เที่ยวดี๊ดี • traveldd ชวนเที่ยวเมืองสามหมอก " จั ง ห วั ด แ ม่ ฮ่ อ ง ส อ น "
เมื่อพูดถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอนทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไกล" ด้วยความไกลนี่แหละ ทำให้คนลุยๆอย่างผมต้องไปให้ได้!! การไปแม่ฮ่องสอนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว สิ่งที่ผมได้พบเจอในแต่ละครั้งที่มา มีความสุข บรรยากาศดี มันทำให้ผมต้องมาอีก จนรู้ตัวอีกทีคือหลงรักจังหวัดนี้ไปแล้ว
ครั้งนี้แพลนเที่ยวแม่ฮ่องสอน วันที่ 12-14 มกราคม 2562 เป็นวงกลมตามเส้นทาง 1095 นะครับ เราจะแวะเที่ยวตามสถานที่ดังนี้
📍สะพานประวัติศาสตร์ (ท่าปาย)
📍กองแลน หรือ ปายแคนยอน
📍Coffee in Love
📍ภูผาหมอก ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ่
📍ถ้ำปลา
📍น้ำตกผาเสื่อ
📍บ้านรักไทย
📍ปางอุ๋ง
📍สะพานซูตองเป้
📍วัดพระธาตุดอยกองมู
สวัสดีครับ ทริปนี้ถือเป็นทริปแรกปี 2019 ทริปนี้ผมเดินทางมายัง "จังหวัดแม่ฮ่องสอน" หรือ "เมืองสามหมอก" ที่ทุกคนเคยได้ยิน
จั ง ห วั ด แ ม่ ฮ่ อ ง ส อ น เป็นหนึ่งในหลายจังหวัดชายแดนของไทย มีอาณาเขตติดต่อกับพม่า ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกสุดของภาคเหนือ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 924 กิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 7 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ปางมะผ้า ปาย แม่ลาน้อย ขุนยวม แม่สะเรียง และสบเมย
ความโดดเด่นหลายลักษณะ โดยเฉพาะสภาพภูมิประเทศ ด้านวัฒนธรรม และจำนวนของประชากรจากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ นับเป็นจังหวัดที่สถิติน่าสนใจหลายอย่าง เช่น มีประชากรเบาบางที่สุดในประเทศ และมีประชากรน้อยมากเป็นอันดับ 5 ในขณะที่มีพื้นที่มากเป็นอันดับ 8 ของประเทศแม่ฮ่องสอนได้ชื่อว่าเป็น เมืองสามหมอก เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน สภาพอากาศมีหมอกปกคลุม ตลอดเวลาส่วนใหญ่ของปี
- วันที่ 12 มกราคม 2562 -
ทริปนี้ระยะค่อนข้างไกล ต้องใช้เวลาในการเดินทางหลายชั่วโมง เราเดินทางถึงเชียงใหม่เช้าตรู่ ผมลืมตาตื่นเจอหมอกเยอะมาก ทั้งที่เวลาตอนนั้น 6.30 น. แต่ท้องฟ้ายังมืดอยู่เลย
เรารีบจอดปั้ม ล้างหน้า แปรงฟัน ทำภารกิจส่วนตัว หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยัง อ.แม่ริม เพื่อกินข้าวเช้า เมนูเช้านี้เราได้ กินข้าวซอย ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของภาคเหนือ อดไม่ได้ที่จะไม่กิน พออิ่มเราก็พร้อมเดินทางต่อสู่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย ตั้งอยู่ริมถนน 1095 กม.ที่ 88 ก่อนเข้าสู่ตัวเมืองปาย สะพานแห่งนี้จึงเปรียบเสมือ
นประตูสู่ อ.ปาย สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทหารประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้ข้ามแม่น้ำปายและลำเลียงเสบียงและอาวุธเข้าไปยังประเทศพม่า หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง อ.ปายจึงกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง โดยหลงเหลือไว้เพียงแต่สะพานแห่งนี้ว่า “สะพานประวัติศาสตร์”
สถานีต่อไปเราแวะกินข้าวเที่ยง เวลาก็จะเที่ยงพอดี เพื่อเติมพลัง!! หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ เราพร้อมเดินทางสู่ "กองแลน" เมื่อเดินทางมาถึง เราต้องเดินเท้าประมาณ 200 เมตรก็ถึงจุดหมายแล้วครับ
กองแลน หรือ ปายแคนยอน อยู่ห่างจากตัว อ.ปายไปตามเส้นทางสายปาย - แม่มาลัย ประมาณ 7 กม. คำว่า "กองแลน" มาจากภาษาพื้นเมือง กอง หมายถึง ถนน เส้นทางที่ใช้สัญจร ส่วนแลน หมายถึง ตัวตะกวด (ตัวเงินตัวทอง) พอมารวมกันเป็น กองแลน หมายถึง เส้นทางสัญจรของตะกวดที่แคบและเล็ก
กองแลน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการถูกกัดเซาะของลมและฝน จนกลายเป็นทางเส้นเล็กๆ บนสันเขา ท่ามกลางภูเขาสลับซับซ้อน และบรรยากาศที่สวยงามคล้ายกับแพะเมืองผีที่ จ.แพร่ สามารถเดินสำรวจเส้นทางได้เป็นวงกลม ชมความสวยงามได้โดยรอบแบบ 360 องศา
เป็นไฮไลท์ยอดฮิตอันดับต้นๆ ของคนมาเที่ยวปาย สำหรับดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกในที่เดียวกัน และจุดนี้ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "ปาย อิน เลิฟ" ถึงขนาดมีป้ายมาตั้งเป็นที่ระลึกไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปเล่นแบบเก๋ๆ
เดินทางจากกองแลนประมาณ 5 กม. ก็จะถึงร้านกาแฟ "Coffee in Love" แล้วครับ ร้านอยู่ติดถนน 1095 มีกาแฟและขนมให้เราได้ลิ้มลอง พร้อมบรรยากาศสดชื่นในช่วงเวลบ่ายๆ
ภายในบริเวณร้านกาแฟ ก็จะมีมุมและพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป บรรยากาศร้านน่ารัก วิวธรรมชาติ ภูเขา ดอกไม้ เป็นอะไรที่ฟินนนน
ประมาณ 60 กม. ก็เดินทางมาถึงจุดหมายสักที " บ้ า น จ่ า โ บ่ "
สำหรับคืนนี้เรานอนที่โฮมสเตย์บ้านจ่าโบ่ ซึ่งเป็นบ้านพักของชาวบ้าน เราเช่าไว้ 2 หลัง หลังนึงนอนได้ 10 คนเลยครับ ช่างดูอบอุ่น แถมราคาไม่แพง
ถึงที่พักต่างคนต่างเก็บของ จับจองที่นอน ส่วนผมเก็บของเสร็จ เดินลงบ้าน มองเห็นกลุ่มเด็กๆ ต่อแถวกัน จึงเดินไปสอบถาม "ทำอะไรกันครับ" ได้คำตอบว่า "วันนี้วันเด็ก แจกไอศกรีมน้องๆ ผู้ใหญ่ก็กินได้ครับ" ดูรอยยิ้มและแววตาน้องๆ ช่างใสซื่อ ทุกสายตาจับจ้องไปที่คนตักไอศกรีม
มันอร่อยมากครับ 🍦
ต่อแถวเสร็จ ก็ถึงคิวผมแล้วหล่ะ ! 🍦
ร้านก๋วยเตี๋ยวและร้ากาแฟปิดแล้ว ผมไม่พลาดที่จะถ่ายภาพบรรยากาศร้านและจุดชมวิว
ร้านก๋วยเตี๋ยวและกาแฟ ใกล้ๆกันนั่นคือร้าน "Dekdoi coffee at jabo" รสชาติก็ถือว่าใช้ได้ บวกกับบรรยากาศฟินๆ ร้านนี้ปิดประมาณ 6 โมงเย็นนะ
บรรยากาศยามเย็น
เวลา 18.30 น. ได้เวลานัด ทุกคนต่างรวมกันสำหรับอาหารมื้อเย็น มื้อนี้เราได้ป้าที่ดูแลบ้านเป็นเชฟ ทุกคนช่วยตักข้าว ตักอาหาร เสิร์ฟน้ำ พร้อมรับประทาน!!!
พิเศษไปกว่านั้น วันที่ 12 มกราคม คือวันเกิดเพื่อนร่วมทริป! ผมและทีมงานได้นัดกันเซอร์ไพรส์วันเกิดให้กับพี่โอม บรรยากาศสนุก อบอุ่นจริงๆ กว่าจะได้ภาพนี้55 ผมและเพื่อนต้องเล่นละครให้สมจริง เดี๋ยวเจ้าของวันเกิดจับได้
หลังจากกินข้าวอิ่มก็ได้เวลาเล่นกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์กัน จนถึงเวลา 23:00 น. ได้เวลานอนแล้ว เพราะพรุ่งนี้เช้านัดกัน 05:30 น. เพื่อตื่นไปภูผาหมอก
- วันที่ 13 มกราคม 2562 -
ได้เวลานัดทุกคนต่างรีบตื่น ทำภากิจส่วนตัว พร้อมเดินทาง! ภูผาหมอกคือ อีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอก 360 องศาที่อยู่ในหมู่บ้านจ่าโบ่
การขึ้นไปบนภูผาหมอก จะต้องติดต่อคนนำทางในหมู่บ้านก่อนนะครับ ค่านำทางคนละ 100 บาท ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
- รองเท้าที่ใช้ แนะนำเป็นรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าที่ยึดเกาะได้ดีนะครับ - จะต้องมีคนนำทางขึ้นมาด้วย เพื่อความปลอดภัย - เตรียมน้ำดื่ม ขนม กระดาษทิชชู ติดมาด้วยนะครับ เผื่อรอเวลาชมอาทิตย์ขึ้น - ถ้าฝนตก อย่าลืมถือร่มหรือเสื้อกันฝนติดมือมาด้วยนะ
สำหรับเส้นทางจะแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ
ช่วงแรก : เป็นทางดินแดง ช่วงที่ 2 : ทางเดินลัดเลาะไปตามโขดหิน ช่วงสุดท้าย : ต้องปีนหินขึ้นไปยังจุดชมวิว
ทุกคน ต่างเฝ้ารอคอยแสงอาทิตย์ยามเช้า
แสงแรกของวันมาแล้ว...ทุกคนกดชัตเตอร์ัรัวๆ เพื่อจะได้ภาพสวยๆ 📸
บรรยากาศบนจุดชมวิว " ภู ผา ห ม อ ก "
เส้นทางลงตอนฟ้าสว่าง55 มันช่างน่ากลัวกว่าตอนขึ้นมา ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ล้มมาไม่คุ้มนะครับ
เดินมาถึงก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ่ ผมรีบสั่งก๋วยเตี๋ยวและกาแฟ เวลานั้นหิวมาก ได้กลิ่นกาแฟหอมๆ กับบรรยากาศดีๆ ฟินนนนน😊
มาถึงบ้านจ่าโบ่ ต้องมากินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงนะครับ 🍜
หมอกเริ่มลอยฟุ้งกระจายไปทั่วร้าน
ก่อนเดินทางแวะถ่ายรูปกับคุณยายเผ่ามูเซอดำ ยายน่ารักมาก ยิ้มตลอดๆ หรือเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง55 ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ออกมาเจอบรรยากาศแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเหมือนกัน มาพักบ้านจ่าโบ่ทีไร ต้องคิดถึงที่นี่ แล้วก็ต้องกลับมาอีก
ก่อนจากบ้านจ่าโบ่ ต้องถ่ายรูปกับจุดชมวิว ครั้งนี้ถือว่าครบ! จำนวน 18 คน มันจะอบอุ่นหน่อย 😊
เดินทางจากบ้านจ่าโบ่ มายังถ้ำปลาประมาณ 1 ชม. ก็ถึงแล้วครับ ผมต้องเข้ามาติดต่อเรื่องที่พักปางอุ๋ง ก็เลยถือโอกาสแวะเที่ยวชมถ้ำปลา ปลาที่นั่นเยอะมาก ตัวใหญ่มาก น้ำใส 🐟
ทางเดินไปยังถ้ำปลาจะมี 2 เส้นทาง มีทางเดินถนนธรรมาแต่จะแดดหน่อย และอีกทางเราเลือกเดินป่า เส้นทางเดินในร่มไม้ มีเนินบ้าง ไม่ถึง 500 เมตรก็ถึงจุดชมถ้ำปลาแล้ว
มาถึงแล้ว "ถ้ำปลา" เพราะมีปลาอยู่ในถ้ำ 🐠 ภายในถ้ำปลา จะมีปลาตัวโตๆ ที่อาศัยอยู่ในถ้ำ ปลาจำนวนมากนั้นคือ "ปลามุง ปลาคัง หรือปลาพลวง" เป็นปลามีเกล็ดขนาดใหญ่ในวงศ์เดียวกับปลาคาร์ฟ ถึงแม้จะมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำอันตรายเนื่องจากมีความเชื่อว่าเป็นปลาเจ้า หากใครนำไปรับประทานแล้วจะต้องมีอันเป็นไป
บริเวณใกล้ๆ ถ้ำปลา จะมีจุดบริการให้อาหารปลาด้วยครับ
ขับรถมาไม่ไกลก็เจอ "น้ำตกผาเสื่อ" ที่อยู่ข้างทางก่อนขึ้นไปปางอุ๋งและหมู่บ้านรักไทย.
น้ำตกผาเสื่อ : อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ การเดินทางไปเที่ยวน้ำตกผาเสื่อก็ไม่ลำบาก เนื่องจากน้ำตกห่างที่จอดรถเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
น้ำตกผาเสื่อ เป็นน้ำตกขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ต้นทางน้ำตกมาจากแม่น้ำสะงาไหลลงมาเป็นม่านน้ำขนาดใหญ่ลงสู่แอ่งน้ำด้านล่างแต่กระแสน้ำไม่นิ่งไม่เหมาะกับการลงเล่นน้ำ
ที่มาของชื่อ "น้ำตกผาเสื่อ" นั้นมีหลายกระแส เช่น สายน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมานั้นแผ่กว้างและใหญ่จนปกคลุมชั้นหินของตัวน้ำตกเหมือนเป็นเสื่อน้ำผืนใหญ่ หรือ ชื่อน้ำตกผาเสื่อมาจากตัวน้ำตกที่เป็นผาหินเป็นแผ่นคล้ายเอาเสื่อมาปูต่อกันนั่นเอง
เดินทางไม่ถึง ชม. เราก็มาถึง " บ้ า น รั ก ไ ท ย "
บ้านรักไทย ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นหมู่บ้านชาวจีนยูนนาน อดีต ทหารจีนคณะชาติ (กองพล 93) “ก๊กมินตั๊ง” บ้านรักไทยอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล กว่า 1,776 เมตร ทำให้พื้นที่ เหมาะสมอย่างยิ่งกับการปลูกชาพันธุ์ดี และพืชเมืองหนาว ทิวทัศน์ของ หมู่บ้านโอบล้อมไปด้วยทิวเขา แมกไม้ที่ อุดมสมบูรณ์
บ้านรักไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในเรื่องของชาและขาหมู่หมั่นโถว คล้ายกับดอยแม่สลอง (กองพลเดียวกัน) นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวที่แห่งนี้เพื่อดื่มด่ำกับการชิมชา และ ทานขาหมูหมั่นโถว บ้างก็หลีกหนี ความวุ่นวายมาหาความเงียบสบาย ของบ้านรักไทยแห่งนี้ บ้านรักไทยยังมีกิจกรรมหลายอย่างไว้ให้นักท่องเที่ยว ได้สนุกสนาน เช่น การเดินป่าศึกษาเส้นทางโดยมัคคุเทศน์น้อย พาเข้าไปชม "คุกดิน" และการขี่ม้าพาข้ามแดนไป ฝั่งพม่า ที่บ้านรักไทยยังมีเกสถ์เฮาส์ริมน้ำ (บ้านดิน) ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องกับสัมผัสกับ ธรรมชาติแบบใกล้ ชิดอีกด้วย
ลี ไ ว น์ รั ก ไ ท ย เป็นอีกรีสอร์ทนึง ที่นักท่องเที่ยวต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "จองยากมาก" ด้วยสไตล์การก่อสร้างแบบจีน บรรยากาศที่สวย ทำให้ที่นี่เป็นที่พักผ่อนของนักท่องเที่ยวเมื่อได้เยือนบ้านรักไทย
ถ้าเราไม่ได้จองที่พักของลีไวน์รักไทย เราก็สามารถเข้าไปถ่ายภาพได้ไม่เกิน 18:00 น. และห่ามส่งเสียงดังรบกวนแขกที่พัก...ไม่มีค่าใช้จ่ายนะครับ !!!
ช า ส า รั ก ไ ท ย เป็นอีกที่ที่สวยไม่แพ้ลีไวน์รักไทยเลย ด้วยทำเลรีสอร์ทที่อยู่สูง ทำให้เราเห็นบ้านรักไทยโดยรอบ
เดินทางจากบ้านรักไทย มายังปางอุ๋งใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง สมาชิกแยกย้ายกันนอนเต็นท์ เต็นหลังนึงนอนได้ 3 คน บางเต็นท์ก็นอน2 คน บางหลังก็นอน 3 คน หลังจากนั้นให้เวลาในการทำภารกิจส่วนตัว ใครจะอาบน้ำ หรือเดินชมวิวภายในปางอุ๋งได้ เวลานัด 18.00 น. เพื่อกินข้าวเย็นร่วมกัน
สำหรับอาหารเย็นมื้อนี้ บวกกับบรรยากาศเย็นๆ คงจะหนีไม่พ้น "หมูกระทะ" มันช่างเหมาะจริงๆ ภายในปางอุ๋งจะมีร้านค้าขายของใช้ส่วนตัว ขาอาหารตามสั่ง หมูกระทะ และยังมีจุดเช่าผ้าห่ม เสื่อไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว
คืนนี้มีข้าวจี่ด้วยนะ อร่อย ฟิน แซ่บหลาย อย่าบอกใคร !
- วันที่ 14 มกราคม 2562 -
บรรยากาศยามเช้า ก่อนอาทิตย์ขึ้น 🌲
หลายคนอาจจะคุ้นชื่อ "ปางอุ๋ง" แต่ไม่คุ้นชื่อโครงการพระราชดำริปางตอง 2 แต่ที่จริงแล้วก็คือสถานที่เดียวกันนั่นเอง เพราะปางอุ๋ง มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า "โครงการพระราชดำริปางตอง 2" ตั้งอยู่ที่บ้านรวมไทย ตำบลหมอจำแป่ ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนประมาณ 44 กิโลเมตรโครงการนี้เกิดขึ้นจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยพระองค์มีพระประสงค์จะฟื้นฟูสภาพป่าและระบบนิเวศบริเวณอ่างเก็บน้ำป่าตองและฝางปางอุ๋ง เพราะในอดีตสถานที่แห่งนี้ถูกบุกรุกพื้นที่เพื่อตัดไม้ทำลายป่ามาเป็นเวลานาน เมื่อสภาพป่าและระบบนิเวศกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ปางอุ๋งก็ได้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งสำคัญของแม่ฮ่องสอน
ปางอุ๋ง มีสภาพภูมิประเทศเป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อน ภูมิทัศน์ที่เป็นไฮไลท์จนถูกขนานนามว่าสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยก็คือ "อ่างเก็บน้ำหรือทะเลสาบตรงกลาง" ที่ล้อมรอบไปด้วยป่าสนสองใบสนสามใบและดอกไม้เมืองหนาว ช่วงเช้าๆ จะเห็นหมอกหนาลอยอยู่เรี่ยผืนน้ำ อากาศเย็นสบาย อากาศโรแมนติกมาก
กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมทำที่ปางอุ๋งก็คือ ล่องแพ ชมวิวและบรรยากาศโดยรอบของปางอุ๋ง เยี่ยมชมสวนปางอุ๋งของโครงการพระราชดำริที่มีจัดแสดงพืชพรรณต่างๆ ที่กลมกลืนกับสภาพภูมิประเทศบนที่สูง เป็นยาแผนไทยและให้ประโยชน์ทางด้านอาหาร เช่น อะโวคาโด บ๊วย สาลี่ พลับ นอกจากนี้ยังมีโซนสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาว เช่น ไฮเดรนเยีย พวงแสด และกุหลาบไว้ให้ถ่ายรูปสวยๆ
การเช้าชมปางอุ๋ง สำหรับคนที่ไม่ได้พักค้างแรม จะต้องนำรถไปจอดไว้ที่โรงเรียนบ้านนาป่าแปกแล้วนั่งรถสองแถวของชุมชนเข้าไปเท่านั้น
ราคาบัตรโดยสาร 50 บาท เปิดให้บริการเวลา 04.00 – 18.00 น.
สำหรับใครที่มีเวลาแล้วอยากจะพักค้างคืน เพื่อเก็บเกี่ยวบรรยากาศที่สวยงามของปางอุ๋งให้เต็มที่ก็สามารถทำได้ ขอบอกเลยว่าบรรยากาศยามค่ำคืนของที่นี่เงียบสงบและสวยงาม โดยเฉพาะใครที่ชอบดูดาว รับรองว่าจะได้เห็นดาวเต็มท้องฟ้าแบบสมใจอย่างแน่นอน แต่ถึงแม้จะได้บัตรพักค้างคืนแต่ก็สามารถนำรถเข้าออกพื้นที่ได้ในช่วงเวลา 9.00 – 18.00 น.เท่านั้น
ที่พักปางอุ๋งแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนของโครงการและส่วนของบ้านพักร่วมโครงการในหมู่บ้านที่บริหารจัดการโดยชาวบ้านรวมไทย
ส่วนของโครงการพระราชดำริปางตอง 2 จะแบ่งออกเป็นบ้านพักจำนวน 5 หลัง และมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์จำกัดที่ 50 เต็นท์ต่อวัน การจองที่พักในส่วนนี้จะต้องทำการจองล่วงหน้าไว้นานๆ เพราะที่พักจะเต็มเร็วมาก โดยสามารถโทรสอบถามราคาและจองได้ที่เจ้าหน้าที่โครงการ เบอร์โทรศัพท์ 080 847 8456 และ 087 661 8594
บ้านพักร่วมโครงการในหมู่บ้าน จะมีบ้านพักประมาณ 69 หลัง และพื้นที่กางเต็นท์จำกัดที่ 100 เต็นท์ต่อวัน ถึงแม้จะมีจำนวนที่พักเยอะกว่าส่วนของโครงการแต่ก็เต็มเร็วเช่นกัน ดังนั้นควรต้องจองล่วงหน้าเนิ่นๆ สามารถโทรสอบถามราคาและจองได้ที่ ศูนย์ศิลปาชีพจังหวัดแม่ฮ่องสอน เบอร์โทรศัพท์ 053-611244
การเดินทาง จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ใช้เส้นทางแม่ฮ่องสอน – ปาย ทางหลวงหมายเลข 1095 ถึงกิโลเมตรที่ 10 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปทางบ้านหมอกจ่าแป จากบ้านหมอกจ่าแปจะมีป้ายบอกทางไปจนถึงบ้านรวมไทย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน
แสงยามเช้าของวัน...มาแล้วว 🌤
เดอะแกงค์ ลั่นทัวร์ ณ ปางอุ๋งๆ
ลงมาจากปางอุ๋ง เราแวะไหว้พระและเดินชมสะพานไม้ไผ่ที่ วัดซูตองเป้และสพานซูตองเป้ ซึ่งเดินทางไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
เมื่อไหว้พระเสร็จ เดินรอบบริเวณวัด หลังจากนั้นเราเดินข้ามสะพานซูตองเป้ไปยังหมู่บ้าน
ส ะ พ า น ซู ต อ ง เ ป้ เป็นภาษาไทใหญ่ แปลว่า "อธิษฐานสำเร็จ" หรือบางคนก็บอกว่าแปลว่า "ความสำเร็จ" ซึ่งมีความเชื่อกันว่า หากได้มายืนอยู่กลางสะพานแล้วอธิษฐานขอความ ความสำเร็จใดๆ ก็จะพบกับความสมหวัง นับว่าเป็นสะพานไม้ไผ่ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้
วั ด พ ร ะ ธ า ตุ ด อ ย ก อ ง มู เปรียบเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ทุกคนต้องแวะเวียนไปเยี่ยมชมและสักการะพระธาตุแห่งนี้นั่นเอง
ที่นี่ถือเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาช้านาน เดิมทีวัดแห่งนี้มีชื่อเรียกกันว่า “วัดปลายดอย” แต่ต่อมาได้เปลี่ยนมาเรียกกันตามชื่อดอย ซึ่งคำว่า “กองมู” เป็นภาษาไทยใหญ่ มีความหมายถึง “พระเจดีย์” ปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองอันประกอบด้วยพระเจดีย์ 2 องค์ พระเจดีย์องค์แรกสร้านขึ้นในปีพ.ศ. 2403 โดย “นายจองต่องสู่และภรรยา” เป็นพระเจดีย์องค์ใหญ่ภายในบรรจุอัฐิธาตุของพระมหาโมคคัลลานะเถระ ที่ “พระอูปั่นเต็กต๊ะ” ชาวเมืองตองกี่ได้อัญเชิญมาจากเมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า พระเจดีย์เป็นเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ มีฐานแปดเหลี่ยมซ้อนสามชั้น บริเวณฐานประดับด้วยซุ้มพระตามทิศทั้งแปด ส่วนพระเจดีย์อีกองค์ที่มีขนาดย่อมกว่านั้น สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2417 เมื่อ “พระยาสิงหนาทราชา” ได้สถาปนาเป็นเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก ภายในพระเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุของพระสารีบุตรเถระ ซึ่งมี “พระอูเอ่งต๊ะก๊ะ” อัญเชิญมาจากเมืองมัณฑเลย์ ประเทศพม่า ลักษณะของเจดีย์จะเป็นเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ บริเวณมุมที่ฐานทั้งสี่จะมีรูปปั้นสิงห์ประดับอยู่ จากประวัติความเป็นมาของพระเจดีย์ทั้งสององค์นี้ จะเห็นได้ว่า วัดพระธาตุดอยกองมูมีความเกี่ยวพันธ์กับประเทศพม่าอยู่มากพอสมควร ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยถ้าสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในวัดที่เราได้เห็นนั้นจะมีรูปแบบอันโดดเด่นด้วยศิลปะแบบไทยใหญ่ผสมผสาน กับพม่า
นอกจากนี้บริเวณวัดยังเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลสำคัญประจำปีหลายงานของจังหวัด เช่น ปีใหม่ วันสงกรานต์ และวันออกพรรษาที่จะมีการตักบาตรดาวดึงส์ อันเป็นประเพณีที่น่าสนใจของแม่ฮ่องสอน
- จ บ ก า ร บั น ทึ ก เ รื่ อ ง ร า ว ก า ร เ ดิ น ท า ง สู่ แ ม่ ฮ่ อ ง ส อ น -
ขอบคุณข้อมูลจาก : ททท. , Internet จากหลายๆเวปไซต์ , ขอบคุณบุคคลในภาพที่ช่วยเติมเต็มรูปภาพให้มีชีวิต , ขอบคุณรถตู้จากพี่เอกที่พาไปหลายๆที่ , ขอบคุณสถานที่ต่างๆในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
#ลั่นทัวร์ #เที่ยวดี๊ดี #traveldd #ข้างหลังกล้อง#Amazingไทยเท่ #แม่ฮ่องสอน #maehongson#ประเทศไทย #thailand