ข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้........ภูเก็ต ! ! ! ! ! ! !
เปิดตัวแบบยิ่งใหญ่นิดนึง กับเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่ไม่ว่าฤดูกาลใด ก็ฮอตฮิตติดลมบน ดึงดูดใจทั้งนักท่องเที่ยวไทย ทั้งชาวต่างชาติ และเราเอง ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกที่นี่ดึงดูดเอาไว้เช่นกัน
ต้องบอกก่อนเลยว่าทริปนี้ เป็นการเที่ยวภูเก็ตครั้งแรกของเรา และเป็นครั้งที่ 2 ในการเดินทางมาเที่ยวทางฝั่งภาคใต้ อารมณ์ก็จะประมาณตื่นเต้นเกินเบอร์ไปนิดนึง
และสำหรับโปรแกรมในครั้งนี้ เรามีเวลา 3 วัน 2 คืน ในการดื่มด่ำความสวยงามของเกาะภูเก็ต ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวนั่น จะเรียกว่าเน้นเที่ยวบนบกก็ไม่ใช่ จะว่าลงอยู่ในทะเลก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าอยู่แถบชายฝั่งซะเป็นส่วนใหญ่ก็แล้วกัน
วันที่ 1.........สวัสดีภูเก็ต
เราเดินทางมาถึงภูเก็ตในช่วงเช้าและมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าจะไปกินติ่มซำเป็นมื้อแรกของการเยือนภูเก็ต เพราะเขาว่ากันว่า มาภูเก็ตแล้วไม่กินติ่มซำ ถือว่ามาไม่ถึง.......
หลังจากค้นหาร้านเด็ดอยู่นาน จึงตัดสินใจเลือกร้าน "ซุปเปอร์ติ่มซำสนามบินภูเก็ต" เหตุผลเดียวเลยคือ เป็นร้านที่ใกล้ที่สุดแล้ว ในตอนนั่น
สำหรับร้าน "ซุปเปอร์ติ่มซำสนามบินภูเก็ต" เป็นร้านบ้านๆ ไม่มีห้องแอร์ แต่มีติ่มซำมีให้เลือกเยอะและอร่อยด้วย โดยเฉพาะขนมจีบ ฮะเก๋า ส่วนบ๊ะกุ๊ดเต๋ ตัวน้ำซุปเข้มข้นด้วยเครื่องยามาก บอกเลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆ
ร้านเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.30 น.-12.00 น.
หลังจากอิ่มท้องแล้ว ร่างกายก็มีความต้องการทะเล เราจึงมุ่งหน้าไปยัง "หาดสุรินทร์" เพราะไม่ไกลจากจุดที่เราอยู่มากนัก
หาดสุรินทร์ เป็นชายหาดที่ขึ้นชื่ออีกหาดหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต มีความโดดเด่นในเรื่องหาดทรายขาวสะอาด และน้ำทะเลใสแจ๋วชวนมอง สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี อย่างในช่วงฤดูร้อน ชายหาดแห่งนี้จะมีความสวยงามสดใสด้วยแสงแดด น้ำทะเลกลายเป็นสีฟ้าสดใส คลื่นลมสงบเหมาะสำหรับกิจกรรมความเพลิดเพลินริมชายหาด แต่พอถึงฤดูมรสุมที่นี่ก็มีคลื่นลมแรงซึ่งเหมาะสำหรับการเล่นกระดานโต้คลื่นเป็นที่สุด ขนาดเรามาในช่วงที่มีพายุเข้านิดๆ คลื่นยังค่อนข้างแรง และด้วยความสงบและเป็นส่วนตัวในบริเวณชายหาดแห่งนี้ ที่นี่จึงเป็นสรรค์ในวันพักผ่อนของนักท่องเที่ยวที่ต้องการบรรยากาศความเป็นส่วนตัวได้เสมอ
หลังจากนั่งเล่น นอนเล่นอยู่ริมชายหาดสุรินทร์จนหนำใจ เป้าหมายต่อไปของเรา คือ เข้าที่พัก
สำหรับที่พักเราเลือกพักที่ "HOTEL IKON PHUKET" โรงแรมสไตล์โมเดิร์นนิดๆ มินิมอลหน่อยๆ มีความเป็นธรรมชาติ เรียบหรูทันสมัย การตกแต่งคุมโทนสีอบอุ่น อย่างสีเขียว ขาว เทา ดำ และยังมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทำเลที่ตั้งอยู่บนเนินเขา การเดินทางก็สะดวกติดถนนไปหาดกะรน ที่สำคัญ ราคาน่ารัก น่าคบหามาก
สิ่งแรกเลยที่เราประทับใจมากๆ เมื่อเข้ามาในบริเวณโรงแรม คือ "รอยยิ้ม" ของพนักงานทุกคน ตั้งแต่พนักงานดูแลบริเวณลานจอดรถ จนถึงพนักงานหน้าล็อบบี้ นี่ถ้ามีการให้คะแนน Service Mind บอกเลยว่าให้ 10 เต็ม 10 ไปเลย
สำหรับล็อบบี้เช็คอินของที่นี่อยู่ที่ชั้น 2 มีพนักงานคอยต้อนรับพร้อมเครื่องดื่มต้อนรับ ที่เป็น Signature Welcome Drink ของทางโรงแรมซึ่งไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่รสชาติออกเปรี้ยวอมหวานสไตล์ม็อกเทล ช่วยดับกระหายคลายร้อนได้ดี พร้อมกับผ้าเย็น ให้ความสดชื่นเพิ่มขึ้นไปอีก
ในส่วนของห้องพัก ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 4 Room Type คือ
-IKON Superior วิวภูเขา ราคาเริ่มต้น 1,800 บ.
-IKON Ocean วิวทะเล ราคาเริ่มต้นที่ 2,100 บ.
-IKON Ocean Premier วิวทะเล ฟรีมินิบาร์ ราคาเริ่มต้นที่ 2,400 บ.
-IKON Triple สำหรับ 3 ท่าน ราคาเริ่มต้นที่ 3,100 บ.
สำหรับช่วงนี้มีโปรโมชั่น Summer Calling เที่ยวภูเก็ต 3 สไตล์ กับ 3 แพ็กเกจ
⛅️ IKON SUMMER SEA เริ่มต้นที่ 7,990 บ./ 2ท่าน /2คืน
ห้องพัก + ทริปเกาะไม้ท่อนพร้อมรถรับ-ส่ง
⛅️ IKON SUMMER ADVENTURE เริ่มต้นที่ 6,590 บ./ 2ท่าน /2คืน
ห้องพัก + ซิปไลน์สุดมันส์ที่ Hanuman World
⛅️ IKON SUMMER RELAXING เริ่มต้นที่ 5,590 บ./ 2 ท่าน /2คืน
ห้องพัก + แพ็กเกจนวดน้ำมัน 120 นาที
ระยะเวลาเข้าพักตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.62 – 31 ต.ค.62
รายละเอียดเพิ่มเติม >> http://bit.ly/2VzEXVZ
สำหรับเราพักกันที่ห้อง IKON Ocean with breakfast ห้องพักขนาด 34 ตร.ม. การตกแต่งภายในห้องยังคงคุมโทนสีอบอุ่นอย่างเขียว ขาว เทา ดำ ผสานเข้ากับความนุ่มของที่นอน หมอน ผ้าห่มและความเย็นแบบฉ่ำๆ ของเครื่องปรับอากาศตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาภายในห้อง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายในวันพักผ่อนได้ดีสุดๆ
นอกจากความเย็นของแอร์ และความนุ่มของที่นอนแล้ว ภายในห้องยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ไว้ให้บริการอีกอย่างเช่น โต๊ะทำงาน ระเบียงส่วนตัว ทีวี ตู้เย็น ตู้เซฟนิรภัย มินิบาร์ เสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้าแตะ เครื่องใช้ในห้องน้ำ ไดร์เป่าผม และฟรี Wifi
หลังจากพักผ่อนกันจนเต็มตื่น เราวางแผนกันว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่ "จุดชมวิวทุ่งกังหันลม" ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยงามไม่แพ้แหลมพรมเทพเลยทีเดียว
แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเลยฝากท้องมื้อเย็นเอาไว้ที่ "ร้านผัดไทกะรน" ร้านผัดไทยชื่อดัง ที่ไม่เหมาะสำหรับคนหิวจัด เพราะร้านนี้มีความอินดี้เล็กๆ กับสโลแกนประจำร้านที่ว่า "ห้ามเร่ง ห้ามรีบ หิวจัดผ่านได้จร้า" แต่เอาเข้าจริงคือ อาหารก็ได้เร็วอยู่นะ ไม่ได้รอนานอะไรมากมาย ที่สำคัญได้เยอะ ราคาถูก แถมรสชาติอร่อยด้วย
ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 19.00 น. หยุดทุกวันศุกร์ เมนูเด็ด : ผัดไทย ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ-ไก่ตุ๋น (ร้านนี้ไม่จำหน่ายเมนูหมูทุกชนิด)
อิ่มท้องแล้วเราก็ไปรอดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่ "จุดชมวิวทุ่งกังหันลม" แต่น่าเสียดายที่วันนี้ท้องฟ้ามีเมฆมาก กว่าเมฆจะลอยหายไปพระอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าไปจนเกือบหมดแล้ว
วันที่ 2......ตะลุยทัวร์ภูเก็ต
สำหรับวันนี้เราตื่นเช้าหน่อย เพราะตั้งใจว่าจะทัวร์ภูเก็ตให้ได้มากที่สุด และเช้านี้เราฝากท้องไว้กับอาหารเช้าของโรงแรม (เขาคิดรวมกับค่าห้องไว้แล้ว) ซึ่งเป็นอาหารเช้าแบบง่ายๆแต่น่าทานมาก มีทั้งอาหารไทย breakfast สลัด bakery ที่มีเชฟปรุงให้ทานกันสดๆ วันต่อวันเลย
จัดการกับมื้อเช้าเรียบร้อยแล้วเราก็ออกเดินทางกัน โดยเป้าหมายแรกของเราอยู่ที่ "จุดชมวิวกะตะกะรน" หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า "จุดชมวิวสามอ่าว" ซึ่งเรียกตามทิวทัศน์ที่เราเห็นในขณะที่อยู่ตรงบริเวณชุดชมวิว ซึ่งจะมีศาลาหกเหลี่ยมตั้งอยู่ จากจุดนั้นมองลงไปเราจะเห็นความงดงามของอ่าวกะตะน้อย อ่าวกะตะ และอ่าวกะรนได้พร้อมๆกัน โดยแต่ละอ่าวจะมีลักษณะโค้งเว้าเหมือนพระจันทร์เสี้ยวเรียงต่อกัน
จากนั่นเราขับรถตรงต่อไปไม่ห่างกันมากนักก็จะถึงทางเข้า "หาดนุ้ย หรือ Nui Beach" ซึ่งเป็นคนละที่กับหาดยะนุ้ยนะ ซึ่งถ้าเราจะเข้าไปยังหาด เราจะต้องจอดรถไว้ตรงทางเข้าและจะมีรถรับจ้างพาเราเข้าไปยังหาดโดยมีค่าบริการไป-กลับ 100 บาท/คน ซึ่งอาจจะมองว่าแพงแต่เอาเข้าจริงแล้วจากเส้นทางที่ค่อนข้างโหดและคนขับต้องใช้ฝีมือและความชำนาญในการขับเป็นอย่างมากแล้ว ถือว่าไม่แพงเลยจริงๆ
เมื่อมาถึงบริเวณหาดเราสามารถเข้าไปในบริเวณชายหาดได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่ม มีร้านขายอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ
แต่หากเราจะเข้าไปในบริเวณ Nui Beach club ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปสไตล์บาหลี เราต้องเสียค่าสถานที่เพิ่มอีก 300 บาท/คน ซึ่ง 300 บาทที่เสียไปนั่น เราสามารถถ่ายรูปและเล่นเครื่องเล่นที่อยู่ภายใน Nui Beach club ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งและไม่จำกัดเวลา รวมทั้งมีอาหารว่าง อย่างขนมและน้ำดื่มให้ทานไม่จำกัดเช่นกัน
เราใช้เวลาอยู่บนหาดนุ้ยเกือบทั้งวัน เอาให้คุ้มกับเงิน 300 บาทที่เสียไป :>
จากนั่นบ่ายแก่ๆ เราออกจากหาดนุ้ย แล้วตั้งใจจะไปหาดยะนุ้ยที่เราเคยอ่านเจอในรีวิวว่าเป็นชายหาดที่มีทรายสีขาว ฟ้าสีคราม น้ำสีมรกต แต่เกิดหลงทางขับเลยไปจนถึง "อ่าวเสน" ซะงั้น
อ่าวเสน เป็นอ่าวเล็ก ๆ อยู่ติดกับหาดในหานสามารถเดินถึงกันในระยะสั้น ๆ ได้ บรรยากาศของอ่าวเสนนั่นค่อนข้างจะเงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวสูงมาก ทำให้อ่าวแห่งนี้กลายเป็นสวรรค์ของคนรักความสงบอย่างแท้จริง
อันที่จริงเรามองว่า อ่าวเสน ก็ไม่ได้มีอะไรน่าดึงดูดสักเท่าไหร่ แต่ช่างภาพมือ(ไม่)อาชีพของเราบอกว่า ที่แบบนี้แหละเหมาะกับการถ่ายรูปเป็นที่สุด
แสงแดดเริ่มอ่อนลง เราจึงมุ่งตรงไปยัง "แหลมพรมเทพ" จุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดในประเทศไทย น่าเสียดายที่เรามาไม่ทันเห็นพระอาทิตย์ดวงโตๆ ค่อยๆ หล่นลงสู่ผิวน้ำ แต่เราก็ได้เห็นความสวยงามของแสงสีหลังพระอาทิตย์ตกมาแทน
วันที่ 3.........ลาก่อนนะภูเก็ต
สำหรับโปรแกรมวันนี้เราไม่มีอะไรมาก ตั้งใจว่าจะกินๆ นอนๆอยู่ที่โรงแรมรอเวลาเช็คเอ้าท์ และเที่ยวใกล้ๆสถานบินเพื่อรอเวลาขึ้นเครื่องกลับ
หลังจากทานมื้อเช้าเรียบร้อยเป้าหมายของเราก็นี่เลย.....ฟิตเนส (COMPACT GYM)
ฟิตเนสขนาดกะทัดรัด มีเครื่องออกกำลังกายไม่เยอะมาก แต่ก็ถือว่าครบครัน ทั้งลู่วิ่ง ตุ้มน้ำหนัก และจักรยานปั่น เปิดให้บริการตั้งแต่ 07.00 น. - 19.00 น.
จากนั้นมาต่อกันที่......สระว่ายน้ำ
ซึ่งสระว่ายน้ำที่ "HOTEL IKON PHUKET" เป็นสระระบบน้ำเกลือ ไม่ทำลายผิวอีกด้วย
เปิดให้บริการตั้งแต่ 7.00 น. ถึง 20.00 น.
และสุดท้ายก่อนเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม เราฝากท้องมื้อเที่ยงเอาไว้ที่ IKON Café ร้านอาหารริมสระที่เดียวกันกับที่เราทานมื้อเช้านั่นเอง หลังเวลาอาหารเช้าร้านอาหารเปิดให้บริการสำหรับเครื่องดื่ม อาหารว่างและอาหารกลางวันตลอดทั้งวัน
เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.30 น. ถึง 24.00 น
และสถานที่สุดท้ายสำหรับทริปภูเก็ตของเรา "หาดไม้ขาว" ชายหาดติดสนามบินภูเก็ต ซึ่งหาดแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวภูเก็ตเลยนะ เพราะที่นี่เป็นหาดที่จะทำให้เราได้ถ่ายรูปกับเครื่องบินอย่างใกล้ชิดแบบสุดๆ
การเข้าไปยังหาดเราไม่สามารถเอารถยนต์เข้าไปยังหาดได้ต้องเดินเท้าเข้าไปเอง หรือ ใช้บริการรถสามล้อรับจ้าง ในราคาค่าบริการ 20 บาท/คน/เที่ยว รวมเป็นไปกลับ 40 บาท/คน/เที่ยว
แต่ ! ! ! ! ! ! ! การที่เราจะเห็นเครื่องบินลงจอดแบบใกล้ชิดหรือไม่นั่นมันมีตัวแปลอยู่ที่ทิศทางลมด้วย เพราะการลงจอด (Landing) ของเครื่องบินจะขึ้นอยู่กับทิศทางลม (การลงจอดจะต้องต้านลม) ถ้าลมเปลี่ยนทิศก็จะทำให้ไม่เห็นการแลนด์แบบประชิดเหมือนในภาพที่เขาลงตามโซเชียล แต่จะได้เห็นเครื่อง Take off แทน เหมือนกับเราที่ไปเจอเครื่องTake off ซะงั้น แต่ก็สวยดีไปอีกแบบนะ
สามารภเช็คทิศทางลมได้ที่นี่ : www.windguru.cz
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
โรงแรม HOTEL IKON PHUKET
Facebook: https://www.facebook.com/hotelikonphuket/
Tel: 076 396 901
Website: www.hotel-ikon.com
อยากเที่ยวต้องได้เที่ยว Want To Travel
วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 20.16 น.