สวัสดีครับเพื่อนๆ ทีมีใจรักในการเดินทาง นี่เป็นรีวิวเที่ยวเรื่องแรกของผมในนี้เลย หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ด้วยครับ..

ผมไปเที่ยวและพักแถวเขาหลักสองวันและคืนสุดท้ายก่อนที่จะกลับกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น เพื่อนที่อยู่แถวเขาหลักแนะนำว่ามีจุดชมวิวหนึ่งที่พังงาที่พึ่งเปิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ชื่อ "จุดชมวิวเสม็ดนางชี" แล้วก็โชว์รูปให้ผมดู ต้องยอมรับเลยว่า แวปแรกที่เห็นรูปก็แปลกใจว่า “เฮ้ยย! มีที่แบบนี้อยู่ในเมืองไทยด้วยหรอ" เลยตัดสินใจแบบนาทีสุดท้ายว่าจะต้องไปให้ได้เช้าวันรุ่งขึ้น เพราะผมต้องไปขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ ที่สนามบินภูเก็ตตอนบ่ายสองโมง ดังนั้นจะมีเวลาช่วงเช้าพอดี

ผมออกเดินทางจากเขาหลักประมาณเก้าโมงครึ่งของวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2559 ขับรถไปตามถนนเพชรเกษม (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4) วิ่งไปทางจังหวัดพังงา ขับรถไปสักพักประมาณหนึ่งชั่วโมงก็จะถึงบริเวณตำบลท่าอยู่ พอถึงหลักกิโลเมตรที่ 852 สังเกตว่าจะมีสะพานลอยคนข้ามข้างหน้า ให้ชะลอ และก็จะมีจุดกลับรถพอดี (แต่ถ้าไปตาม google map นำทาง จะให้ไปกลับที่หลักกิโลเมตรที่ 856.. ซึ่งไกลมากกก คือพลาด 555) พิกัดจุดชมวิวเสม็ดนางชี >> 8.240564, 98.449013

สะพานลอยคนข้ามใกล้จุดกลับรถที่หลัก กม.ที่ 852

หลังจากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าไป มีป้าย "ท่าเรือบ้านหินร่ม" อยู่ด้านหน้าทางเข้า

ถนนที่จะนำเราไปสู่จุดหมายครั้งนี้ครับ.. ระยะทาง 13 กิโลเมตรกว่าๆ จากนั้นจะเป็นถนนลาดยาง ผ่านหมู่บ้านเป็นระยะๆ มีของชำข้างบ้างประปราย (แต่ไม่มีร้านสะดวกซื้อตามทางนะครับ)

วิวระหว่างทาง

ขับรถไปเรื่อยๆ ชิวๆ ก็จะผ่านสวนยาง ไร่สับปะรด เห็นฝูงแพะบ้าง บรรยากาศสองข้างทางนี่ถือว่าเงียบสงบ เป็นธรรมชาติและร่มรื่นดีครับ รถไม่พลุกพล่านเลย ถนนลาดยางมะตอย ถนนโอเคมาก ไม่เป็นหลุมเป็นบ่อเหมือนผิวดาวอังคารเลยครับ ด้วยการที่ถนนโล่งมากเลยอยากให้ขับช้าๆ นะครับเพราะผ่านย่านชุมชนเป็นระยะๆ และมีทางโค้งเยอะ อาจเกิดอุบัติเหตุได้ครับ

พอผ่านช่วงสิบกิโลเมตรกว่าๆ จะเห็นภูเขาหินปูนน้อยใหญ่จำนวนมากด้านหน้าครับ แสดงว่า เรามาถูกทางและใกล้ถึงแล้ว สามารถแวะจอดรถเก็บภาพได้ตามทางตลอดเลยครับ ใช้เวลาไม่นานในที่สุดก็มาถึง “เสม็ดนางชีรีสอร์ท" เลี้ยวขวาเข้าไปเลยครับ

ภูเขาหินปูนอยู่ตรงหน้าแล้ว จุดหมายอยู่ไม่ไกลแล้ว..

Your destination is on your right hand side.. (google map กล่าว...)

ด้านล่างเป็นลานจอดรถกว้างๆ จอดได้หลายคันอยู่ หรือไม่ก็จอดริมถนนก็ได้ครับ หลังจากนั้นก็ให้เดินขึ้นภูเขาไปประมาณสามร้อยเมตร เป็นทางค่อนข้างชัน (45 องศาเลยทีเดียว ) ระหว่างทางก็ป้ายบอกเป็นระยะ 100 เมตร.. 200 เมตร และอย่าลืมหันหลังไปดูวิวด้วยนะครับแค่วิวที่ระยะทาง 100 เมตร นี่ก็ฟินมากแล้ว และถ้าขึ้นไปถึงด้านบนนี่จะขนาดไหนกัน ไม่อยากจะจินตนาการเลย..

ทางเดินขึ้นไปจุดชมวิว ชันเหมือนกันแต่ก็สู้ครับ!

วิวระหว่างทาง.. แค่นี้ก็อลังการมากแล้ว

ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณสิบถึงสิบห้านาที (ระยะเวลาเดินขึ้นแปรผันตามอายุครับ ) ก็มาถึงจุดชมวิว ด้านขวามือก่อนถึงจุดชมวิวจะมี ร้านสะดวกซื้อสุดคลาสสิกของทางรีสอร์ทที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มง่ายๆ หากนักท่องเที่ยวหิวหรือกระหายน้ำระหว่างชมวิว มีห้องสุขาเล็กๆ ไว้คอยให้บริการที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกมาก (แต่ไม่มีที่อาบน้ำนะครับ ผมว่าถ้าห้องน้ำเป็นแบบ open ได้นี่จะดีมากเลยเพราะด้านหน้าเป็นวิวที่สวยขนาดนี้ นั่งปลดทุกข์คงจะฟินสุดๆ )


และถัดไปอีกนิดเดียวจุดชมวิวจะเป็นลานกว้างๆ ที่มีการปรับพื้นที่ให้กับนักท่องเที่ยว มีเต้นท์ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างแรม

วิวที่ผมเห็นอยู่เบื้องหน้า ผมเชื่อว่าหลายคนต้องร้อง “ว้าววว" เพราะภาพแรกที่เห็นอยู่ตรงหน้า คือ “นี่มันสวรรค์ชัดๆ"

สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าคือภูเขาหินปูนน้อยใหญ่ แต่ละภูเขามีรูปร่างและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ถูกธรรมชาติจัดวางไว้อย่างลงตัวในอ่าวพังงา วิวของภูเขาหินปูนแบบ panoramic view มุมกว้างขนาดนี้จะหาที่ไหนได้อีกนอกจากที่นี่ เห็นวิวสวยขนาดนี้ อดใจไม่ไหวละครับ รีบงัดกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเลยครับ ตอนไปถึงก็ประมาณสิบโมงครึ่ง ท้องฟ้าโปร่ง แดดเริ่มสาดส่อง รังสี UVA และ UVB แผ่กระจายเต็มที่ เลยภาพที่ได้อาจไม่สวยเท่าที่ควรเพราะที่เห็นในรีวิวมา ช่วงเวลาตอนเช้ามืดที่ไปจับช้างหรือดูดาว หรือไม่ ช่วงพระอาทิตย์ขึ้น น่าจะได้รูปที่สวยมาก แต่ด้วยร่างกายที่อ่อนแรงเลยตื่นเช้าไม่ไหว ก็เลยได้ภาพแบบตอนสายๆ อย่างที่เห็นแหละครับ ผมว่าก็สวยไปอีกแบบนะ (เข้าข้างตัวเองหน่อย 55)

รีสอร์ทแห่งนี้อาจไม่มีเตียงนุ่มๆ ไม่มีอ่างจากุซซี่ ไม่มีอาหารหรูๆ แต่ที่นี่มีวิวที่ผมว่าประเมินค่าไม่ได้ และจะดูตอนไหนก็ไม่เบื่อ ดูตอนกลางคืนแถมดาวนับล้างดวงและทางช้างเผือกให้อีก..

ผมใช้เวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศวิวแบบ panorama ของอ่าวพังงาประมาณ 45 นาทีก็ต้องกลับก่อน เพราะเด่วจะตกเครื่องบินเอาได้ ไม่เพียงแต่จุดชมวิวเสม็ดนางชีที่มีวิวสวยๆ นะครับ บริเวณนั้นไม่ไกลจากชมวิวมากเท่าไหร่ ก็มีวิวที่อยู่ตามมุมต่างๆ ถ่ายรูปก็สวยไม่แพ้กันนะครับ

มุมนี้ค้นพบโดยบังเอิญระหว่างทางที่ขับกลับ หลังจากออกจากจุดชมวิวไม่ไกลมาก พอเจอสามแยกใหญ่แรกให้เลี้ยวขวาเข้าไปเลยครับ (ผมจำชื่อทางเข้าไม่ได้) และขับไปประมาณสักเกือบกิโล จะเจอไร่สับปะรดที่ฉากด้านหลังเป็นภูเขาหินปูน เลยจอดรถและแวะเข้าไปถ่ายรูปครับ พิกัดทางเข้า >> 8.255561, 98.439608

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

  • การเดินทางไปด้วยรถส่วนตัวจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดครับ จอดรถไว้ด้านล่างแล้วเดินขึ้นไปนะครับ ไม่อนุญาตให้นำรถขึ้นไปบนจุดชมวิว
  • ตอนที่ผมไป จุดชมวิวนี้เปิดให้เข้าชม “ฟรี" แต่บริเวณด้านบนจุดชมวิวและลานจอดรถจะมีกล่องรับบริจาคครับ (ขอเพิ่มข้อมูลนะครับ หลังจากวันที่ 1 มีนาคม 2559 เป็นต้นไป จะเริ่มเก็บค่าเข้าชมแล้วครับ - แก้ไขข้อมูล 28 กพ. 59)
  • ด้านบนมีอาหารและเครื่องดื่ม (แบบเบสิก) จำหน่ายครับ
  • ห้องน้ำมีให้บริการด้านบน แต่ไม่สามารถอาบน้ำได้
  • ระหว่างทางเดินขึ้นและจุดชมวิวจะเป็นลานดินแดงกว้างๆ ไม่แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบสีขาวครับ เพราะลงมารองเท้าอาจเปลี่ยนสีได้ 555 (เหมือนของผม)
  • สัญญาณโทรศัพท์มีตลอดครับ ผมใช้ google map ในการนำทางจากเขาหลักไปจนถึงชุดชมวิวเลย ถึงที่หมายแน่นอน
  • สามารถเข้าชมได้ตลอด 24 ชั่วโมงเพราะมีคนเฝ้าตลอดเวลาครับ หากไปตอนกลางคืนก็ค่อนข้างปลอดภัยครับ อย่าลืมเตรียมไฟฉายไปด้วยนะครับเพราะทางน่าจะมืดมาก
  • อย่าลืมแวะถ่ายรูประหว่างทางไปจุดชมวิวด้วยนะครับ มีหลายๆ จุดที่จอดรถและแวะถ่ายรูปได้ อาจได้มุมสวยๆ อีกเยอะเลยครับ

สำหรับรีวิวนี้ ผมหวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากสัมผัสมุมมองของสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และที่สำคัญมากก็คือสถานที่นี้พึ่งเปิดเมื่อไม่นานมานี้เอง ดังนั้นอยากให้เพื่อนๆ ทุกคนช่วยกันรักษาความสะอาดในพื้นที่ ไม่ทิ้งขยะ ช่วยกันรักษาความสะอาดในพื้นที่ ไม่ส่งเสียงดังรบกวน เพื่อรักษาสถานที่ท่องเที่ยวน่ารักๆ แบบนี้ให้คนอื่นๆ ได้มาสัมผัสความงามของธรรมชาติกันต่อไปนะครับ

ปล. รูปทั้งหมดถ่ายด้วย Canon EOS M3 with EF-M 18-55mm f/3.5-5.6 IS STM Lens, Sigma 10-20mm f/4-5.6 HSM lens (with Canon Mount Adapter EF-EOS M) ครับ

ไว้ครั้งหน้าจะหาโอกาสไปนอนนับดาวนับล้านดวงบ้าง

แล้วจะกลับมาอีกครั้งนะ..

[[ เสม็ดนางชี ]]


ขอบคุณสำหรับการรับชมครับ

และหากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ด้วยอีกครั้งนะครับ (:

หาเงินก็หาไป.. แต่อย่าลืม "หาเวลา" ให้ตัวเอง

-Hungry Traveller-

อีกช่องทางในการแชร์เรื่องราวดีๆ ให้กันและกันได้ที่ https://www.facebook.com/hungrytraveller ค้าบบบ

Hungry Traveller

 วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 19.21 น.

ความคิดเห็น