สวัสดี หนีห่าว
ทริปนี้พาชาวแก๊งไปเที่ยวประเทศจีนที่เมืองคุนหมิง ลี่เจียง แชงกรีล่า ย่าติงซึ่งอยู่ในมณฑณยูนนาน ต้องบอกก่อนเลยว่าทริปนีไม่ใช่ทริปสบาย แต่ก็ไม่ได้ลำบากมากเพราะที่ลำบากสุดๆคือการสื่อสาร คนจีน 100 ทั้ง 100 แทบไม่พูดภาษาอังกฤษเลย รู้ทั้งรู้ว่านักท่องเที่ยวฟังไม่รู้เรื่องก็ยังไม่พูด ซึ่งทำให้การท่องเที่ยวมีรสชาติไปอีกแบบ ปวดหัว เป็นไข้ ตัวร้อนมาหมดเลย หยอกๆๆ 55+
การเดินทางมายังประเทศจีนครั้งแรกประกอบกับรีวิวต่างๆที่บอกว่า สื่อสารกันยาก คนจีนไม่พูดภาษาอังกฤษทำให้ต้องทำการบ้านเยอะพอสมควร สำหรับรูทนี้พวกเราใช้เวลาทั้งหมด 8 วัน โดยเริ่มต้นที่
- คุนหมิง
- ลี่เจียง
- แชงกรีล่า
- ย่าติง
รูปแพลนและตารางแพลน

passport และวีซ่า
ต้องทำวีซ่าจีนด้วยนะครับ --ไม่ขอพูดถึงรายละเอียดวีซ่านะครับเพราะน่าจะมีรีวิวอื่นๆเยอะแล้ว--
รถไฟความเร็วสูง

สามารถจองได้ที่เว็บหรือแอพ Trip.com มีทั้งรถไฟธรรมดาและรถไฟความเร็วสูง หลังจากจองเรียบร้อยเราจะได้รหัสในการรับตั๋ว ให้นำไปแสดงที่เค้าเตอร์ออกตั๋วที่สถานีรถไฟ
การสื่อสาร

สำคัญที่สุดโหลด wechat ไว้ด้วย หากต้องการแปลให้แปลจากภาษาจีนเป็นภาษาอังกฤษนะครับ จะอ่านและเข้าใจกว่าแปลจากภาษาจีนเป็นภาษาไทย
แผนที่

Google Map ทุกคนคงขาดไม่ได้แต่สำหรับประเทศจีนแล้ว Google Map ก็ช่วยไม่ได้ทุกเรื่อง แนะนำให้โหลด Maps.me และเข้าไปโหลดแผนที่ประเทศจีนเมืองที่จะไปไว้ด้วยครับ เพราะพิกัดแต่ละที่แอพนี้บางทีจะตรงกว่า Google Map
Social

เป็นที่แน่นอนว่าถ้าใช้ซิมหรือต่อไวไฟในประเทศจีน จะโดนบล็อคทุกอย่าง fb ig line youtube แนะนำให้ซื้อซิมจากประเทศไทยค่ายไหนก็ได้ สามารถเล่น Social ได้ปกติ แต่ควรสำรองเงินไว้ในซิมด้วยเผื่อต้องการจะเติมเน็ต หรือถ้าใช้ซิมของประเทศจีนหรือต่อไวไฟในโรงแรม ต้องใช้แอพ VPN ก็จะทำให้สามารถเล่น social ที่โดนบล็อคได้เช่นกัน
แลกเงิน

1 หยวน = 4.64 บาท เรท ณ วันที่แลก
สรุปค่าใช้จ่ายต่อคน
- ตั๋วไปกลับดอนเมือง - คุนหมิง 4000 บาท
- ตั๋ว แชงกรีล่า - คุนหมิง 3140 บาท
- วีซ่า 1650 บาท
- ประกันเดินทาง ของ msig 295 บาท
- sim ซื้อ 2 อัน 800 บาท
- รถไฟความเร็วสูง 1142 บาท จองผ่าน trip.com
- เหมารถ Lijiang - Shangri la 640 บาท
- เหมารถ Shangri la - Yading 1900 บาท
- ค่าเข้าสระมังกรดำ 50 หยวน
- ค่าเข้าวัดหยวนทง 6 หยวน
- ทัวร์ jade dragon กระเช้ากลางไม่รวมโชว์ 370 หยวน
- ตั๋วกระเช้า Shika snow mountain 180 หยวน
- ค่าเข้าย่าติง 226 หยวน
- ค่ารถกอล์ฟในย่าติง 80 หยวน
- ที่พัก Lijiang Riverside Boutique Inn 2 คืน 820 บาท
- ที่พัก Yi's Hostel 2 คืน 900 บาท
- ที่พัก Fanyinhai 2 คืน 1030 บาท
- ที่พัก ibis Styles Kunming 1 คืน 800 บาท
- จิปาถะ(กิน เดินทางรถเม รถไฟฟ้า ซื้อของ) 5000 บาท
- .....ลืมแล้ว
รวมๆประมาณ 27000 บาท
วันที่ 1 Donmuang - Kunming - Lijiang

บินตรงสู่คุนหมิงใช้เวลาประมาณ 2 ชม. 20 นาที สนามบินดูดีมาก ยังใหม่ๆ

จากสนามบินเข้าไปตัวเมืองมีหลายวิธี
- รถบัส
- รถแทกซี่
- รถไฟฟ้า
เราเลือกใช้รถไฟฟ้า ที่แรกที่จะไปคือ ไปฝากกระเป๋าและรับตั๋วรถไฟความเร็วสูงที่สถานีรถไฟคุนหมิง จากสนามบิน - สถานี South Ring Road คนละ 6 หยวน ที่สถานีรถไฟมีการตรวจกระเป๋าทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย

ระหว่างรอรถไฟเห็นตู้กดน้ำ ลองดูสักหน่อย


ลงที่สถานี South Ring Road แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ แต่ถ้าลงสถานี Kunming Railway Station จะต้องหอบกระเป๋าลงบันได อาจจะลำบากถ้ากระเป๋าใบใหญ่ หรือออกจาสถานี South Ring Road แล้วขึ้นรถเมลก็ได้เช่นกัน แต่ต้องดูสายรถเมลดีๆ

ใช้เวลาทั้งหมดเกือบชั่วโมงก็มาถึงสถานีรถไฟคุนหมิงเพราะต้องเปลี่ยนขบวนหลายครั้ง สำคัญคือต้องลากกระเป๋าด้วย

เดินเข้าไปด้านในเลย แต่ๆๆ มีตรวจกระเป๋าก่อนเข้าอีกแล้วครับ หลังจากเข้ามาแล้วก็เดินตรงไปจุดขายตั๋ว จะอยู่เยื้องไปทางขวานิดหน่อยเข้าช่องไหนก็ได้ครับ โชว์รหัสที่เราจองจาก Trip.com พร้อม passport และก็จะได้ตั๋วหน้าตาแบบนี้

จากนั้นไปฝากกระเป๋า อยู่ทางซ้ายมือ

ราคาใบละ 8 หยวน

และข้างๆกันมีร้านอาหารมี KFC ด้วยครับ เติมพลังก่อน


ตอนนี้พวกเรามีเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อรอขึ้นรถไฟรอบ 18.20 ไปเที่ยวก่อนดีกว่า ที่แรก วัดหยวนทง จากสถานีรถไฟคุนหมิงนั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานี chuanxingulou จากนั้นเดินต่ออีกนิดหรือใครจะขึ้นรถเมลก็ได้ราคาไม่เกิน 2 หยวน ลงป้ายหน้าวัดพอดี ถ้าจำไม่ผิดมีค่าเข้าวัดด้วยนะครับ 6 หยวน


จากนั้นนั่งรถเมลต่อ ไปทะเลสาบชุยหู ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปที่นี่เท่าไหร่


จากนั้นดูเวลาแล้วต้องรีบกลับไปที่สถานีรถไฟ พอถึงสถานีรถไฟ อีกประมาณ 20 นาทีรถไฟจะออกแล้ว แต่ทันใดนั้นเพื่อนทำตั๋วหล่นหาย ต้องพากันหาและสุดท้ายไปเจอในห้องน้ำ โชคดีที่ยังเจอและรีบดิ่งเข้าไปด้านบน
ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ไปที่ตู้ด้านซ้ายจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋ว ไม่ต้องไปเข้าเครื่องสแกนบัตรนะครับน่าจะสำหรับคนจีนเท่านั้น
เนื่องด้วยกระเป๋าก็ใหญ่ คนเยอะ ไปถึงชานชาลาก่อน 3 คน อีกประมาณ 3 นาทีเพื่อนอีก 3 คนถึงตามเข้ามา แต่ปรากฎว่า เกตปิดแล้ว คือเสียบบัตรเข้าไปไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็ไล่พวกเรา 3 คน ที่เข้าไปได้ให้ไปขึ้นรถไฟเดี๋ยวนี้ คือเขาพูดจีนนะแต่ก็พอจะเดาได้ 3 คนที่เข้าไปก็พยายามจะบอกว่ามีเพื่อนเรากำลังมา แต่เขาก็ไม่ฟังหรือฟังไม่ออกไม่แน่ใจ ก็ไล่ให้เราเข้าไปอย่างเดียว จนสุดท้ายรถไฟออก!!!

3 คน ที่ขึ้นรถไฟไปก็เดินหาที่นั่งที่จองไว้ก่อนและเอากระเป๋าสัมภาระวางไว้ คือที่นั่งพวกเรา 6 คนคือ 2 แถว แถวละ 3 คน ได้นั่งกันแค่แถวเดียวอีกแถวโดนคนที่ซื้อตั๋วยืนมานั่งแทน (สบายไปเลย) ตอนนั้นเรา 3 คนบนรถไฟก็ ช่วยกันหาทางออกคือ หาตั๋วรอบถัดไป ทั้งความเร็วสูงและแบบธรรมดา รวมทั้งตั๋วเครื่องบิน คุนหมิง - ลี่เจียง เครื่องบินตัดไปได้เลยราคาโดดสูงมาก ก็จะเหลือแค่ รถไฟนอนกับความเร็วสูงแต่เป็นตั๋วยืน ก็เลยส่งให้เพื่อนดู เพื่อนที่ไม่ได้ขึ้นรถไฟก็พยายามจะคุยกับเจ้าหน้าที่ ใช้ทั้งภาษาอังกฤษและแอพแปลภาษา สุดท้ายก็ได้เป็นรถไฟความเร็วสูง(ตั๋วยืน)รอบถัดไป ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม เฮ้อโล่งอก...
บนขบวนรถมีอาหาร น้ำขายนะครับ หลับตื่นๆ ไป 3 ชม. ก็ถึงลี่เจียง

พวกเรานัดให้คนขับของที่พักที่จองไว้มารับที่สถานีรถไฟ 21.30 แต่เพื่อนที่มาอีกรอบจะมาถึง 22.30 เลยเปลี่ยนเป็นให้คนขับมา 22.30 แทนครับ ก็นั่งรอกันไป

มีตู้ขายตั๋วอัตโนมัติด้วยแฮะ

สุดท้ายก็มาถึงที่พัก Lijiang Riverside Boutique Inn จนได้ เฮ้อรอดแล้ว

พวกเราได้จองทัวร์กับภูเขาหิมะมังกรหยกกับที่พัก ซึ่งก่อนหน้า 2 อาทิตย์ โรงแรมได้แจ้งเราว่ากระเช้าใหญ่ปิดปรับปรุงวันที่เราจะไปพอดีรวมถึงโชว์ Impression ด้วย แต่เราไม่สามารถขยับหรือเลื่อนวันได้ เลยตกลงกับที่พักไปว่าจะขึ้นกระเช้ากลางและไป Bluemoon Valley ก่อนจะนอนก็เลยไปจัดการค่าใช้จ่ายและนัดแนะเวลาให้คนขับรถมารับพรุ่งนี้

วันที่ 2 Lijiang
ตื่นแต่เช้าไปทัวร์ภูเขาหิมะมังกรหยก สิ่งที่รวมในทัวร์วันที่คือ รถรับ-ส่ง, ตั๋วขึ้นกระเช้ากลาง, bluemoon valley, ออกซิเจน, เสื้อกันหนาว, มื้อเที่ยง Hotpot ไก่




เมื่อมาถึง ไกด์ก็จัดการแจกอุปกรณ์ต่างๆให้เรา

สื่อสารกับพวกเราเป็นภาษาจีน ซึ่งก็ฟังไม่รู้เรื่องเลย แต่เขาก็พิมพ์มาบอกใน wechat ประมาณว่าเขาจะรออยู่ข้างล่างให้พวกเราขึ้นกระเช้าไปเอง


เมื่อนั่งกระเช้าขึ้นมาถึงข้างบน ถ่ายรูปสิครับรออะไร


จะมีรูทให้เดินหรือจะนั่งรถกอล์ฟเพื่อประหยัดเวลา ซึ่งถ้าจะนั่งต้องซื้อตั๋วเพิ่มไปกลับ 60 หยวนก็จัดการซื้อเรียบร้อย

ต่อแถวขึ้นรถก็มีพี่จีนพยายามดันมาจะแซงพวกเราก็เกาะกันเหนียวแน่น ไม่ให้แซง 555+


เดินกันต่อ เสียดายเหมือนกันมาทั้งที ไม่ได้ขึ้นกระเช้าใหญ่



ใช้เวลาถ่ายรูปนานมาก แล้วก็เดินไม่ครบรูทด้วย 55+ แต่จะบอกว่าห้องน้ำดีมาก ห้องไหนว่างไม่ว่างดูจากจอได้เลย


ลงกระเช้ามาข้างล่าง นั่งรถต่อไปที่ Bluemoon Valley

ไกด์สาวก็นัดพวกเราให้ไปเจอที่นั่น แต่กว่าจะคุยรู้เรื่องก็แปลแล้วแปลอีก




มีความพยายามในการถ่ายรูป


จากนั้นได้เวลามื้อเที่ยง


เอาจริงๆคือไม่ถูกปากเลย

กลับที่พักเตรียมตัวไปเดินเล่นในย่านเมืองเก่า



ของกินดูน่ากินทั้งนั้น



เดินไปสระมังกรดำ ค่าเข้าคนละ 50 หยวน




หลังจากนั้นก็ได้เวลามื้อเย็น เดินไปแถวๆกังหันจุดที่เป็นแลนด์มาร์ค ก็เจอ ชาบูหมาล่า


อิ่มแล้วก็เดินช้อปของฝาก ตอนกลางคืนเมืองลี่เจียงสวยงาม ชอบมากครับ




แต่ละวันเป็นวันที่มืดช้ามาก 2 ทุ่มยังไม่มืดเลย เดินกันนานจนเมื่อยไปหมด


วันที่ 3 Lijiang - Shangri la
ย้ายเมืองจากลี่เจียงไปแชงกรีล่า พวกเราเหมารถที่โรงแรมไปส่ง ซึ่งจริงๆแล้วสามารถนั่งรถบัสจากสถานีขนส่งลี่เจียงได้และถูกกว่ามาก ใช้เวลาเดินทาง 4 ชม.

ระหว่างทางสามารถแวะเที่ยวโตรกเสือกระโจนได้ พวกเราไม่แวะ กลัวจะไปภูเขาหิมะสือข่าไม่ทัน


เราให้รถมาส่งถึงที่พัก Yi's Hostel อยู่ใกล้กับวัดต้าฝอ และโชคดีสุดๆ ที่พักที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้


เช็คอินเก็บสัมภาระ และรีบหามื้อเที่ยงกินก่อนเพราะมื้อเช้าก็แทบจะไม่ได้กิน
ร้านนี้อยู่แถวๆที่พัก เป็นคาเฟ่ด้วย (ลืมถ่ายหน้าร้าน)


จากนั้นก็ใช้บริการรถไปรับ-ส่ง ภูเขาหิมะสือข่า ของที่พัก ฟรี

ราคาขึ้นกระเช้าคนละ 180 หยวน ขึ้นไประดับ 1 แล้วต้องไปต่ออีกกระเช้าเพื่อขึ้นไปบนยอด








เดินถ่ายรูปจนพนักงานเดินมาไล่ 55+

หลังจากลงมาก็พิมพ์บอกที่พัก ให้บอกคนขับไปส่งที่วัดซงจ้านหลินและรับกลับที่พักคิดเพิ่ม 50 หยวน พอไปถึงวัด 5 โมงเย็นแล้ววัดปิดพอดี ก็เลยกลับที่พัก เสีย 50 ไปฟรีๆ แต่ก็ไปเดินเล่นย่านเมืองเก่าและหามื้อเย็นกินแทน






เดินๆอยู่เห็นคนเยอะ เลยรีบเดินไปดู อ่อ มีเต้นกันอีกแล้ว 55+


เดินไปหมุนกงล้อที่วัดต้าฝา ใครมาก็ต้องมาหมุน




พรุ่งนี้พวกเราเหมารถที่พักไปย่าติง ไปส่งและรับกลับ 3 วัน วันละ 800 หยวน
วันที่ 4 Shangri la - Yading
ออกจาที่พักไม่เกิน 8 โมง และต้องถึงที่อุทยานย่าติงไม่เกิน 16.30 วันนี้นั่งรถทั้งวันหลับยาวๆก็ไม่ได้ ทางไม่ดีและขับกันอันตราย ได้แต่หลับๆตื่นๆ คนขับจอดให้ถ่ายรูปข้างทางด้วยครับ



และระหว่างทางถ้าใครปวดท้องหนักก็เตรียมตัวเข้าห้องน้ำแบบพี่จีนกันได้เลย พวกเราไม่มีใครปวดหนักโชคดีไป 55+
ดูป้ายบอกทางไปเรื่อยเมื่อไหร่จะถึง!!!

ประมาณ 3 โมงก็ถึงหน้าอุทยาน จัดการซื้อตั๋วเข้าอุทยานและตั๋วรถบัสภายในอุทยาน คนขับรถเรามาส่งแค่ทางเข้าและอีก 2 วันให้มารับประมาณเที่ยง


ระหว่างนั่งรถเข้าอุทยาน วิวสองข้างทางก็สวยใช้ได้ สักพักคนขับจะจอดให้แวะถ่ายรูป


และก็มาถึงที่พัก Fanyinhai อยู่สถานี 3 ตรงป้ายพอดี





ไม่มีอะไรมากวันนี้ ขอเช็คอิน เก็บของ กินข้าว นอน ต้องเก็บแรงไว้พรุ่งนี้เดินรูทไกล


วันที่ 5 Milk Lake & Five Color Lake
8.00 นั่งรถบัสหน้าที่พักเข้าไปข้างในอุทยาน


และต้องซื้อตั๋วรถไฟฟ้าเข้าไปอีกไปกลับคนละ 80 หยวน หรือจะเดินก็ได้ แต่ที่อ่านรีวิวมา ถ้ามีขึ้นรถ ให้ขึ้นรถ อย่าเดินเลยต้องใช้แรงในการเดินไปทะเลสาบอีกไกล


รถไฟฟ้าจะมาส่งที่ทุ่งหญ้าลั่วหลง


หากใครไม่ได้เตรียมอุปกรณ์มา ออกซิเจน ข้าวกล่องมื้อเที่ยงสามารถซื้อได้ที่นี่เลย

พร้อมแล้วก็ลุยโลดดดด





ระหว่างทางก็มีม้าบริการ แต่ม้าจะไปส่งแค่กลางทางเท่านั้นที่เหลือก็ต้องเดินต่อ


เราจะไป Milk Lake ก่อนครับ


มองไปทางไหนก็เห็นแต่ธงมนต์



ยิ่งสูงยิ่งต้องสูดออกซิเจนช่วย มันไม่ไหว





ก่อนจะถึงทะเลสาบพวกเราก็แกะข้าวกล่องกินกันก่อน

แต่กว่าจะได้วิธีอุ่นก็เกือบจะเสียไป 1 กล่อง 55+

นั่งให้กำลังใจกัน

เดินกันต่ออีกนิดเดียวก็ถึงทะเลสาบน้ำนม





ใครเอาโดรนมาก็จัดเลย สวยมากๆ
จากนั้นก็เดินขึ้นไปทะเลสาบห้าสีอีก 450 เมตร





นั่งล้อมวงกันสักแปบ เหนื่อย อากาศน้อย


ได้เวลาเดินกลับ เฮ้อคิดแล้วท้อ


และก็มาถึงที่พัก อ่านรีวิวเขาบอกว่ามีชานมไข่มุกขายที่สถานี 2 พวกเราก็ลองไปครับ ก็ชานมจริงๆ แต่ไข่มุกหมด มีไก่ทอดด้วย(ไม่ได้ถ่ายไก่)



มื้อเย็นก็สั่งที่โรงแรมเหมือนเดิม และคืนนี้นัดกับเพื่อนจะออกมาถ่ายช้างกัน ดูจากแอพแล้วมีโอกาสสูงมาก แต่ก็ได้เท่านี้


วันที่ 6 Pearl Lake Yading - Shangri la
วันนี้เดินรูทสั้น ทะเลสาบไข่มุก แต่เหลือผู้กล้าแค่ 4 คน เพื่อนผู้หญิงอีก 2 คนปวดขาไม่ไหวก็ไม่ว่ากันที่เหลือก็ลุยกันต่อ




11 โมงก็กลับมาถึงที่พัก เช็คเอ้าท์ และรอขึ้นรถบัสอุทยาน
นัดเจอคนขับไว้ประมาณบ่ายโมง และยิงยาวกลับแชงกรีล่าเลยครับ เหนื่อยนั่งรถอีกแล้ว
.......
สองทุ่มก็ถึงที่พัก ที่พักเดิมเลยครับ และออกมาหาของกินต่อก่อนจะต้องกลับมาเก็บของเตรียมบินกลับคุนหมิงพรุ่งนี้ไฟท์เช้าตรู่
วันที่ 7 Shangri la - Kunming

ไฟท์เช้าบินแปบเดียวถึงคุนหมิงแล้วก็นั่งรถไฟฟ้าเข้าเมืองเหมือนเดิม คืนนี้เราพักที่ ibis Styles Kunming Nanping ลงสถานี Dongfeng Square แล้วเดินต่ออีกหน่อย

เช็คอินเก็บของ แล้วไปเดินหาของกิน ช้อปปิ้งและปิดท้ายที่ Jin Bi Square ประตูม้าทอง ประตูไก่ทอง


ส่วนของฝากพวกเราซื้อแถวประตูม้ากับไก่เลยครับ

และกินปิ้งย่างพรีเมี่ยมที่ห้าง Golden Eagle พรุ่งนี้จะบินกลับแล้วขอจัดของอร่อยสักมื้อเถอะครับ 55+

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและสนุกไปกับการเดินทางของเรา ฝากไลค์ฝากแชร์ฝากแคร์กันด้วยนะครับ
ติดตามเรื่องราวของผมได้ที่เพจ "เที่ยวออกเดิน" by Fun_O
Facebook : https://www.facebook.com/TiewOkDern/
Readme : https://th.readme.me/id/funotravel
Pantip : http://pantip.com/profile/2443477
Fun_O
วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.21 น.