เหนียงไปมาแล้ว x ภูกระดึง


"ถ้าเธอยังคิดถึงเขา ยังคงมีแต่เขาในใจ ถ้าเธอยังลืมเขาไม่ได้" มาซะเป็นเพลงเลย คนละเขา ผ่ามม !! วันนี้เราจะพาไปขึ้นเขากัน ทริปนี้มาด้วยเวลาที่จำกัด 2 วัน 1 คืน สำหรับที่ที่เรากำลังจะไปบุกเดี่ยววันนี้ถือว่าโหดมาก เขาที่เราว่าจะไปขึ้นกันทริปนี้ คือ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อยู่ที่ จ.เลย ทุกๆ คนอาจจะคุ้นหูอยู่แล้วสำหรับหลายๆ คน ภูกระดึง เป็นภูเขาหินทราย ยอดตัด ถ้ามองจาก top view จะเป็นรูปหัวใจสวยอย่าบอกใครเชียว

อุทยานแห่งชาติภูกระดึงจะปิดฤดูกาลท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติช่วงวันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน ของทุกปี และเปิดให้ฤดูกาลท่องเที่ยวให้เข้าชมช่วงวันที่ 1 ตุลาคม - 30 กันยายน ของทุกปี สำหรับค่าธรรมเนียมสำหรับคนไทย ผู้ใหญ่คนละ 40 บาท เด็ก 20 บาท และสำหรับชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่คนละ 400 บาท เด็ก 200 บาท

สำหรับใครที่แค่แบกร่างตัวเองขึ้นไปได้ก็ขอบคุณตัวเองแล้ว ขออยากเดินสบายๆ ไม่ต้องแบกกระเป๋าสัมภาระหนักๆ เขามีบริการลูกหาบแบกของขึ้นไปให้ด้วยครับ ค่าบริการหาบนั้นเขาคิดเป็นกิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 30 บาทเท่านั้น แต่ไม่รู้ตอนนั้นคิดอะไร หรืออะไรดลใจผม ทำให้ผมแบกอภิมหาอลังการงานสร้างทุกสิ่งอย่างที่หอบมาขึ้น-ลงภูกระดึงแบบที่ลูกหาบไม่ได้กินตังค์ผมสักบาทเลย..



พื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานแห่งชาติภูกระดึงนั้น สูงจากน้ำทะเลประมาณ 400 - 1,200 เมตร มีพื้นที่ราบบนยอดเขากว้างคล้ายรูใบบอน ประกอบด้วยเนินเตี้ยๆ ยอดสูงสุดคือ ภูกุ่มข้าว เป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำพองซึ่งหล่อเลี้ยงเขื่อนอุบลรัตน์และเขื่อนหนองหวาย ในจ.ขอนแก่น


ภูมิอากาศของอุทยานแห่งชาติ มีสภาพทั่วไปใกล้เคียงกับบริเวณอื่นๆ ของภาคอีสาน ฤดูฝนจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม อุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 26 องศาเซลเซียส จะลดต่ำสุดในช่วงเดือนมกราคม และขึ้นสูงสุดในช่วงเดือนเมษายน แต่อากาศบนยอดภูกระดึงค่อนข้างแปรปรวณ มีเมฆหมอกลอยต่ำปกคลุม อากาศค่อนข้างเย็นตลอดปีครับ แต่ทริปนี้ที่ควรจะอากาศกำลังเย็นสบาย แต่เราก็ต้องเจอกับฝนแบบไม่คาดฝัน

การเดินทางขึ้นภูกระดึงค่อนข้างชันและระยะทางค่อนข้างไกล แต่ระหว่างทางจะมีจุดแวะพักให้หายเหนื่อยต่างๆ อยู่หลายจุด เรียงตามละดับ ประมาณนี้ครับ เริ่มจาก ปางกกค่า > ซำแฮก > ซำบอน > ซำกกกอก > พร่านพรานแป > ซำกกหว้า > ซ้ำกกโดน และซำแคร่ ส่วนไฮไลท์สำคัญที่พลาดไม่ได้ ใครๆ ก็อยากมาชมด้วยตาก็คือ การชมใบเมเปิ้ลสีแดงริมธารน้ำตก เป็นวิวที่ห้ามพลาดเลยครับ


รวมระยะทางการเดินขึ้นไปจนถึงหลังแปและและศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง ประมาณ 9 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินราวๆ 4 - 5 ชั่วโมง สภาพทางธรณีวิทยาะจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตลอดทาง เป็นระยะๆ จากป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และป่าดิบเขา

เรามาถึงจุดกางเต๊นท์ได้ทันเวลาพอดี ก่อนที่ฝนจะเทลงมาเหมือนไม่เคยตกมาก่อน ไม่รู้ว่าสวรรค์ทรงโปรดหรือพกบุญบารมีติดตัวมาด้วย เพราะหลังจากกางเต๊นท์เสร็จไม่นานฝนก็เทลงมาทันที แต่ก็ยังทันได้เก็บภาพสวยๆ ของรอบๆ จุดกางเต๊นท์มาฝากกันครับ หลังจากนั้นก็ทำได้แค่นอนสวดมนต์รอคอยให้ฝนหยุดอยู่ในเต๊นท์แบบเหงาๆ


หลังจากสวดภาวนาอยู่นาน ก็ถึงเวลาออกชื่นชมบรรยากาศกันแล้ว ฝนหยุดตกในช่วงเกือบจะเย็นๆ และ แต่ก็ยังพอมีแสงให้เก็บภาพบรรยากาศสวยๆ มาให้ชมกันไม่น้อยครับ แต่บอกเลยว่ายังไงก็ไม่สวยเท่าไปดูด้วยตาตัวเองสักครั้ง

สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะไปบุกที่นี่ ให้ดูช่วงเวลากันให้ดีๆ และฟิตซ้อมร่างกายสำหรับการเดินทางให้พร้อม เพราะมันเป็นแลนด์มาร์คที่สักครั้งในชีวิตต้องได้ไปพิชิตสักครั้ง ส่วนคนที่ไปแล้วไปอีก ไปกี่ที...ครั้งที่ 4 ก็ยังไม่เข็ดอย่างผมก็ขอบอกเลยว่า ยังจะไปอีกแน่นอนครับ เหนียงไปมาแล้ววว..

#เหนียงนอชอ


รายละเอียดการเดินทาง

*ช่วงเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว : 1 ตุลาคม - 30 กันยายน ของทุกปี

*ค่าธรรมเนียม : ค่าธรรมเนียมผู้ใหญ่คนละ 40 บาท เด็ก 20 บาท

บริการลูกหาบสัมภาระ กิโลกรัมละ 30 บาท

*เบอร์ติดต่อ : 0-42810-833 / 0-42810-834 (เวลาราชการ 08:00 am -16:30 pm)

*Website : http://nps.dnp.go.th/parksdetail.php?id=62&name=%E...

*E-mail : [email protected]


ติดตามรีวิวอื่นๆ : https://www.facebook.com/doublechindroppin/

เหนียงไปมาแล้ว Droppin

 วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 16.01 น.

ความคิดเห็น