สวัสดีค่ะ เข้าช่วงไฮซีซั่นเที่ยวทะเลกันแล้ว

ก่อนเพื่อนจะเปิดเทอม เราต้องรีบชวนเพื่อนเที่ยว

หลังจากจองตั๋วข้ามปีกับหางแดงไว้ตั้งแต่ มีนาคม 58

พวกเราขอหลบแดดภาคกลาง ไปนอนอาบแดดภาคใต้ ที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล

วันที่ 13-16 มกราคม 59 รวม 4 วัน 3 คืน สมาชิกทั้งหมด 4 คน

ทริปสุดประทับใจ และได้แผลเป็นของที่ระ(ทึก)ด้วย



Part1 ข้อมูลเกี่ยวกับเกาะหลีเป๊ะ



เกาะหลีเป๊ะ เป็นเกาะเล็กๆที่อยู่ในจังหวัดสตูล ภาคใต้ของประเทศไทยเรานั่นเอง หลีเป๊ะ หมายถึง เกาะที่ราบเรียบ คล้ายกระดาษ ซี่งมีที่มาจากภาษาท้องถิ่นของชาวน้ำ หรือชาวเล (ชนเผ่าอุรักลาโว้ย) ที่อาศัยอยู่บนเกาะ ซึ่งส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง ขอบคุณข้อมูลจาก http://thai.tourismthailand.org/


บนเกาะหลีเป๊ะ มีอยู่ด้วยกัน 3 หาด ได้แก่

1. หาดพัทยา (หาดบันดาหยา) เป็นหาดที่คึกคักที่สุด เพราะเป็นจุดรับส่งของเรือโดยสาร หาดนี้เลยได้รับขนานนามว่า 'พัทยา' เนื่องจากคึกคักเหมือนพัทยา ร้านอาหารมากมาย อยู่ใกล้ถนนคนเดิน ชายหาดสวย น้ำใส

2. หาดซันไรส์ (หาดชาวเล) หาดนี้เป็นหาดที่ชอบที่สุด หาดสวย ทรายขาวนุ่มละเอียด คนไม่เยอะ ไปถนนคนเดินไม่ไกล มีบ้านเรือนชาวเลอาศัยกระจัดกระจายไม่หนาแน่น มีที่พักริมหาดให้เลือกมากมาย แต่ไม่คึกคักเท่าหาดพัทยา

3. หาดซันเซท (หาดประมง) หาดนี้ที่พักน้อย เงียบสงบ คนไม่เยอะไกลจากถนนคนเดิน


Part2 เที่ยวเกาะหลีเป๊ะ ฤดูไหนถึงจะดี


ช่วงที่เหมาะสมที่สุด คือช่วงฤดูร้อน ระหว่างปลายเดือนพฤศจิกายน –ปลายเดือนเมษายน ส่วนในเดือนพฤษภาคมบางวันอาจมีฝนตกบ้าง

ช่วง Low Season คือช่วงฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม – พฤศจิกายน ในช่วงเวลานี้ ที่พักบนเกาะหลีเป๊ะจะมีราคาถูก ฤดูฝนก็จะเป็นอีกบรรยากาศ ยังสามารถดำน้ำดูปะกะรังได้เช่นกัน แต่ควรเช็คสภาพอากาศก่อนวางแผนเดินทางนะคะ

ในส่วนของอุทยานแห่งชาติะรุเตาเกาะอาดัง-ราวี มีช่วงปิดเกาะ ปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม - 15 พฤศจิกายน ของทุกปี เนื่องจากเป็นช่วงมรสุม มีฝนตกหนัก คลื่นลมแรง และเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ จึงทำให้ไม่สามารถดำน้ำและขึ้นฝั่งในโซนนอก และโซนใน แต่ยังดำน้ำได้ในโซนตะวันออก และเที่ยวบนเกาะหลีเป๊ะได้ตามปกติค่ะ


Part3 วางแผนและเตรียมการเดินทาง

จองตั๋วเครื่องบิน

สายการบินแอร์เอเชีย ดอนเมือง-หาดใหญ่ Flight FD3102 เวลา 06.30 น.

เว็บไซต์ http://www.airasia.com/th/th/home.page


จองรถตู้

ขาไป สนามบินหาดใหญ่ – ท่าเรือปากบารา

ขากลับ ท่าเรือปากบารา – ตลาดกิมหยง (หรือเลือกลงสนามบิน)

จองกับบริษัท Easy Lipe www.easylipe.com

แบบ VIP 9 ที่นั่ง ราคาเที่ยวละ 300 บาท/คน

แบบ 13 ที่นั่ง ราคาเที่ยวละ 250 บาท/คน

ก่อนวันไปจะมีคนขับรถโทรมาคอนเฟิร์มวันและเวลา พี่โชเฟอร์จะมารอรับเรา หน้าทางออกประตูสนามบินเลยค่ะ จองรถแบบนี้เนื่องจากต้องการความสบาย จะได้หลับยาว เพราะว่าก่อนมาขึ้นเครื่องได้นอนกันแค่ 1 ชม. ร่างพังค่ะ 5555

หากใครต้องการประหยัดงบหน่อย นอนมาเยอะแล้ว ร่างยังไหว อีก 1 วิธีที่ช่วยเซฟเงินได้มาก แค่เที่ยวละ 130 บาทเท่านั้น พอออกมาจากสนามบินหาดใหญ่ เดินออกมาปากทางจะเจอรถสองแถวสีฟ้า ไปที่สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 (ตลาดเกษตร) ราคาประมาณ 20-30 บาท พอไปถึงที่ตลาดเกษตรแล้ว หารถตู้ หาดใหญ่-ปากบารา ซื้อตั๋วรถกับรถตู้ได้เลยค่ะ ราคา 100 บาท

รถตู้ขากลับเราจองรวมไปกับขาไป รถตู้จะมารอรับที่จุดจำหน่ายตั๋วของบริษัท Easy Lipe ตรงท่าเรือปากบารา สามารถเลือกไปลงตลาดกิมหยง หรือสนามบิน แต่เนื่องจากจองไฟลต์ดึกสุด 22.20 น. ยังมีเวลาเหลือ เลยเลือกไปลงตลาดกิมหยง ไปเดินเล่น ซื้อของฝาก และแวะทานข้าวเย็นในตัวเมืองหาดใหญ่ก่อนกลับค่ะ


จองเรือ

จากท่าเรือปากบารา จ.สตูล - เกาะหลีเป๊ะ

เรือ Speed boat : ใช้เวลาเดินทางถึงเกาะหลีเป๊ะ โดยประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

เรือ Ferry (มีแอร์) ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 2-2.30 ชั่วโมง


ตารางเดินเรือ

เราเลือกเรือสปีดโบ๊ท ไป-กลับ จองตั๋วเรือผ่านบริษัท Easy Lipe เจ้าเดิม เพราะหาข้อมูลมาหลายที่ ราคาจะอยู่ที่ 1200-1600 บาท แต่ที่นี่ขายแค่ 1000 บาทเท่านั้น (ราคาไป-กลับ) เป็นของบริษัทหลีเป๊ะเฟอร์รี่แอนด์สปีดโบ๊ท อีกที่นึงที่เห็นราคาเท่ากันคือจองผ่าน Mountain Resort นะคะ

** หากต้องการขึ้นเรือสปีดโบ๊ทที่พาไปแวะเกาะไข่ และเกาะตะรุเตา เรือสปีดโบ๊ทที่แวะจะมีรอบ 10.30 น. และ 11.30 น. เท่านั้น ส่วนเรือเฟอร์รี่ไม่ได้แวะนะคะ


จองที่พัก

เราเลือกพักที่ Harmony Bed & Bakery ไม่ติดทะเล แต่ใกล้ถนนคนเดิน จองผ่าน agoda http://www.agoda.com/th-th/harmony-bed-and-bakery/hotel/koh-lipe-th.html 2 ห้อง 3 คืน ราคาห้องพัก 2 ห้อง 9108 บาท (เฉลี่ยคนละ 2277 บาท) เลือกโรงแรมนี้เพราะอยู่ใกล้ถนนคนเดิน ห้องสะอาด พนักงานบริการดีมาก ใกล้ร้านอาหาร กลางคืนเดินกลับโรงแรมก็ไม่น่ากลัวค่ะ ด้านล่างเป็น Coffee Shop ด้วย

ข้อเสีย

ห้องน้ำมีกลิ่นเหม็นท่อระบายในบางครั้ง ฝักบัวไม่แรง ต้องเอาก๊อกล้างเท้าด้านล่าง(น้ำสะอาดนะคะ น้ำเดียวกัน555) มาสระผมเพราะน้ำฝักบัวไหลช้ามากจริงๆ ตอนไปแอร์เสียด้วยค่ะ ต้องรอช่างมาซ่อม แต่พวกเราสายถึก ศรีทนได้ ขอให้คะแนน 7/10


Part4 ค่าใช้จ่าย/ต่อคน


ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ (จองตอนมีโปรฯ) 818 บาท

ค่ารถตู้สนามบิน-ท่าเรือ ไป-กลับ 600 บาท

ค่าเรือไปเกาะหลีเป๊ะ ไป-กลับ 1,000 บาท

ค่าเรือที่โป๊ะเข้าเกาะ ไป-กลับ 100 บาท

ค่าเรือไปเกาะอาดัง ไป-กลับ 200 บาท

ค่าทริปดำน้ำ เรือเหมา 650 บาท

ค่าเช่า fin 50 บาท

ค่าที่พัก 3 คืน 2,277 บาท

ค่ารถ taxi จากหาดใหญ่ไปสนามบิน 75 บาท

ค่าธรรมเนียมท่าเรือปากบารา 20 บาท

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน 40 บาท

ทั้งหมด 5830 บาท ยังไม่รวม ค่าข้าว 12 มื้อ (ตกมื้อละ80-150) + น้ำ + ขนม + ของฝาก

หากคิดรวมแล้ว จะตกอยู่ที่ประมาณ 8,xxx บาทค่ะ


ภาพทั้งหมดจากกล้อง

iPhone6

Fujifilm X-E2 เลนน์ kit 18-55mm

ใต้น้ำ Sjcam4000


เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ไปเที่ยวกันเลย


เช้านี้เราออกจากคอนโดกันตอน 04.00 น. ทั้งคืนได้นอนกันแค่ชั่วโมงเดียว เพราะเพื่อนลืมจ่ายค่าไฟ มาถึงห้องโดนตัดไฟ ต้องเปิดหน้าต่าง เพื่อนบอกชั้น 9 ยุงบินขึ้นมาไม่ถึงหรอก .. พอตีสองครึ่งตื่นขึ้นมาตบยุง 5555 เลยต้องลุกมาอาบน้ำไปสนามบินค่ะ ถึงสนามบิน 04.30 น. ครั้งนี้ได้ขึ้น Terminal 2 ปรับปรุงใหม่แล้วดีมากๆ สำหรับใครที่จะโหลดกระเป๋าอย่าลืมเผื่อเวลาด้วยนะคะ ถึงจะเช้าแค่ไหนคนก็เยอะอยู่ดี แต่พวกเราเช็คอินปริ๊นท์ Boarding Pass ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว เดินเข้าเกทได้เลย


วันนี้บัสเกตไปขึ้นเครื่องกันค่ะ ได้บินกับลำสาวนักวอลเล่ย์ HS-ABC



ท้องฟ้าแจ่มใส



ตีโค้งมุมงามๆ ใกล้ถึงสนามบินหาดใหญ่แล้วค่ะ



เครื่องลงตรงเวลาเป๊ะ 08.00 น. พี่คนขับรถตู้ก็โทรมาพอดี จากนั้นเราก็นั่งรถตู้ไปท่าเรือปากบาราอีกต่อนึง จากสนามบินหาดใหญ่ ไปท่าเรือปากบารา ระยะทางประมาณ 118 กิโลเมตร หลับกันยาวๆเลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง มีค่าธรรมเนียมก่อนเข้าท่าเรือ 20 บาทนะคะ


ถึงท่าเรือประมาณ 10.15 น. มีเวลาให้ตุนน้ำขนม เข้าห้องน้ำนะคะ เราเลือกเรือรอบ 10.30 น. เพราะอยากไปแวะเกาะไข่ และเกาะตะรุเตา ยิ่งเป็นรอบเช้าคนก็จะน้อยค่ะ เรือไม่เต็ม นั่งสบาย นี่คือเหตุผลที่เลือกไฟลต์เช้า


เตรียมตัวก่อนลงเรือ


เกาะหลีเป๊ะค่าครองชีพสูง เพราะว่าอยู่กลางทะเล ขนข้าวของไปลำบาก ข้าวตามสั่งจานละ 80-150 กับข้าว 200 อัพ น้ำขวดเล็ก 20 บาท ควรตุนของที่ร้านขายของแถวท่าเรือ หรือที่ 7-11 ไปด้วยนะคะ สิ่งที่ควรตุนคือ พวกน้ำ ขนมต่างๆ เพราะ 7-11 ที่เกาะราคาจะสูงมาก บางอย่างราคาคูณสอง

สำหรับใครที่พกเงินมาไม่เยอะ ที่เกาะหลีเป๊ะ มี ตู้ ATM เป็นของธนาคารกรุงศรี ตู้จะอยู่ที่ถนนคนเดิน หน้า 7-11 และหน้าโรงแรม Harmony Bed & Bakery เลยค่า ค่อยไปกดเพิ่มที่นั่นก็ได้ ไม่ต้องพกเงินเยอะค่ะ

10.40 น. คุณลุงเรียกลงเรือตามคิวค่ะ Speeed Boat เลือกที่นั่งตรงไหนก็ได้นะคะ ไม่มีการจอง ใครกลัวแดดขาไปเลือกนั่งฝั่งขวาได้เลย แต่พวกเราไม่กลัวเลือกฝั่งซ้าย


หลังจากนั่งเรือได้ 30 นาที จะมีการจอดให้นักท่องเที่ยวแวะตามจุดต่างๆ จุดแรกที่เรือแวะคือ เกาะตะรุเตา เพื่อรับส่งผู้โดยสาร และนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปถ่ายรูปบนเกาะตะรุเตาได้ค่ะ โดยจะให้เวลาประมาณ 15 นาที ก่อนเข้าเกาะต้องเสียค่าธรรมเนียมอุทยาน ราคา 40 บาทนะคะ เสียครั้งเดียวใช้ได้ตลอดการเดินทางเลย



จุดที่ 2 เกาะไข่ เรือจะให้ลงไปถ่ายรูปเล่น 15 นาที ไฮไลท์ของเกาะไข่คือ ซุ้มประตูหิน หรือที่เรียกว่าซุ้มรักนิรันดรค่ะ


ประตูหินโค้ง...ตะรุเตา สตูล

จุดเพิ่มพูน ตำนาน รักหนุ่มสาว

แดนประเดิม เสริมรัก ให้ยืนยาว

สองเราก้าวสู่ประตู...รักนิรันดร์


กลอนเพราะๆที่อยู่บนป้ายสลักหน้าซุ้มประตูหิน มีความเชื่อว่าคู่รักคู่ใด ได้ลอดซุ้มประตูหินนี้ จะสมหวังในความรัก และครองคู่กันอย่างมีความสุข


หลังจากนั้นเราต้องนั่งเรือต่ออีกประมาณ 40 นาที ก็จะถึงเกาะหลีเป๊ะ โดยการขึ้นเกาะ เรือสปีดโบ๊ทจะไปจอดอยู่ที่โป๊ะกลางทะเลก่อน และต้องใช้บริการเรือหางยาว(เรือชาวบ้าน) นั่งต่อเพื่อไปยังหาดต่างๆ เรือหนึ่งลำบรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ 10 คน อัตราค่าโดยสาร คนละ 50 บาท เหตุผลที่ไม่สามารถนำสปีดโบ๊ทเทียบกับหาดได้เลย น่าจะเป็นเพราะว่าบางจุดมีปะการังอยู่ ถ้าเรือใหญ่เข้าไปจะทำให้ปะการังเสียหายได้ค่ะ ดีมากๆ เรายอมจ่าย 50 บาทเพื่อแลกกับความสมบูรณ์ของธรรมชาติ


หลังจากนั้นเราก็ต่อเรือไปบันดาหยารีสอร์ท จะมีรถซาเล้ง (Taxi บนหลีเป๊ะ) พาเราไปส่งที่โรงแรม Harmony Bed & Bakery ขออภัยไม่มีรูปนะคะภาพโรงแรมไม่ได้ถ่ายมาเลย ขออนุญาติใช้รูปจากทางโรงแรมนะคะ


หลังจากเช็คอินเสร็จ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ตรงข้ามโรงแรมมีร้านอาหารหลายร้านมาก สอบถามคุณป้าขายโรตีบอกให้ไปร้านคุณลุง อร่อยและราคาไม่แพง เริ่มต้นจานละ 70 บาท พวกต้มยำเริ่มต้น 100 บาท (ไปเล็งร้านอื่นมา 200 อัพทั้งนั้นเลยค่า)


มีน้องแมวเจ้าถิ่นมาคลอเคลีย



ตอนกลางคืนเราไปเดิน Walking Street กันเพื่อหาทริปดำน้ำ เจอร้านแรกก็เข้าเลยค่ะ อยู่ทางเข้าถนนคนเดินจากหน้าหาดพัทยา เลือกร้านนี้เพราะดูจากคนเยอะที่สุด พี่พนักงานพูดจาดี บริการดี น่ารักทุกคนค่ะ


โปรแกรมมี 3 แบบ คือ

แพคเกจ A ราคา 550 บาท ดำจุดโซนใน

แพคเกจ B ราคา 650 บาท ดำโซนนอก

แพคเกจ C Sunset บ่าย-กลางคืน ราคา 450 บาท ดำน้ำโซนในบางจุด และดูพระอาทิตย์ตก


รวมหน้ากากดำน้ำ ข้าวกล่องทานตอนกลางวัน น้ำ ผลไม้ (แต่ไม่รวม fin ใครที่จะใช้ต้องเช่าแยก 50 บาทค่ะ)

กลุ่มเราไปกัน 4 คน ปกติต้องไปจอยกรุ๊ปกับคนอื่น แต่พี่ใจดีถามเราว่าอยากได้เรือไพรเวทมั้ย มีแค่พวกเรา แต่จะไม่มีผลไม้นะ เราก็โอเคค่ะ ไม่กินผลไม้แต่ได้เรือเป็นส่วนตัว คุ้มมาก


นามบัตรและแผนที่ของร้านนะคะ



วันที่สอง 14 มกราคม 59 ได้เวลาไปดำน้ำกันแล้ว เรือนัดเรา 09.30 น.



ที่แรกที่พาไปคือ เกาะหินซ้อนค่ะ จุดเด่นบนเกาะคือก้อนหินขนาดใหญ่สองก้อนซึ่งซ้อนกันอยู่ เป็นความแปลกที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ บริเวณรอบเกาะหินซ้อนมีแนวปะการังที่สวยงาม แต่วันที่เราไปไม่ได้ดำน้ำเพราะกระแสน้ำแรงค่า



ต่อด้วยเกาะ Bulu (ไม่แน่ใจชื่อภาษาไทยนะคะ เห็นในโบชัวร์เขียนอย่างนี้) และเกาะดงค่ะ บริเวณนี้นีโม่และดอกไม้ทะเลเยอะมาก น้ำใสที่สุด ใสกว่าทุกจุดเลย ปะการังคล้ายๆกับที่เกาะตาชัย



และตัวที่เซอร์ไพรส์สุดๆจนเพื่อนร้องกรี๊ด คือตัวนี้ค่ะ ตัวยาวมากกก ลายน่ารัก แต่พิษร้ายแรง เคยเจอที่เกาะตาชัยครั้งนึงแต่ตัวเล็กกว่านี้หน่อย น่าจะเป็นงูสมิงทะเลค่ะ ส่วนมากเค้าจะว่ายอยู่ด้านล่าง ไม่ค่อยขึ้นมาบนผิวน้ำ



เกาะผึ้ง


เกาะนี้กระแสน้ำแรง แต่มีทุ่นเชือกให้เกาะไปเรื่อยๆแนวสี่เหลี่ยม เส้นเชือกจะมีพวกหอยมาเกาะอยู่ เวลาจับต้องจับเชือกแบบปล่อยมือแล้วจับใหม่นะคะ ถ้ารูดมือจะทำให้โดนหอยบาดได้ เราโดนมาแล้วแต่เป็นเพราะน้ำแรงจนปลิว มือเลยรูดกับเชือกได้แผลมาเลย

ด้านนอกของแนวเชือกน้ำลึกมาก มองไม่เห็น เพราะกระแสน้ำแรงทำให้น้ำขุ่น พี่คนขับเรือบอกด้านนอกตรงกลางทะเลเคยมีฉลามเข้ามาด้วยนะ ฟังแล้วเพื่อนๆกลัว 55555 แต่เราก็บอกว่ามันไม่มีอะไรหรอก ใครว่ายน้ำไม่แข็งขอเตือนว่าควรใส่ชูชีพตลอดเวลา ถึงจะว่ายน้ำเก่งขนาดไหนก็จมได้ค่ะ เพราะใต้น้ำ น้ำแรงมาก ไม่เหมือนในสระ บางจุดเราว่ายไปกันเองก็เล่นเอาเหนื่อย ร่างกายต้านกับน้ำตลอดเวลา

ตอนที่เราไป มีพี่ผู้ชายจากกรุ๊ปอื่นต้องตะโกนให้ไกด์เอาห่วงยางมาช่วย เพราะว่าไม่ได้ใส่เสื้อชูชีพ อย่าประมาทเลยนะคะ ใส่ชูชีพกันเถอะ ยกเว้นใครที่ดำน้ำเก่ง free diving ตามสบายเลยจ้าา


ปะการังคุ้มค่ากับการลงจุดนี้ น้ำแรงแต่ฟินมาก


หอยเม่นเยอะมาก ตัวใหญ่ๆทั้งนั้นเลย



หอยมือเสือ



ปะการังเขากวาง



หลังจากข้าวที่ทานมาเมื่อเช้าเริ่มย่อย แรงพวกเราเริ่มหมด พี่คนขับเรือเลยพาไปที่เกาะรอกลอย เพื่อขึ้นไปทานข้าวค่ะ เกาะนี้น้ำใสมากกกกกกก ใสน้อยกว่าเกาะไข่นิดเดียว เรือจะพานักท่องเที่ยวมาแวะเกาะนี้เพื่อทานข้าวกล่องที่จัดมาให้นะคะ หิวเลยไม่ได้ถ่ายรูปมา55 ที่นี่จะห่อข้าวใส่กล่องพลาสติกเหมือนคุณแม่ห่อให้ไปโรงเรียนตอนเด็กๆ ลดการใช้โฟม ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมค่ะ เอาไปล้างได้ ดีมากๆเลย



อ่าวลิง



ที่นี่มีฝูงลิงน่ารักหลายตัว มาอยู่เองตามธรรมชาติ ไม่ดุ ไม่แย่งของ เจ้าจ๋อไม่ได้กินน้ำทะเลนะคะ พี่คนขับเรือบอกว่าข้างในเกาะจะเป็นแอ่งน้ำจืดเล็กๆ มีน้ำตลอดทั้งปี



เจ้าจ๋อ 18+


เกาะหินงาม


งามสมชื่อเลยค่ะ เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่ไม่มีหาดทรายเลยทั้งเกาะ มีเพียงหินก้อนกลมมนสีดำ บนเนื้อหินมีลวดลายเล็กๆมากมาย เมื่อน้ำทะเลซัด หินจะมีความวาว เพราะแสงที่ตกกระทบมายังก้อนหิน


นอกเหนือจากก้อนหินแล้ว เรายังสามารถพบเห็นหินปะการังสีขาวที่ถูกคลื่นลมซัดเข้าหาด กระจายปะปนอยู่กับก้อนหินได้อีกด้วย (ขออภัยติดภาพเท้ามานะคะ)



ร่องน้ำจาบัง

เป็นร่องน้ำซึ่งไหลผ่านระหว่างเกาะจาบัง และ เกาะอาดัง ใต้น้ำจะมีแท่งหินอยู่ทั้งหมด 5 ยอด มีเชือกให้เกาะเหมือนกับเกาะผึ้งเลยค่ะ แต่ตรงนี้น้ำไหลแรงมากๆ ถามว่าแรงแค่ไหนให้เอาเกาะผึ้งx10 มือหลุดจากเชือกคือปลิวแน่นอน ต้านกระแสน้ำจนแทบสิ้นชีพ ถ้าดำน้ำในช่วงน้ำนิ่งๆคงจะสบายหน่อย แต่เราดำกันในช่วงที่กระแสน้ำแรง ถ้าใครลอยไปเดี๋ยวคนขับเรือก็จะไปรับ


ปะการังอ่อนมีเกาะอยู่ตั้งแต่บนยอดกองหินไล่ลงไปจนถึงระดับลึกจนมองไม่เห็น ดาวขนนกทั้งสีดำ สีแดง มีปะการังถ้วยส้ม มีดอกไม้ทะเล มีฟองน้ำครกขนาดใหญ่ ปลาเยอะมากมาว่ายอยู่ใกล้ๆตัวเรา



วันที่สาม - 15 มกราคม 59


วันนี้เราจะไปเล่นน้ำที่เกาะอาดังกันค่ะ เดินไปขึ้นเรือที่หาดพัทยา เค้าคิด 200 บาทต่อคน/ต่อเที่ยว ไปกลับ 400 บาท .. เพิ่มอีก 50 บาทจะได้แพคเกจ C ดูซันเซ็ทพร้อมเล่นน้ำแล้ว T_T แต่เราหาข้อมูลมาก่อนว่ามีคนเคยขึ้นแค่ 100 บาทเท่านั้น คุณลุงที่ขับเรือท่านนึงใจดี บอกเราให้ไปขึ้นกันที่หน้าหาดซันเซ็ทแทน เลยตัดสินใจเดินอ้อมกลับไปอีกด้านของเกาะ ติดต่อเรือไปส่งเกาะอาดังได้แถวๆหน้าโรงเรียนนะคะ จะมีบ้านของชาวบ้านตั้งอยู่ ถ้าหาไม่เจอถามคนพื้นที่แถวนั้นได้เลยค่ะ เราติดต่อขึ้นเรือในราคา 100 บาท นัดให้เค้าไปรับกลับตอน 6 โมงเย็น

ภาพหาดซันเซ็ท วันฟ้าใส


แดดตอน 11โมงดีจริงๆ



เจ้าของเรือวันนี้หน้ามุ่ยไปหน่อย สงสัยอายกล้อง



นายแบบโดยบังเอิญ แอบถ่ายมา ขออนุญาตินะคะ



เกาะอาดังอยู่ตรงข้ามหาดซันเซ็ท ห่างกันประมาณ 800 เมตร นั่งเรือแค่ 10 นาที เกาะอาดัง ในอดีตเป็นที่ซ่องสุมของโจรสลัด ปล้นสะดมเรือ มีหาดทรายขาวละเอียด สวยงาม และมีแนวปะการังอยู่รอบๆเกาะ เหมาะสำหรับดำน้ำตื้น เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ตต. 5 (แหลมสน) บนเกาะไม่มีที่พักของเอกชนนะคะ มีเพียงบ้านพักของอุทยานแห่งชาติและจุดกางเต็นท์ หากใครรักความสะดวก สบาย อาหารหลากหลาย แนะนำพักบนเกาะหลีเป๊ะ หากใครรักความสงบ(สงบมาก) มาพักที่เกาะอาดังเลยค่ะ ที่พักถูกมาก ต้นไม้ร่มรื่น หาดสวย น้ำใส มีร้านสวัสดิการบริการอาหารด้วยนะคะ แต่จะเปิดเป็นรอบๆ


เว็บไซต์จองบ้านพักอุทยานแห่งชาติ

ttp://www.dnp.go.th/parkreserve/reservation.asp?lg=1


ระบบสาธารณูปโภค

เนื่องจากสภาพภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติตะรุเตาเป็นเกาะ จึงมีข้อจำกัดด้านระบบสาธารณูปโภค คือ

ระบบไฟฟ้า ใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา ประมาณ 18.00 - 24.00 น. ทั้งเกาะตะรุเตา และเกาะอาดัง

ระบบประปา ใช้ระบบประปาภูเขา มีให้บริการตลอดเวลา ยกเว้นใช้ช่วงที่แล้งมากๆ มีน้ำน้อย จะปิดเปิดเป็นเวลา

ตอนแรกพวกเราจองบ้านพักไว้ที่นี่ แต่เกิดเหตุสุดวิสัย ทางกรมอุทยานแห่งชาติเลยโทรมาขอทำการยกเลิกการจองกะทันหันมาก ก่อนไปแค่ไม่กี่วัน ทำให้เราต้องหาที่พักอย่างเร่งด่วน 5555



จุดชมวิวผาชะโด


มาแล้วห้ามพลาดเด็ดขาด ทางขึ้นผาชะโดอยู่ใกล้กับที่พักเลยค่ะ ในอดีตบริเวณนี้ใช้เป็นจุดสังเกตการณ์ของกลุ่มโจรสลัดเพื่อเข้าโจมตีเรือสินค้า ปัจจุบันเป็นจุดชมทิวทัศน์สวยงามของท้องทะเล จะเห็นทิวสนและหาดทรายสีขาวของเกาะอาดัง เห็นทิวทัศน์ความงามของเกาะหลีเป๊ะ และเกาะใกล้เคียง จุดวิวพ้อยท์จะมีทั้งหมด 3 จุด ใช้เวลาในการเดินประมาณ 30 นาทีค่ะถ้าขึ้นจุดแรก ไปถึงจุดสามใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ขอบอกว่าแค่จุดที่ 1 ก็เกือบตาย เพราะทางชันมากกกกก ตอนขึ้นไปเพิ่งเล่นน้ำเสร็จตัวเปียก ขากลับลงมาตรงทางชัน รองเท้าลื่น กางเกงไปโดนหินบาดจนขาด แถมแผลที่ขาเป็นทางยาวเป็นที่ระลึก เลือดไหลแค่ไหนก็ต้องเดินกลับลงจากเขามาอย่างสตรองงง ถึงจะเจ็บต้องอดทน 55 ระมัดระวังกันด้วยนะคะ


ได้แผลแลกกับวิวนี้ คุ้มค่าา


พระอาทิตย์ตกหน้าหาดเกาะอาดัง



ระหว่างนั่งเรือกลับเกาะหลีเป๊ะ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว



Walking Street


ถนนคนเดินบนเกาะหลีเป๊ะ แหล่งช้อปปิ้งยามค่ำคืน ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านเค้ก บาร์เหล้า 7-11 ร้านขายเสื้อผ้า ขายทัวร์ดำน้ำ ขายตั๋วเรือไปเที่ยวเกาะต่างๆ คลีนิก โรงพยาบาลเล็กๆ ร้านนวดแผนไทย ร้านต่างๆจะเปิดบริการตั้งแต่ 18.00-24.00 น. แต่จริงๆแล้วถนนเส้นนี้ เราสามารถมาเดินหาซื้อของได้ตลอด แต่ช่วงกลางวันจะไม่คึกคักเหมือนตอนกลางคืน

ถ่ายรูปมาแต่ร้านพิซซ่าเตาถ่านเจ้าดังบนเกาะ


คาเฟ่ต์ของโรงแรมที่เราไปพัก Harmony Bed & Bakery รสชาติดีเลยค่ะ สำหรับขนมเค้ก ราคาประมาณ 80-120 บาท



วันที่สี่ - 16 มกราคม 59


วันนี้เราต้องกลับกันแล้ว กะว่าจะตื่นมาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นวันสุดท้าย แต่ฝนดันตกตั้งแต่ตีสาม พระอาทิตย์หาย ร่มไม่มี ฟ้าปิด นอนต่อค่า

โรงแรมกำหนดเช็คเอ้าท์ตอน 11.00 น. เราสามารถฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนได้ค่ะ ตอนเที่ยงพนักงานจะเรียกให้ไปขึ้นรถ ซึ่งจะไปส่งที่หาดพัทยา เพื่อต่อเรือเข้าโป๊ะ ไปขึ้นเรือสปีดโบ๊ท โดยทางโรงแรมจะมาส่งเราที่บันดาหยา เพื่อนั่งรอเรือหางยาว


วันนี้น้ำขุ่น ฟ้าไม่ใสเท่าไหร่ เพราะฝนเพิ่งหยุดตกไปตอนสิบโมงครึ่ง



พนักงานต้อนรับ บันดาหยารีสอร์ท



เรือมารับแล้ว บ๊ายบายหลีเป๊ะ ไว้เจอกันใหม่นะ



ขากลับใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงก็ถึงท่าเรือปากบารา เพราะไม่ต้องแวะเกาะต่างๆแล้ว


หน้าต่างรถตู้ลายเต่า น่ารัก



รถมาส่งที่ตลาดกิมหยงประมาณ 6 โมงเย็น ฝนยังตกไม่หยุด หลายร้านในตลาดเริ่มปิด เราเลยหาข้าวทานกัน เห็นร้านข้าวต้มเซาะฮึ้ง สาขาแรกใกล้ๆสี่แยกแถวตลาดกิมหยง เป็นร้านข้าวต้มที่ใหญ่ และรสชาติอาหารอร่อย พอมาถึงหน้าร้านเราสามารถเลือกอาหารจากในตู้ได้เลย หากไม่มีในตู้เราสามารถสั่งต่างหากได้ค่า



สองทุ่มเราเดินหารถ taxi แดงๆที่วิ่งอยู่ทั่วตัวเมืองหาดใหญ่ คิดราคาไปสนามบิน 300 บาท แพงมากน้ำตาหนูจะไหล เพราะจำได้ว่ารถสองแถวสีฟ้าไปสนามบินแค่ 20-30 บาท taxi ปกติก็ไม่ได้แพงขนาดนี้ แต่ก็ต้องยอมจ่ายไป ฝนตก หารถลำบาก



ถึงสนามบินก็มีน้องหมาตำรวจชื่อ รีดั๊ด สุดหล่อให้เล่นแก้เบื่อ



22.20 น. บ๊ายบายหาดใหญ่ ส่งท้ายเราด้วยฝนที่ยังไม่หยุดตก ขอบคุณที่มาตกวันสุดท้าย



23.50 น. ถึงดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ



จบทริปแล้วค่า ประทับใจทริปนี้มากๆ ถ้ามีโอกาสจะไปอีกแน่นอน ยังดำน้ำไม่ครบทุกจุดเลย เราเล่าเรื่องไม่เก่งเท่าไหร่ หากผิดพลาดประการใดต้องขอโทษด้วยนะคะ ขอลากันไปด้วยรูปชาวแก๊งค์


https://www.facebook.com/loseoneisway/

เพิ่งเปิดเพจไว้ลงภาพท่องเที่ยว แวะไปทักทายกันได้ค่า

หากมีข้อสงสัยเรื่องข้อมูลต่างๆสอบถามได้ตลอดนะคะ


เจอกันใหม่ทริปหน้า

ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ

Lose One's Way

 วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 01.45 น.

ความคิดเห็น