สวัสดีนักเดินทาง วันนี้เรามีความทรงจำที่แสนจะประทับใจของจังหวัดสุโขทัยมาฝากทุกคน นั่นก็คือ โฮมสเตย์นาต้นจั่น ที่เน้นการท่องเที่ยววิถีชุมชน เรียนรู้ธรรมชาติ เรียนรู้ความเป็นไทย เรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต


สำหรับหมู่บ้านนาต้นจั่น ตั้งอยู่ใน ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัยการเดินทางๅก็สามารถเดินทางโดยรถยนต์ ซึ่งห่างจากตัวเมืองสุโขทัยประมาณ 80 กิโลเมตร


ต้องยอมรับก่อนว่าก่อนจะมาพวกเรามีความตั้งใจที่จะมาเที่ยวหมู่บ้านเชิงวิถีชีวิตแห่งนี้ที่สุด ดังนั้นเสื้อผ้าที่เราจัดเตรียมมาก็เข้ากับบรรยากาศแบบสุดสุด ถือว่าพวกเราทำการบ้านมาดี 555+


ก่อนที่พวกเราจะเดินทางมาที่นี่เราติดต่อมาที่โฮมสเตย์เพื่อที่จะจองวันเข้าพักกับพี่แหม่ม

ที่เบอร์โทรศัพท์ 088-4957738 หรือ LINE / mymam2

โดยพี่แหม่มจะให้รายละเอียดของกิจกรรมทั้งหมด ค่าใช้จ่ายต่อคน 600 บาท สำหรับค่าที่พักและอาหาร

ไม่รวมค่าเช่าจักรยานและค่ารถเดินทางขึ้นจุดชมวิว

ถือว่าราคาถูกมากเทียบกับความสุขที่ได้รับ โฮมสเตย์แห่งนี้เป็นการร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน ดังนั้นจะมี บ้านของชาวบ้านจำนวนมากที่ตั้งเป็นโฮมสเตย์ ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 28 หลัง ที่รองรับนักท่องเที่ยว แต่ละหลังก็จะมีพื้นที่และความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ แต่พวกเราติดต่อเลือกบ้านธีรกานต์ ของคุณแม่เสงี่ยมคนสวยโดยเฉพาะเพราะที่นี่คือบ้านหลังแรกของโฮมสเตย์นาต้นจั่น












เมื่อขึ้นบ้านป้าเสงี่ยมต้อนรับเราด้วยน้ำเย็นชื่นใจและแตงโมถาดใหญ่ <strong>ทำเอาคนกรุงเทพอย่างเราตื่นเต้นกันใหญ่</strong> 555+



ป้าเสงี่ยมบอกเราว่าให้พักผ่อนกันให้เต็มที่แล้วเดี๋ยว<strong>สัก</strong> 5 โมงเย็นจะมีคนมารับไปขี่จักรยานชมพระอาทิตย์ตกดิน พวกเราไม่ตื่นเต้นเลยเพียงแค่รีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้เข้ากับบรรยากาศเท่านั้น


เมื่อถึงเวลาที่นัดไว้เราก็พบกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่มาแนะนำตัวว่าเค้าจะเป็นคนนำทางพาพวกเราไปเที่ยว เธอชื่อว่าน้องกั้ง มาในชุดเนตรนารีแปลงกาย คือกลับจากโรงเรียนก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้ามาทำหน้าที่ไกด์ตัวน้อยเลย


กั้งพาเราไปรับจักรยานโดยคิดค่าเช่าคันละ 30 บาทแล้วเราก็ออกเดินทางตามกั้งไป เอาจริงๆการขี่จักรยาน ในวันนั้นตื่นเต้นและมีความสุขมาก


สถานที่แรกที่ กั้ง พาเราแวะ คือ กิจกรรมทอผ้าใต้ถุนบ้าน ที่นี่สอนวิธีการทอผ้าและยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ลองทอผ้าอีกด้วย และคนสาธิตการทอผ้าก็ไม่ใช่ใคร น้องกั้ง ไกด์ของเรานั่นเอง








ส่วนนี่ไม่ใช่โพยหวยนะจ๊ะ 5555+ เค้าบอกว่าเป็นจังหวะของการถีบจักร อ่ะลองดู



นางแบบสวยเนอะ ทริปนี้ !!!

กั้งบอกว่า "รีบไปเถอะเดี๋ยวไม่ทันพระอาทิตย์" ทีมจักรยานของเราก็ออกเดินทางทันที




กั้งบอกว่าสถานที่ต่อไปที่เราจะไปคือทุ่งนาสะหลี จุดชมพระอาทิตย์ตกดินของหมู่บ้านนาต้นจั่น สำหรับการเดินทางมาที่นี่บางบ้านขี่จักรยานมาหรือบางบ้านอาจจะอยู่ไกลออกจากจุดนี้ก็มีบริการใช้รถอีแต๊กพานักท่องเที่ยวมาก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ





กั้งบอกเราว่าเดินแป๊บเดียว เมื่อสุตเขตแนวทุ่งข้าวโพด ภาพที่อยู่ตรงหน้า เป็นวิวที่คุ้มค่าจริงๆ ทุ่งนาเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา ในเมื่อชุดพร้อมแสงพร้อมตากล้องพร้อม ลุยคะ !!











รู้สึกภูมิใจกับชุดที่ใส่มามาก 555+ อยากจะบอกทุกคนตรงนั้นว่าฉันเข้ากับบรรยากาศสุดแล้ว













เอาจริงๆถ้าแสงมันยังไม่มืดก็ไม่อยากไปจากตรงนี้เลยมันเหมือนเป็นการได้พักผ่อนจริงๆใครมาเที่ยวที่นี่เชื่อได้เลยว่าต้องหลงรักที่ทุ่งนาสะหลีแน่นอน

กั้งบอกว่ายังมีอีกที่หนึ่ง อ่ะ!! ไปจ๊ะ


สถานที่ต่อไปที่กั้งพาไป คือ ตุ๊กตาบาร์โหนภูมิปัญญาตาวงษ์ ที่คุณตาประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาในสมัยก่อนเพื่อเป็นของเล่น เป็นการแกะสลักไม้ เป็นรูปต่างๆและสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยการบีบมือ ซึ่งถือเป็น ของเล่นที่มีประโยชน์ที่สามารถเป็นเครื่องออกกำลังกายหรือการทำกายภาพ สำหรับผู้ป่วยได้อีกด้วย





นอกจากนี้ยังมีหนังสติ๊กตาคำ ที่ให้พวกเราได้ ลองเล่นกันอีกด้วย ถือว่าเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่นอกจากสร้างความสนุกสนานไม่เสียค่าใช้จ่ายและก็ยังเป็นประโยชน์ รักที่นี้ ...



กั้งบอกว่าได้เวลากินข้าวเย็นแล้ว กั้งขี่จักรยานมาส่งเราที่บ้าน ก่อนลากั้ง ก็ถ่ายรูปร่วมกันสักแชะ หากใครมาที่นี่อยากเจอน้องกั้งก็ลองติดต่อพี่แหม่มดูนะคะน้องน่ารักมาก


เมื่อขึ้นบ้านมาปุ๊บ ก็ต้องตกใจกับอาหารมื้อเย็นที่ป้าเสงี่ยมจัดเต็มมาก อาหารน่ากินจัดจานสวยงามรสชาติอร่อย คือปั่นจักรยานมาหิวๆ ต้องปลื้มเมื่อเห็นกับข้าวป้า







ปลาทอดน้ำจิ้มรสแซ่บ ไข่เจียวลาบหมูคั่วน้ำพริกอ่องผักสด ต้มยำไก่บ้านผัดฟักทอง พวกหนูเปรมมากอยากบอกป้ารักป้าที่สุด 555+


การมานอนโฮมสเตย์ที่นี่เป็นการท่องเที่ยวเชิงสงบ ห้ามใช้เสียงในช่วงเวลาสามทุ่มขึ้นไป บรรยากาศเย็นๆกับโฮมสเตย์สบายสบายแบบนี้ก็ต้องนึกถึงการนวดไทย ป้าเสงี่ยมจัดคุณหมอมานวดให้เราสองคน สบายสุดๆ

ก่อนจะหลับฝันดีป้าเสงี่ยมแจ้งว่าพรุ่งนี้รถมารับตอนตี 4.30 เพื่อไปขึ้นที่จุดชมวิว อ่ะรีบนอน...


สวัสดียามเช้า คุณลุงคนขับรถมารับ อากาศหนาว เลยขอนั่งในรถกันหมด คุณลุงเป็นทั้งคนขับรถและเป็นคนนำทางให้กับเราในเช้าวันนี้ ระหว่างทางลุงอธิบายเส้นทางให้กับเราฟังว่าเราจะเดินกันประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง เพราะเป็นเส้นทางเดินขึ้นเขา 555+ พวกเราช็อคกันไปสักพัก ลุงบอกว่าแค่ 800 เมตรเอง 5555 ก็จะถึงจุดชมวิวที่ชื่อว่า ห้วยต้นไฮ




เดินขึ้นมาเหนื่อยมาก แต่เมื่อเห็นวิวตรงหน้ายอมใจคะ ป้าเสงี่ยมเล่าให้เราฟังว่า จุดชมวิวห้วยต้นไฮ เป็นเนินภูเขาที่อยู่บนบริเวณที่ดินของป้าเสงี่ยมซึ่งเป็นสวนผลไม้ ป้าเสงี่ยมเป็นคนพบเจอบริเวณนี้เนื่องจากแอบหนีลูกขึ้นมาหาของป่า เดินขึ้นมารู้สึกเหนื่อยเลยนั่งพักแล้วเมื่อเจอวิวตรงหน้าก็ประทับใจเมื่อมีโอกาสได้ทำโฮมสเตย์จึงเลือกจุดชมวิวตรงนี้ เป็นไฮไลท์ของนาต้นจั่น


และกิจกรรมหลักของการนั่งชมวิวที่นี่ก็จะต้องดื่มกาแฟหรือโอวัลตินจากแก้วและหลอดไม้ไผ่ นี่สินะที่เขาเรียกว่าเที่ยวเชิงอนุรักษ์




สำหรับเช้านี้ไม่มีหมอกแต่วิวตรงหน้าสามารถทดแทนได้อย่างประทับใจ




เริ่มมีแสงก็ทำให้เราเห็นบรรยากาศรอบตัวได้ชัดเจนมากขึ้น












ปล. อย่าลืมเอาแก้วไม้ไผ่กับหลอดไม้ไผ่กลับบ้าน เนอะถือว่าเป็นของที่ระลึกจากจุดชมวิว ห้วยต้นไฮ ลืมแจ้งข้อมูลด้านบนมีห้องน้ำไม่ต้องเป็นห่วงกันนะ




และเมื่อมีแสงพระอาทิตย์ก็ทำให้เราได้ เห็นเส้นทางที่เราเดินขึ้นมาชัดเจนมากขึ้น ตอนขึ้นว่ายากแล้วตอนลงยากกว่า 555




และต้องขอแนะนำเพื่อนร่วมเดินทางที่วิ่งมาตั้งแต่หมู่บ้าน และเดินขึ้นเขามาพร้อมกับเรา นั่นก็คือ คำแก้ว สุดสวย ถือว่าเป็นไกด์ท้องถิ่น ที่ใครมาที่นี่ก็ต้องประทับใจกับเธอ 555+



ระหว่างทางกลับก็ได้เห็นสวนผลไม้ของป้าเสงี่ยม ทุเรียนของป้ากำลังจะออกแล้วนะจ๊ะ หน้าทุเรียนเมื่อไหร่พวกเราอาจจะมาเยี่ยมอีก 555+ เมื่อเดินมาถึงด้านล่างก็จะเจอจุดจอดรถก็มีห้องน้ำบริการ ลุงคนขับรถให้ข้อมูลว่าที่ดินตรงนี้เป็นของป้าเสงี่ยม ป้ายังใจดีทำห้องน้ำไว้ดูแลพวกเราอีก


ระหว่างทางกลับเราผ่านโฮมสเตย์หลายหลังถือว่าวิวน่าประทับใจเลยทีเดียว แอบถ่ายรูปมาให้ชม !!




เมื่อถึงบ้านป้าเสงี่ยมเตรียมข้าวเช้าไว้ให้ คือสุดยอดไม่แพ้เมื่อวานทั้งหน้าตาและรสชาติ





ที่สำคัญป้ามีขนมตาลสุดอร่อยฝากพวกเราด้วย ส่วนกับข้าวก็มีหมูทอดข้าวเหนียวน้ำพริกหนุ่มผักสดแคบหมู ไข่เจียว ต้มจืด ปลาทูทอด พะแนงหมู สุดยอดมาก ใครมาที่นี่ต้องประทับใจเรื่องอาหารการกิน เหมือนกับพวกเราแน่นอน



สำหรับใครอยากกินกาแฟมื้อเช้าก็เดินไปที่ร้านกาแฟนาต้นจั่น กาแฟราคาถูก นางแบบชอบมากคะ

จากนั้นพวกเราก็อาบน้ำ เตรียมเก็บของกลับบ้านแต่ก่อนกลับเพียงแค่เดินข้ามถนน ก็ไปชิมข้าวเปิ้ปล้มยักษ์ เพราะว่าชามใหญ่มาก ที่ลานตะเลิ๊บเปิ๊บ






คำว่าเปิ้ป คือการใช้ไม้ห่อ นั่นเอง ก็จะทำแป้ง ให้บางแล้วก็ใส่ผักกับวุ้นเส้นลงไป แล้วก็ ราดด้วยน้ำซุปและเครื่องคล้ายก๋วยเตี๋ยว และที่บอกว่าล้มยักษ์ได้ เพราะชามมันใหญ่นี่เอง



นอกจากนี้ยังมีเมนูข้าวพันและก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยให้ได้ลองชิมกันอีกด้วย


ณ. ลานตะเลิ๊บเปิ๊บ ก็คือตลาดที่รวมทั้งของกินขนมเสื้อผ้าที่เป็นของท้องถิ่นบ้านนาต้นจั่น



และที่นี่ก็เป็นสถานที่ สาธิตการย้อมผ้าจากวัสดุธรรมชาติและการทำผ้าหมักโคลน ใครที่มาที่นี่อย่าลืมแวะชมนะคะจะอยู่ด้านหลังของ ลานตะเลิ๊บเปิ๊บ





นี่คือพืชที่ให้สีแต่ละสีซึ่งสามารถย้อมได้ออกมาสวยงามตามรูปด้านล่าง



ได้เวลาเตรียมตัวกลับ เจอป้าเสงี่ยมที่ลานตะเลิ๊บเปิ๊บ ก็เลยขอถ่ายรูปเพื่อเป็นที่ระลึก เพราะป้าทำให้พวกเรากินอิ่มนอนหลับ บรรยากาศที่พักน่ารัก และที่สำคัญเพราะแนวคิดของป้าทำให้เกิด โฮมสเตย์นาต้นจั่นขึ้น


และสุดท้ายต้องขอบคุณนางแบบทุกคนของเราที่ทุ่มเทโพสท่า และเตรียมชุดให้เข้ากับบรรยากาศ อย่างที่สุด

และขอบคุณสำหรับการติดตามของคนอ่านทุกคน

Be Traveler

Be Traveler

 วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 22.47 น.

ความคิดเห็น