ไปฟอกปอดซบอ้อมกอดธรรมชาติที่ ริเวอร์แคว รีโซเทล กาญจนบุรี

ไปฟอกปอด ซบอ้อมกอดธรรมชาติที่

River Kwai RESOTEL

นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้พักร้อน นั่งแช่อยู่แต่หน้าจอคอม มองไปทางไหนตาก็พร่าไปหมด ตกเย็นรถก็ติดสุดๆ วันนี้เราอาสาพาคุณทิ้งชีวิตแสนวุ่นวายในเมืองใหญ่ไว้เบื้องหลัง แล้วมาสัมผัสความสงบท่ามกลางธรรมชาติเขียวขจีที่ร่มรื่น สวยงาม ริมแม่น้ำแควน้อยแบบไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ที่ River Kwai RESOTEL (ริเวอร์แควรีโซเทล) กาญจนบุรี

การเดินทางสู่ความร่มรื่น

งานนี้ถ้าใครมีรถก็ชิลๆ ตั้งพิกัด GPS : 14.281035, 99.000796 มาที่ท่าเรือพุตะเคียนได้เลย

ส่วนใครไม่มีรถไม่เป็นไรค่ะ มานั่งรถโดยสารแบบเรากันก็ได้ โดยเราเดินทางไปขึ้นรถตู้ที่ “ฝั่งตรงข้ามหมอชิต 2 ” ย้ำด้วยความช้ำใจเลยค่ะว่าฝั่งตรงข้าม เพราะเขาย้ายมาแล้วแต่นี่ไปอยู่ไหนมาถึงไม่รู้5555 จากนั้นก็ซื้อตั๋วไปขนส่งกาญจนบุรีนะคะ ราคาตั๋วอยู่ที่คนละ 120 บาท เราเลือกแบบมินิบัสนะคะ เขาจะมีแบบมินิบัสกับรถตู้ ส่วนตัวแอบรู้สึกว่ามินิบัสนั่งสบายกว่า (แต่เข่าก็ชนเบาะอยู่ดี จ้ะๆ แม่คนสูง 150++)

จากนั้นก็ตัดสัญญาณตัวเอง ตื่นมาอีกทีก็ขนส่งกาญฯ เลย โอ้โหวว ใช้เวลาคุ้ม เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงนะคะ จากนั้นเลือกขึ้นรถเมล์แดงที่เขียนว่าไปกาญจนบุรี-สังขละบุรี หน้าตาแบบนี้ หรือรถตู้ก็ได้ บอกเขาไปว่าท่าเรือพุตะเคียน เขาจะส่งที่ปากทางเข้าท่าเรือค่ะ

พอถึงสักประมาณน้ำตกไทรโยคน้อยแล้วจะโทรให้รีสอร์ทมารับจากปากทางเข้าไปส่งท่าเรือก็ได้ค่ะ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มนิดหน่อย ถ้าใครไหวก็เดินโลดดด โล สองโล สบ๊ายยอิอิ

ถึงแล้วท่าเรือพุตะเคียน ที่นี่จะมีเรือมารับเราเข้าเช็คอินตั้งแต่ 13.00-18.00 น. เรือออกทุกครึ่งชม. ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแล้ว นอกจากจะมาหลังเวลานี้ค่ะ บอกเขาด้วยนะว่าเราพักที่ไหน เพราะที่นี่ส่งแขกหลายรีสอร์ทแต่ก็เป็นเครือเดียวกันคือ SERENATA Hotels & Resorts Group ทั้งหมดเลยจ้า

โอ๊ยยย แค่นั่งเรือก็ฟินแล้ว ฝนตกปรอยๆ พอเย็นๆ แต่ไม่เปียก ฉ่ำใจมากกกก

นั่งเรือมาแค่ประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว ว้าวววว รู้สึกถึงความร่มรื่นตั้งแต่แรกเห็นเลยค่ะคู๊ณณณณ

เช็คอินเตรียมพร้อมเข้าห้องพัก วันนี้เราได้ห้องใหม่ซิงๆ ของเขาเลยนั่นก็คือ Plunge Pool Jacuzzi Villa ค่าวะวะว้าวววซ่ามากมาย ได้นอนแช่จากุซซี่ที่เป็นของเราแต่เพียงผู้เดียวนี่น่าจะฟินไม่น้อย ว่าแล้วขอเดินชมธรรมชาติหลังฝนพรำเลียบทางเดินริมแม่น้ำสวยๆ ไปห้องพักกันดีกว่า

ห้องจากุซซี่ที่คุณคู่ควร

ท้าดา.... ห้องพักของเรา Plunge Pool Jacuzzi Villa กว้างขวางสวยงามมากๆ ค่ะ เปิดประตูไม้ลงกลอนให้กลิ่นอายเซนแบบญี่ปุ่นนิดๆ

เข้าไปก็พบกับสระจากุซซี่ส่วนตัวของเรา พร้อมโซนนั่งเล่นชิลๆ

พอเปิดเข้าไปดูห้องพักให้อารมณ์หรูหรา ในขณะเดียวกันก็รู้สึกผ่อนคลายสบายตาด้วยสีเขียวคุมโทนที่เป็นสัญลักษณ์ของทางรีสอร์ทผ่านปลอกหมอน สระจากุซซี่ และการตกแต่งภายในที่ยังคงไว้ซึ่งความกลมกลืนกับธรรมชาติ ไหนจะเฟอร์นิเจอร์ไม้เอย พัดลมเพดาน ที่จับประตู วิวจากหน้าต่างกระจกบานใหญ่ พร้อมผสมผสานความโมเดิร์นเข้ามาได้อย่างลงตัว เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน มีไดร์เป่าผมให้ด้วยไอ เลิฟฟ สรุปง่ายๆ ก็คือน่าพักผ่อนเป็นที่สุด ว้าบบบ โดดขึ้นเตียงดึ๋งๆ แค่เงยหน้ามองเพดานโปร่งๆ พัดลมไม้ใต้ไฟสวยๆ ก็รู้สึกสงบแล้วอ่ะแกร

ขอแอบไปดูห้องอื่นๆ ด้วยดีกว่า เผื่อเป็นตัวเลือกว่ามาคราวหน้าจะพักห้องไหนดี มาดูกันเลย

Jungle Chalet

ห้องน่ารักบังกะโลสไตล์ทรอปิคอลแบบดั้งเดิมของที่นี่ ราคาเป็นมิตรต่อกระเป๋าตังค์สุดต้องห้องนี้เลยจ้า

Deluxe Tripple Chalet

ใครมาเป็นแก๊ง 3 คนห้องนี้ตอบโจทย์เว่อร์เพราะมี 3 เตียงมาให้เลย ไม่ต้องมีใครนอนเตียงเสริมทั้งนั้น อยู่บนชั้น 2 ของบ้านนกแบบนี้เลย

Deluxe

ขยับมาอีกนิด เหมือนห้องที่เรานอนเป๊ะ นั่นก็คือ ห้อง Deluxe เปิดหน้าต่างมาเห็นสวนเป็น Garden view พอดีเลยต่างกันตรงที่ห้อง Deluxe จะไม่มีสระจากุซซี่นะคะ มีทั้งแบบบังกะโลเดี่ยวแล้วก็แบบห้องแฝด เหมาะกับครอบครัวใหญ่มาก

Deluxe River View

สุดท้ายสายชิลชอบดูวิวแม่น้ำต้องห้องนี้เลยค่ะ Deluxe River View อยู่ติดริมน้ำ กว้างขวาง และเห็นวิวแม่น้ำแบบเต็มๆ ตา เหมาะแก่การพักผ่อนมากๆ

เอาเป็นว่าน่านอนไปหมด ห้องเราก็น่านอนเหมือนกัน เดินมาเหงื่อเริ่มออก ไปแช่จากุซซี่กันดีกว่าค่าาา หูยยยย มีปุ่มเปิดปิดไฟและหัวจากุซซี่ได้ด้วยตัวเองอีกต่างๆ หากจะแช่ตอนกลางวันหรือกลางคืนก็เอาให้สาแก่ใจได้เลย ใครมาแบบเป็นครอบครัวก็เข้าท่านะคะ น้องๆ หนูๆ คงชอบมาก สระแบบนี้เด็กๆ ยืนได้สบาย หรือจะมาเป็นคู่รักก็สวีทวี้ดวิ้วได้อย่างเป็นส่วนตัวเช่นกันนะ แช่ไปแช่มาหิว ขอตัวไปดินเนอร์ก่อนนะคะ

ดินเนอร์ของเราวันนี้เป็นเมนูแบบอะลาคาร์ท ถ้าวันไหนมีแขกเยอะๆ จะมีทางเลือกว่าเราจะกินแบบบุฟเฟ่ต์หรือเปล่าด้วยล่ะ ถ้าใครกินคาวแล้วยังไม่จบ เขาก็มีบาร์ริมสระสวยๆ ให้นั่งชิลริมน้ำ ท่ามกลางไฟประดับประดาสวยงามตามต้นไม้ ปิดท้ายค่ำคืนนี้ได้อย่างสวยงาม

เช้าวันใหม่สดใส สดชื่น!!!

นอนหลับสบายมว้ากกก จนไม่อยากตื่นแต่บรรยากาศยามเช้าของที่นี่ก็สวยงามน่าออกไปเดินเล่นสุดๆ แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย เพลินตา เพลินใจสุดๆ และแน่นอนค่ะคนอย่างเราเดินไปสักพักเท้าหรือท้องก็ไม่รู้พาเรามาสู่ห้องอาหารอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว (เหรอออ) ไปค่ะ อาหารเช้ารอเราอยู่ วันนี้จัดเบาๆ น่ารักๆ แบบนี้ ถ้าไปวันธรรมดาเขาก็จะทำให้เป็นเช็ตแบบนี้เลย เติมได้ไม่อั้นนะคะ ข้าวต้มก็อร่อยเห็นหน้าตาธรรมดาแบบนี้ ที่สำคัญให้เยอะมาก และนอกจากชา กาแฟ ที่นี่มีช็อกโกแลตร้อนด้วยแหละ เราชอบ

ท้องอิ่มแล้วพักแป๊บนึงก็ขอไปออกกำลังกายย่อยอาหารกันสักหน่อยดีกว่า ที่นี่เขาจะมีจักรยานเสือภูเขาให้ยืมไปปั่นเล่นฟรีๆ เลยนะ พร้อมมีแผนที่บอกไว้ไม่หลงแน่ ทางปั่นสองข้างทางสวยงามมาก เราจะเห็นตั้งแต่โรงระบำมอญ สวนปาล์มนานาชาติ สวนหิน โรงเรียนมอญ หมู่บ้านมอญที่มีเด็กๆ ชาวมอญออกมาวิ่งเล่นเต็มไปหมด ใครอยากซื้อของที่ระลึกแบบมอญๆ สามารถอุดหนุนได้เลยนะคะ ปั่นต่อไปเรื่อยๆ จะไปเจออีกหนึ่งไฮไลต์ ถ้ำละว้านั่นเอง ใครใจกล้าหาญบุกเดี่ยวเข้าไปก็ได้นะ หรือถ้าใครไม่แน่ใจไปกับไกด์ท้องถิ่นก็อุ่นใจดี ถ้าปั่นจนหนำใจแล้วก็ปั่นกลับมาได้เลยค่า

ปั่นจักรยานเสร็จ ใครจะมาว่ายน้ำที่สระส่วนกลางของเขาอีกสักรอบก่อนกลับก็ยังได้นะ เขามีให้จุใจถึง 2 สระด้วยกันทั้งสระเดิมหน้าห้องอาหารน่ารักๆ เหมาะกับเด็กๆ และครอบครัว และสระใหม่ทางด้านบนกว้างขวางว่ายได้เต็มวงสวิงอยู่ข้างบึงน้ำพุสุดร่มรื่นด้วยนะคะ น่าว่ายทั้งสองที่เลย ใครชอบที่ไหนก็ไปว่ายกันได้เลย

เฮ้อออ เวลาช่างผ่านไปรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวก็ต้องกลับเสียแล้ว ตอนเช็คเอาท์จากที่นี่ก็สามารถแจ้งพนักงานหน้าฟรอนท์ได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะมีเรือหางยาวมารับไปส่งทีเดิม ท่าเรือพุตะเคียนของเรานั่นเอง ก็ถือเป็นอันจบทริปของเรา ใครที่อยากมาสัมผัสประสบการณ์พักผ่อนที่เงียบสงบ ได้พักกาย พักใจ แบบใกล้ชิดธรรมชาติแบบนี้ ริเวอร์แคว รีโซเทลเป็นอีกหนึ่งรีสอร์ทที่ควรมาสักครั้ง แล้วคุณจะรู้ว่าแค่มานั่งมองฟ้า มองน้ำ มองต้นไม้ใบหญ้าเฉยๆ แค่นี้ มันมีความสุขขนาดไหน เหมือนได้ชาร์จแบตจนเต็มก้อนให้มีแรงกลับไปสู้ชีวิตจริงอันยุ่งเหยิงของเราอีกครั้ง