สวัสดีทุกๆคนค่ะ ห่างหายไปนาน แบบนานมากๆ ทริปนี้จะพาหม่อมแม่ไปสานฝันอีกแล้ว

ว่าจะไปหลายปีแล้ว ไม่มีโอกาสซักที รอบนี้หาเหตุผลและโอกาสได้แล้ว

เพราะช่วงนี้ กรุงเทพมหานครนั้น เจอควันพิษปกคลุม เราเลยหาโอกาสไปพักผ่อนชิวๆ กับธรรมชาติซักหน่อย



จริงๆเมืองเชียงตุง ประเทศพม่า หรือเมียนมาร์นั้นก็อยู่ไม่ไกลจากไทยมากนัก จากกรุงเทพ เราลงแพลนไปลงเครื่องบินที่เชียงราย แล้วก็นั่งรถจากสนามบินเชียงรายไปที่ด่านแม่สาย จังหวัดเชียงรายได้เลย



วิธีการไปเที่ยวเมืองเชียงตุง มีด้วยกัน2 วิธี .

1. ใช้passport + ขอวีซ่าท่องเที่ยวพม่า ตอนนี้ราคา1,600บาท แบบนี้แค่จ้างคนขับรถฝั่งพม่าก็เที่ยวได้แล้วค่ะ คนขับรถก็พาเราเที่ยวตลอดทริป

ค่าใช้จ่ายสำหรับรถพร้อมคนขับ (คนขับจะเป็นไกด์พาเราเที่ยวในตัว) ชะนีไป4 คน ใช้รถคันเล็ก 2,500บาท รวมน้ำมันค่ะ ถ้าไปหลายคนรถตู้ก็ประมาณ 3,000บาท รวมน้ำมัน ค่ะ



2. แบบไม่ขอวีซ่า ใช้เพียงบัตรประชาชน แล้วไปทำเรื่องที่อำเภอก่อน แต่แบบนี้จำเป็นต้องจ้างไกด์ วันละ 1000บาท ค่ะ



แล้วแต่ใครจะสะดวกใช้แบบไหนนะคะ ส่วนเราเลือกที่จะขอวีซ่าไปเองไม่ต้องยุ่งยากค่ะ



ได้เวลาเดินทางกันแล้ว วันนี้เราบินไท์เช้ากับ Thai Lion Air โชคดีว่าจองตั๋วก่อน ไม่งั้นโดนยกเลิกน้ำหนักกระเป๋าแล้ว

ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็เดินทางถึงสนามบินเชียงรายกันแล้ว รักกระเป๋าเสร็จ ก็เดินออกมา แล้วเลี้ยวไปทางขวาเพื่อไปวิน Taxi

ค่าโดยสารจะเป็นมาตรฐานค่ะ ไม่ต้องกลัวโดนโกง จากสนามบินเชียงราย มาหน้าด่านแม่สาย ประมาณ60กิโล ใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมงกับ15นาที ค่ารถอยู่ที่ 650บาทค่ะ



ก่อนจะข้ามด่านแม่สาย ก็ให้แท๊กซี่จอดที่โรงพักแม่สาย เพื่อแวะทานข้าวที่สวัสดิการแม่บ้านตำรวจ จากนี้เดินไปด่านแค่100เมตร อย่างน้อยๆเราต้องเติมพลังกันก่อนเพราะไม่รู้ข้ามด่านไปต้องเดินทางต่ออีกยาว เรียกๆง่ายว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง



ทานข้าวเสร็จก็เดินมาที่ด่านแม่สาย ด่านตรวจคนเข้าเมืองขาออกจะถามเราเลย มีวีซ่าไหม ก็เปิดวีซ่าให้เค้าดูเลยค่ะ ว่าขอวีซ่าพม่ามาเรียบร้อยแล้ว พอผ่านด่านไทย เราก็เดินตรงไปเรื่อยๆ จะเจอ อ้ายจายหลวง (คุณลุงคนขับรถของเรารอรับอยู่)

เสร็จแล้วคุณลุงก็จะเอาPassport เราไปทำเรื่องและแจ้งตม.พม่าค่ะ ว่าเราจะเข้าไปเที่ยวเมืองเชียงตุง ใช้เวลาไม่นานเราก็ได้เวลาเดินทางกันต่อแล้วค่ะ เย็นๆเจอกันนะจ๊ะ เชียงตุง

เราข้ามด่านแม่สายมา ก็จะเป็นท่าขี้เหล็ก บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน ใหญ่โตกว่าเก่า คุณพ่อตื่นเต้น คุยไม่หยุด เดินทางมาประมาณ 1ชม.กว่าๆก็จะมีด่านศุลกากรและตม.อีก คนขับรถก็ต้องลงไปแจ้งว่าจะพานักท่องเที่ยวไปเที่ยว ชื่ออะไรบ้าง กี่คน ประมาณนี้ค่ะ แล้วเราก็เดินทางกันต่อ



ใช้เวลาเดินทางกัน3 ชม.หน่อยๆ ก่อนถึงเมืองเชียงตุง เราก็แวะไหว้พระกันหน่อย แถวนี้เค้าเรียกว่าปางควาย พอเดินลงจากรถ

โอ้โห้ ทำไมอากาศหนาวขนาดนี้ ลมแรงด้วย

หินอ่อนขาวแกะสลักจากเมืองมัณฑเลย์ ทุกรูปจะมีคนถวายทำบุญบริจาคให้กับวัดค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าวัด แล้วพอนักท่องเที่ยวมาแกก็จะพาเดินชมพร้อมกับเล่าประวัติต่างๆให้พวกเราฟัง

ร้านกาแฟสด คนชงกาแฟ เป็นชนเผ่าลาหู่

นี้คือรถที่พวกเราจะใช้สำหรับทริปนี้ วันละ2,500บาท รวมน้ำมัน เรามากัน4คน รวมคนขับเป็น5คน

ชงลาเต้ร้อนได้ละมุนลิ้นมากๆค่ะ

ลากันไปด้วยวิวนี้ เดินทางสู่เมืองเชียงตุงกันต่อ

ใช้เวลาประมาณ 4 ชม.นิดๆเราก็เดินทางถึงซักที เมืองเชียงตุง แต่ก่อนเราจะทานมื้อเย็นเราต้องไปตม.เมืองเชียงตุงกันก่อน ให้คนขับรถไปแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าพาเราเดินทางมาถึงเืองเชียงตุงแล้วนะ แล้วก็ไปทานอาหารจีนกันก่อน เข้าพัก

ทานข้าวเสร็จใกล้ๆโรงแรมก็จะเป็นวัดเจ้าหลวง หรือวัดพระมหามัยมุนี แวะไหว้ก่อนซะหน่อย เข้าไปติดทองได้เฉพาะผู้ชายนะคะ

ข้างๆวัดจะมีของโปรดหม่อมแม่ขายด้วย ข้าวกั้นจิ้น หรือทางเชียงตุงจะเรียกข้าวเงี้ยว ถูกมากเลย 3ห่อ 500จ๊าด 10บาทเอง

ปกติถ้าอยากกินตอนอยู่ไทย เจ้าประจำจะอยู่ที่พระธาตุดอยเวาที่แม่สาย แต่ที่แม่สายจะขายห่อละ10บาท

ได้เวลาพักผ่อนกันแล้ว ต้องรีบเข้านอนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปตลาด

อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่ 2 ของทริป วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่เช้ามืด เช้านี้อากาศหนาวมาก อุณหภูมิประมาณ12องศาเท่านั้นเอง แต่ละวันตลาดจะเปิดไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเดินทางมาถึงเมืองเชียงตุง จะต้องเช็คก่อนว่าพรุ่งนี้ตลาดเปิดที่ไหน คนที่นี้จะเรียก ตลาด ว่ากาด


วันนี้เราจะเดินทางไป กาดถ้ายกัน ตลาดนี้จะอยู่นอกเมืองประมาณ 10กิโล ระหว่างทางไปหมอกลงมาหนามาก ถนนก็เส้นนิดเดียว พระอาทิตย์ค่อยๆฟ้าค่อยๆสว่าง วิวทุ่งนาสองข้างนอก สดชื่นดีจริงๆ

แวะซื้อถั่วเน่าก่อน เจ้านี้คนรุมเยอะ ที่เมืองนี้ยังใช้กิโลแบบโบราณอยู่เลย เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะพาไปดูวิธีทำกัน

ปลาสดๆก็มีนะจ๊ะ

แม่ค้าก็เยอะ ขายทุกสิ่ง คนมาตลาดกันแต่เช้าเลยค่ะ

ของทอดก็มี

บอกแล้วว่าคนแน่นตั้งแต่เช้ามืด หมอกลงมาหนามาก

ขนมหวานก็มีนะจ๊ะ

หม่อมแม่ลองก่อนเลย ข้าวซอยเมืองเชียงตุง (ก๋วยเตี๋ยวหน้าหมู)

เอาหม้อเบอร์ไหนดีจ๊ะ มีทุกขนาด ก็บอกแล้วตลาดนี้มีทุกสิ่ง

กลับจากตลาด ก็ทำงานกันเลยจ๊ะ เดินเข้านาไปทำงานกันแล้ว

กาดกลางนา

เมื่อเช้าที่เราไปกาดถ้ายเราก็ต้องผ่านที่นี้ แต่มันมืดมากๆ เราเลยเลือกที่จะไปตลาดใหญ่ก่อน ขากลับก็เลยแวะดูซะหน่อย

เพิ่งจะ 7โมงครึ่งเอง ตลาดวายหมดแล้วค่ะ คนที่นี้ตื่นกันตั้งแต่เช้ามืดเลย ตลาดนี้จะเป็นทางเดินตรง ไม่ใหญ่มากค่ะ

วัดพระธาตุจอมคำ หรือแปลเป็นไทย วัดพระธาตุจอมทอง

เพราะคำ แปลเป็นไทยว่า ทอง ค่ะ เดินมาด้านหลังของเจดีย์จะสามารถเห็นวิวเมืองเชียงตุงได้ทั้งเมือง

แถมสามารถมองเห็นพระชี้นิ้วอยู่ไกลๆด้วยค่ะ



กาดหลวง

ตลาดนี้ถือว่าเป็นตลาดใหญ่ของเมืองก็ว่าได้ค่ะ ใหญ่สมชื่อจริงๆค่ะ ตลาดจะเปิดตั้งแต่ 6.00-14.00น.ค่ะ เราเลยไม่ต้องรีบมาก

มาเดินสายๆก็ได้ ตลาดก็จะจัดเป็นโซนต่างๆ แยกๆกันไปค่ะ

มาแลกเงินได้ที่ตลาดเลยค่ะ ที่นี้โชว์เงินกันเป็นเรื่องปกติมากค่ะ นี้เห็นยังตกใจเลย ว่าเงินเยอะแยะ โขว์กันแบบนี้เลยหรอ

ในตลาดนี้มีร้านแลกเงินแบบนี้อยู่หลายเจ้าค่ะ ถือเงินหยวน เงินบาท เงินดอลลาร์มาแลกได้หมดเลย ส่วนวันนี้เราเงินบาทมาแลก เรทเงินอยู่ที่ 47.5 บาท (1000จ๊าดเงินพม่า หาร 47.5 เท่ากับ 21บาท)

มาตลาดเจอข้าวกั้นจิ้นอีกแล้ว เจ้านี้ทานร้อนๆอร่อยมาก

คุณพ่อไปเที่ยวเมืองไหน ก็ไม่พ้นซื้อใบชากลับมาตลอด ยอดใบชาเมืองนี้ก็หอมไม่แพ้กัน

มากาดใหญ่ต้องไม่พลาด โรตีโอ่งนะจ๊ะ

หรือจะทานข้าวผัดก็ได้นะ

เราไปเดินโซนกับข้าวเมืองกันบ้านดีกว่า แกงกะด้าง เหมือนวุ้นเลย อร่อย เป็นขาหมู

ร้านนี้ สารพัดน้ำพริกเลยค่ะ มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย

ที่นี้เหรียญ รูปีก็ยังมีให้เห็น แล้วยังใช้กันอยู่ด้วย ใครอยากดูมาดูได้นะคะ แม่ค้าใจดีให้ดู

ใครอยากได้ผ้าถุง สไตล์ไทใหญ่ ก็มาเลือกซื้อได้นะจ๊ะ ราคาชุดละประมาณ900บาท

สุสานเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุง

เจ้าอู่เมือง บุตรในเจ้าจายหลวง ณ เชียงตุง เจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงพระองค์สุดท้าย กับนางจันแก้วมหาเทวี

เจ้าอู่เมือง ให้เราจุดธูปไหว้กู่บรรจุอัฐิของเจ้าฟ้า ทั้ง9กู่ แล้วก่อนกลับแกก็บอกอีกว่า ไว้มาเยี่ยมใหม่นะ

ดอยเหมย

เรียกได้ว่าเป็นที่เที่ยวยอดฮิตที่มาถึงเมืองเชียงตุงแล้วต้องมา ความสูงของดอยนี้ก็พอๆกับดอยตุงที่บ้านเรา ระหว่างทางจะมีที่แวะถ่ายรูปวิว



พระธาตุบนดอยเหมย

ดอกซากุระ หรือดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่เชียงตุงจะบานเร็วกว่าบ้านเราค่ะ เค้าจะบานประมาณช่วงปีใหม่

สมัยก่อนดอยเหมยนี้เป็นที่พักตากอากาศของนายทหารอังกฤษ ที่มาปกครองเมียนมาร์ ทำให้เรายังคงเห็นสิ่งปลูกสร้างสไตล์ตะวันตกอยู่หลายอย่าง แต่ปัจจุบันเป็นเขตของทหาร เราทำให้เข้าชมได้เพียงไม่กี่แห่ง

สะพานสีรุ้ง

ข้าวเที่ยงเราก็ทานร้านอาหารชาวบ้านของหมู่บ้านนี้แหละ ทานข้าวเสร็จ อ้ายจายหลวง ก็พาเราไปดู บ้านหลังคาดินขอ

หนองตุง



กาดฟ้า

เช้าวันที่สาม เราก็ตื่นกันแต่เช้ามาเดินตลาดกันอีกแล้ว ตลาดนี้อยู่ห่างจากเมือง10กิโลกว่าเช่นกัน แต่ไปคนละทางกับตลอดเมื่อวาน

ตลาดนี้ไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ แต่คนก็แน่นเหมือนกัน

หมู่บ้านทำถั่วเน่า

เลยตลาดไปนิดนึงก็จะเป็นหมู่บ้านทำถั่วเน่าขาย (ถั่วเน่า นี้ อารมณ์เหมือนกะปิที่คนภาคกลางจะมีติดแทบทุกบ้านเลย) ถั่วเน่าคือ เป็นเครื่องปรุงทำจากถั่วเหลืองคนภาคเหนือบ้านเรา จะใช้แทนกะปิเลย ใส่แกงใส่กับข้าว วิธีการทำถั่วเน่ามีหลายขั้นตอนมาก ตั้งแตการหมัก ต้ม ปั้น ตากแห้ง กว่าจะได้กินแต่ละแผ่นใช้เวลาหลายวันอยู่นะ เพราะวิธีการทำของเค้า ใช้สองมือเนี่ยแหละทำ ไม่มีเครื่องเข้ามาช่วยค่ะ



หลังหมู่บ้านมีนาให้เดินเล่น สีเสื้อคงจะสดไป วัวมองใหญ่เลย

แล้วเราก็ขึ้นไปไหว้เจดีย์เก่าแก่บนเขา แต่จำชื่อวัดนี้ไม่ได้แล้วค่ะ แต่วิวบนนี้สวยมาก

หมู่บ้านหนองเงิน

Supermarket เคลื่อนที่ เราจะเห็นมอไซค์แบบนี้เยอะมาก ขึ้นเขาไปตามหมู่บ้าน ขายกันยังหน้าประตูบ้านกันเลยทีเดียว

ต้นยางนา อายุ250กว่าปี ต้นไม้คู่เมืองเชียงตุง ปลูกโดยพระอลองพญา ขนาดต้นประมาณ10 คนโอบ

เครื่องเขิน สไตล์เชียงตุง ราคาอาจจะสูงกว่าทางพุกามหน่อย เพราะใช้ทองคำเปลทำ



Kabar Aye Pagoda

เจดีย์นี้ผู้หญิงสามารถไหว้ด้านนอกได้นะคะ แต่ไม่สามารถเข้าไปในเจดีย์ได้

ทางผ่านหมู่บ้าน ลาหู่ เราเลยแวะซื้อขนมไปแจกเด็กๆกัน

คนแก่ส่วนใหญ่จะฟันเป็นสีดำค่ะ ลองให้เค้ายิ้มให้ดูก็แปลกดี

วัดกลางหุบเขาเลยค่ะ มีลำธารไหลผ่านด้วย ถนนจะสุดแค่เขตวัดแล้วค่ะ ไปต่อไม่ได้แล้ว จะสังเกตได้ว่าวัดนี้เณรเยอะมากๆ เนื่องจากสมัยก่อนหมู่บ้านที่เราผ่าน ชนเผ่าลาหู่ จะนับถือผี ตอนนี้เริ่มเข้าวัดแล้วเอาลูก เอาหลานมาบวช เจ้าอาวาสให้อยู่ฟรีกินฟรี และได้เรียนหนังสือกันด้วย



ขับรถผ่าน เหมือนมีงานอะไรอยู่กลางทุ่งนา เราเลยให้อ้ายจายหลวงขับรถเข้าหมู่บ้านไปดู สรุปเข้าจัดงานเพราะเจ้าอาวาสเพิ่งมรณภาพไปได้ไม่กี่วันนนี้เอง ชาวบ้านเลยพาไปดู ที่เค้าจะจัดพิธีเผาศพ เค้าบอกวันงานคนจะมากันแน่นทุ่งนานี้เลย สงสัยคนจะเยอะมากจริงๆ



วัดพระชี้นิ้ว หรือ วัดจอมสัก พระพุทธรูปองค์ใหญ่ยืนชี้นิ้วอยู่บนยอดเขาสูง พระพุทธรูปยืนศิลปะพม่าที่ใหญ่ที่สุดในเชียงตุง

วัดอินทบุปผาราม อายุกว่า 500 ปี เก่าแก่กว่าวัดที่เชียงใหม่อีกนะเนี่ย ตามตำนานเล่าว่าพระอินทร์ได้มาช่วยสร้าง เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปเยอะที่สุดในเมืองเชียงตุง



กุฎิเจ้าอาวาส สไตล์ตะวันตก แต่หลังคาเป็นสไตล์ไทใหญ่

ขอแวะชมวัดจีนในเมืองเชียงตุงหน่อย เดินขึ้นบันไดไปชั้น3

ใกล้เมืองเชียงตุง ก็จะมีบ่อน้ำพุร้อน เลยแวะต้มไข่กินหน่อย

ที่นี้เหมือนเป็นที่พักผ่อนของคนเมืองเชียงตุง มีแต่คนมานั่งปิคนิคทานข้าวกัน



แวะหา อ้ายจายหลวง (ชื่อเหมือนลุงคนขับรถเรา) แต่คนนี้เป็นดีไซน์เนอร์ที่ออกแบบชุดออกงาน ดังของเมืองนี้

เราเลยแวะหาแล้วคุยกันนิดหน่อย สุดท้ายก็ได้ผ้ากลับมา จริงๆชุดมีเยอะมาก แต่ช่วงนี้มีงานโชว์ที่ย่างกุ่งเค้าเลยขนไปที่เมืองย่างกุ้งหมดแล้ว



วัดพระแก้ว กลางเมืองเชียงตุง

วัดหัวข่วง ก็ใกล้ๆกับวัดพระแก้ว อยู่ตรงวงเวียนวัดพระมหามัยมุนี

ประตูป่าแดง

ประตูเมืองสมัยก่อน มี12ประตู แต่ปัจจุบันเหลือเพียงประตูเดียว



จบท้ายด้วยของกินสำหรับทริปนี้ เรียกว่าทริปตัวแตกก็ว่าได้ ลองทุกอย่าง ชอบทุกอย่าง

นี้เป็นครั้งแรกที่ของกิน พิซซ่าเชียงตุง อารมณ์เหมือนปากหม้อบ้านเรา

มื้อเที่ยงระหว่างกลับด่านแม่สาย

จบทริป ไว้เจอกันใหม่นะ เชียงตุง เมืองเล็กๆที่น่ารักและมีเสน่ห์ในตัวเองมาก อยากให้ทุกคนมาเที่ยว มาสัมผัสวิธีชีวิตของคนเมืองนี้

เมืองนี้เหมือนทำให้เราย้อนกลับไปในอดีตของเมืองเชียงใหม่บ้านเรา ผู้คนยิ้มแย้ม คุยกันรู้เรื่อง เพราะภาษาที่นี้จะคล้ายๆภาษาเหนือบ้านเรา อาหารก็อร่อย ทริปนี้หม่อมแม่กับคุณพ่อ Happyสุดๆ อากาศก็หนาวเที่ยวสนุกมาก

ส่วนนี้คือนามบัตร อ้ายจายหลวงนะคะ ค่ารถ2,500-3,000 ต่อวัน รวมน้ำมันแล้วค่ะ

หรืออยากใช้ไกด์ ก็ติดต่ออ้ายจายหลวงได้เลยค่ะ เที่ยวสนุกครบทุกรสค่ะ



ชะนีน้อยตะลอนทัวร์

 วันพฤหัสที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 20.46 น.

ความคิดเห็น