หนีเที่ยวต้อนรับฝนแรก "เชียงใหม่" 🌨

เมื่อหน้าฝนเริ่มโปรยปรายมา ก็สร้างความสดชื่น ชุ่มใจตามๆกัน ในเมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้มีวันหยุดหลายวัน คิดว่าคงจะไม่อยู่นิ่งๆแน่และไม่ออกทะเลหน้าฝน ใช่แล้วค่ะ . . . ผลก็ออกมาเหมือนเดิมที่ไม่เคยเบื่อกับที่นี้ " เชียงใหม่ " เพราะมาเที่ยวบ่อยมัง . . . จึงทำให้สนิทกับพี่ๆทางนี้แล้ว ครั้งนี้อยากให้เพื่อนได้เห็นบรรยากาศฝนแรกที่มาถึงทำให้บน "ดอยอินทนนท์ - บ้านแม่กลางหลวง" ดูเขียวขึ้นเยอะกว่าช่วงมีนาคมที่ผ่านมาอีก

เริ่มเดินทางกันเลย จากสนามบินภูเก็ตในรอบเช้า FD 3161 ถึงสนามบินเชียงใหม่ประมาณ 12:30 แค่เริ่มต้นก็เจอฝนตกลงมาตลอดตั้งแต่ตอนกลางคืนจนมาถึงเช้า ในใจตัวเองก็มีกลัวนิดหน่อย

ถึงน่านฟ้าเชียงใหม่แล้ว อากาศทำไมต่างกับภูเก็ตกันเหลือ
เมื่อเครื่องลงจอดสนามบินเชียงใหม่ก็ไม่รอช้า ออกจากสนามบินเพื่อที่จะไปรอขึ้นรอสองแถวสาย เชียงใหม่ - จอมทอง มารอรถที่ประตูเชียงใหม่ซึ่งเป็นจุดที่รถสองจอดรอลูกค้าจากที่ออกมาจากสถานีขนส่งช้างเผือก นั่งรถกินลมชมวิวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที - 2 ชั่วโมง จุดลงรถที่หน้าพระธาตุจอมทอง ค่าโดยสาร 35 บาท แล้วรอพี่ๆมารับไปดอยอินทนนท์

ได้เวลาเดินทาง "ออกตามหาความสุข" ในฉบับของตัวเองที่ชอบพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่สุขใจ

เข้ามาที่ "ดงสน/ลานสน" ซึ่งเป็นจุดกางเต้นท์ของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มาในช่วงวันธรรมดามันก็จะดีอย่างนี้ บรรยากาศเงียบสงบดีนะ มีนักท่องเที่ยวน้อยไม่วุ่นวาย
ออกมาเดินเล่นระหว่างรอติดตามขึ้นรถเพื่อไปต่อ ตอนเรามาฝนหยุดตกพอดีเลยบรรยากาศดี หอมกลิ่นไอดิน หอมกลิ่นเปลือกไม้ ลูกสนก็ร่วงหล่นมีให้เห็นบนพื้นเดี่ยวมีนัดกับพี่แหม่มสาวบ้านแม่กลางหลวงคนเดิมที่เคยมาเที่ยวกินข้าวเมื่อเดือนมีนาคม ว่าจะพาไปเดิน "น้ำตกรักจัง"
📍 ดงสน จุดกางเต็นท์ ดอยอินทนนท์ อยู่ กิโลเมตรที่ 30 ก่อนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เข้าไปบริเวณหมู่บ้านขุนกลาง

เห็นร้านกาแฟที่อยู่เยื้องๆกับทางเข้า"ลานดงสน" เป็นร้านเล็กๆริมทางแต่น่ารักมากเลย มีกาแฟสด ขนมเค้กไปมาช่วงนี้ด้านหลังร้านมีทุ่งปอเทืองเหลืองเลย ชื่อว่า "Coffee A cup" (คอฟฟี่อ่ะครับ)

อู้วววว....เย้!!!! เตรียมไปเดินน้ำตกรักจัง ^^


ออกจากลานดงสนตรงมาที่จุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินเท้านั้นอยู่ที่บริเวณ กม.30 ของถนนจอมทอง-อินทนนท์ (ทางหลวงหมายเลข 1009) "น้ำตกผาดอกเสี้ยว" หรือที่เรียกกัน "น้ำตกรักจัง" น้ำตกขนาดใหญ่กลางป่าขุนเขาดอยอินทนนท์ มาช่วงที่นักท่องเที่ยวหมดเหมือนว่าพวกเรามาปิดท้ายสำหรับวันนี้เลยนะ
บรรยากาศด้านหน้าทางเข้าจุดเริ่มต้นเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดอกเสี้ยว ปัจจุบันนี้มีโต๊ะลงทะเบียนและไกด์ท้องถิ่น ในการเดินเส้นทางนี้จำเป็นต้องมีไกด์ท้องถิ่นซึ่งชาวบ้านปกาเกอญอบ้านแม่หลวงกลวงหนึ่งท่านต่อนักท่องเที่ยว 1 กรุ๊ป/10ท่าน

ช่วงโซนแรกของการเดินก็เริ่มเข้าป่าๆต้นไม้สูง บรรยากาศต้นไม้ร่มครึ้มอยู่สองข้างทาง มีเถาวัลย์น้อยใหญ่ให้เด็กๆนั่งเป็นชิงช้าได้
เดินป่าไปตามหาน้ำตก 'รักจัง' เป็นเส้นทางเดินเขาที่ไม่ยากไม่ง่ายเกินไป ดูลักษณะแล้วเหมือนเดินไต่ลงเนินเขาเลยนะ


เมื่อผ่านโซนแรกมาเริ่มได้ยินเสียงน้ำแล้ว แต่ก็ต้องสะดุดตากับแปลงดอกไม้ของชาวบ้านแถบนี้ นี้ก็ครั้งที่ 3 แล้วที่มาเดินก็ยังไม่เคยเจอช่วงดอกไม้บานเต็มแปลงเลย แต่ยังพอมีดอกไม้ระหว่างแปลงใหญ่ให้ชมด้วย ครั้งนี้มี"น้องนุ้ย"สาวน้อยผู้ใจดีลูกสาวพี่แหม่ม มาเดินเป็นเพื่อนด้วย เราก็ชวนเด็กๆเข้าไปใกล้ๆดอกไม้ คือมันสวยมากเลยมีเพียงแค่ไม่กี่กอนะ แต่สำหรับเราแล้วช่างสวยเหลือเกิน
เสียงน้ำที่เราได้ยินเมื่อตอนอยู่แปลงเบญมาศ เป็นเสียงของลำน้ำแม่กลางที่มีต้นน้ำจากดอยอินทนนท์ไหลหล่อเลี้ยงหมู่บ้านแม่กลางหลวงบริเวณใกล้เคียง

สายน้ำจึงเปลี่ยนจากลำธารไปเป็นน้ำตกขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้าง

บ้างจุดของชั้นน้ำตกก็จะมีไม้ไผ่กั้นปิดเป็นประตูไว้ เพราะเข้าสู่ช่วงหน้าฝนจะทำให้น้ำหลากอาจจะเกิดอันตรายได้

เมื่อเดินลงมาเรื่อยก็จะเริ่มเจอบรรยากาศระหว่างทางสดชื่นมาก มันทำให้เราลืมความเหนื่อยไปเลย
เดินตามไกด์น้อยลัดเลาะเรียบริมน้ำตก/สายน้ำในลำธารกลางป่าใหญ่ ทางเดินบ้างช่วงอาจจะไม่สะดวกมากนัก ชาวบ้านร่วมกันทำขั้นบันไดและราวไม้ไผ่ให้นักท่องเที่ยวเกาะเดินได้สะดวก
เดินจนมาถึงชั้นก่อนไฮไลท์ จะเป็นแอ่งน้ำกว้างๆสามารลงแช่น้ำ , เล่นน้ำได้ จากชั้นนี้แหละสายน้ำจะตกลงไปสู่เบื้องล่างที่ผ่านหน้าผาหินสูงทำให้เกิดชั้นน้ำตกสูง
นี้คงเป็นธรรมชาติที่ตามหา
ระหว่างทางสวยงามเสมอ
มาถึงแล้วแค่เห็นสะพานไม้ไผ่ที่สร้างทอดผ่านข้ามแบบนี้ ใช่ เ ล ย . . . แล้วเรามาถึงชั้นไฮไลท์แล้ว
สายน้ำตกไหลซู่ตกลงมากระทบกับหินหน้าผาและโขดหินเบื้องล่างทำให้เป็นสายน้ำขาวฟูฟ่อง
ถึงจะมาเป็นครั้งที่ 3 แต่ก็มาในช่วงต่างฤดูกัน บอกเลยช่วงนี้น้ำสวยไปอีกแบบเลย ไม่เยอะมากจนเกินไป ไม่น้อยจนเกินไป
สดชื่นจริงๆเลยย⛰ เก็บภาพไว้เป็นความทรงจำ
เมื่อเก็บภาพกันเต็มอิ่มแล้วก็เดินลงมุ่งหน้าเข้ากลับสู่หมู่บ้านแม่กลางหลวง
แล้วเดินเลาะริมป่าริมเชิงดอยออกจากตัวน้ำตกชั้นที่ 7 ที่เป็นไฮไลท์ ก็จะได้เห็นวิวแปลงเกษตรที่เป็นขั้นบันได
กำลังเดินลัดเลาะกลับนั้นพี่แหม่มเรียกให้หันหลังกลับไปดูน้ำตกอีกชั้นที่ไหลจากชั้น 7 ตกลงมา จริงๆแล้วในแถบบริเวณนี้มีน้ำตกหลายชั้นทั้งเล็กและใหญ่ แต่มีแค่บ้างชั้นเท่านั้นที่สามารถเดินผ่านและเข้าได้ เท่าที่เราเดินมาจากจุดแรก
เวลานี้ที่เดินออกมาจากโซนตัวน้ำตกเริ่มเข้าใกล้หมู่บ้าน ก็จะเป็นแปลงดาวเรืองดูฟ้าแล้วช่วงนี้จะมืดๆฝนหน่อย
สำหรับเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดอกเสี้ยวก็ประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง


บรรยากาศบ้านแม่กลางหลวงมาช่วงนี้เริ่มเขียว สดใส จากสายฝนแรก พื้นที่นาก็เริ่มปรับไถ เพาะต้นกล้าเพื่อเตรียมดำนากันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
น้องนุ้ยก็พาไปยังที่พักของลุงสมศักดิ์ อยู่บริเวณริมคั้นนาถัดลงมาจากร้านกาแฟ
นี้คงเป็นแปลงเพาะต้นกล้า เตรียมไปดำนาของฤดูกาล

มาถึงแล้วที่พักหลังนี้ชื่อว่า "เคียงนา" ของ "อินทนนท์ คีรีมายาแม่กลางหลวง" (ลุงสมศักดิ์)

ภายในที่พักหลังนี้ก็ดูกว้างขวางเหมาะสำหรับใครที่มาเป็นครอบครัวสักประมาณ 4-5 ท่าน นอนได้สบาย

เรากับน้องนุ้ยและเจ้าตัวเล็ก ก็ออกมาสำรวจบริเวณรอบๆที่พักเพื่อรอจะกินมื้อค่ำกัน เจอต้นทับทิม , ต้นฝรั่ง พวกเราก็ทำการเก็บสอยมาชิมกัน
เป็นบ้านพักอีกหลังของ "อินทนนท์ คีรีมายาแม่กลางหลวง"

บรรยากาศธรรมชาติ เงียบ สงบ ของบ้านแม่กลางหลวง


ผลไม้ที่ได้จากการสอยข้างๆที่พักฝีมือน้องนุ้ย ก็เดินข้ามลำธารมาอีกฝั่ง "นานแล้วนะที่ห่างหายจากบรรยากาศแบบนี้เมื่อตอนที่เราเป็นเด็ก"
ความสุขของเด็กชายโก๊ะที่ได้เล่นน้ำ
ได้เวลามื้ออาหารของค่ำนี้แล้ว อากาศแบบนี้ชุดหมูกะทะช่วยได้
เมื่อกินกันอิ่มแล้วก็เข้านอน พรุ่งนี้ต้องตื่นกันแต่เช้าตรู่เพื่อจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดดอยอินทนนท์



จากตอนกลางคืนฝนได้ตกลงมาทำให้เช้านี้ขับรถขึ้นมาเจอหมอก อากาศนี้เย็น นึกว่าช่วงหน้าหนาวเลย

เมื่อขับรถไต่ดอยขึ้นมาก็จะฝ่าม่านหมอกที่ปกคลุมพื้นที่ยอดดอย จนมาถึงจุดชมวิว กม.42 จะมาชมพระอาทิตย์กัน แต่ . . . วันนี้หมอกหนามากจึงทำให้ไม่เห็นดวงอาทิตย์โตๆเลย ซึ่งได้อยู่จุดนี้ไม่นานมากก็ชวนพี่ไปยังด้านบนป้ายสูงสุดแดนสยาม
สายหมอกที่ออกมาโอบกอดตัวเรา พร้อมพาอากาศเย็นมาสัมผัสกายเรา

ดอยแห่งนี้ถือเป็นยอดภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูงเหนือน้ำทะเล 2,565 เมตร
กู่ หรือ พระเจดีย์ ของ พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่ องค์ที่ 7 พระราชบิดา ของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ถัดจากบริเวณ "กู่" ด้านในเป็น เส้นทางศึกษาธรรมชาติยอดดอย ระยะทาง 150 เมตร เป็นสะพานไม้จะผ่านต้นไม้นานาพันธุ์ที่เรียกกันว่า 'ป่าเมฆ' เพื่อเข้าไปชมและศึกษาชมธรรมชาติและถ่ายภาพ ที่เขียวขจีไปทั้งป่า
หมุดบอกความสูง สูงสุดยอดในสยามของจริง
แสงแดดเริ่มทอแสงสีทองลอดกิ่งไม้ทำให้เห็นเป็นลำแสงที่สวยมากเลย ณ จุดนี้ก็คงยังมีหมอกบางๆปกคลุม




ถัดลงมาจากยอดดอยก็จะมาที่ "อ่างกา" เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเช่นกัน
"อ่างกา" ตั้งอยู่บนยอดดอยอินทนนท์ ป่าในบริเวณนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นป่าดึกดำบรรพ์และยังเป็นแหล่งป่าต้นน้ำสูงสุดของประเทศไทย จะพบพันธุ์ไม้หายาก เช่น กุหลาบพันปี ข้าวตอกฤาษี ได้ชื่อว่า "ป่าดึกดำบรรพ์ มหัศจรรย์อ่างกา" มีระยะทางประมาณ 360 เมตร เป็นเส้นทางวงรอบ เดินทางเดียว
ทางเดินสร้างเป็นสะพานไม้ทอดยาวกลมกลืนกับสภาพพื้นที่เข้าไปในบริเวณพื้นที่ “อ่างกา” แหล่งน้ำธรรมชาติประเภทพรุน้ำจืดที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในประเทศไทย
ยังพอได้เจอ "ดอกกุหลาบพันปี" ถึงจะไม่ใช่ช่วงฤดูเพราะที่นี้หนาวเย็นตลอดปี

ดง"ข้าวตอกฤาษี" ที่จัดเป็นมอสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย



ขณะที่ขับรถกลับลงจากยอดดอยจากที่หมอกหนาๆ มองไม่เห็นฟ้าตอนนี้ได้มองเห็นและดอยหัวเสือแล้ว พวกเราจึงไม่รอช้าที่จะหยุด ณ ลานจอด กม.42 มานั่งดูวิวบนดอยกับอากาศดีๆที่ก่อนหน้าไม่แค่กี่นาทีเต็มไปด้วยหมอกหนาปกคลุม

เที่ยวเดินศึกษาธรรมชาติบนยอดดอยมาก็แวะเข้ามาหยุดพักที่บ้านแม่กลางหลวง มาที่ "Pati non โรงคั่วกาแฟ" อยู่ตรงกลางหมู่บ้านแม่กลางหลวง เป็นโรงคั่วกาแฟชุมชนอีกที่หนึ่งไม่ไกลจากร้าน "กาแฟสมศักดิ์ (โถ่บิเบ )" เป็นทั้งโรงคั่วกาแฟและซุ้มนั่งพักเหนื่อยจากกิจกรรมเดินน้ำตกผาดอกเสี้ยว โดยมีกาแฟสดชงให้จิบฟรี ! ย้ำชิมฟรี
บรรยากาศภายในร้าน จะเป็นบ้านไม้ยกสูงตามแบบฉบับบ้านชาวปกาเกอะญอ ใต้ถุนจะมีชาวบ้านนั่งทอผ้าชาวเขาให้ดูอีกด้วย มีกระท่อมรับแขก 2 กระท่อม สร้างด้วยไม้ไผ่หลังคามุงจาก ไว้คอยให้คุณได้นั่งผ่อนคลายจิบกาแฟหอมกรุ่นรสละมุน

และยังมีกาแฟคั่วสดใหม่ทุกวันที่แพคบรรจุถุงไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเป็นของฝากหรือคอกาแฟกลับไปชงกาแฟกันง่ายดื่มที่บ้าน
ผลิตภัณฑ์จากผ้าทอของปกาเกอะญอ มาเป็นเสื้อ , ผ้าถุง , ผ้าพันคอ ให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อเป็นของที่ระลึก
อีกมุมจากซุ้มไม้ไผ่ก็จะเป็นวิถีสาวชาวปกาเกอะญอ ที่นั่งทอผ้าพื้นเมืองในวิธีดั้งเดิมให้ได้ชม
📍 Pati non โรงคั่วกาแฟบ้านแม่กลางหลวง Tel. 091 851 7820จะอยู่ถัดขึ้นไปจากร้านกาแฟลุงสมศักดิ์ประมาณแค่ 200 เมตร เองก็จะเจอกับป้ายบอกทางเข้าร้าน

"พักกายพักใจ ออกไปให้ธรรมชาติบำบัด" ครั้งนี้ก็จบเพียงแค่นี้ ครั้งนี้อาจจะเป็นสถานที่เดิมๆที่เคยเขียนรีวิวไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็อยากให้ทุกคนได้เห็นบรรยากาศหน้าฝนบนดอย ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านรีวิวค่ะ


ปล. ภาพจากพี่ๆที่บ้านแม่กลางหลวงหลังจากที่เรากลับมา ทางนั้นเขาก็เริ่มดำนาแล้วนะ เตรียมตัวไปเที่ยวฤดูทุ่งนาขั้นบันไดกันได้เลย


How About Chillout

 วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 17.47 น.

ความคิดเห็น