ร้าน Stamina En เป็นร้านเป็นร้านยากินิคุแบบต้นตำรับแท้ๆจากญี่ปุ่น ซึ่งมีสาขาในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่มีสาขาอยู่สามสาขาครับ คือที่ทองหล่อ ซ.10, ศรีราชาและที่โครงการ Nihonmachi ชั้น2 ติดกับK-Village ซึ่งเป็นสาขาที่ผมมาลองครับ

ร้านนี้ผมมาด้วยความไม่ตั้งใจเท่าไหร่ เพราะมาเดินเล่นที่K-Village เดินไปเดินมาก็เบื่อร้านอาหารที่นี่ เลยเดินทะลุมาที่Nihonmachi ผมเดินวนดูเมนูหน้าร้านของทุกร้าน มีร้านน่าสนใจอยู่หลายร้านเลย แต่มาติดใจรูปเนื้อในเมนูที่มีมันแทรก Meat Lover อย่างผมเห็นแล้วแทบละลาย ผมไปทานมื้อกลางวันของวันเสาร์ครับ เป็นลูกค้าโต๊ะแรกเลย แต่พออีกแป้บนึงก็มีลูกค้าญี่ปุ่นค่อยๆทยอยเข้ามา ตัวร้านก็จะเป็นบรรายากาศแบบร้านปิ้งย่าง มีที่ดูดควันประจำอยู่เหนือเตาทุกโต๊ะ ตัวเตาจะเป็นเตาถ่าน ที่มีนั่งรองรับได้ประมาณ70ที่ครับ พอเริ่มนั่งก็มีผ้าเย็นมาให้ก่อนเลยครับ เช็ดหน้าเช็ดตาเช็ดมือเตรียมพร้อมลุย จานพร้อม ตะเกียบพร้อม น้ำจิ้มพร้อม (ทางร้านจะมีน้ำจิ้มแจ่ว รสไทยจัดจ้านมาให้ด้วยนะครับ)


.

.

ในเมนูส่วนใหญ่จะเป็นเมนูเนื้อ มีภาษาไทยกำกับอยู่ชัดเจนดี แต่รอบร้านที่มีรูปเนื้อส่วนอื่นๆนอกเหนือจากในเมนูแต่ไม่มีภาษาไทยกำกับเลย ด้วยความอยากรู้ ผมเลยมีโอกาสได้คุย กับผจก.ร้าน เลยให้เค้าช่วยแนะนำเมนูให้หน่อย ผมเริ่มจากในเมนูก่อนครับ ไล่มาจากพวกเครื่องเคียงก่อนด้วยกิมจิ (100บาท)จะออกเค็มๆไปหน่อยครับ

Namuru เป็นรวมมิตรผักปรุงรส (100บาท)คล้ายๆยำผักของเกาหลีครับ ไม่ค่อยเห็นในร้านญี่ปุ่นเท่าไหร่ หอม อร่อยดีครับ


ชุดผักรวม (150บาท)ไว้ทานแกล้มกับเนื้อๆๆครับ


ซุปสาหร่ายวากาเมะ (200บาท)จะออกจืดๆหน่อย


และซุปเนื้อสันรสเผ็ด Karubi Soup(260บาท) อันนี้รสเข้ม ออกเผ็ดร้อนทานคู่กันไปคล่องคอดีครับ


มาต่อที่เนื้อๆกันครับ ผมสั่งรวมมิตรเนื้อสัน (290บาท) มาก่อนครับ จานนี้จะรวมเนื้อสันนอก สันในและเนื้อส่วนท้องครับ ผมลองละเมียดจานนี้ก่อนทีละชิ้นๆๆ กินทั้งแบบจิ้มและไม่จิ้มครับ ทานไปทานมาไม่รู้ว่าที่ทานไปเป็นส่วนไหนบ้างครับ เพราะเป็นจานรวม บางชิ้นนุ่มดี บางชิ้นมันเยอะกว่า บางชิ้นออกเหนียวกว่า


จานแรกมาอร่อยแต่แบบไม่สาแก่ใจครับ เลยสั่งสเต็กเนื้อสันพรีเมี่ยมครับ (880บาท) แอบเห็นรูปในเมนูตั้งแต่หน้าร้านเลย ลายเนื้อน่าทานเอามากๆๆๆๆๆ ชิ้นนี้ หนาและใหญ่พอดีๆครับ ประมาณ200กรัม อย่างที่ผมเคยเขียนไว้ในโพสเก่าๆครับว่าถ้าทานเนื้อดีๆแต่แล่สไลด์บางๆมาแล้วขึ้นเตาปิ้งย่าง ผมจะไม่ค่อยเห็นความต่างครับ แต่ถ้ามาเป็นชิ้นสเต็กแล้วหล่ะก็ รู้สึกถึงความต่างแน่นอนครับ ตัวนี้เป็นสันนอกที่มีลายเนื้อมีมันแทรกทั้งชิ้นครับ ชิ้นนี้มีทั้งแบบหมักเกลือและซอส ผมเลือกแบเกลือครับ เพราะอยากทานรสชาติของเนื้อแท้ๆเลย ผมเอาขึ้นเตาแค่พอสุกด้านนอกครับ แล้วค่อยๆบรรจงคีบเข้าปากอย่างช้าๆและบรรจงที่สุด พอเข้าปากเท่านั้นแล้วรู้ซึ้งเลยครับว่า "เนื้อที่นุ่ม และละลายในปากเป็นยังไง" ใครรักเนื้อชอบเนื้อผมแนะนำจริงๆครับ จานนี้ เนื้อนุ่มมากๆๆๆๆ ละลายในปากจริงๆ บรรยายไม่ถูกเลยครับ อร่อยมากๆๆๆจริงๆ เทียบราคากับร้านอื่นๆ ผมว่าไซส์นี่ ราคานี้ ถูกมากๆครับ


ลองจิ้มแจ่วดูครับ รสชาติไทยๆเค็มเผ็ดจัดจ้านแบบไทยๆดีครับ แต่ผมขอไม่จิ้มอะไรดีกว่าครับ 555


ชุดทะเลรวมมิตร(580บาท) เซ็ตนี้มีกุ้งไซส์กลางๆสองตัว ปลาหมึกและหอยเชลล์ครับ ตัวกุ้งสดดี เนื้อกรอบดี แกะเปลือกมาให้แล้ว หอยเชลล์ก็ชิ้นใหญ่พอดีคำครับ แต่ปลาหมึกออกจะเหนียวๆไปนิดครับ


เนื้อสันหมักในหม้อ(360บาท) ตัวนี้จะหมักมาเรียบร้อยแล้วครับ ชิ้นใหญ่พอสมควร ให้มาตัดแบ่งเป็นชิ้นๆเอง ใต้หม้อจะมีผักรองอยู่นิดๆหน่อยๆครับ ผมจับเอาขึ้นเตาทั้งชิ้นแล้วค่อยเอาพอให้สุกสองด้านแบบmediumครับ แล้วค่อยตัดๆแบ่งเป็นคำๆ ชิ้นนี้จะมีมันอยู่กลางๆชิ้นครับ ทานแล้วมันก็ชุ่มฉ่ำในปากดีมากๆ ทานกับผักแกล้ม ลดความเข้มข้นของตัวซอสได้ดีครับ


ผมกลัวคนไม่ทานเนื้อจะน้อยใจครับ เพราะที่นี่มีหมูด้วยครับ และในก๊วนที่ไปทานด้วยกันก็มีคนไม่ทานเนื้อด้วยเหมือนกัน เลยสั่งหมูมาด้วยครับ หมูที่นี่ทั้งหมดเป็นหมูจาก S-Pure ครับ ปลอดสารแน่นอน จริงๆถ้ามาทานแต่หมูอย่างเดียวก็อาจจะไม่รู้สึกอะไรนะครับ แต่ผมทานเนื้อนุ่มๆมาในคำก่อนหน้า อร่อยๆมาโดนหมู รู้สึกคุ้มมากๆครับที่ทานเนื้อ ผมเลยไม่ไปแย่งก๊วนคนที่ไม่ทานเนื้อเลยครับ เริ่มสั่งจากหมูสามชั้น(200บาท)


สันคอหมู(210บาท) สองตัวนี้จะหมักซอสมาด้วยครับ


เบคอน(180บาท)


คอหมู(220บาท)


ไส้กรอกหมูผสมแกะ(160บาท)


ที่เหลือเป็นเนื้อที่ไม่ใช่ Chef Recommended ครับ แต่เป็นเนื้อจานที่ผ้จัดการร้านแนะนำแทน ผมขอความเห็นทางผู้จัดการไปครับ ว่ามีเนื้อส่วนไหนน่าสนใจอีกบ้าง ผมติดใจเนื้อที่นี่มากๆ เค้าก็เริ่มชี้ไปตรงรูปที่แปะๆอยู่รอบร้าน ซึ่งไม่มีในเมนูและไม่มีภาษาไทยกำกับซะด้วยครับ จานแรกที่แนะนำเป็น Getakarubi (290บาท) เป็นเนื้อระหว่างซี่โครงครับ ตัวนี้จะหมักซอสที่ไม่เหมือนตัวอื่นๆครับ เพราะตัวซอสจะผสมพริก ขิงดองและกระเทียมดองครับ รสชาติจะออกเค็มๆเผ็ดบางๆครับ ทางผจก.ร้านแนะนำให้ทานกับข้าว ซึ่งข้าวของที่นี่จะเป็นข้าวกล้องญี่ปุ่น ที่เป็นข้าวใหม่ครับ แล้วทางร้านจะมาสีเอง ด้วยเครื่องสีขนาดเล็กของทางร้านครับ เค้าบอกว่าข้าวที่สีใหม่ๆแล้วหุงจะอร่อยกว่าเยอะครับ ท้าให้ผมลอง แต่ผมไม่ได้เชื่อคนง่ายๆครับ 55555 เลยไม่ได้ลองเลย เพราะมัวแต่อยากชิมรสชาติของเนื้ออร่อยๆอย่างเดียวเลย แต่จริงๆคนญี่ปุ่นเค้าก็ทานกับข้าวสวยร้อยๆ ซุปหอมๆ กับเบียร์เย็นๆกันทั้งนั้น


อีกเมนูนึงเป็น Usu Rosu (260บาท) เป็นเนื้อสันนอกสไลด์บางแบบหมักซอสครับ ตัวนี้จะคล้ายกับเนื้อสันพรีเมี่ยมมากๆครับ แต่บางกว่าและหมักซอสมาด้วยครับ


และสุดท้ายเป็นMisuji (490บาท) เป็นเนื้อส่วนขาหน้าด้านในครับ ซึ่งเป็นส่วนขาหน้าจะเป็นส่วนที่มีเอ็นแทรกครับ แต่เค้าเลือกเอาส่วนที่ไม่ติดเอ็นมา มีมันแทรกให้พอเห็นเป็นลาย หมักมากับตัวซอส จนผมคิดถึงข้าวสวยร้อนๆแล้วครับตอนนี้ เพราะชุดหลังที่ทางร้านแนะนำมาเป็นแบบหมักซอสทุกตัวเลย แต่ก็ยัดอะไรกันไม่ไหวแล้วครับ เลยทานค่กับผักไปก็อร่อยไม่แพ้กันครับ


น้ำชาฟรีครับผม


น้ำแอปเปิ้ลครับ อีกที่เป็นโซดา ไม่ได้ถ่ายมาครับ 555


สรุป ผมเป็นคนทานเนื้อ ที่ลองเนื้อมาค่อนข้างหลากหลาย(ในราคาที่รับได้นะครับ) ไม่เคยลองชิ้นเป็นหมื่น เคยแค่ลองหลักหลายพัน ทั้งเนื้อไทยธรรมดา เนื้อไทยเกรดดี เนื้อนอกธรรมดา ไปจนถึงเนื้อนอกเกรดคัดพิเศษ ร้านนี้ถือเป็นอีกร้านที่คนรักเนื้อแบบผมชอบและถูกใจมากๆครับ ทุกคำที่คีบเข้าปาก มีความสุขทุกคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อสันแบบพรีเมี่ยมครับ เนื้อนุ่มมากๆ ชุ่มฉ่ำมาก แถมละลายในปากจริงๆในราคาที่ไม่แพง ไม่ใช่ว่าพอบอกว่าเป็นเนื้อวากิว นำเข้าจากออสเตรเลียแล้วผมจะบอกอร่อยและอวยกันเกินไป แต่เนื้อวากิวมีจุดเด่นจริงๆ เป็นวัวสายพันธ์จากญี่ปุ่น ไม่ว่าจะโกเบหรือมัตสึซากะก็เป็นวากิวครับ เลี้ยงโดยให้กินแต่ธัญพืช ต่างจากวัวกินหญ้าที่เนื้อจะมีกลิ่นสาบๆครับ แต่วากิวเนื้อจะนุ่มมากๆมีมันแทรกสวยงามและไม่มีกลิ่นจริงๆ ภรรยาผมเป็นคนไม่ทานเนื้อด้วยเหตุผลส่วนตัว ไม่ได้มีศาสนาเข้ามาโยงเกี่ยว ขอลองทานบ้างเพราะผมบรรยายความนุ่มให้เค้าฟังไม่ถูก เค้าเลยขอแบบสุกๆให้ลองหน่อย พอเค้าลองทานก็บอกว่านุ่มและละลายมากๆ ปกติเค้าได้กลิ่นเนื้อก็จะเหม็นๆแล้ว แต่รอบนี้ผิดคาดจริงๆ เค้ากลับชอบครับ



ฝากติดตามรีวิวร้านอื่นๆของเราได้เพิ่มเติมอีกสองช่องทางนะครับ

1. ทางเฟส http://www.facebook.com/letseatthailand และ

2. ทางBlog http://www.LetsEatThailand.com ด้วยนะคร้าบบบบ ขอบคุณครับ

ความคิดเห็น