก เป็นพอ
หมอกที่นี่วันนี้อยู่ถึงประมาณ 11 โมงแล้วก็เจอแดดแล้วว ครั้งแรกตั้งแต่มาเลย เพิ่งได้เจอแดดแบบนี้
หมดแล้ววว สำหรับทริปล่าหมอกของเรา ︶︹︺ รุ้สึกใจหายที่ต้องออกจากจังหวัดที่คูลๆ แบบนี้
สรุปค่าใช้จ่าย (ไม่รวมค่าน้ำมัน,ค่ากิน เพราะขึ้นอยู่กับแต่ละคน อีกอย่างรถเราเป็นแก๊สสส ฮ่าๆๆ)
ข้ามไปลาว ► 250 THB ที่พัก Inbox Living Rimkhong ► 1500 THB กางเต็นท์ที่ภูเรือ ► 170 THB กางเต็นท์ที่อช.ภูสวนทราย(ภูหัวฮ่อม) ► 80 THB ค่ารถสองแถวขึ้นทั้งสองภู ► 70 THB รวมทั้งหมด ► 2,070 THB
จังหวัดเลยสำหรับเราตอนนี้เป็นจังหวัดที่เราประทับใจมากกก เพราะได้เห็นในสิ่งที่เราตามหามาแสนนาน คือ ทะเลหมอก แถมอาหารการกิน วัฒนธรรม วิวทิวทัศน์ เต็ม100 ให้ 100 เลยย สำหรับคนที่ตกหลุมรักภูเขาแบบเรา จังหวัดเลยคือตอบโจทย์ การเดินทางไปแต่ละที่คือยังไงก็เห็นภูเขาหมดเลยอ่ะ อากาศเย็นสบายค่อนข้างไปทางหนาว แม่น้ำโขงเป็นอะไรที่ยืนยันความอุดมสมบูรณ์ดีจริงๆ
แล้วพบกันใหม่.
#SUVATRAVELHOLIC
SUVA TRAVELHOLIC
วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 02.06 น.