สวัสดีท่านผู้อ่านทั้งหลายนะคะ ห่างหายไปนานเนื่องจากเก็บตังเที่ยวอยู่ 5555
ตอนนี้เก็บได้แว้วววว เลยจาหนีฝุ่นละอองกรุงเทพไปเที่ยวใต้แปบนร้า
ทริปนี้เป็นทริปแห่งความฝันของเราเบยยยย ไปเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น กุ้ยหลินเมืองไทย
อยากรู้จริงนักว่าจะสวยงามแค่ไหน ตามไปดูเร้ยยยยยย
วันที่เดินทาง 17 - 19 มกราคม 2562 นะจ่ะ เดินทางขาไปโดยสายการบิน ไลออนแอร์ ที่ยังสามารถโหลดกระเป๋าได้ 10 กิโลอยู่ ไฟท์ที่เราเดินทางคือ 8.50 น. ถึง สุราษประมาณ 10 โมงนะจ่ะ แต่!! ไลออน ดีเลย์ค่ะคุ้นนนนน กว่าจะถึงก็เกือบ 11 โมงละ ทริปนี้ไปกะปาป๊าและมาม้า ก็คล้ายๆพาสว.(สูงวัย) เที่ยวล่ะเนอะ ก็จาสบายๆๆ นิดนึง
นี่คือรถที่เราเหมาไว้ 3 วัน พี่คนขับคิดวันละ 1,500 บาท ไม่รวมน้ำมันนะจ่ะ จริงๆ ต่อเค้ามาล่ะได้ราคานี้ ถ้าใครสนใจก็ติดต่อได้นะคะมีเช่าขับเองด้วยนะคะ ชื่อพี่พิชิต โทร 082-286-1277 หรือดูได้ที่เว็บไซต์นี้นะคะ www.เวียงทองรถเช่าสนามบินสุราษฎร์ธานี.com ช่วยขายของพี่เค้าบริการดีมากค่ะ
มาถึงแล้วก็ลุยกันเร้ยยยยยย สายมากแล้ว 5555 สถานที่แรกที่เราแวะกันก็ คือ สวนโมกขพลาราม เป็นที่ๆ ท่านพุทธทาส ภิกขุ อยู่และยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่ร่มรื่นมากกกกกก มีพระประจำอยู่ เดินๆๆ เข้าไปก็นั่งฟังเทศน์ฟังธรรมได้นร้า จริงๆ เค้าจามีลานหินโค้งไว้สำหรับนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมไรงี้ ก็แปลกตาต่างจากวัดทั่วไปอยู่เหมือนกันล่ะ ลองดูรูปข้างล่างนี้และแวะไปกันนร้า เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงสุราษนะจ่ะ
ตรงนี้ด้านในจะเป็นที่เก็บรวบรวมสิ่งของ หนังสือ คำสอนต่างๆ ของท่านพุทธทาส นะคะ หาอาคารตรงนี้ให้เจอแล้วเข้าไปดูไปกราบท่านพุทธทาส กันด้วยนะคะ อ่อ ลืมบอก ป้ายด้านหน้านี่ พระท่านบอกว่า มีเลขมงคลอยู่นะ ลองหาดูว่าเลขอะไรนะ อิอิ..
เราจำชื่อ สถานที่ข้างบนไม่ได้แล้วอ่ะ รู้แต่ว่าข้างในมีรูปวาดเล่าเรื่องเกี่ยวกับคำสอนของศาสนาพุทธอ่ะนะ ตอนยืนๆๆ มองอยู่ ก็มีพระเดินมาสอนธรรมะให้ฟังด้วยนะ เป็นคำสอนที่ดีเลยล่ะ
นี่เป็นคำสอนของท่านพุทธทาส ภิกขุ ซึ่งมีคนบอกว่าเป็นลายมือของท่านเองนะ เขียนสวยจริงๆ เลย อยากจะบอกว่าที่นี่ไม่มีการทำกิจกรรมเชิงพาณิชย์เลย บริจาคไรงี้ ไม่มีจ่ะไม่ต้องบริจาค ทำให้รู้สึกว่าเป็นสถานที่ที่มาแล้วสบายใจ เป็นพุทธธรรมของแท้จริงๆ สาธุ อย่าเพียงแต่วิ่งผ่านไปเฉยๆ นะ ลองแวะกันดูสักนิดค่ะ
ซึ้งในรสพระธรรมกันแล้วก็ไปไหว้พระกันต่อเลยจร้าาาาา มาไชยาเค้าว่าต้องกินไข่เค็ม แต่ป่าว เรามาไหว้พระต่างหากล่ะ
วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ตั้งอยู่ที่ ตำบลเวียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี พระบรมธาตุไชยาเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แค่นี้พอเราไม่เน้นสาระ 5555 เนื่องจากวันที่เราไปเป็นวันพฤหัส คนก็จะน้อยๆๆ นิดนึง สบายใจเที่ยววันธรรมดา
แดดแรงเว่อจนเราเลิกถ่ายรูป 5555 วัดทางใต้จะเน้นแบบไม่ปรุงแต่งมากนัก คือ สร้างเรียบๆง่ายๆ ไม่อลังการตามสไตล์คนใต้ล่ะนะ แต่สำหรับเรา เราว่าก็คือวัฒนธรรมของเค้าล่ะที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิมก็ให้มันยังคงอยู่ของมันต่อไปเรื่อยๆ อ่ะดีแล้ว เพราะบางทีการพัฒนาเร็วไปเราก็วิ่งตามไม่ทัน เหนื่อยป่าวๆ เน๊อะ บ่นไรนักหนา ไปเที่ยวต่อดีก่า ฟิ้วววววว
ไม่ต้อง งง ไม่ต้อง งง ตอนนี้เรามาอยู่กันที่หมู่บ้านพุมเรียง ซึ่งมีการทอผ้าไหมด้วยมือ เน้นว่าด้วยมือนะจ่ะ เห็นมั้ยว่า ภาคใต้ของเราก็มีการทอผ้าไหมเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันนี้หายากมากแล้วกับการทอผ้าโดยใช้แรงงานคน ยังดีที่ยังมีการอนุรักษ์อะไรแบบนี้ให้รุ่นหลังๆ ได้เห็นกันบ้าง
เอ่อ ลืมไปอย่างหนึ่ง ลืมถ่ายผ้าที่เค้าทอเสร็จแล้วมาให้ดู 5555 แต่ละลายก็สวยๆๆ ทั้งนั้นเลยนะ เลือกชมเลือกซื้อกันได้เลยนะที่ หมู่บ้านพุมเรียง อย่าลืมแวะมาชมมาอุดหนุนงานฝีมือของคนไทยกันนร้า เราก็ได้มา 1 ชิ้นด้วยล่ะ ช่วงนี้กำลังฮิตผ้าไทย 55555
บ่ายๆๆๆ เที่ยวกันจนบ่ายจะเย็นละ อยากบอกว่าการมาเที่ยวโดยมีคนท้องถิ่นพาเที่ยวนะ มันดีจริงๆ เบยยย เพราะที่ๆ เราไม่เคยไป เราก็จะได้ไป การอ่านรีวิวอย่างเดียวบางทีก็ทำให้เราพลาดบางสถานที่ไปได้นร้า แต่เราก็ยังต้องอ่านรีวิวเหมือนเดิมล่ะน่ะ แค่เพิ่มเติมบางอย่างลงไป
ฝนตกกกกก ยิ่งนึกถึงทีไรก็ยิ่งชุ่มฉ่ำ อุ่นในหัวจายยยยย พอเราเข้าเมืองสุราษฯ เท่านั้นล่ะ ฝนตกจร้าาาา ไหว้ศาลหลักเมืองสุราษฯ กันแบบเปียกๆๆ นี่ล่ะจร้า ฟ้าในรูปก็จามืดๆๆ หน่อยน้า บางทีก็สงสัยนะว่าทำไม ศาลหลักเมืองต้องเป็นสีขาวกันทั้งนั้น แต่ก็ให้มันสงสัยต่อไปเถอะ 5555
เรามาแวะไหว้ศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนเข้าที่พัก ซึ่งที่พักคืนนี้ของเราคือ โรงแรมmyplace@surat ที่ตั้งใจจองโรงแรมนี้เพราะว่าอ่านมาว่าอยู่ใจกลางเมือง สามารถเดินทางได้สะดวกและก็สะดวกสบายจริงๆๆ เราจองผ่าน booking.com มาล่ะ
จองไว้ 2 ห้อง เพราะห้องนึงพักได้แค่ 2 คน ไม่มีเตียงเสริม เสียใจ ต้องนอนคนเดียว ห้องพักเราเป็นแบบดีลักซ์เตียงใหญ่ ราคา 590 บาท มั้ง ส่วนอีกห้องเป็นดีลักซ์เตียงแฝด ราคา 650 บาท มั้ง ถ้าไม่จำสลับกัน 55555 เอาเป็นว่าที่พักผ่านอย่างแรงส์ กลางเมือง สะดวกสบาย ที่สำคัญสะอาดจริงๆ ขอกลิ้งๆ แปบนึงและจะพาไปเดินตลาดศาลเจ้า ผัดไทที่โด่งดัง เรามาตามหาคู้นนนนนนนน (มันบ้ารึป่าวเนี่ย)
ป้ายตลาดอยู่ไหนไม่รู้ ไม่ตามหา รู้แต่หิว แวะซื้อโตเกียวก่อนละกัน อร่อยเหมือนกันนะ แต่สิ่งที่เสียใจที่สุดเลยในวันนี้ คือ ผัดไทท่าฉาง ไม่ขาย ย้ำ!!! ไม่ขาย ทำไมต้องหยุดวันที่เรามา ฮือๆๆๆๆ เก็บความเสียใจเอาไว้และไปกินบะหมี่เกี๊ยว ตามป๊ากะแม่ 5555 แต่เค้าบอกกันว่า ผัดไทซีฟู้ด อีกเจ้าที่อยู่หลังตลาดก็อร่อยนะคะ เราไม่ได้ชิมแต่ทุกคนลองไปชิมกันดูนะว่าจริงอ่ะป่าว
เรากลับมาที่บะหมี่เกี๊ยวแห้ง กันค่ะ บะหมี่เส้นใหญ่ๆ ใส่พริกป่น น้ำตาลและถั่วป่นมาให้เรียบร้อย ไอ้เราก็งง ว่าไม่ได้สั่งยำนะพี่ แต่กินๆไปเถอะ สงสัยเป็นสูตรของเค้า แต่ก็ดีนะไม่ต้องปรุงเลย อิ่มแปล้ละ ไปตามหาอะไรกลมๆๆ ย่างๆๆ ที่อ่านรีวิวมาดีก่า
เค้าเรียกเนื้อปลาทอดมันย่าง นะยะ ขาย 5 ไม้ 20 บาท อะไรจะถูกขนาดนั้นนนน ก่าจะหมุนๆๆ จนมันสุกก็ลำบากละ คนรอคิวเยอะเว่อๆ เอ่อ รสชาดหรอคล้ายห่อหมกผสมทอดมัน 5555 ก็แปลกดี ลองซื้อกินเล่นกันได้คร้าาาา กลับเถอะเหนื่อยละ ง่วงนอนแว้ววววว พรุ่งนี้ก็ต้องตื่นมากินอีก 55555
เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน ตื่นไปกินแต่เตี๊ยมกันเถ๊อะ พี่คนขับจามารับตอน 8 โมงนะยะ
เสรีแต่เตี๊ยม ที่เลือกร้านนี้เพราะ ใกล้ที่พัก 5555 ไม่ใช่ๆๆ เพราะคนท้องถิ่นแนะนำมาว่าถูกและดี ก็ต้องลองซะหน่อย ว่าจริงอ่ะป่าว
อะไรจาเยอะปานนั้นนนนน ใครจาเลือกถูกล่ะค้าาาา แต่เตี๊ยม หรือ ติ่มซำ ในกทม.นั่นเอง ที่นี่ขายเข่งละ 18 นะจ่ะ หยิบๆๆ เห็นไรน่ากินก็หยิบหมดอ่า แล้วพนักงานก็จาเอาไปนิ่งร้อนๆ ละมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะเบยยยยย
และแล้วก็ลงมือจัดการกับแต่เตี๊ยมที่อยู่ตรงหน้าได้เบยยยยย ชาร้อนแบบโบราณที่ใฝ่ฝัน อร่อยเว่อๆๆๆๆ (แกอดอยากมาจากไหนเนี่ย) อิ่มละเตรียมตัวไปเขื่อนกันดีกว่า
ป้ายต้อนรับและบรรยากาศที่ท่าเรือ ระหว่างรอเรือค่ะ เรามาถึงเร็วไปหน่อย 5555 ถ่ายรูปวนไปค่ะ ในตัวเมืองสุราษ หรือตลาดเกษตรมีรถตู้ของพันทิพย์มาส่งที่ท่าเรือนะ สำหรับคนที่ไม่ได้มารถส่วนตัวค่ะ ต่อไปเราจะให้ภาพบรรยายแทนแล้วกันนะ อิอิ...
เขาสามเกลอ ที่เค้าว่าเป็นจุดยอดฮิต ที่ต้องมาให้ถึงนะคะ ถ่ายมาได้แค่นี้ล่ะ ขนาดเป็นวันศุกร์นะ ยังเจอชาวต่างชาติเยอะแยะเบยยยย สงสัยมีคนคิดเหมือนเราล่ะ เที่ยววันธรรมดาสบายใจ 55555
เราซื้อแพคเกจจากแพที่พัก โดยเพิ่มเงินเป็นเรือส่วนตัว และเราได้ฝากชีวิตไว้กับกัปตันเรือของเราเอง น่ารัก เป็นกันเอง ถ่ายรูปนานก็ไม่ว่าอะไรเบยยยยย ไปชมกันต่อเรยค่ะ
และแล้วก็มาถึงแพภูผาวารี ซึ่งเป็นที่พักของเราในคืนนี้นะค้าบบบบ มาถึงก็หิวเพราะเที่ยงแว้วววว จัดเรยดีก่า อาหารกลางวันมี ไข่เจียว ต้มยำ แกงส้มปลากด ใบเหลียงผัดไข่ ส่วนมื้อเย็น มีแกงส้มหน่อไม้ ผัดผักรวมมิตร ไข่เจียว ปลาทอด ความดีงามคือ กับข้าวเติมได้ไม่อั้น ยกเว้นปลาทอดของมื้อเย็น ซึ่งไม่ต้องเติมหรอกเพราะตัวใหญ่มากกกกกกกกก ผลไม้ประจำถิ่นคือ สัปปะรดกับแตงโม นะค้าบบบบ
กิจกรรมของเราในช่วงบ่าย ซึ่งในห้องพักไม่มีไฟฟ้า เพราะยังไม่ปั่นไฟ คือ การพายคายัค นั่นเอง เอาจริงๆ เกือบไม่รอด 555555 เพราะพายไม่เป็น ดีนะได้ปาป๊าบังคับทิศทางให้ ไม่งั้นก็วนๆๆๆ อยู่ในน้ำล่ะ
โปรแกรมที่นี่เค้ามีพาไปดูพระอาทิตย์ตกกับพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าด้วยนะ บอกเลยว่าต้องมาเห็นด้วยตาเถอะ เพราะแค่รูปมันไม่ฟินเท่าตาเรามองหรอก ที่เขื่อนนี่ไม่สัญญาณใดๆๆ ทั้งสิ้นเลยนะ ตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย ก็ดีนะทำให้เราได้ใช้เวลากับตัวเอง กับคนที่เรารักและรักเรา ไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ และอยู่กับธรรมชาติซึมซับความบริสุทธิ์ปล่อยให้สมองโล่งๆๆ ใช้ชีวิตช้าๆๆบ้างก็ดีเหมือนกันนะ ตอนกลางคืนดาวเยอะมากเลยคร้าาาา แต่ถ่ายไม่ติด 55555
กลับบ้านเรารักรออยู่ บ๊ายบาย เขื่อนเชี่ยวหลาน สมกลับชื่อ กุ้ยหลินเมืองไทย จริงๆๆ เขื่อนที่รายล้อมไปด้วยภูเขาหินปูน อยู่ในที่พักเหมือนมีภูเขาโอบล้อมไว้ ฟินเฟ่ออออออ ไม่รู้จะบรรยายยังไงให้เห็นภาพมากกว่านี้ เอาเป็นว่า มาเที่ยวเถอะ เคยมาแล้วก็มาอีกได้ ถ้าไม่เคยมาก็ชวนเพื่อน ชวนครอบครัว ชวนแฟนมากันนะคร้า ถ้าอยากได้ที่พักดีๆ ลองดูที่พัก แพภูผาวารี ราคาไม่แพง อย่างเราไป 3 คน คนละ 3,000 บาท ได้เรือส่วนตัว หรือลองเข้าดูในเวบไซด์ก็ได้นร้า http://phupha-waree.com/ ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆๆ ทั้งสิ้น แค่ดีแล้วอยากบอกต่อเท่านั้นเอง
ฝากแปะราคาเรือแบบเหมาลำ เผื่อใครอยากไปกันเองโดยไม่ซื้อแพคเกจนร้า
เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นเขื่อนที่กว้างใหญ่มากกกกกกก และวิวสันเขื่อนก็สวยมากเช่นกัน
เดินข้ามสะพานแขวนที่ข้างหลังเป็นภูเขาหัวใจ ก็จะเจอกับตลาดๆๆ ที่จะมีเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์นะจ่ะ
ชวนบ้านในชุมชนก็จะนำของมาขายกัน ราคาไม่แพงและก็อร่อยด้วยนะ ลองเดินข้ามไปแล้วแวะไปชมไปชิมกันนะคร้าาาา
อาชีพหลักของคนใต้ ปลูกต้นยางและกรีดยาง ตั้งแต่มาสุราษ ผ่านแต่สวนยางทั้งน้านนนนน เชื่อละว่าปลูกเยอะจริงๆๆ นี่ล่ะวิธีกรีดยาง ไม่รู้จะอธิบายยังไง 55555
กว่าจะได้รูปนี้มาต้องแลกกับหยาดเหงื่อและความอึด 55555 เดินขึ้นเขาสิ่คุณ ถึงแม้จะมีบันไดแต่เหนื่อยชิหายเบยยยยย เพราะแคบและชัน กลัวตกชะมัดแต่กัดฟันไหนๆก็มาแล้วต้องขึ้นถึงน่ะ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็อยู่ที่นั่นล่ะ อุทยานธรรมเขานาในหลวง เราท้าให้คุณมาขึ้นเจดีย์ให้ครบสี่องค์ ซึ่งตอนนี้เค้ากำลังรับบริจาคเพื่อสร้างเจดีย์องค์ที่ห้าอยู่นะคะ ขอบคุณตัวเองที่ไม่หมดแรงซะก่อน ดีละป๊ากะแม่รู้สังขารตัวเองเลยไม่ขึ้นมา 55555
เราต้องกลับแล้วล่ะ เวลาเที่ยวนี่มันเร็วจังเลยเน๊อะ ไม่เห็นเหมือนตอนทำงาน อุ๊ย!! พูดอะไรไป ขากลับเราบินโดยสายการบินแอร์เอเชีย ไฟท์ 19.55 น. ถึงดอนเมืองประมาณ 3 ทุ่มมั้ง แต่ พี่คนขับผู้ใจดี พาเราไปกินข้าวก่อนกลับที่ร้าน ภูณิศา จำผิดป่าวว้าาา บอกเลยว่าวิวสิบล้านอ่า ซึ่งเป็นวิวแม่น้ำตาปี และอาหารราคาปกติมากกกกกก แถมอร่อยมากอีกด้วยนะ กราบขอบคุณที่พาไปร้านวิวดีงามแบบนี้ค่ะ
ไปจริงๆๆ ละ แต่ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะซื้อของฝาก ร้านแม่จิตร นะคร้า เอกลักษณ์คงเป็นถุงสีเหลืองที่เด่นมาก เห็นถือกันเต็มสนามบินเบยยยยยย พนักงานน่ารัก บริการดีเยี่ยมมากค่ะ หลงรักสุราษฎร์ธานีซะแล้วสิ่ ไว้เจอกันใหม่นร้า
ปล. อุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายภาพ กล้อง canon eos m3 และ IPhone XR ไม่ได้แต่งภาพใดๆเพราะแต่งไม่เป็น 5555
** ถ้าไม่กล้าลอง เราจะไม่มีทางรู้ว่ามันดีไหม แค่กล้าที่จะลองก็เท่านั้นเอง **
ฝากติดตามรีวิวอื่นๆ ด้วยนร้า
Instagram : tour_komm
ตัวกลม
วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.42 น.