เมื่อผมไปเดินขึ้นเขาหงอนนาค (Dragon crest) จ.กระบี่ ระยะทาง 3.7 กิโลเมตร
ไปแบบไม่มีรถจะไปยังไง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ทางโหดแค่ไหน ผมจะมาบรรยายให้อ่าน
#เขาหงอนนาค #กระบี่ #emproud #แบกเป้เที่ยว #เดินป่า

ผมจัดทำเป็นคลิปไว้ด้วยติดตามได้ที่นี่ :

ผมขอเริ่มที่การเดินทางก่อน


เริ่มต้นจาก สายใต้ใหม่ (บรมราชชนนี) – บขส.กระบี่
การเดินทางด้วยรถทัวร์ เท่าที่ผมหาข้อมูลได้มีอยู่ 2 บริษัท คือ ของ บขส และ ลิกไนท์ทัวร์
ผมเดินทาง โดยรถทัวร์ บริษัท ลิกไนท์ ทัวร์ แบบ ม4ข หรือ ป.1 ราคา 587 บาท ต่อคน รอบ 20.00 ซึ่งเบาะสามารถปรับนอนได้ และของที่จะได้ประกอบด้วย ผ้าห่ม ขนมปัง น้ำเปล่า และนมถั่วเหลือง เมื่อรถมาถึงจุดแวะพักที่ ชุมพร ก็จะได้อาหารมื้อดึก เป็นเซตข้าวต้ม พร้อมกุนเชียง ไข่เค็ม ปลากรอบ มะระผัดไข่ จากนั้นถึงเดินทางต่อจนถึง บขส.กระบี่ รวมระยะเวลาทั้งหมด 13 ชั่วโมง


เมื่อถึง บขส กระบี่ ผมจะต้องเดินทางต่อไป หาดนพรัตน์ธารา เพื่อไปฝากกระเป๋าไว้กับที่พัก และเช่ามอเตอร์ไซด์


บริเวณนี้จะมีรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง สำหรับเดินทางไปในเมือง และเป็นที่จอดรถสองแถว


รถสองแถวคันนี้ เดินทางตาก บขส กระบี่ ไปอ่าวนาง ซึ่งผ่านหาดนพรัตน์ธารา ผมเดินทางด้วยสองแถวคันนี้ ราคา 60฿ ต่อคน จนมาถึงหาดนพรัตน์ธารา


เมื่อมาถึงก็แวะกินข้าว ร้านนี้ชื่อว่า ครัวอัสมีนา ซึ่งเป็นร้านอาหารตามสั่งที่ ราคาอยู่ที่ 50-80 บาท
ถือว่า ถูกกว่าร้านอื่นๆ ที่ราคาจะอยู่ที่ 80 บาทขึ้นไป

เรื่องราคาอาหารที่นี้ถือว่าสูง เรื่องจากมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย แต่ร้านส่วนใหญ่ก็จะลดราคาให้ เวลารู้ว่าเราเป็นคนไทย


มาถึงที่พักแล้ว เราพักที่อ่าวนาง อันดามันรีสอร์ท ราคา 500฿ ต่อคืน นอนได้ 2 คน ห้องน้ำรวม แต่ละชั้นจะมี 4 ห้อง และใช้ห้องน้ำร่วมกัน แต่ก็ไม่ลำบากมากเท่าไหร่

ที่นี่อยู่ติดร้านข้าว กับเซเว่นเลย ทำให้หาของกินสะดวก นอกจากนี้ยังสามารถจองทัวร์เพื่อไปเกาะต่างๆ ในราคาคนไทย


สำหรับร้านเช่ามอไซด์ ก็อยู่ข้างๆ ที่พักนั่นแหละ
ราคา : 250 บาทต่อวัน
มัดจำ : บัตรประชาชน+เงิน 3000 บาท


การเดินทางจากหาดนพรัตน์ธารา ให้ขับมอเตอร์ไซด์ เลียบทะเล แล้วเลี้ยวขวา ไปทางบ้านหนองทะเล
คำแนะนำ : อย่าใช้ google map เพราะจะหลง ให้ใช้วิธีถามทางไปเรื่อยๆ
เมื่อมาถึงจะมีที่จอดรถ จากนั้นให้ไปลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ อย่าลืมถ่ายเบอร์มือถือ เจ้าหน้าที่มาด้วย เผื่อกรณีฉุกเฉิน

มาเริ่มเดินกันเถอะ



เส้นทางช่วงแรกเดินว่าย เพราะกว้างและไม่ชันมาก


ป่าที่นี่อุดมสมบูรณ์มาก มีแต่ต้นไม้ใหญ่ๆ ใครอยากมาเติม ออกซิเจนให้ปอด ให้มาที่นี่เลย


ดอกไม้ก็มีให้ชม
ระหว่างเดินจะมีเสียงน้ำไหลตามลำธาร เสียงนก เสียงสัตว์ตัวเล็กๆ เดิน

ระหว่างเดินก็จะมีชาวต่างชาติเดินสวนลงมา แล้วทักทายเรา

เมื่อผ่าน กิโลเมตรแรกมาแล้ว ทางจะเริ่มชันขึ้น และเป็นหลุม เมื่อเหนื่อยก็แวะถ่ายรูปกันก่อน


และจะเจอกับบันไดไม้ ตอนแรกก็คิดว่า ไม่กี่ขั้น แต่พอมองกลับลงไป มันก็หลายขั้นอยู่



ช่วงกิโลเมตรที่ 2-3 ทางจะชันขึ้นมาก และมีก้อนหิรฝนกับรากต้นไม้ สะดุดไปหลายครั้งจนเกือบล้ม


เดินไปชมทางข้างๆ ถึงจะมีแต่ป่า แต่ก็ยังมีแสงอาทิตย์ให้เห็


มาถึงจุดชมวิวแรกแล้ว เห็นทะเลจากบนภูเขาก็สวยไปอีกแบบ


นี่ก็อีกอุปสรรคที่เราต้องผ่านไป ทางเริ่มเล็กลงเรื่อยๆ

ฝั่งนี้เป็นจุดชมวิวที่สอง นั่งพักกันก่อน นอกจากนี้ยังมีหินก้อนใหญ่ ไว้ถ่ายรูปเล่นระหว่างนั่งพัก



ถึงสักที่ จุดชมวิวเขาหงอนนาค


ป้ายนี้อธิบายว่า เขาแต่ละลูกที่เราเห็นชื่อว่าอะไรบ้าง แต่ความสวยงามยังไม่จบแค่นี้ เอ้า รออะไรอยู่ ไปกันต่อสิ


จากจุดชมวิวเขาหงอนนาค จะมีทางเดินขึ้นมายังยอดเขา ซึ่งต้องปืนหินขึ้นมาอีก 100 เมตร

ขอยืนพักเหนื่อยก่อน เพราะยังไม่หมดแค่นี้


นี่คือ เป้าหมายของหลายๆ คนที่อยากเดินทางมาที่นี่

เวลาเดินไป จะมีเชือกให้จับ ต้องใช้ความระวัดระวัง อย่างมาก

จบภาระกิจในวันนี้แล้วก็เดินทางกลับมายังที่พัก จะเจอร้านอาหารร้านนี้ อยู่ติดเซเว่นเลย ตอนไปถึงป้าก็ speak english กับเราเลย พอบอกว่าเป็นคนไทยป้าก็ขำ ราคาอาหารตามป้าย อยู่ที่ 70-100 บาท ก็ถือว่าแพงมากสำหรับอาหารตามสั่ง แต่ป้าใจดีลดให้เหลือ 50 บาท



ความคิดเห็น