สวัสดีค่า…ทุกคนนน รีวิวแรกของการท่องเที่ยว จริงๆเที่ยวมาก็หลายที่แล้ว แต่ไม่รู้จะรีวิวยังไงดี
ข้อมูลเวลาเที่ยวก็เอามาจาก หลายๆบล็อกค่ะ ที่รีวิวครั้งนี้เพราะต้องการแบ่งปันเพื่อนๆบ้างงงง
เริ่มจากตั๋วเลยนะคะ รอบนี้เราไปของหางแดงค่ะ เจ้าประจำ ราคาขอไม่บอกนะคะ ไปราคาพนักงานค่ะ (สามีเป็นพนักงานหางแดงค่ะ) ประหยัดไปเยอะค่ะ
ลงที่โอซาก้านะคะ เพราะหางแดงไม่มีตรงนาโกย่า …..
หลังจากถึงสนามบิน ด้วยความที่ดึกแล้ว แล้วพรุ่งนี้จะเข้านาโกย่าต่อ เลยหาที่พักแถวสนามบินเพราะไม่อยากนอนที่สนามบินแล้ว (คราวที่แล้วที่มานอนสนามบินแล้ว รู้สึกว่าตื่นมาไม่ค่อยมีพลังในการเที่ยวเท่าไหร่เลยค่ะ)
เราเลยจองที่พัก Kansai Airport First Hotel ที่ Izumisano หลังจากผ่าน ตม รับกระเป๋าเสร็จ เราก็มุ่งหน้าไปที่พักเลยค่ะ ขึ้นรถสาย Nankai ค่ะ มีขบวนถึงดึกอยู่นะคะ อยู่ใกล้สถานีมากค่ะ เดินออกจากสถานีมาแปปเดียวก็ถึงที่พักค่ะ
เช้าวันถัดมา ก็ย้อนกลับมาสนามบินอีกหนึ่งครั้งเพื่อมาซื้อพาสเดินทางค่ะ ครั้งนี้เราใช้ Kintetsu rail wide pass 5 days ค่ะ ราคาพาส 5860 เยนค่ะ (เหมาะสำหรับคนที่จะไป นาโกย่า, มิเอะ, นารา, เกียวโต คุ้มมากกกจริงๆค่ะ)
สามารถขึ้นลงรถไฟฟ้าคินเท็ตสึ, รถไฟฟ้าอิกะ, รถบัสมิเอะและรถบัสโทบะชิคาโมเมะได้อย่างอิสระภายใน 5 วัน
ซื้อที่เคาท์เตอร์ตรงนี้ในสนามบินชั้นล่างนะคะ เป็นที่สำหรับซื้อหลายๆพาสด้วยค่ะ
หน้าตาพาสจะเป็นแบบนี้ค่ะ
มีคู่มือมาให้ด้วยค่ะ
นอกจากนี้ยังมีคูปองมาให้ทั้งหมด 5 ใบค่ะ 2 ใบจะไว้ใช้ไปกลับระหว่างสถานี สนามบินคันไซ – สถานีนัมบะ และ สถานีนัมบะ – สนามบินคันไซนะคะ ใช้รถสาย Nankai Line ค่ะ ได้ทุกแบบยกเว้น Limited express นะคะ
ส่วนคูปองอีก 3 ใบ ไว้สำหรับฟรีค่า Reserve seat for limited express ของสาย Kintetsu ค่ะ คุ้มมากจริงๆค่ะ
หลังจากได้พาสแล้วก็มุ่งหน้าเข้าเมืองไปค่ะ จากสถานีนัมบะ เราต้องไปขึ้นรถไฟสาย Kintetsu เพื่อไป นาโกย่า ต้องไปที่สถานี Osaka Namba ค่ะ ไป reserve seat ที่ได้มาฟรี เพื่อที่จะได้ไปถึงไวขึ้นหน่อยค่ะ (แค่ไป-กลับนาโกย่า โอซาก้า ก็คุ้มและค่ะ)
ระหว่างนั่งรถไฟก็หยิบข้าวกล่องที่ซื้อตรงสถานีมากินค่ะ ของเราเป็นซูชิ ที่ไม่มีโชยุ และ วาซาบิ มันออกจืดๆ ชืดๆค่ะ
อันนี้ของแฟนค่ะ อร่อยดีค่ะ
ในรถไฟมีห้องน้ำนะคะ ไม่ต้องกลัวเหมือนบ้านเรา ความสะอาดก็มีระดับนึงค่ะ (ที่ญี่ปุ่นนี่มีห้องน้ำรองรับทุกทีจริงๆค่ะ)
และแล้ว เราก็มาถึงนาโกย่า…หาที่พักก่อนเลยค่ะอันดับแรก ที่พัก เราเลือกที่ UNIZO INN Nagoya Sakae อยู่ย่านใจกลางเมืองของนาโกย่าค่ะ และก็อยู่ใกล้สถานี Sakae มากค่ะ เดินจากสถานี แค่ 2 นาที ออกทางออกที่ 2 นะคะ (ตอนแรกเราหาทางออกไม่เจอ เลยไปถามเจ้าหน้าที่เค้าให้เราไปออกทางออก 12 ค่ะ เดินอ้อมมากกกกกก)
วิวถ่ายจากหน้าโรงแรมค่ะ
Front ของ โรงแรมจะอยู่ที่ชั้น 2 นะคะ ข้างล่างโรงแรมจะมี Family mart กับ ร้านกาแฟ (ไม่ต้องกลัวอดตายค่ะ อิอิ)
รับกุญแจแล้วที่พักเราอยู่ชั้น 13 ค่ะ สูงสุดเลยยย
ห้องพักข้างในค่ะ ไม่ใหญ่นะคะ แต่ไม่ได้อึดอัดมากค่ะ ห้องน้ำก้อเล็กๆ แต่ก็ยังโอเครค่ะ (ถุงมือของแฟนเราเองค่ะ วางไว้)
ออกจากที่พักก็ไปเที่ยวกันเลยค่ะ ที่แรกของนาโกย่า….
เดินทางที่นาโกย่า เราใช้ Subway pass 1 day ค่ะ
เราขอประเดิม ที่ ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle) ค่ะ ลงที่สถานี Shiyakusho ทางออกที่ 7 นะคะ ใช้เวลาเดินทางจากสถานีรถไฟไปตัวปราสาท พอสมควร ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีค่ะ
ระหว่างทางเดินค่ะ
ประตูทางเข้านะคะ ต้องเสียค่าเข้าคนละ 500 เยน ค่ะ เปิด 9:00-16:30 ค่ะ
พอผ่านประตูไปก็ได้ไปเรื่อยๆค่ะ ระหว่างทางเดินก็จะมีต้นไม้สวยๆ บรรยากาศงามๆ อากาศดีๆ สบายตา สบายใจ ^^
มีรูปปั้นซามูไรค่ะ แต่ไม่รู้ประวัติไรมาก
ก่อนถึงตัวปราสาท จะบ้านอีกหลังนึง น่าจะให้เข้าไปชมตัวบ้านของสมัยซามูไรยังอยู่ หรือไรเนี่ยแหละค่ะ (ไม่ค่อยรู้เหมือนกันค่ะ แหะๆ เดินเข้าไปแบบงงๆ)
ข้างในก็จะมีประติมากรรมฝาผนังอันงดงามค่ะ
ออกมาคราวนี้ก็จะถึงปราสาทแล้วว ตื่นเต้นมากค่ะ แต่กลับเหมือนเค้าปิดบูรณะส่วนนึงด้วยค่ะ แอบเซ็ง!!
เข้าไปตัวปราสาทกันเลยค่า….
ปราสาทจะมีทั้งหมด 7 ชั้นนะคะ แต่ลิฟท์จะจอดถึงแค่ชั้น 5 ชั้นที่ 7 ชั้นชมวิว และของที่ระลึก ต้องเดินขึ้นไปเองค่ะ
ส่วนชั้นอื่นๆส่วนใหญ่จะเป็นประวัติความเป็นมาค่ะ เราก็เดินชมไปแบบชิวๆ
วิวจากชั้นที่ 7 ค่ะ
ของที่ระลึกต่างๆค่ะ
ฝาท่อนาโกย่าค่า สวยงาม
ออกจากปราสาท เราก็ไปต่อที่ศาลเจ้า Osu Kannon แล้วต่อด้วยช้อปปิ้งค่ะ เราอยู่กันจนถึงมืดเลย ย่านนี้เป็นย่านการค้าด้วยค่ะ ออกทางออกที่ 2 ค่ะ เดินมาเรื่อยๆค่ะ ไม่ไกลมาก
เห็น เซเว่นแล้วก็เลี้ยวซ้ายโลดดดค่า
ออกจากวัดก็ตะลุยเดินช้อปปิ้งและหาของกินค่า หิวมากเลยยย
ระหว่างเดินในซอยก็เจอศาลเจ้าเล็กๆ ไม่รู้ศาลไรเหมือนกันค่ะ มีจิ้งจอกด้วยค่ะ
จากนั้นก็หาของกินค่ะ มานาโกย่าเค้าว่าต้องกินไก่ค่ะ อิอิ หิวมากเลย เดินไปอีกนิดเจอร้านนึง Nagomidori เห็นรูปแล้วรู้เลยว่าร้านนี้ต้องขายไก่แน่ๆค่ะ 5555
ดูจากบรรยากาศร้านและเมนูเราคิดว่าต้องอร่อยแน่ๆ เราสั่งไก่มิโซะค่ะ ส่วนแฟนเราสั่งแบบต้นตำหรับของทางร้านเลย เมนูสุดฮิตด้วยค่ะ
มันอร่อยจริงๆอย่างที่คิดเลยค่ะ รู้สึกปลื้มปริ่ม ไก่มิโซะมันก็จะชุ่มไปด้วยซอส ส่วนแบบต้นตำหรับก็อร่อยมากไม่แพ้กันเลยค่ะ คนละแบบ เขียนไปยังอยากกินอีกรอบเลยค่ะ
ที่นี่มีห้างขายเสื้อมือสองด้วยนะคะ ก็จะมีเสื้อมือสองแบรนด์เนมบ้างคละๆกันไปค่ะ
แล้วก้อกลับที่พักกก พักผ่อนตามอัธยาศัยย ค่ะ นี่วิวตอนกลางคืนของหน้าโรงแรมค่ะ
ตอนเช้านี้เราก้อนัดกันตื่นเช้าหน่อยค่ะ เพราะจะเดินทางไปมิเอะ ใช้ตั๋ว Kintetsu และก้อใช้คูปอง reserve seat อีกเช่นเคย เดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ แต่วันนี้โชคร้าย ฝนตกค่า หนาวมากเลย จะถอยกลับก้อไม่ได้เลยเที่ยวแบบเปียกๆนั่นแหละค่ะ ซื้อร่มที่สถานีอิเซะ เอา 550 เยน แหนะค่ะ
บรรยากาศที่สถานีรถไฟค่ะ ฟ้าหม่นๆ ตกปรอยๆ ทั้งวันเลย T^T
ออกจากสถานีอิเซะ (ถ้าเพื่อนๆมาสาย Kintetsu ให้ออกทางประตู JR นะคะ เพราะถ้าออกของ Kintetsu เลยจะเดินผิดทางค่ะ) จุดหมายปลายทางแรกของเราคือ ศาลเจ้าอิเซะค่ะ ออกจากสถานีเดินไปได้ค่ะ มีป้ายบอก หรือไม่ก้อตามคนที่เค้าเดินกัน คนจะมุ่งหน้าไปทางเดียวกันเยอะค่ะ เพราะศาลเจ้านี้ถือเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่อีกศาลนึงเลยของญี่ปุ่นค่ะ
ที่อิเซะนี่การเดินทางจะให้รถ Bus นะคะ ถ้าเพื่อนๆใช้ บัตร Kintetsu Rail pass wide แบบเรา สามารถใช้ขึ้นได้เลยค่ะ ฟรี (คุ้มมากกก) แต่ถ้าไม่มี สามารถซื้อพาสของรถ Bus ได้เลยค่ะ แบบ One day จะประมาณ 1000 เยนค่ะ ซื้อที่สถานีตรงทางออกได้เลยค่ะ
ระหว่างทางเดินไปศาลเจ้า ฝนก้อตก ภาพก้อถ่ายไม่ได้เยอะมาก เราเลยแวะเข้ากินข้าวที่ร้านแห่งนึง อยู่ตรงข้ามกะศาลเจ้าค่ะ
พักดื่มน้ำชาดับหนาวกันค่ะ
เมนูอาหารเค้าอ่านไม่ออกเลยค่ะ จิ้มตามภาพ ภาพก้อมีไม่กี่ภาพเองค่ะ
นี่คือหน้าตาอาหารของเรา (ไม่รู้คืออะไรเหมือนกันค่ะ แต่น่าจะไปเครื่องในของปลาค่ะ อร่อยใช่เล่น)
อีกเมนูเป็นข้าวหน้าปลาดิบ มีปลาตัวเล็กๆ อร่อยแปลกดีเหมือนกัน
ระหว่างนั่งทานก้อมีเครื่องทำให้เราอุ่นค่ะ (อยากจะเอาพกติดตัวจริงๆเลยค่ะ)
หลังจากกินอิ่มแล้ว…เตรียมออกไปเผชิญความหนาวและเปียกกันค่ะ T^T
ที่ล้างมือก่อนเข้าศาลค่ะ (แทบไม่มีใครล้างค่ะ เพราะมันหนาวมาก)
ศาลเจ้าอิเสะประกอบด้วยศาลเจ้าหลักๆ 2 แห่งนะคะ ได้แก่ Naiku คือศาลเจ้าส่วนใน (Inner Shrine) และ Geku คือศาลเจ้าส่วนนอก (Outer Shrine) ที่เรากำลังเข้าไปคือ Geku ค่ะ
ขนาดฝนตกคนยังเดินกันเยอะแยะเลยค่ะ ทุกคนต่างมาด้วยความศรัทธาของศาลเจ้าค่ะ
หลังจากเข้าไปข้างใน (ไม่ได้ถ่ายนะคะเนื่องจากมันเปียก เกินเลยต้องเก็บกล้องไว้ก่อนค่ะ) เราก้อออกมานั่งพักสำหรับที่เค้าจัดไว้ให้ หลบหนาวดื่มน้ำชาร้อนให้อุ่นๆ เพราะจะไม่ไหวแล้วค่ะ
ออกจาก Geku ที่ประตูเดิมและข้ามถนนมาขึ้นรถ Bus สายที่ 2 เพื่อที่จะไป naiku กันค่ะ
เข้าไปแล้วก็จะเดินผ่านสะพานค่ะ สวยงามมากจริงๆ (จะดีกว่านี้ถ้าฝนหยุดตกให้สักที)
พอออกจาก Naiku มา ก้อเดินเล่นตลาด Oharaimachi ท่ามกลางสายฝนปรอยๆ
เรามุ่งหน้าจะไปที่ศาลเจ้าแมวค่ะ ตรงใกล้ๆศาลเจ้าแมวจะมีร้านขายเนื้อย่างอยู่ค่ะ อร่อยมากกก มันคือเนื้อมัตสึซากะ ค่ะ มันนุ่มลิ้น ละมุน ฟินนน มี 3 ราคา 500, 800 และ 1200 เยนค่ะ เรากินแบบ 500 ก้อฟินละค่ะ
ผ่านความฟินไปก้อไปต่อที่ศาลเจ้าแมวค่ะ จะไปหาซื้อแมวนำโชคค่ะ อิอิ
ที่ร้านขายแมวนำโชคมีให้เล่นเสี่ยงโชคด้วยค่ะ แบบหมุนให้ลูกหินสีหล่นลงมา เราแจ็กพอตค่ะ ได้หินสีฟ้าเลย (เหมือนรางวัลที่ 3) ได้แมวตัวใหญ่ในราคา 500 เยน (ค่าจับต่อครั้งค่ะ)
เสร็จแล้วก้อเดินทางกลับค่ะ จริงๆอยากเที่ยวอิเซะมากกว่านี้ แต่ฝนมันไม่หยุดเลย และจะไม่ไหวกันแล้วด้วย เลยขอถอยค่ะ กลับนาโกย่ากันเลย
เช้าวันที่ 3 วันนี้แพลนของเราจะต้องไปนาราค่ะ แต่ช่วงเช้าเราเลยขอเก็บอีก 1 วัดที่นาโกย่าก่อนไป ซึ่งเป็นวัดที่สำคัญสำหรับคนไทยค่ะ วัดนิตไทจิ เป็นวัดที่มีรูปปั้น ร.5 อยู่ค่ะ เนื่องจากพระองค์ได้พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุบางส่วนให้ เพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่ชาวพุทธในญี่ปุ่น โดยได้เสด็จมาพระราชทานด้วยพระองค์เอง ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และได้พระราชทานพระพุทธรูปสำริดอายุกว่าหนึ่งพันปีให้ด้วย
เราไปลงกันที่สถานี Kakuozan ทางออกหมายเลข 1 ออกมาแล้วจะเจอกับ Starbucks ตรงหัวมุม แล้วก้อเลี้ยวขวาตรงซอยได้เลยค่ะ
ระหว่างทางเดิน..วันนี้โชคดีค่ะ เจอตลาดเหมือนตลาดนัดข้างทางบ้านเรา (ไม่รู้มีทุกวัน หรือทุกวันอาทิตย์นะคะ ) มีคนมาเดินเยอะนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นคุณลุง คุณป้าค่ะ ^^
ถึงแล้วค่ะ Nittaiji
สองข้างประตูจะมีรูปปั้นค่ะ
เดินเข้าไปข้างในก้อยังมีตลาดนัดอยู่นัดด้วยนะคะ
เดินทางออกจากวัด แล้วมุ่งหน้าไปนาราเลยยยยยยยย
เหมือนเดิมค่ะ ใช้ตั๋ว Kintetsu Line พร้อมจองที่นั่ง ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ อีกเช่นเคย
ที่พักที่นาราเราพักที่ Toyoko Inn Kintetsu Nara Ekimae อยู่ใกล้กับสถานี Kintetsu Nara เลยค่ะ แล้วใกล้แหล่งเที่ยวเดียว ไม่ต้องเปลืองค่ารถ Bus เลยค่ะ
เข้าที่พักแล้ว ก้อออกตระเวนต่อเลยค่ะ เดินไปเรื่อยๆเจอที่ไหนก่อนจะแวะก่อนค่ะ
วัดแรกที่เจอคือ Kofuku-Ji ค่ะ
เดินต่อไปเรื่อยๆค่ะ ก้อเริ่มเจอน้องกวางมาทักทาย น่ารักดีนะคะ แต่บางทีก้อแอบกลัว 555 เค้าจะมีป้ายเตือนไว้ด้วยนะคะ
Bus ของที่นาราค่ะ น่ารักดี
ไปต่อกันที่ วัดใหญ่ของที่นี่ค่ะ Todaiji Temple ทางเข้าวัดกวางจะเยอะมากๆเลยค่ะ จะมีขนมแซมเบ้ขายสำหรับกวาง แค่มีขนมกวางก้อมารุมกันเต็มเลยย
ระหว่างทางเดินในวัด จะมี Musuem ของวัดค่ะ
ก่อนเข้าไปต้องซื้อตั๋วก่อนนะคะ 500 เยนค่า
เดินเข้าไปข้างในกันเลยยยยยยยยยยย
เสาตรงนี้ถ้ารอดได้เค้าว่าจะสมหวังค่ะ
เดินออกจากวัด Todaiji มา ก้อเจอศาลเจ้าเล็กๆ ข้างทางเลยแวะค่ะ
กลับโอซาก้ากันค่ะ …รอบนี้ก้อรอบสองแล้วที่มาโอซาก้า พักที่เดิมค่ะ Shin imamiya มันเดินทางสะดวกและถูก
ที่แรก ศาลเจ้าสุมิโยชิ เข้าชมฟรี เดิน 5 - 10 นาที จาก Sumiyoshi Taisha Station (Nankai Main Line) east exitออกจากสถานี เลี้ยวซ้ายนะคะ
ศาลเจ้านี้ เป็นศาลเจ้าเกี่ยวกับการค้าขายค่ะ
ส่วนที่เด่นๆคือตรงนี้ เรียกสะพานกลองค่ะ เพระาเป็นสะพานที่โค้งมาก เมื่อมองสะท้อนกับน้ำ ก็จะเป็นทรงกลมเหมือนกลองค่ะ
เดินข้ามประตูวัดเข้าไปกันเลยค่ะ
วัดที่สองที่เราไป คือวัดชิเทนโนจิ วัดแห่งนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานนับพันปี ถือเป็นวัดพุทธศาสนาแห่งแรกๆ ในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ไปที่สถานี Shitennoji-mae yuhigaoka ออกทางออกที่ 4 เดินประมาณ 5 นาทีนะคะ
เดินไปตามทางๆเรื่อยๆ
มีสุสานอยู่ใกล้ๆวัดค่ะ
ถึงวัดแล้วค่า….ส่วนนึงของวัดปิดบูรณะค่ะ อดเห็นเลย
แล้วก้อออกจากวัดไปที่พักเพื่อเอาของ ไป Rinku Outlet ค่ะ
ขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามอ่านนะคะ อาจไม่ละเอียดมาก ตะกุกตะกักบ้างเพราะรีวิวครั้งแรก คราวหน้าจะรีวิวใหม่นะคะ
^^
Wanaporn Wattanasinchai
วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.02 น.