230 วัน 2015-2016 เที่ยว 3 ทวีป อเมริกาใต้ถึงเอเชีย (ม้วนเดียวจบ)



บอกก่อน

กระทู้นี้โชว์ภาพบอกเรื่องราวนะ รีวิวการเดินทางแบบเจาะลึกสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ จะมานำเสนอทีหลังนะ แยกเป็นประเทศประเทศไป เพราะข้อมูลเยอะมาก





ผู้หญิงคนเดียวจะเดินทางไปอเมริกาใต้ ถ้าบอกใคร ใครก็ต้องบอกว่าบ้า แต่มันไม่ใช่แค่นั้น อาหมวยท่องโลกคนนี้ยังเดินทางไปอีก 2 ทวีป ทำไงได้ เมื่อเราตัดสินใจแล้ว เราก็ต้องรับผิดชอบการตัดสินใจของเราด้วย ถ้าถามว่ากลัวไหม ก็จะบอกเลยว่า มาก




ตัวเองก็ไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่า วันหนึ่งจะตัดสินใจออกบินเดียว ไปอเมริกาใต้ ดินแดนที่ใครๆต่างก็บอกว่า น่ากลัวและอันตราย โจรชุมติดอันดับ แรงบันดาลใจของการตัดสินใจครั้งนี้ มีแค่ภาพนี้ภาพเดียวเท่านั้น



Cr: http://travel.kapook.com/view30725.html



ทะเลสาบเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ที่โบลิเวียนั้นเอง



ครั้งแรกที่เห็นภาพนี้คือ เห้ย ที่ไหนอ่ะ โครตอยากไปเห็นด้วยตาเลย



พอรู้ว่าเป็นอเมริกาใต้หรอ ในหัวคือ เฮ้อ จะมีใครไปกับเราไหม เงินล่ะ แค่ค่าตั๋วก็แพงล่ะ หมดตูดแน่ ไปคนเดียวจะรอดไหม จะโดนโจนปล้นเยอะไหม คือคิดไว้แล้วว่าอาจจะต้องโดนแน่ๆ



แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจซื้อตั๋ว ด้วยเหตุผลเดียว คือ ต้องการกระโดดข้ามกรอบความกลัว ตอนนั้นคิดแค่ว่า อย่าให้ความกลัวมาขังตัวเราไว้ ทำงานเก็บเงิน+ เงินสปอนเซอร์จากแม่ ทริปนี้เลยเกิดขึ้น ออกตัวก่อนว่า ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ทำงานพิเศษเก็บเงินระหว่างเรียนไปเรื่อยๆ แม่ช่วยเป็นสปอนเซอร์ให้ด้วยค่ะ ไปก็ไปแบบ Backpack ซะเป็นส่วนใหญ่ โดยตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะใช้เวลา 120 วัน แต่ไปๆมาๆ ดันกลายเป็น 230 วัน



Don't Be Afraid To Travel On Your Own - อย่ากลัวที่จะเดินทางคนเดียว




สนในอ่านรีวิวอื่นติดตามได้ที่

http://a-muaytravelblog.com/


https://www.facebook.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-A-Muay-Travel-1406602899599132/?fref=ts






และแล้ววันเดินทางก็มาถึง



ตอนที่ 1 Georgia & Armenia ประเทศนอกสายตา




เริ่มทริปที่จอร์เจีย

2 ประเทศนี้เป็นประเทศนอกสายตาสำหรับเรา แต่พอได้ไปสัมผัสแล้ว ต้องบอกว่า กลับไปใหม่เหอะ



จอร์เจีย

อีกหนึ่งประเทศที่รวยน้ำใจ อาหารอร่อย ภูมิทัศน์แปลกตา




อาร์เมเนีย

ประเทศนี้ผิดคาด นึกว่าจะไม่มีอะไร แค่ระยะทางจากจอร์เจียมาอาร์เมเนียก้อทำให้เราตื่นเต้นได้แล้ว


เราได้มีโอกาสรู้จักกับดาราสาวอาร์เมเนีย เป็นเพื่อนในเฟสบุ้คกันมานานมากๆ แต่พึ่งมารู้ว่าเขาเป็นดาราเพราะแฟนเพจส่งข้อมูลมาให้ดู พบกันโดยบังเอิญ เราจ่ายเงินเหมารถแท็กซี่คันเดียวกับดาราสาวจากจอร์เจียไปอาร์เมเนีย ดาราสาวและเพื่อนเขาอาสาพาเราเที่ยวเมือง Tatev ที่อาร์เมเนีย อยู่กับเขาทั้งวัน แต่ไม่รู้เลยว่าเขาคือดารา



ได้คุยเปิดใจกันเยอะมากๆ



ขอยกบทสนทนามาบางตอน



ดาราสาว: ทำไมเธอถึงมาที่อาร์เมเนีย อาร์เมเนียเป็นประเทศเล็กๆ คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักที่นี่ด้วยซ้ำ อาร์เมเนียอยู่ส่วนไหนของโลกก็ยังไม่รู้เลย



อาหมวยท่องโลก: ฉันหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ข้อมูลน้อยมาก แต่มีหลายคนเขียนว่าประเทศนี้น่าสนใจ ฉันเลยเดินทางมาสัมผัสด้วยตัวเอง



ดาราสาว: แล้วเธอชอบที่นี่ไหม



อาหมวยท่องโลก: ชอบสิ ฉันตั้งใจไว้ว่าฉันจะเขียนรีวิวเกี่ยวกับประเทศของเธอ คนไทยจะได้รู้จักอาร์เมเนียมากขึ้น



ดาราสาว: ขอบคุณมากนะ ขอบคุณจริงๆ





นอกจากนี้เรายังได้รับน้ำใจจากคนท้องถิ่นอื่นๆอีก


อะไรที่ทำให้คนเหล่านี้ ให้ความช่วยเหลือผู้หญิงเอเชียคนนี้ ทั้งอาสาเป็นไกด์นำเที่ยวฟรี พาเราไปส่งที่ท่ารถตู้ เข้ามาคุยเล่น อธิบายเส้นทาง คำตอบนั้นคือ น้ำใจและมิตรภาพ




The kindness of strangers is my travel inspiration - น้ำใจของคนแปลกหน้าคือแรงบันดาลใจในการเดินทางของฉัน


แต่ใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรคเลย อุปสรรคแรกคือ อากาศโครตร้อน 41 องศา แดดเปรี้ยงเปรี้ยง แล้วต้องเดินเที่ยว 20 กิโลเมตรกว่าๆทุกๆวัน ต่อไปจะไม่มาจอร์เจีย หรือ อาร์เมเนีย หน้าร้อนอีกแล้ว แอบเข็ด อุปสรรคที่ 2 เป็นครั้งแรกที่ได้ลอง Hitchhiking (การโบกรถ) มีประสบการณ์ไม่ประทับใจ แต่ถือซะว่าเป็นบทเรียนในครั้งต่อไป



ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://pantip.com/topic/34050243


ตอนที่ 2


อเมริกาใต้ - แล้วเราจะเจอกันใหม่



“ถ้าเจอโจร ต้องอย่าไปสู้มัน ให้มันไปให้หมด เราต้องรอดกลับมา สู้เว้ย" นี่คือคำพูดที่บอกกับตัวเองก่อนเดินทาง



ยิ่งใกล้ไป ความกลัวดันถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ เราก็ดันไปอ่านประสบการณ์ฝรั่งทั้งหลายที่เจอโจรในอเมริกาใต้ เพื่อศึกษาทุกรูปแบบความเสี่ยง ยิ่งอ่านยิ่งกลัว ยิ่งกลัวก็ยิ่งอ่าน บ้าไปแล้ว เรา



พร้อมแล้วเราไปลุยกัน ไปทั้งที ขอลองแบกกระเป๋า Backpack แบบฝรั่งซะหน่อย หลังจะหักก็คราวเนี่ย



เตรียมตัวอย่างดี พกของมีค่าไปให้น้อยที่สุด กระเป๋าคาดเอวซ่อนไว้ใต้หน้าท้อง ซ่อนเงินในทุกจุด มีถุงซ่อนเงินมัดไว้กับกางเกงในด้วย แถมถุงผ้าซูเปอร์มารเก็ตหลายถุงเพื่อใช้สะพายหลอกโจร(ข้างในถุงผ้ามีแต่ ทิชชู่ ถ้าโจรเข้ามาก็พร้อมจะถวายให้) (ใครจะนำวิธีนี้ไปใช้ก็ได้นะ คิดเอง) สเปรย์พริกไทย สัญญาณเตือนภัยแบบพกพา โซ่หนาหลายเส้นไว้คล้องกระเป๋าตอนนั่งในรถบัส หรือวางไว้ในโฮสเทล



เริ่มต้นเที่ยวตั้งแต่บราซิล คนที่นี่ชอบปารตี้ เฮฮารักสนุก เฟรนลี่มาก เราพยายามจับกลุ่มกับเพื่อนในโฮสเทลเพื่อความปลอดภัย แต่ในหลายครั้งก็ต้องเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน





ยังได้แวะไปที่ปารากวัยด้วย เจอเพื่อนโคลัมเบีย เขาอาสาพาไป





อาร์เจนติน่า เราเที่ยวตั้งแต่เหนือจดใต้อาร์เจนติน่า 20กว่าคืนที่อารเจนติน่า


ผู้ชายหล่อมาก ขอคอนเฟริมว่าหล่อวัวตายควายล้ม และได้เจอคนใจดีอีกแล้ว ไปถึงวันแรก มีเด็กวัยรุ่นออกค่าตั๋วให้ นั่งในรถเมล์ คนขับเรียกไปเพื่อให้บัตรโดยสารเราฟรีๆ ลงจากรถเมล์ ถามทาง เขาก้อใจดีพาเดินไปส่งที่โฮสเทล ซึ่งเราพิจารณาแล้วว่าเขาไม่น่าใช่มิจฉาชีพ จึงเดินตามฮะ นั่งรถระหว่างเมือง เจอคุณป้าเข้ามาคุย ถึงคุยภาษาอังกฤษได้น้อยมาก แต่ก้อพยายามชวนเราคุย คอยเอาขนมมาให้ ถามคนโน่นคนนี่ว่าคุยภาษาอังกฤษได้ไหม จะให้คอยแปลให้เราเวลาคนขับประกาศอะไร เพราะเราคุยภาษาสเปนไม่ได้ จะบอกว่าประทับใจอาร์เจนติน่าโครต อยากกลับไปใหม่






มิตรภาพที่ได้พบเจอระหว่างทาง พวกเราไปแทรกกิ้งด้วยกัน ไปแทรคกิ้งครั้งแรก 4 วัน เกือบ 70 กิโล



เมือง ใต้สุดของโลก อูซัวย่า ใช้เวลาที่นี่นานมาก เพื่อรอนั่งเรือชม ช่องแคบบีเกิล อากาศหนาวสุดขั้ว + ลมหนาวที่นี่แรงมาก หน้าแห้งแตกกันเลยทีเดียว ทาครีมชนิดใดๆก็เอาไม่อยู่






เทรคกิ้งบนธารน้ำแข็ง หรือตามป่าภูเขาในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ เราก็ได้ไปลอง




ที่เห็นมัวๆในภาพ คือหิมะที่ตกลงอย่างแรง กระแทกเลนส์จนมัวค่ะ กล้องใครอึด ไม่อึด วัดกันที่นี่ที่เดียว




เห็นธารน้ำแข็งครั้งแรกในชีวิต ฟ้าไม่เปิดแหะ





นั่งรถลากเลื่อนไซบีเรียก็ได้ไปลองค่ะ





ไปทางเหนือของอาร์เจนติน่าบ้าง



สนใจข้อมูลแทรคกิ้งที่ El Chaten ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://pantip.com/topic/34346687จากนั้นลัดเลาะมาทางชายแดนชิลี เพื่อเข้าสู่โบลิเวีย ไปตามหาจุดหมายปลายฝัน ตอนแรกจะแวะไปเมืองหลวงชิลี แต่ด่านระหว่างอาร์เจนติน่า และ ชิลี ปิด เลยไม่ได้ไป มารู้ทีหลังว่า หลังจากออกเดินทางไปชายแดนชิลีเมืองอื่น ที่ที่เราออกมาเกิดแผ่นดินไหวค่ะ หลายคนติดอยู่ตรงนั้นไปไหนไม่ได้ นึกในใจ โชคดีแท้ไม่ไปเมืองหลวงชิลี





โบลิเวีย



5 วัน 4 คืนที่ออกตามล่า ทะเลสาบเกลือ จุดหมายปลายฝันของตัวเอง ทุลักทุเล สะบักสะบอมไปไม่ได้น้อย น้ำได้อาบแค่คืนเดียว นอนหลับไม่สนิท อากาศแห้ง ผิวแห้งแตก ครีมใดก็เอาไม่อยู่ แต่โชคดีที่เราไม่เป็น High Attitude Sickness หรือโรคที่ต้องระวังในที่สูง (เพราะ Uyuni ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล ราว 3,600 เมตรเลยทีเดียว)





ถึงจะมีอุปสรรค เหนื่อยบ้าง เพลียบ้าง แต่เราก็สู้ เพราะเรารู้ดีว่าเราทำไรอยู่ เราเป็นนักเดินทาง เราเป็น backpacker เราออกเดินทางมาเพื่อตามหาทะเลสาบเกลือ เมื่อใจเราสู้ อุปสรรคทั้งหลายกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย



จนถึงตอนนี้ ยังจดจำความรู้สึกครั้งแรกที่ได้เห็นทะเลสาบเกลือ มองไปรอบๆด้วยความสุขใจ พูดกับตัวเองว่า ในที่สุด ฉันก็ได้มาเจอแก ไม่น่าเชื่อเลย ว่าคนอย่างฉันจะกล้าบ้าบิ่นออกเดินทางคนเดียวเพื่อมาหาแก สำเร็จแล้วโว้ย




จากทริปนี้เราก็บินกลับเมืองหลวงของโบลิเวีย ซึ่งเพื่อนๆหลายคนที่เจอที่อาร์เจนติน่าเตือนเรื่องลักพาตัวนักท่องเที่ยว ที่เมืองลาปาสไว้ เราก็เที่ยวด้วยระมัดระวัง


อเมริกาใต้เปิดโลกใบใหม่ให้กับเรา ก่อนมา เราเครียด กังวลมาก เคยมีความคิดจะยกเลิกตั๋วของตัวเองด้วย แต่ท้ายที่สุดก็เลือกที่จะออกเดินทาง ทริปนี้นอกจากจะไม่เจอโจรแล้ว เรายังได้เพื่อนใหม่ ได้สัมผัสกับมิตรภาพของคนท้องถิ่น ทุกคนให้ความเอ็นดูและช่วยเหลือหญิงสาวเอเชียคนนี้อย่างดี อยากบอกว่าไม่เสียใจเลยที่ตัดสินใจมา นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญ คือ เราได้กระโดดข้ามกรอบความกลัวของตัวเอง เอาชนะใจตัวเอง และจากตรงนี้นี่เอง ทำให้เราตัดสินใจเดินทางต่อไปยังที่อื่น ติดใจการเดินทางเข้าให้แล้วล่ะ




If you are not everyday conquering some fear
You have not learned the secret of life
หากคุณไม่ได้เอาชนะความกลัวในทุก ๆ วัน นั่นแปลว่าคุณยังไม่รู้จักการใช้ชีวิตที่แท้จริง



Cr: Julian Bialowas




ตอนที่ 3 รัสเซีย & ไซบีเรีย - มันส์สุดติ่ง หนาวสุดขั้ว



ทริปรัสเซียเนี่ย ได้เที่ยวหลายช่วงเลยค่ะ ทั้งฤดูร้อน ไม้ใบร่วง และ ฤดูหนาว



เคยทำรีวิวมอสโคว์ไว้ ดูได้ที่ http://pantip.com/topic/33956691



ช่วงฤดูร้อน เราเลือกไปที่ เมืองต่างๆในรัสเซีย ชอบเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สวย ชอบเดินริมแม่น้ำเนียฟ โบสถ์หยดเลือดเนี่ย ถือเป็นสถาปัตยกรรมชั้นเอกของที่นี่เลย





เมืองอื่นๆ เราก็ไปนะ






ฤดูไม้ใบร่วง บินไปคาบสมคุรคัมชัตก้า ดินแดนแห่งภูเขาไฟ



เราไปตกปลา ล่องเรือชมภูเขาไฟ เดินเทรคกิ้งบนภูเขาหิมะ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปชมน้ำพุร้อน




ล่องเรือตกปลา ท่ามกลางภูเขาไฟ ภูเขาไฟพวกนี้ยังไม่ดับนะ บางลูกพึ่งประทุไปปีที่แล้ว แต่ไม่อันตราย ชาวบ้านเขาบอกมา






ตอนตกได้ปลาตัวแรก ดีใจมาก ร้องบอกใหญ่เลยว่า ฉันตกได้ ฉันตกได้ แต่ดึงไม่ขึ้น เพราะหนักมาก คุณลุงต้องมาช่วยดึง (คุณลุงท่านนี้ตกปลาเก่งมาก แกตกได้ตลอด)



เทรคกิ้งบนภูเขาน้ำแข็ง และไปชมน้ำพุร้อน อยากจะบอกว่ายากมาก เพราะทางลื่น น้ำแข็งเกาะ หิมะหนามาก เป็นครั้งแรกที่เทรคกิ้งบนหิมะด้วย เหนื่อยมากๆ ลื่นตกไปรอบนึงด้วย แต่ผ่านมาได้ เพราะผู้ใหญ่รัสเซีย 2 คน คอยช่วย สาธิตและสอนวิธีการเดิน คนหนึ่งอยู่ข้างหน้า คนหนึ่งอยู่ด้านหลัง เดินรอ ดูเราตอนเดิน ต้องขอบคุณน้ำใจของเขาทั้ง 2 คน ผ่านมาได้เพราะพวกเขาเลย





ถึงเวลาบอกอำลา คัมชัตก้า และเดินทางต่อไปไซบีเรีย ฤดูหนาวพอดี ไปลองดูกันว่าจะหนาวขนาดไหน

ออกเดินทางไปไซบีเรียแล้วนะ





ขาดไม่ได้คือ สเบียง ไม่พ้นม่าม่า และโรซ่า




ขบวนรถไฟต่างๆ


ขบวนมอสโคว์ -อูลานบาตอร์ - ปักกิ่ง นั่งขบวนนี้ไปเมือง Ulan - Bator ค่ะ ได้นอนคนเดียวในโบกี้ เพราะนักท่องเที่ยวน้อย



มาดูขบวนรถไฟสไตย์รัสเซียบ้าง



ขบวนรถไฟจากฝั่งมองโกเลีย มาครั้งนี้ได้ลองทุกขบวนเลยคร้า





วิวจากรถไฟทรานไซบีเรีย ได้มีโอกาสนั่ง 2 รอบ ไปกลับ รัสเซีย - มองโกเลีย อยากบอกว่าวิวสวยมาก นั่งมองไม่เบื่อเลย






จุดหมายปลายฝันที่รัสเซีย - ทะเลสาบไบคาล -ทะเลสาบที่ลึกที่สุดในโลก


อากาศหนาวสุดขั้ว กลางเดือนพฤศจิกายน อากาศติดลบไป 30 แล้วคร้า




อีกหนึ่งน้ำใจจากคนรัสเซีย เราจองห้องนอนรวม แต่เจ้าของให้นอนห้องเดี่ยวแต่จ่ายในราคาห้องรวม




ดูภาพเมืองอื่นๆ ที่รถไฟทรานไซบีเรียผ่านกันบ้าง ถ้าคนขี้หนาวไม่แนะนำให้มาเที่ยวไซบีเรียในช่วงหน้าหนาว เพราะมันหนาวมาก เอามือออกจากถุงมือนานๆไม่ได้เลย รู้สึกเหมือนมือจะขาด หนาวขนานนั้นจริงๆ



ร้านกาแฟน่ารัก แนว มีเยอะเชียว




เจอคนรัสเซียใจดีอาสาพาชมเมืองอีกแล้วค่ะ]




มีวันหนึ่งอยากเดินเล่นสำรวจเมือง เรานั่งรถเมล์ไปข้างนอกเมือง และลงกลางทาง เดินเรื่อยชมบ้านเมืองไปเรื่อย ท่ามกลางอากาศติดลบ 15 หนาวนะ แต่อยากเดินเล่นไปเรื่อยๆอ่ะ รู้ตัวอีกทีก็มายืนตรงสะพานนี้ซะแล้ว เดินอยู่ข้างนอกประมาณ 6 ชั่วโมงได้ มันคือความสุขเล็กของการเที่ยวคนเดียว อิสระดี คิดอยู่ว่า ถ้ามากับเพื่อนและชวนเพื่อนมาติ๊ดกันแบบนี้ เพื่อนอาจปฎิเสธ 555+ คงจะบอกกับเราว่า ปล่อยเมิงบ้าไปคนเดียวล่ะกัน



แสงสุดท้ายของวันนั้น


มันส์สุดติ่ง หนาวสุดขั้ว คือคำนิยามที่เราให้กับรัสเซีย และ ไซบีเรีย






ตอนที่ 4 มองโกเลีย - ลองไปใช้ชีวิต Nomadic life



เมื่อ มามองโกเลีย สิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องไม่พลาดคือ ไปใช้ชีวิตแบบ Nomad Life และ ต้องไปเหยียบทะเลทรายโกบี คนอื่นๆอาจจะไปอยู่เกอแค่คืนเดียว หรือไปมินิทะเลทราย(ทะเลทรายขนาดเล็กกว่าโกบี ใช้เวลาไม่นานจาก เมืองหลวง สามารถไปทริป 2 วัน 1 คืนได้ แต่ถ้าเทียบกับทะเลทรายโกบีแล้ว ทะเลทรายโกบีสวยกว่ามาก ทริปทะเลทรายโกบี ต้อง 5 วันขึ้นไป) แต่อาหมวยท่องโลกไปลุยในทะเลทรายโกบี และใช้ชีวิตแบบ Nomad Life ถึง 8 วัน 7 คืนเลยทีเดียว จากนั้นก็ได้ Slow Life ที่เมืองหลวงของมองโกเลีย 12 วัน ตะเวนกิน เดินเล่น ไปเดินตลาด สำรวจว่าผู้คนใช้ชีวิตอะไร ชอบทำอะไรกัน เป็นโปรมแกรมเบาๆมาก








ทะเล ทรายโกบี ของจริงสูงมาก ตัวเองขึ้นไปได้แค่ครึ่งทาง ขึ้นต่อไม่ไหว นั่งมองเพื่อนๆขึ้นไปแทน เพราะน้ำหนักกล้อง หรือน้ำหนักตัวเองว้า ขาสั้นด้วยมั๊ง ไว้คราวหน้าต้องกลับไปแก้แค้น





"Travelers never think that they are the foreigners." – Mason Cooley
นักเดินทางที่แท้จริงไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนต่างถิ่น




เคยทำรีวิวเกี่ยวกับวิถีชีวิต Nomad ชนเผ่ามองโกเลียไว้ค่ะ ดูได้ที่ http://pantip.com/topic/34437703







ตอนที่ 5 ไครเมีย - เงินติดตัว 50 บาท



นั่งรถไฟทรานไซบีเรียจากมองโกเลียกลับมาที่มอสโคว์ แล้วบินต่อไปไครเมียค่ะ ได้ผจญภัยตั้งแต่วันที่ 2 ที่บินไปถึงเลยทีเดียว แต่จากเหตุการณ์นี้ เราก็ได้รับน้ำใจจากคนท้องถิ่นเยอะมาก อยากรู้ว่าผจญภัยอะไร อย่างไร ไปอ่านต่อตามนี้นะ


http://pantip.com/topic/34526541

(ภาค 2+3 คงจะได้ออกเร็วๆนี้มั๊ง)





ตอนบินกลับไปมอสโคว์ พนักงานเปลื่ยนตั๋วเราให้ไปนั่งชั้น Bussiness ซะงั้น งงมากค่ะ ไม่ถามเหตุผลนะว่าทำไมถึงเปลื่ยน ถามแค่ว่า ไม่เสียเงินใช่ไหม 555 มันคือประเด็นสำคัญค่ะ


ถึงแม้ว่าจะเจอปัญหาเยอะมากที่ไครเมีย ทั้งไฟฟ้าดับทั้งเมือง สัญญาณเน็ตและโทรศัพท์ไม่มี กดเงินจากเอทีเอ็มไม่ได้ ไม่มีเงินกินข้าวเพราะกดเงินไม่ได้ แต่ก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง จะว่าไปประสบการณ์ที่ไครเมียก็สนุกไปอีกแบบค่ะ ยิ้มเข้าไว้แล้วโลกจะสดใส



ไม่มีการเดินทางใด ไม่มีอุปสรรค แต่ในอุปสรรคนั้นๆ มักจะมีความโชคดีอยู่บ้าง



กระทู้รีวิไครเมีย ภาค 1 http://pantip.com/topic/34526541





ความตั้งใจในตอนแรก คิดไว้ว่าจะนั่งรถไฟทรานไซบีเรียจากมองโกเลีย เข้าสู่จีน แล้วไปเวียดนามต่อ แต่ตอนนั้นที่จีนมีปัญหาเรื่องมลพิษจากโรงงานอย่างหนัก + เราเริ่มอยากกลับบ้านแล้ว คิดถึงอาหารสแซ่บๆของไทยอย่างสุดๆๆ เลยตัดสินบินจากมอสโคว์เข้าสู่เวียดนามค่ะ



ตอนที่ 6 เวียดนาม + ลาว



ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปแค่ฮานอย และซาปา แต่พอไปถึงแพลนเปลื่ยนหมด ไม่ไปซาปา แต่เที่ยวตั้งแต่ ฮานอย (เวียดนามเหนือ ไปถึงเวียดนามใต้) เที่ยวแบบ Slow Life เที่ยวไป 3 อาทิตย์กว่า

ชอบหลายเมืองในเวียดนามมาก ฮานอย เว้ ฮอยอัน ดานัง ดาลัด มุยเน่ นาตรัง แต่โฮจิมินท์ไม่ค่อยประทับใจซะเท่าไหร่



มีเพื่อนเวียดนามอยู่ทั้งที่เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ เพื่อนเขาเลยอาสาพาเที่ยว เมืองฮานอย ฮอยอัน ดานัง และ มุยเน่



ชวนเพื่อนเวียดนามไปถ่ายรูปค่ะ เมืองฮอยอันเนี่ยเป็นสตูดิโอถ่ายรูปได้เลย






เมื่องอื่นๆบ้าง





มาทั้งที ต้องขี่ลุยทะเลทราย ตอนลงจะบอกว่า ไม่ไหวค่ะ หัวใจจะวาย ต้องให้พี่เขาช่วยหนูพาลง คือมันสูงมากอ่ะ





อาหารเวียดนามจัดว่าอร่อยมาก เราได้ไปชิมร้านเด็ดๆของคนท้องถิ่นเลย ต้องขอบคุณเพื่อนเวียดนามที่แนะนำและพาไปนะคะ



เฝอ(ก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม) ที่อร่อยที่สุดในฮานอย เพื่อนเวียดนามพาไปค่ะ





แหนมข้างทางที่ฮอยอัน เด็ดอีกแล้ว





ที่โฮจิมินท์ไปเที่ยวเอง ไม่ค่อยประทับใจบ้านเมือง แต่อาหารยกนิ้วให้ กินไรก็อร่อย


มีอีกเยอะ ไว้มาเปิดกระทู้แนะนำร้านเด็ดในเวียดนาม





เรื่องเพิ่มเติม

วันที่ 18 ธันวาคม เรา ทราบข่าวจากอินเตอร์เน็ตว่าที่ดาลัดมีแม่คะนิ้ง รีบเอาข่าวให้เจ้าของโฮสเทล ดูบอกว่าอยากไปที่นี่ เจ้าของจัดแจงหาไกด์ส่วนตัวให้ โดยไกด์แนะนำว่าให้ไปแต่เช้า สวยกว่ามาก ไกด์มารับตั้งแต่ตีห้าขับมอเตอร์ไซต์พาไป แต่พอไปถึงคือ ไม่มีแม่คะนึ้งแล้ว ถามว่าผิดหวังไหม ก็นิดๆนะ แต่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของการท่องเที่ยว นึกซะว่ามาชมวิวล่ะกัน



เอาภาพมาให้ชมกันเล็กน้อย



ในวันที่ไม่มีแม่คะนิ้ง ถ้ารู้ข่าวเร็วกว่านี้ คิดว่าอาหมวยท่องโลกก็ได้เก็บภาพมาให้ชมกัน รู้ช้าไป 2 วันเองค่ะ

เหตุการณ์ที่เวียดนามทำให้นึกถึงประโยคนี้เลย



"A good traveler has no fixed plans, and is not intent on arriving." – Lao Tzu
นักเดินทางที่ดีย่อมไม่มีแผนการเดินทางที่แน่นอน และไม่ได้ตั้งใจที่จะไปถึง




ได้แวะเที่ยวลาวด้วย ก่อนเข้าสู่หนองคาย



แต่ก่อนจะถึงลาว เจอประสบการณ์สยอง นั่งรถบัสนอนจากเว้มาเวียงจันทน์ กว่าจะถึงนานอยู่ เพราะรถบัสนอนขนของระหว่างทางด้วย มีเราคนเดียวเป็นคนต่างชาติ ข้อพวกนี้ผ่านไป สบายมาก เจอมาหมดแล้ว ทุกรูปแบบความลำบาก



แต่มาสยองตรงที่ว่า รอบๆที่นอน เป็นรังแมลงสาบค่ะ แมลงสาบอยู่ด้านข้างที่นอน ข้างหน้าต่าง ใต้ที่นอน ข้างหลังที่นอน โอ๊ย กรี้ดร้อง ดีนะคะที่ตัวไม่ใหญ่เท่าที่ประเทศไทย พอเริ่มมืด มันออกมาเต็ม ยั้วเยี้ยเต็มเลย ต้องเอาน้ำพรมที่นอน กะข้างๆที่นอนเพื่อไม่ให้มันเข้าใกล้ ตื่นมากลางคืนทีไหร่ ต้องคอยพรมน้ำตลอด จนเสื้อเปียกไปหมด เพราะพวกมันออกมาเรื่อยๆๆ



ประสบการณ์สยองครั้งนี้จำขึ้นใจ





มาดูภาพเมืองเวียงจันทน์กันดีกว่าเหนาะ เปลื่ยนบรรยากาศกัน





ต่อไปจะเข้าสู่ประเทศไทยแล้ว ไปเที่ยหนองคายกัน


ตอนที่ 7 หนองคาย - ครั้งแรกที่ได้เห็นทะเลหมอก



มาหนองคายเพื่อชมทะเลหมอกค่ะ โดยตอนแรกตั้งใจว่าจะไปอุดรและบินกลับกรุงเทพเลย แต่ลองหาข้อมูลดู พบว่าที่หนองคายมีทะเลหมอกด้วย เอ่อ เราก็ไม่เคยเห็นเหนาะ เลยตัดสินใจแวะเที่ยวหนองคายค่ะ



มีปัญหาเรื่องที่พัก เพราะที่พักแบบโฮมสเตย์เต็ม เหลือแต่เตนท์ ได้รับคำแนะนำจากแฟนเพจภูห้วยอีสันเลยได้รู้จักกับโฮมสเตย์บ้านม่วง ความจริงโฮมสเตย์บ้านม่วงที่พักก็เต็มค่ะ แต่เจ้าของใจดีหาที่ให้เรานอน อยู่ในบ้านที่เดียวกับเจ้าของค่ะ




อาหารไทยแท้ๆมื้อแรกในรอบกี่ล้านปีก็ไม่รู้ค่ะ เชื่อไหมค่ะ สั่งกระเพราะหมูกรอบไข่ดาวติดกันถึง 4 วัน อร่อยอ่ะ บ้านม่วงโฮมสเตย์ทำอาหารอร่อยทุกอย่างเลย




เจ้าของใจดี แบ่งส้มให้ทาน



Slow life in หนองคาย



เป็นการชมทะเลหมอกครั้งแรกของตัวเองที่ไทย ไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยจะมีที่สวยๆแบบนี้ ใช้เวลา 3 วันเพื่อเก็บภาพทะเลหมอก วันแรกไม่เจอทะเลหมอก ฝนตก วันที่สอง เจอทะเลหมอกแต่ฟ้าปิด วันที่สามเจอแดด ฟ้าเปิด แต่ไม่มีหมอก 555+ คงอยากให้เรากลับไปใหม่







ตอนที่ 7 ไต้หวัน - ทำไมเราพึ่งเจอกัน



ขอยืมคำพูดกาละแมร์มาใช้ เพราะรู้สึกอย่างนั้นจริง บ้านเมืองเป็นระเบียบ ผู้คนน่ารัก แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ ชอบปิ้งกระจาย ขนมอร่อย ถึงแม้ว่าตอนไปอากาศจะไม่ค่อยเป็นใจก็เหอะ แต่โดยรวมแล้วคือชอบมาก



ทริปนี้เราไปหาสถานที่แนวๆ สวยๆ วิทเทจ เพื่อฝึกถ่ายรูปเพื่อนและเรา เป็นทริปเดียวในครั้งนี้ที่ไม่ได้มาแบบ Backpack เป็นทริปที่ออกเดินทางพร้อมเพื่อน และเป็นทริปที่ได้แต่งตัวสวยๆบ้าง อารมณ์รักสวยรักงานตามแบบฉบับผู้หญิงเหนาะ







บทสรุป



I am not the same, having seen the moon shine on the other side of the world.
ฉันไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปหลังจากที่ได้เห็นโลกอีกด้านนึง



เราเชื่อว่า ไม่ว่าคุณจะเดินทางแบบไหน ที่ไหนอะไร ระยะสั้นหรือระยะยาวก็ตาม คุณจะได้อะไรกลับไปจากการเดินทางทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพ เสียงหัวเราะ รวมไปถึงบทเรียนจากความผิดพลาดของเรา นอกจากนี้คุณจะได้ภูมิคุ้มกัน ภูมิคุ้มกันอะไร? สำหรับเราคือภูมิคุ้มกันที่จะทำให้เรากระโดดข้ามขีดจำกัดและความกลัวของตัว เอง ไม่ว่าจะคุณจะมีขีดจำกัดอะไรก็ตาม ต่อให้ช้าหรือเร็ว คุณต้องกระโดดออกไป ออกไปรักษาและฉีดวัคซีนป้องกันตัวเอง สำหรับคนขี้กลัวอย่าเรา วัคซีนที่ดีสุดคือการเดินทางเท่านั้น ออกไปรู้ ออกไปเห็น ออกไปลำบาก ออกไปสัมผัสด้วยตัวเอง



การเดินทางครั้งนี้เปลื่ยนเราเป็นอีกคน จากคนขี้กลัว ขี้กังวล ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ สามารถเอาชนะใจตัวเอง กระโดดข้ามกรอบความกลัวและขีดจำกัดของตัวเอง สิ่งที่เราไม่เคยคิดจะทำ กลัวที่จะทำ เรากับได้ลองทำในทุกๆสิ่ง ตั้งแต่ออกเดินทางไปอเมริกาใต้คนเดียว เทรคกิ้งบนภูเขาและธารน้ำแข็ง นั่งรถไฟทรานไซบีเรีย 2 รอบ ไป-กลับ ใช้ชีวิตอยู่กับชาวบ้านชนเผ่า Nomad จนไปถึง การเดินทางไปคาบสมุทรคัมชัสก้า ซึ่งยังไม่เคยเห็นคนไทยคนไหนเคยไป การเดินทางครั้งนี้เปรียบเสมือนวัคซีนที่รักษาเราจนหายดี ให้แรงบันดาลใจใหม่ๆในการใช้ชีวิต นึกถึงทริปครั้งนี้ทีไหร่ หัวใจพองโตทุกที



รอติดตามทริปรีวิวแต่ละประเทศนะคะ

อาหมวยท่องโลก

 วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 12.42 น.

ความคิดเห็น