เบื่อนอนบ้าน ก็ไปนอนแช่อ่างที่โรงแรมในกรุงบ้างก็ได้

<3 ความสุขของสาวๆ รวมทั้งเป็นความสุขของเราด้วยนะ 💋

กับอีกช่วงเวลาหนึ่งของการพักผ่อนที่ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกลๆ ก็เข้ามาพักผ่อนในโรงแรมในกรุงกันค่ะ

💥 Hotel Muse, Bangkok (โฮเทล มิวส์ แบงค็อก)

https://www.facebook.com/hotelmusebkk/

ที่นี่มีอ่างสวยๆ ให้เรานอนแช่น้ำตีฟองสบายๆ พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ

ที่นี่มีห้องพักแบบคลาสสิค เตียงนุ่มๆ ให้เราได้มานอนเล่นเปลี่ยนบรรยากาศ

ที่นี่มีห้องอาหารอิตาเลียนที่อร่อยมาก ที่เราได้ชิมมาหลายเมนูแล้วอยากบอกว่า อร่อยถูกปากมาก

ทั้งที่ปกติไม่ค่อยสันทัดเรื่องอาหารแนวนี้

แต่อาหารที่นี่เค้า เค้าจะแทรกความร่วมสมัยเข้าไปทำให้อาหารอิตาเลี่ยนที่นี่มีสีสันไม่ซ้ำใคร

ทั้งหน้าตาอาหารที่สวยน่ารับประทาน ผสมผสานกับเทคนิคการปรุงพิเศษจากเชฟระดับ 5 ดาว

ที่ติดอันดับ top 3 ร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ อีกด้วยค่า 😳

เกริ่นมานิดหนึ่ง อยากเห็นแล้วใช่ไหมคะ กับโรงแรมที่ได้รับรางวัล Best Bangkok Boutique Hotel

รีวิวนี้ เราจะพาทุกคนไปรู้จักกันมากขึ้น


👉 ที่เราชอบคือ ชอบการตกแต่งและดีไซน์ของโรงแรมนี้ค่ะ ตอนเข้าไปเช็คอินจะงงๆ หน่อยมันมืดๆ

เราก็ไปตอนเย็นด้วย และตามองไม่ค่อยเห็น 555 ห้องพักทีนี่สไตล์ยุโรปผสมผสานดีไซด์ในช่วงยุคทองของรัชกาลที่ 5

การตกแต่งได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะโครงสร้างสถาปัตยกรรมจากยุโรป

การเดินทางมายัง Hotel Muse, Bangkok ของเราคือ BTS สะดวกสุดล่ะ

โรงแรมนี้อยู่กลางกรุงใกล้ BTS ชิดลม สามารถเดินลง BTS ทางออก 4

แล้วเดินเข้าซอยหลังสวนได้เลย เพียง 450 เมตรค่ะ หรือโทรเรียกรถตุ๊กตุ๊กของทางโรงแรมมารับส่งก็ได้เช่นกัน

เช็คอินด้วยบัตรประชาชน แล้วมีค่ามัดจำคีย์การ์ดหรือค่าประกันของเสียหายภายในดรงแรม ห้องละ 2000 บาทด้วยนะคะ

แนะนำให้จายค่าประกันเป็นเงินสดค่ะ และจะได้คืนเมือเช็คเอาท์

หากชำระเป็นบัตรต่างๆ กว่าจะทำเรื่องคืนให้ราวๆ 7 วันค่ะ

เพราะงั้น จ่ายเงินสดวางประกันค่าเสียหายดีสุดค่า

อีกหนึ่งจุดเด่นที่อยากบอกคือ Rooftop ทีนี่วิว 360 องศาแสงสียามเย็นเมืองกรุงสวยๆ พร้อมเพลงเบาๆ

จะฟิน จะชิลแค่ไหนกันน้าาาา

Rooftop นี้ชื่อ Speakeasy Rooftop Bars ที่ได้ชื่อว่า Rooftop ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ อีกด้วย

และได้รับรางวัลชนะเลิศบาร์ที่ตั้งอยู่ในทวีปเอเชียที่ดีที่สุดในโลกอีกต่างหาก

เพราะอะไร ยังไง ข้อนี้น่าสนใจมาก

ย้อนไปในยุค 1920 สมัยนั้นห้ามจำหน่ายของมึนเมา และการสูบชิการ์ แล้วก็ทำให้เกิดบาร์ลับๆ พวกนี้ขึ้นมา

ในหมู่นักท่องเที่ยว ที่ยังอยากเที่ยวอยากดื่ม ที่จะรู้กันในวงแคบๆ เท่านั้น


Speakeasy แห่งนี้จึงมีแนวคิดในการทำบาร์ลับแห่งนี้ขึ้นมา ที่มีห้องลับเฉพาะ ที่จะสูบชิการ์อีกด้วย

มีห้องแต่งตัวคลุมสำหรับสูบชิการ์อีกต่างหาก เพื่อไม่ให้กลิ่นออกไปรบกวนคนอื่น

และเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แวะเวียนขึ้นมามากถึง 95% ในสายตาเรานะคะ เพราะเราไม่เห็นนักท่องเที่ยวชาวไทยเลยจริงๆ

นอกจากพนักงานบางส่วนเท่านั้น

นี่เราหลุดเข้ามาอีกโลกหรือไงกัน เรายังคิดแบบนั้นด้วยซ้ำน่ะ เมื่อก้าวเข้ามาโรงแรมแห่งนี้ 555


Hotel Muse, Bangkok ที่นี่ มีห้องพักทั้งหมด 174 ห้อง 6 Room Type แต่ละห้องโดดเด่นและสวยไม่ซ้ำกัน

และห้องที่เราจะพามารู้จักห้องแรกนี้คือ ห้องพักที่แพงที่สุดของโรงแรมแห่งนี้ค่ะ

คืนละประมาณ 3 หมื่นบาท


นี่คือห้อง ห้อง Paranim Penthouse ที่หรูสุด และแพงสุดในโรงแรมแห่งนี้ค่ะ

เรามีโอกาสได้เข้ามาชม ห้องใหญ่ และกว้างมากจริง

ภายในตกแต่งแยกแต่ละห้องออกจากกัน ทั้งห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน

ห้องทานอาหารสังสรรค์ ห้องน้ำ และห้องนอน ระเบียง ที่กว้างมาก


ห้องน้ำก็หรูหราสุดๆ ด้วยอ่างจากุชชี่ อาบน้ำมองวิวยามค่ำคืนของ กทม. ได้แบบสวยๆ

เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องทุกชิ้น ตกแต่งแบบคลาสสิค ย้อนยุคมากค่ะ

ห้องนี้มีดารา และคนมีชื่อเสียงในวงการมาใช้บริการมาแล้ว เช่น มาร์กี้ ที่มาเปิดห้องพักก่อนคืนสละโสด

และแบรนด์ดังต่างๆ ก็มาเปิดให้ห้องนี้เป็นห้องถ่ายภาพ ถ่ายสินค้าของเขาด้วยเช่นกันค่า


เวลานี้ เราลงไปชั้นล็อบบี้ต่อนะคะ โรงแรมมีความปลอดภัย ระบบคีย์การ์ดแตะเปิดลิฟท์ไปยังชั้นห้องพัก

และพื้นที่ส่วนกลาง ยามค่ำคืน ก็จะออกแนวมืดๆ สไตล์นี้เลยแหละ เห็นว่าต้องเปิดไฟตลอดเวลานะคะ

เพราะโรงแรมถูกออกแบบมาโทนแสงเทียน ก็จะมืดๆ แบบคลาสสิคกันหน่อย


เปิดประตูทางเข้าโรงแรมตอนช่วงแรกๆ เราจะเห็นบันไดลงไปยังชั้นใต้ดินด้วย

ที่นี่จะเป็นห้องอาหาร Medici Kitchen & Pub ค่ะ ภายในห้องอาหารตกแต่งได้หรุหราด้วยเช่นกัน

ห้องอาหาร Medici Kitchen & Pub ได้รางวัลอาหารอิตาเลี่ยนที่ดีที่สุดในกรุงเทพถึง 3 ปีซ้อน

อาหารจะออกแนวเป็น Comfort food อาหารที่หาทานยาก และคัดแต่คุณภาพมาโดยเฉพาะ

มีที่นั่งให้เราเลือกเยอะมาก โซนที่นั่งทั่วไป และที่ใกล้กับเซฟ

เราขอเลือกดูกรรมวิธีทำอาหารกับเซฟใกล้ๆ ดีกว่า เพราะเห็นเซฟหล่อด้วย

เราขอเลือกนั่งตรงนี้แหละค่า ตรงข้ามเราจะเห็นฝีไม้ลายมือของการทำอาหารของเซฟสุดหล่อด้วยนะ

แต่เอ๊ะ ในรีวิวนี้เรากลับไม่มีรูปเซฟสุดหล่อมาฝากกันเลย 555

เพราะงั้นต้องไปตามดูเองแล้วค่ะว่า หล่อแบบนี้ยังทำอาหารอร่อยอีกต่างหาก

เริ่มจากเมนูแรกๆ ที่เราได้ทาน ปกติ ไม่คุ้นกับอาหารอิตาเลียนเท่าไหร่นะ พูดเลย

แต่การได้มาลิ้มลองคราวนี้ ทุกเมนู เราชิมมาหมดแล้ว ถึงพูดได้ว่าไม่ธรรมดาจริงๆ


Canape เมนูทานเล่นรายการแรก ทีมองดูเป็นข้าวเกรียบบางกรอบวางอยู่บนก้อนหิน

ถาดนั้นคือถาดก้อนหินชัดๆ นะคะ แต่งได้เก๋กู้ดสุดๆ ความอรอยอยู่ที่ตัวไข่ปลาคาเวียร์ ที่โดดเด่น

ก็จะมีซอส หรือน้ำจิ้มมาเคียงจานให้เราด้วย เออ ทานกันแบบนี้นะกับขนมปังก็ได้นะ ก็อร่อยดีเหมือนกัน


Pumpkin and truffle cappuccino ถือเป็นไฮไลต์ของห้องอาหารแห่งนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ

นี่คือ ซุปฝักทองที่ไม่มีกลิ่นฝักทอง หาาา จริงๆนะ มีแต่ความนุ่มละมุน เหมือนจิบวิปครีมยังงั้นแหละ

มาในซุปร้อนๆ นุ่มๆ เวลาทานต้องคนๆ ให้เข้ากันก่อนนะ ภายในจะมี เห็ด truffle ที่ได้ชื่อว่าเป็นเห็ดที่มีราคาแพงที่สุดในโลก

โอ้ววว ลงท้องเราหมดแล้วเมนูนี้



Local Mud Crab and tomato cannelloni เมนูนี้ หน้าตาแบบนี้บอกเลยทานแล้วเย็นดีนะ

เซฟจะเดินมาอธิบายกับตัวเองเลยว่า วัตถุดิบมาจากทุกภาคของไทย ทั้งดอกไม้เล็กๆ ต่างๆ ไข่ปลาคาเวียร์จากหัวหิน

ดอกไม้มาจากโครงการหลวง เนรมิตร ออกมาเป็นเมนูนี้ เราทานหมดด้วยเช่นกัน



Aero foie gras เมนูนี้เรามองเป็นขนม แต่ไม่ใช่ขนม มันคือฟัวกราส์ค่ะ แต่มองยังไงก็ไม่ใช่ฟัวกราส์อ่ะ

นี่ไงที่เค้าเนรมิตรออกมาได้สวยเช้งขนาดนี้ มีความพรุนในตัวของอากาศ กัดไปไม่มีความรู้สึกเป็นฟัวกราส์เลย

มีความเย็นฉ่ำ ของช็อคโกแลตร่วมด้วยนะ ฉีกแนวไปอีก สำหรับเมนูนี้



Prawn ravioli เมนูนี้เราก็ชอบ ยกมาเดือดปุดๆ คล้ายพาสต้า แต่ที่ห่อมาคล้ายเกี้ยวบ้านเรา

ภายในที่ห่อนั้นเป็น เห็ดชนิดหนึ่งค่ะที่เราไม่รู้อว่าอะไรนะ

โดยร่วมถูกปากเรา และทานได้



Homemade tagliatelle with burrata เป็นอีกหนึ่งเมนูที่หาทานยาก อันนี้เซฟเค้าบอกมา

โฮมเมดออกแนวหาทานได้แค่ในบ้านคนอิตาลีที่แท้จริง แต่เราเป็นคนไทยแท้ๆ ก็จัดการมาแล้ว 555

จานนี้หอมชีสเบา ๆ เพราะมีชีส burrata รสชาติอร่อยไม่เลี่ยนเลย



Australian lamb chops สำหรับคนชอบเนื้อ ให้ลองเมนูนี้

เสริฟพร้อมมันบด มาแบบร้อนๆ




Roasted snow fish ใครไม่ทานเนื้อ มาทานปลาก็ได้ เมนุนี้เลยค่า

ปลาชิ้นใหญ่มาก ทานกับซอส ที่ให้มาด้วยอร่อยมาก ไม่เลียน ไม่คาวด้วยล่ะ



150 days grain fed Australian angus beef tenderloin Rossini เมนูนี้เหมือนจะไม่สุกดีนะ แต่นี่แหละถือเป็นซิกเนเจอร์ของเมนูนี้ไปแล้ว

ข้างบนแถมฟัวกราส์มาด้วย 1 ชิ้น ทานไปแล้วนุ่มลิ้นมากกกกกก

บอกไม่ถูก เพราะรู้สึกหวาน ถูกใจจริงๆ




ตามด้วยเมนูของหวานกันดีกว่า ล้างปากได้สะใจจริงๆ กับ Limoncello ยกมะนาวมาทั้งลูกเลย

แต่ด้านในไม่ใช่มะนาวนะ คือไอศครีม ได้จี๊ดจ๊าดมาก ก่อนทาน มีเหล้าราดด้วยนิดนึง เพิ่มความเก๋ อิอิ


Cornetto on the floor เมนุของหวานสุดท้ายที่เร้าใจเราอย่างมาก

ที่จะรวบเอาขนมหวานแบบต่างๆ มารวมอยู่ในจานเดียวกัน หลายรสชาติ หวานนุ่ม เรากินเกลี้ยงทุกรายการจริงๆ

สำหรับท่านใดที่สนใจจองห้องอาหาร Medici สามารถคลิกมาได้ที่ link นี้ • https://bit.ly/2S4AMDW

เมื่อหนังท้องตึง และมันตึงมากจริงๆค่ะ 555 หนังตาก็หย่อนตาม

ห้องอาหารนี้มีดีอีกอย่างที่ได้ฟังดนตรีโอเปร่าอีกด้วย

เป็นห้องอาหารที่ชมพู อารยามาจัดงานปาร์ตี้วันเกิดที่ผ่านมา เหล่าคนดังชอบกัน

เรามีความรู้สึกว่า หลุดโลกมาอยู่ต่างชาติหรือเปล่า เพราะลูกค้าส่วนมาก ก็เป็นคนต่างชาติจรองๆ ด้วยค่า

ได้เวลาส่วนตัวของเราแล้ว เข้ามาห้องพัก พักผ่อนกันดีกว่า


Muse Deluxe หคือห้องพักของเราในคืนนี้ค่า สร้างแบบย้อนยุคหน่อยๆ คลาสสิคมากๆ เตียงแบบนี้เห็นแล้ว อยากนอนตื่นสายๆ ทุกที

เพราะนุ่มมากจริงๆ

เข้ามามาในห้องพักไม มาเจอ Welcome Fruit วางไว้ตอนรับตอนที่เรามาเช็คอินแล้วล่ะ

แต่เราไม่ได้กิน ลงไปเดินเล่นซะก่อน มาถึงเวลานี้ ก็ยังกินแตงโมไปอีกชิ้นหนึ่ง 555

สำรวจมินิบาร์ภายในห้อง เปิดตู้เย็นไป มีรายการเครื่องดื่มเยอะมาก

ราคาบวกขึ้นมาพอสมควรค่ะ ดีนะมีน้ำเปล่าฟรีในห้องอีก 4 ขวด ^^

อ้อ มีเขียนไว้ด้วยค่ะ นมกล่องเล็กๆ ในตู้เย็น สามารถทานได้ฟรีค่า

นี่คือเตียงนอนนุ่มๆ ของเรา


ตอนแราขึ้นมาตอนดึกแล้วก็จะมี พนักงานมา Turn Down Service มีขนมเพิ่มให้ที่โต๊ะทำงานแ

และวางขวดน้ำเปล่าไว้ข้างเตียง พร้อมทั้งวางรองเท้าฟิปลอปไว้ข้างเตียงทั้งสองด้านอีกด้วย บริการดี ราวกับเราเป็นเจ้าหญิง อิอิ

โซฟ้านั่งเล่นมองเข้าไปในห้องน้ำ เห็นกระจกใส อย่างว๊าว

แต่ไม่ต้องกังวลค่ะเพราะ สามารถกดปิดม่านไฟฟ้าลงมาได้เพื่มความเป็นส่วนตัว



ความคลาสสิคของห้องน้ำที่ Hotel Muse, Bangkok คืออ่างอาบน้ำแบบนี้แหละ เราชอบบบบ

ได้นอนแช่ฟองนุ่มๆ เปิดน้ำอุ่นอย่างสบายใจ

ไม่เพียงแค่นี้ ภายในห้องน้ำตกแต่งได้หรูหราหมาเห่ามาก

ชุดเครื่องประทินผิวก็กลิ่นหอมสุดๆ มีแยกโซะเปียกโซนแห้งออกจากกัน

เสียดายที่ .... ไม่มีสายชำระให้นะคะ

ตัดมาเลยตอนเช้า ชั้น 19 ห้องอาหารเช้าของ Hotel Muse, Bangkok

แม้ลูกค้าส่วนมากจะเป็นลูกค้าชาวต่างชาติก็ตาม แต่ก็มีเมนูอาหารไทยที่เราทานได้ถูกปากด้วยนะค้าาา


เมนูที่เราเจอวันนั้นมีข้าวต้มทรงเครื่อง แกงเขียวหวาน ผักพริกไทยดำ

และเมนูอื่นๆ ที่เรา่าไม่น้อยหน้าโรงแรมไหนเลย โต๊ะนั่งก็หรูหรามาก ห้องอาหารในสายตาเราแคบไปถนัดตา

เพราะลุกค้าเข้ามาตอนเช้าค่อนข้างเยอะ เราไม่ได้ถ่ายภาพอะไรมากมายค่ะ โดยรวม เมนูอาหารเช้าก์ถือว่าผ่านได้สบาย

เสร็จแล้วก็มาเดินย่อยภายในโรงแรมต่อ ชั้น 19 มีสระว่ายน้ำที่จะเห็นวิวกรุงเทพฯ ได้อย่างชัดเจน

ฟ้าสวยๆ แดดดีดีแบบนี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต่างชึ้นมาจับจองที่ไว้กันอย่างสนุกสนาน เราได้แต่มองตาปริบๆ 555



รวมทั้งมีห้องฟิตเนสบนชั้น 19 นี้อีกด้วยที่จะทำให้การพักผ่อน สำหรับคนชอบออกกำลังกาย

ตรงความต้องการลูกค้าอย่างประทับใจมากที่สุด

ก่อนจะเช็คเอาท์ออกไปตอนเที่ยงวัน ไหนๆ ก็เลือกมาพักผ่อนในกรุงแล้ว

ขอใช้เวลาที่เหลืออยู่ มานั่งเล่น นอนเลนห้องส่วนตัว

เปิดน้ำ เพิ่มฟองลงในอ่างน้ำ พร้อมเครื่องดื่่มเย็นๆ กันก่อนนะคะ แค่นี้ก็ฟินเฟร่อ สำหรับเราแล้ว จริงๆ


Hotel Muse, Bangkok

โทร. 02-630-4000

แฟนเพจ : Hotel Muse, Bangkok

พิกัด : 55/555 ถนนหลังสวน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

https://goo.gl/maps/E9UogHeYMfD2

สำหรับท่านใดที่สนใจจองห้องอาหาร Medici สามารถคลิกมาได้ที่ link นี้ • https://bit.ly/2S4AMDW

ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ

RinSa YoyoLive

 วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 11.20 น.

ความคิดเห็น