...ทะเลหมอก...
คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวตอนที่กำลังคิดว่าวันหยุดเกือบสุดสัปดาห์นี้จะสะพายกล้องไปเที่ยวที่ไหนดี
ที่ไหนที่ไม่ไกล คนไม่เยอะ คำตอบก็มาลงเอยที่ “เขาหลวง จ.สุโขทัย"


เยี่ยมชมแกลอรี่ของเราได้ที่

INSTAGRAM & FACEBOOK : I P Z P E A R



[ DAY 1 ] 6 A U G U S T 2 0 1 5

ไปเที่ยวทุกครั้ง ไม่เคยแพลนล่วงหน้า ครั้งนี้ก็เหมือนเคย เก็บของคืนวันพุธ ลืมนู่นลืมนี่ กล้องก็ลืมชาร์จแบต ตั๋วรถก็ยังไม่จอง

แต่เราก็แอบสือข้อมูลคร่าวๆจากพี่อีกคนที่เค้าอยู่สุโขทัย ส่งรูปเขาหลวงมาให้ดูเป็นระยะว่าจะมีหมอกมั้ย

ทริปนี้พิเศษกว่าทุกทริปที่ผ่านมา เพราะเราไม่ได้ไปคนเดียว!!

ปล.รูปมีหลายโทนเพราะแต่งตามอารมณ์ อาจดูมั่วๆปนๆนิดนึงนะฮะ


ค่ารถ กรุงเทพ - สุโขทัย 340 บาท ออกจากกรุงเทพราวๆ 4 ทุ่ม ถึงสุโขทัยสัก 6 โมงกำลังดี แต่พลาด ถึงตั้งแต่ตี 4 เลยต้องรบกวนพี่ชายใจดีที่ติดต่อไว้ก่อนหน้านี้ พี่เค้าอาสาพาไปกินข้าวและเตรียมเสบียงสำหรับบนเขา และไปส่งที่อุทยานแห่งชาติรามคำแหง



[ DAY 2 ] 7 A U G U S T 2 0 1 5

ค่าเต๊นท์ 75 บาท / คน

ถุงนอน 30 บาท

ค่าจ้างลูกหาบ 20 บาท /1 กก



เริ่มขึ้นเขากันตอน 8 โมงครึ่ง นี่เป็นครั้งแรกของการเดินป่า ครั้งแรกของการปีนเขา โคตรจะไม่พร้อม

คือเหนื่อยมากกกกกก กับการเดินขึ้นเขาที่ชันสุดๆ และฝนหมอกก็ตกระหว่างที่กำลังขึ้น

ถามว่าท้อมั้ย มากกก แต่ความอยากถ่ายรูปมันมีมากกว่า

ทางขึ้นแทบจะไม่มีทางราบเลยนะ ชันมากกกก ชันตลอดทาง



ครึ่งทางแล้ว แวะพักกันที่จุดชมวิว โบกซอฟเฟลเพิ่ม เติมน้ำในขวด


เห็นหลังคาสีขาวๆเล็กๆนั่นมั้ยย นั่นคือที่ทำการอุทยานที่เราติดต่อลงทะเบียนเมื่อเช้าา


ตอนนี้ก็มาถึงระยะ 3 กม แล้ววว อีกแค่ 750 เมตรเท่านั้นน


ปู่ทวดไทรงามมม


100 เมตรสุดท้ายก่อนถึงค่ายพักแรมที่ชันแบบโคตรโหดเราก็ถ่ายมานะ แต่ถ่ายตอนอยู่ข้างบนแล้ว 5555



การเที่ยวป่าหน้าฝนข้อเสียคือยุงเยอะมาก ฝนก็ตก แนะนำว่าให้เตรียมซอฟเฟลและเสื้อกันฝน กระเป๋ากันน้ำมาด้วย

น้ำพกแค่ขวดเล็กก็พอ เพราะระหว่างทางมีน้ำดิบให้เติมเรื่อยๆ



ถึงค่ายพักแรมเกือบๆเที่ยง ตีไปว่าใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมงครึ่งง ทำลายสถิตินะคร้าบบบบ (เห็นเค้าว่ากันว่าส่วนมากใช้เวลา 4-6 ชั่วโมงกัน)

พอถึงก็ไปจัดการติดต่อเรื่องเต้น กินข้าว แบ่งหมูทอดให้น้องแพนเค้ก น้องหมาไซส์มินิที่เห่าต้อนรับอย่างเป็นมิตร?

แล้วแยกย้ายกันนอนเพราะเหนื่อยมากกกก ตื่นมาอีกที 4 โมงกว่า ลุงเจ้าหน้าที่บอกว่า

“ฟ้าเปิดนะ ไปดูพระอาทิตย์ตกที่เขาพระแม่ย่ากันสิ"


พี่อิน พี่แทน พี่โด่ง เลยล่วงหน้าไปกันก่อน เหลือเรากับพี่วีเลยตะโกนไปว่า “เดี๋ยวตามไป" พอเตรียมกล้องเสร็จก็ Let's go!!

เดินมาเจอลานจอดฮอละดั๊นนน มีทางแยก พี่วีก็ใช้สเต็ปเทพในการเดินป่า พิสูจน์รอยเท้าว่าเค้าเดินไปทางไหนกัน555


แล้วเราก็เดินไปทางซ้ายย แต่เอ๊ะ ทำไมหมอกมันเยอะขึ้นเรื่อยๆหว่าา ฝนจะตกมั้ยนะ? อีกใจก็เถียงว่า ไม่หรอก เมื่อเช้ามันตกไปแล้ว


แล้วก็เห็นทางขึ้นเขาแม่ย่าลางๆ เพราะหมอกหนามากกก พร้อมกับเสียงเปาะแปะๆที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เราก็ตะโกนบอกพี่วีไปว่า..


“เจ๋งโคตรอะพี่ ตอนนี้เราอยู่เหนือฝนช๊ะ เสียงดังแถวๆที่เราผ่านขึ้นมา" แล้วก็เริ่มรับรู้ถึงพลังงานบางอย่างที่ใกล้เข้ามา พร้อมกับน้ำที่หยดใส่หัว

พี่วีก็ตะโกนว่า “ชิบlostละ ฝนตก!!!!" วิ่งสิครับงานนี้ วิ่งวนเลยไม่รู้จะไปทางไหนดี แล้วพี่แทน พี่อิน พี่โด่งก็วิ่งมาจากอีกทางบอกว่าวิ่งกลับที่พักกัน

แล้วด้วยความที่ตอนนั้นเรากับพี่วีพกกล้องไป แต่เรามีเป้ รอดดดด พี่วีถาม “น้องแพร เป๋ากันน้ำมั้ย" เราก็ตอบกันดิพี่ ใส่มาๆ

แล้วทุกคนก็พร้อมใจเอาอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ทั้งหมดทั้งมวลยัดลง kanken ใบนั้น แต่หารู้ไม่ว่าความซวยมาเยือนเราแล้ว...



หลังจากนั้นพี่วีก็เอาเป้เราไปแบก แล้วก็โกยแน่บ นำโดยพี่แทน ที่หันมาอีกทีหายไปแล้ว ตามด้วยพี่วีที่ตามไปติดๆ

ตามด้วยเราที่วิ่งไม่ได้ เพราะกางเกงขาด ต่อมาก็พี่อินที่ไม่เร่งมากตามหลักการเซฟตี้เฟิร์ส ปิดท้ายด้วยพี่โด่ง ชายผู้มาจากกูเกิ้ลลล



ในตอนนั้นได้แต่คิดว่า ชีวิตตรูนี่ยังกะในหนังของลุงฉลอง คือแบบมาเดินป่า เกงขาด เจอฝน วิ่งขึ้นเขาลงเขา ลุยน้ำเพื่อหาทางออก

แล้วพอกลับไปถึงนะ เสื้อผ้าแมร่งเปียกหมดดดดด เหลือเสื้อตัวเดียว ไม่มีจะเปลี่ยน โอ๊ยยย ซวยชิบบบบ

แต่ความซวยก็ยังไม่หมดแค่นั้น เมื่อพี่วีเดินมาบอกว่า "น้องแพร กระเป๋าอะ มันกันน้ำนะ กันน้ำออกอะ ฟรุ้งฟริ้งชุ่มสุด แต่พี่เช็ดให้ละ ตากอยู่"

ตอนนั้นนี่แบบ โอ๊ยยย จะซวยอะไรขนาดนี้ฟะะะ พอฝนหยุดตกเราก็ไปอาบน้ำ แล้วก็ได้พี่อินพี่สาวสุดสวยใจดีที่ให้เรายืมกางเกงงง

แล้วก็นั่งโซ๊ยมาม่ากันแก้เซ็ง มาม่าร้อนๆกับอากาศเย็นๆ หมอกจางๆนี่ฟินมากกกกกก

ด้านบนมีมาม่าขายห่อละ 10 บาท น้ำอัดลมกระเป๋องละ 30 บาท น้ำเปล่าขวดละ 25 บาท



แล้วเราก็ไปขอให้ลุงเจ้าหน้าที่อุ่นกับข้าวให้ พร้อมกับจะเช่าผ้าห่ม ลุงใจดีมากกก ให้ผ้าห่มกับเสื่อฟรีๆเลย

ลุงบอกว่าสงสารนักท่องเที่ยว อุตส่าห์มาแต่ดันมาเจอฝนอีก ให้ผ้าห่มเรามาตั้งสิบผืนน

แล้วเราก็ขอยืมน้ำมันมวยจากพี่อินมานวดแก้ปวด จัดพารา2เม็ด แล้วเข้านอนนน กะว่าจะตื่นมาถ่ายดาวดึกๆ

ถามว่าสรุปตื่นมั้ย ไม่ค่ะ หลับยาวววว 5555555



เดี๋ยวมาต่อกันพรุ่งนี้น้าาาา


[ DAY 3 ] 8 A U G U S T 2015

ตั้งใจมาถ่ายรูปทะเลหมอก ตั้งใจมาถ่ายรูปทะเลหมอก ตั้งใจมาถ่ายรูปทะเลหมอก ตั้งใจมาถ่ายรูปทะเลหมอก
...........
แต่ดันตื่นสายยยยย ที่จริงก็ตื่นแล้วแหละ แต่นาทีนั้นพื้นที่ใต้ผ้าห่มมันอุ่นมากกกก ฟินมากก ไม่อยากลุก
พี่วี พี่แทน พี่โด่ง ก็เลยล่วงหน้าไปที่ผานารายณ์ก่อน

ประมาณ 7 โมงกว่าๆ เรากับพี่อินก็เดินตามไป


พอมาถึงก็ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย เอ๊ะหมอกหายไปไหนนน๊าา ยู๊ฮูวววว


รอแล้วรอเล่าจนราวๆ 9 โมง น้องหมอกก็เริ่มคืบคานมาา หูววว สวยยยย ขนาดว่ามาไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นนะเนี่ยย


นั่งฟินกับหมอกที่กำลังมาา


พี่วีถ่ายให้


ตอนนี้เริ่มหวั่นๆเพราะหมอกเริ่มทึบขึ้นเรื่อยๆ กลัวประวัติศาสตร์ฝนซ้ำรอย เลยรีบถ่ายรีบไปต่อ 555


ทั้งทริปมีรูปรวมอยู่รูปเดียว 555



แล้วเราก็ไปต่อที่เขาแม่ย่า แต่พี่อินขอตัวไปกินข้าวก่อน

เจอแมงมุมก็ยังจะถ่าย 5555


เล็งนานมากกกก


เบื้องหลังรูปเมื่อกี้


ถ่ายจากเขาแม่ย่า


ที่เห็นยอดเขาด้านหลังคือเพิ่งเดิยมาจากตรงนั้น มองกลับไปรู้สึกว่าไกลมากกก


แล้วก็นั่งแช่กันอยู่ตรงนี้นานมากกกก เพราะพี่วีกับพี่โด่งบอกว่านี่แหละยอดเขาเจดีย์


แต่เมื่อคืนฝนตกหนัก เจดีย์คงไปกับน้ำแล้ว 5555

พี่วี


พี่แทน


พี่โด่ง


เราเองง


พอเดินมาอีกสักพักก็เลยรู้ว่าไอ่ที่ไปนั่งกันเกือบครึ่งชั่วโมงเมื่อกี้อะไม่ใช้ยอดเขาเจดีย์ 5555



เฮียแกบอกว่าจะทำท่าให้เข้ากะสถานที่ เจดีย์ กับ โยคะ? 5555



แล้วก็เดินกลับค่าพักแรมกัน ลุงเจ้าหน้าที่บอกว่าเดินเป็นวงกลมได้ เริ่มจาก

ผานารายณ์ > เขาแม่ย่า > ยอดเขาเจดีย์ เดินผ่านทุ่งหญ้า แล้วกลับค่าย

เอิ่มมม ลุงบอกว่าเดินวนกลับค่ายได้ผ่านทุ่งหญ้า แต่ไม่ยักกะบอกว่ามันเป็นหญ้าคาที่สูงเกือบเอว!


ลุงไม่ได้บอกว่ามันจะมีทางแยก พี่วีเลยบอกว่าซ้ายละกัน ขวามันลงเขา (เดาทั้งน้านน)

ความซวยไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อเราได้ยินเสียงลำธาร? เดินไปสักพัก เอ๊ะ ทำไมหัวเปียกๆ

อ้าววว ชิบlost อีกครั้ง ฝนตกจ้าาาาา วิ่งสิครับงานนี้ กลัวหลงก็กลัว แต่กลัวเปียกมากกว่า แล้วก็เจอลำธารจริงๆ

พี่โด่งเลยแวะชิมน้ำในลำธาร อื้มมม เย็นชื่นใจจจ ไม่ใช่ละ!! วิ่งต่อสิครับบบบ

แล้วเราก็กลับถึงค่ายด้วยสภาพเกือบเปียกกก แล้วฝนก็กระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย

คำถามคือ ตูจะลงเขายังไงในเมื่อฝนตก?
ลุงเจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าฝนตกติดต่อกันเกิน 3 วัน ทางอุทยานจะห้ามลงจากเขา เพราะดินจะถล่ม

พวกเราก็นั่งรอฝนหยุด กว่าจะหยุดก็ 11 โมง ลุงที่ช่วยหาบของขึ้นมาก็มาถามว่าจะให้ลุงหาบลงมั้ย เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่ว.ขึ้นมาตามแล้ว มีนักท่องเที่ยวมาเพิ่มอีก 3 กลุ่ม ของเยอะมาก ลุงต้องรีบลงไปก่อน แล้วทุกคนก็จัดแจงแพ็คของให้ลุงหาบลงไป เราจับยัดหมด ขาลงกะจะเดินตัวเปล่า

แล้วด็ขอยืมกางเกงขายาวพี่แทนใส่ เพราะของเราขาดไปแล้วว

ของเราทั้งหมด 4 กก รวม ขึ้น-ลง = 160 บาท



ก่อนลงพี่วีขอถ่ายกับป้าย 5555

ถ้าพี่แกมาเห็นเราอาจถูกฆ่าา 5555



แล้วก็พากันลงเขา เราปิดท้าย เราเลยแซวพี่วีไปว่า วิ่งดิพี่จะได้ถึงเร็วๆ ทำเวลาๆ 5555

แล้วพี่แกก็วิ่งจริงๆค่าาา เรานี่ แบบ เฮ้ยพี่ รอด้วยยยย แล้ววิ่งตาม พอวิ่งๆไป อ้าว ชิปปป เบรกไม่อยู่ เรานี่แหกปากลั่นเลย

แต่ดีนะคว้าต้นไม้ช่วยชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ แล้วพวกเราก็ใช้เวลาลงเขาไปเกือบกิโลในเวลาครึ่งชั่วโมง

พอถึงจุดชมวิวก็นั่งพัก ทางต่อจากช่วงนี้ชันมากกก ลื่นมากกก เพราะฝนเพิ่งตกไป

แล้วเราก็เก็บแต้มไปได้เยอะ ก้นกระแทกบ้าง สไลด์หน้าเกือบทิ่มบ้าง กางเกงนี่เละสุดดด รองเท้าไม่ต้องพูดถึง

ลงมาถึงข้างล่างตอนบ่าย 2 ใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมง แล้วก็แยกย้ายอาบน้ำ แล้วไปต่อที่ร้านเจ๊แฮ

ก๊วยเตี๋ยวร้านนี้อร่อยลืมมมมม หมูตุ๋นนุ่มมากกกก ผัดไทก็อร่อยโคตรร ไอติมกะทิก็อร่อย

เราเบิ้ลไอติมไปสอง พี่วีจัดก๊วยเตี๋ยวไป 3 ชาม ผัดไท 1 จาน พี่อินพี่โด่งพี่แทนเบิ้ลก๊วยเตี๋ยวคนละ 2 ชาม

ตามไปที่ FB ร้านเจ๊แฮได้ฮะ https://www.facebook.com/Haenoodles.Sukhothai


พอท้องอิ่มแล้ว พี่แบงค์ พี่ชายใจดีที่อาสามาส่งตอนขาขึ้น แถมยังมารับพาไปกินข้าว แล้วก็ยังพาไปที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยต่อ

ออกจากอุทยานกันราวๆ 6 โมง เย็น แล้วพี่แบงค์ก็อาสาไปส่งขึ้นรถที่พิษณุโลก เพราะรอบรถเยอะกว่า


คือพี่ใจดีมากกก เราเกรงใจสุดๆ แล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นน รถสิบล้อข้างหน้าเปลี่ยนเลนกระทันหัน

ทำให้รถคันที่พวกเรานั่งมาไปชนท้าย แต่ดีที่พี่แบงค์เบรกชะลอไว้ได้ เลยไม่มีใครเป็นอะไร

ตอนนั้นช็อคมาก คือแบบ ลุ้นว่า ตูจะรอดมั้ย เลยอยากฝากเพื่อนๆที่ชอบเที่ยวว่าเดินทางไปไหนต้องระมัดระวังนะคะ

ไม่ว่าจะรถส่วนตัวหรือรถโดยสาร เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ กว่าจะเคลียกับประกันและคู่กรณีเสร็จก็ 3 ทุ่มกว่าๆ

แล้วพี่เค้าก็ไปส่งพวกเราที่บขส.พิษณุโลก ตอนนั้นทุกคนรู้สึกผิดมาก เพราะถ้าเค้าไม่ไปส่งพวกเราคงไม่เกิดอุบัติเหตุ



สุดท้ายนี้ขอลากันไปด้วยภาพนี้ เราทั้ง 5 คนเพิ่งรู้จักกันแค่ 3 วัน แต่ความรู้สึกเหมือนสนิทกันมาเป็นสิบปี

ทั้งฮา ทั้งเกรียน แต่มีอะไรเราก็แบ่งกันใช้ ไป 5 คน ร้องเท้าแตะมีแค่ 2 คู่ สบู่ มี 2 แชมพูมี 2 ต้องแบ่งกันจริงๆ (เกือบจะซึ๊งละ 555)

ทริปนี้แพรต้องขอบคุณพี่ๆทั้ง 4 คนมากกก และพี่แบงค์ด้วย เป็นทริปที่มีครบทุกรสชาติจริงๆ ถ้ามีโอกาสมาร่วมทริปกันอีกนะฮะ

อ่านกระทู้รีวิวอื่นๆได้ที่นี่นะค้า
แบกกล้องท่องแดนกิมจิกับอุณหภูมิติดลบ 13 องศา

แบกกล้อง ล่องใต้ หลบความวุ่นวาย ไปเกาะพยาม

ลุยเดี่ยวเที่ยวภูลังกา แล้วพาหนีร้อนไปนอนน่านหน้าฝน

เกือบได้นั่งรถไฟ ไปแก่งกระจาน

ทะเลหมอกหน้าฝน บนเขาหลวงสุโขทัย

" ค น เ ดี ย ว " ทริปเหงาๆ ที่เราเลือกไม่ได้

เกาะล้าน " เ ห ง า ๆ " ในวันที่เราไป " ค น เ ดี ย ว "

โบกรถ 2 วัน 6 คัน เที่ยวเขาค้อทับเบิก

ชีวิตช้าๆใน "ท่ า ม ห า ร า ช"

เ ชี ย ง ใ ห ม่ อี ก ค รั้ ง ใ น วั น ที่ อ า ก า ศ ติ ด ล บ

บ า ง พ ร ะ เ ห ง า ๆ ใ น วั น ที่ เ ร า ไ ป ค น เ ดี ย ว


IPZPEAR

 วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.37 น.

ความคิดเห็น