นั่งรถไฟไปหาช้าง: เที่ยวพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ (The Erawan Museum) จังหวัดสมุทรปราการ (ซีรีย์ช้างตอนที่ 1)

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ BTS สถานีช้างเอราวัณ จังหวัดสมุทรปราการ

วัน-เวลาเปิดปิด: ทุกวัน เวลา 9.00-19.00 น.

แผนที่: https://goo.gl/maps/ZZjvG7dxxTMRG1a39

สวัสดีครับ แอดหมีเองครับ

ปกติเวลานั่งรถไปสมุทรปราการก็จะเห็นช้างสามเศียรหรือพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณยืนดำทะมึนอยู่ทางซ้ายมืออยู่เสมอ ยอมรับว่าเมื่อหลายปีก่อนที่เห็นตอนแรกแอดหมีตกใจนะครับ ว่าเห้ยมันคืออะไร ทำไมมาอยู่ตรงนี้ พอผ่านไปบ่อยๆ ก็จะเริ่มชิน แต่ก็ไม่เคยได้ไปซักที


ช่วงวันหยุดสามวันที่ผ่านมาแอดหมีไม่รู้จะไปที่ไหนก็ลองเสิร์ชดูไปเรื่อยๆ ไปอ่านเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ไปถึงสมุทรปราการก็สะดุดกับชื่อสถานีช้างเอราวัณ ตอนนั้นเหมือนได้รับสัญญาณบางอย่างว่าควรจะไปได้แล้ว รถไฟฟ้ามาจ่อถึงที่ขนาดนี้แล้ว


เมื่อไม่มีข้ออ้างใดๆ แล้วแอดหมีก็เลยดั้นด้นไปครับ จะว่าไปการไปที่พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณนี่ต้องเดินทางข้ามจังหวัดไปสามจังหวัด ใช้เวลาเดินทางร่วมๆ สองชั่วโมง ที่หมายในครั้งนี้คือสถานีช้างเอราวัณครับ นั่งรถไฟฟ้าไปเรื่อยๆ พอพ้นออกจากสถานีปู่เจ้าฯ สิ้นเสียงประกาศว่าสถานีต่อไปสถานีช้างเอราวัณก็เห็นช้างสามเศียรยืนรอเราอยู่ครับ

แอดหมีลงรถที่สถานีช้างเอราวัณและเรียกแท็กซี่นั่งย้อนกลับมาครับ จริงๆ ก็สามารถเดินมาจากสถานีได้นะครับ แต่นั่งแท็กซี่ก็จะสะดวกกว่า

พอเข้าไปก็ซื้อบัตรครับคนไทยคนละ 200 บาท

จากที่เคยเห็นช้างอยู่ไกลๆ ว่าตัวใหญ่แล้ว พอเข้ามาดูไกลๆ รู้สึกได้ถึงความมโหฬารของช้างโลหะตัวนี้ครับ


ประวัติของ "ช้างเอราวัณ"

ช้างเอราวัณ เป็นช้างพาหนะของพระอินทร์ เป็นช้างเผือกขนาดใหญ่ว่ากันว่ามีขนาดสูงถึงหนึ่งล้านสองแสนวา

แอดหมีเชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ทำโจทย์เลขจากจำนวนเศียรของช้างเอราวัณมาแล้วใช่ไหมครับ ที่ว่า ช้างเอราวัณมี 33 เศียร แต่ละเศียรมีงา 7 กิ่ง แต่ละกิ่งมีสระน้ำอยู่ 7 บ่อ แต่ละบ่อมีกอบัวอยู่ 7 กอ แล้วก็อีกมากมาย ครูก็จะถามว่า ตกลงทั้งหมดของเศียรช้างเอราวัณเนี่ยมีอะไรอยู่เท่าไหร่กัรแน่ น่าจะเป็นโจทย์เลขคลาสสิคข้อหนึ่งเลย

กลับมาที่พิพิธภัณฑ์ดีกว่าครับ นอกจากช้างเอราวัณตัวใหญ่ที่ให้เราแหงนมองถ่ายรูปตามจุดต่างๆ แล้ว บริเวณโดยรอบอาคารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ประชาชนได้สักการะ เช่น พระตรีมูรติ พระพิฆเนศ เจ้าแม่กวนอิม รวมไปถึงช้างตระกูลต่างๆ และประติมากรรมสัตว์หิมพาน ที่ยืนรายล้อมอยู่รอบๆ พิพิธภัณฑ์

มาดูภายในอาคารกันบ้าง

ภายในอาคารแบ่งออกเป็น 3 ชั้นครับ


ชั้นบาดาล ที่อยู่ชั้นล่างสุดมีพิพิธภัณฑ์เก็บโบราณวัตถุต่างๆ ครับ มีประติมากรรมมนุษย์นาคผู้ดูแลโลกบาดาลอยู่ตรงกลางห้อง


ชั้นโลกมนุษย์ จะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ด้านบนมีศิลปะกระจกสี (stained glass) ลายแผนที่โลกโบราณ สวยอลังการมาก

มีเสาดุนโลหะเรื่องราวของศาสนาต่างๆ เหมือนเสาเหล่านี้กำลังค้ำท้องฟ้าอยู่

เก๋งจีนตรงกลางห้องมีพระเกตุทรงพระขรรค์อยู่บนยอดมีพระอวโลติเกศวรประทับเป็นประธานอยู่ ทั้งสองข้างทางมีบันไดเลี้ยวขึ้นไปชั้นบนประดับด้วยลายปูนปั้นและเครื่องถ้วยเบญจรงค์ ใต้บันไดมีปลาใหญ่หนุนอยู่


ชั้นสวรรค์ ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก เป็นบันไดวนขึ้นในแนวดิ่ง กว่าจะเดินขึ้นไปถึงข้างบนก็เล่นเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน ซึ่งบันไดนี้ อยู่ตำแหน่งของขาช้างนั่นเอง ฝั่งนึงเป็นบันไดวน อีกฝั่งเป็นลิฟต์ครับ

ขึ้นไปชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางลีลาสวยงามมากครับ ที่สำคัญเปิดแอร์ด้วยครับชั้นนี้ เหมาะสำหรับการนั่งพักให้หายเหนื่อย

ถ้าออกมาข้างนอกพิพิธภัณฑ์ก็จะเห็นผู้คนมาสักการะพระอินทร์และช้างเอราวัณอยู่ไม่ขาดสาย เรียกได้ว่าพิพิธภัณฑ์นี้รวบรวมความเชื่อเกี่ยวกับช้างทั้งในอดีตและปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

ติดตาม Pira Story ช่องทางอื่นๆ ได้ที่..


อ่านบทความอื่นๆ ของ Pira Story ได้ที่

ความคิดเห็น