สวัสดีครับเพื่อนๆ กลับมาพบกับ Mobile Photographer อีกแล้วว เย้ !!
แล้วนี่ก็เป็น URBAN EXPLORER ตอนที่ 3 แล้วครับ

ก่อนจะไปอ่าน ไปดูไปชม แก้วเล่าที่มาที่ไปของรีวิวครั้งนี้ก่อนนะครับ คือบ้านสุดที่รักของแก้วครับ ถึงคราวต้องซ่อมใหญ่ เนื่องจากอยู่กันมาหลายสิบปีแล้ว แต่ยังไม่เคยซ่อมบำรุงมันเลย ซึ่งส่งผลให้ แก้วต้องย้ายที่ซุกหัวนอนกันเลยทีเดียว

นี้ จะไปอยู่ไหนดีล่ะ ?!

ในชีวิตประจำวันแก้วเป็นคนที่ต้องเดินทางไปทำงานตามที่นั่นที่นี่ แต่ทุกที่จะอยู่ในโซนเมืองติดรถไฟฟ้าซะเป็นส่วนใหญ่ครับ ไม่ไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก เพราะอาจจะต้องอยู่สักพักใหญ่เลย (ที่สำคัญต้องมีร้านอาหารอร่อยๆ ร้านกาแฟไว้นั่งคิดงาน) ก็เลยลอง Search ในเน็ตครับว่า มีที่ไหนที่ตอบโจทย์ชีวิตได้บ้าง หาอยู่วันสองวัน ก็มาสะดุดเข้ากับโรงแรมที่นึงใจกลางย่านสุขุมวิท ที่แบบ เฮ้ย ! ใช่ว่ะ น่าสนใจ ขออุบไว้ก่อนว่าเป็นที่ไหนนะครับ


หลังจากโทร สอบถามรายละเอียดคร่าวๆ ว่าโรงแรงนั้นสามารถเข้าพักแบบรายวันและระยะยาวได้ ซึ่งเรตราคาก็จะต่างกัน แก้วก็เลยคุยกับแฟนว่า งั้นเราลองอยู่กันสัก 2-3 ก่อน ถ้าที่นี่มันโอเค ค่อยเปลี่ยนไปรายเดือนก็ได้ ก็เลยตัดสินใจจองไปครับ ซึ่งแก้วเดินทางไปในเย็นวันศุกร์ครับ


ที่ตั้งของโรงแรมก็คือ ซอย สุขุมวิท 49 ครับ ขับรถมาเรื่อยๆ บนถนน Slow Life แห่งนี้
จนมาถึงหน้าร้าน Brocoli Revolution ! ถ้าถึงร้านนี้แสดงว่าใกล้ถึงแล้วนะครับ



เมื่อเลี้ยวเข้ามาในซอยได้นิดนึง ก็จะเห็นได้ชัดเจนเลยครับ ใช่แล้วครับ
ADELPHI 49 โรงแรมที่แก้ว จะย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่สักพักนั่นเอง

หลังจากจอดรถที่ฉันใต้ดินเรียบร้อยแล้ว (ที่จอดรถจอดรถได้ค่อนข้างเยอะทีเดียว เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้)
แก้วก็เข้ามาที่ Front ของโรงแรมเพื่อทำการ Check-in ครับ

หลังจากนั้น แก้วก็เลยได้รับสิ่งนี้มาครับ นั่นก็คือ Smart Key Card นั่นเอง ไม่ใช่แค่เพียงใช้เปิดประตูนะครับ
ลิฟท์ ประตูห้อง ประตูทุกบานในโรงแรมนี้ ต้องใช้ Card นี้เปิดทั้งหมด (โดนกำชับว่า อย่าหายนะ 55 5)
เอาล่ะ ขึ้นลิฟท์ไปเก็บของในห้องกันดีกว่าครับ


ถึงละครับทีนี้ ห้องที่แก้วจะมาพักคือห้องหมายเลข 611 ครับ



เปิดห้องมาครับ ผ่างง !! ห้องพักที่นี่ ก็คอนโดพร้อมอยู่ดีๆ นี่เอง ผมนี่ประทับใจ แต่แฟนนี่ตื่นเต้นเดินรอบห้องเลย


ก้าวออกเข้าห้องมา มองไปทางขวา ก็เจอครัวเลยครับ รักโรงแรมมีครัวให้ด้วยจริง ชอบให้แฟนทำกับข้าวให้กิน
มีครัวไม่พอ มีเครื่องครัวพร้อมใช้ให้ด้วย กระทะ เตา เครื่องดูดควัน จาน ชาม ถ้วย มีให้หมดเลย

สำหรับสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับทุกคนในสมัยนี้ บริการ Internet นั่นเองครับ ใช้ได้ฟรี ไม่จำกัด
แยกสัญญาณเพียงห้องละเส้นเท่านั้น ไม่มีแย่งเน็ตกันแน่นอน

มีส่วนที่จัดพื้นที่ให้ใช้นั่งเล่น นั่งพักผ่อนทำงานดูทีวีด้วย


ส่วนที่กั้นห้องด้านหลังนั้น ก็คือห้องนอนนั่นเอง มีโทรทัศน์ให้ในห้อง ทั้ง 2 จุดเลย
เตียงนอน หมอนหนุนนี่ สบายมากเตียงดูดวิญญาณมากเลยครับ


และห้องที่มักสร้างความประทับใจให้คนไปพักโรงแรมมากที่สุดนั่นก็คือ ห้องน้ำครับ และนี่คือห้องน้ำของที่นี่ครับ


สิ่งอำนวยความสะดวกให้ห้องน้ำนี่ก็ให้มาครบเลยครับ ก๊อกน้ำทุกจุดในห้องปรับร้อนเย็นได้หมด


พอหันมาเห็นสิ่งนี้ครับ Smart Toilet แบบญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว
ใครยังไม่เคยลอง แนะนำครับ สนุกเพลิดเพลินในการเข้าห้องน้ำมาก

อ่างอาบน้ำก็มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป

เอาล่ะครับ หลังจากแก้วกับแฟน สำรวจทุกส่วนของบ้านหลังใหม่กันแล้ว
ตอนนี้เริ่มหิวละครับ ออกมายืนส่องที่ระเบียงหาร้านอาหารซะหน่อย (วิวดีไม่ใช่น้อย)


ที่จริงแถวนั้น ก็มีร้านน่ากิน น่านั่งเยอะเลยนะครับ ทั้งใหญ่เล็กมีหมด แต่วันนั้นแอบอยากกินอาหารเกาหลีครับ
ซึ่งร้านนี้ก็คือร้าน Andong Jimdak เอาจริงๆ ร้านนี้ก็มีอีกหลายสาขาครับ

บรรยากาศภายในร้าน ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมากๆ พนักงานในร้าน รวมทั้งเจ้าของเป็นคนเกาหลีหมดเลย

สีหน้าแฟนผม หลังจากเดินสำรวจห้องจนเหนื่อย หิวหน้าบูดละครับทีนี้


เอาล่ะฮะ อาหารมาแล้ว หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า Jimdak คืออะไร ?
เหมือนผัดวุ้นเส้นเกาหลีเส้นเครื่องหนักๆ เผ็ดๆ อร่อยๆ ครับ

ทีนี้อิ่มแล้ว หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน หนังตาตก อาบน้ำนอนกันดีกว่า คร่อกก พบกันพรุ่งนี้ฮะ

อ๊าาา เช้าแล้วครับผม บรรยากาศในซอยก็คึกคักเลยทีเดียว รถวิ่งกันแต่เช้าตรู่

บนชั้น 7 จะมี ฟิตเนส กับ สระว่ายน้ำอยู่บน Rooftop เดี๋ยวตามแก้วขึ้นไปสระว่ายน้ำกันก่อนนะ

เช้าๆ วันเสาร์แบบนี้ ขึ้นมาชมบรรยากาศ บน Rooftop กันดีกว่า


วันหยุดเช้าๆ นี่น่าขึ้นมาว่ายน้ำ เอนกายพักผ่อนบนนี้มากๆ สบายแน่นอน

วิวตอนเช้าบน ดาดฟ้าแบบนี้ก็ใช่ย่อยนะครับ สวยได้บรรยากาศทีเดียว โรแมนติกดีครับ


มาฝั่งฟิตเนสกันบ้างครับ ที่นี่ก็มีเครื่องเล่นอยู่พอดี สำหรับการออกกำลังเพื่อรักษาสุขภาพ

ผมชอบความเจ๋งของที่นี่อย่างนึงคือ ทุกมุมในโรงแรมนี้ จะมี Wifi ให้ใช้ตลอด
ไม่หลุดจากการ Connection กันเลยทีเดียว สำหรับคนที่พักผ่อน แต่ต้องทำงานไปด้วย

กลับมาถึงห้อง คุณแฟนก็ทำของกินเล่นไว้รอ แล้วกำลังหิวอยู่พอดี


พอกินหมด ไม่ทันได้พักท้องครับ คุณแฟนลากลงมากินมื้อเช้าที่ห้องอาหาร


ในห้องอาหารแบ่งออกเป็นสองโซนครับ นั่นคือโซนนั่งทานอาหารที่จะเป็นแบบ ธรรมชาติ
มีทั้ง Indoor และ Outdoor อีกส่วนจะเป็น เคาว์เตอร์บาร์เครื่องดื่ม


อาหารในห้องอาหารก็มีหลายสไตล์ครับ แต่จุดเด่นคือคุณภาพอาหารค่อนข้างดีมาก
มีผลไม้ ซึ่งแก้วชอบจะกินผลไม้ตอนเช้า เพื่อความสดชื่นก็มีให้เลือกมากมายเลย


หน้าตาอาหารน่ากินมั้ยล่ะครับ อิอิ เบค่อนไม่มันมากด้วย แห้งๆ กรอบๆ

พออิ่มปุ๊บ ก็ขอออกไปเดินย่อยกันหน่อยครับ ดูซิว่าในซอยมีอะไรบ้าง ไหนๆ จะต้องมาอยู่ละ
ที่แรกที่แก้วมาเลยครับ คือร้านขายของมือสองนำเข้า และรับจากคนญี่ปุ่น

พอดีในร้านเขาห้ามถ่ายรูป เลยหาภาพมาให้ได้แค่นี้นะฮะ


ซอยนี้คนญี่ปุ่นอยู่เยอะ ซูเปอร์มาเก็ต ก็ยังเป็นของ ญี่ปุ่น

ร้านอาหารญี่ปุ่น หรือแม้แต่ออนเซนอาบน้ำก็มีให้พบเห็นได้ตลอดทาง

แก้วกับแฟน ก็เดินมาถึง The Terrace 49 ที่เป็น LifeStyle Mall

ก็เลยขอแวะหากาแฟอร่อยๆ กินสักแก้ว ที่ร้าน D'ARK piman49

ชอบบรรยากาศร้านนี้มาก น่านั่งน่าทำงานมากเลยทีเดียว

เป็นไงบ้างครับสำหรับ บ้านใหม่ของแก้ว ทั้งตัวที่อยู่เอง ทั้งบรรยากาศโดยรอบเอง

เป็นที่ที่น่าอยู่ไม่ใช่น้อย ใครที่มองหาที่พักสไตล์แบบนี้อยู่ ไม่ว่าจะเพื่อพักผ่อน หรือการทำงานที่สะดวก
หรือจะเหตุผลอะไรก็ตาม ที่นี่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับแก้วใครอยู่แถวนี้แวะเวียนมาเยี่ยม
มาพูดคุยกันได้นะครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ
[ เกี่ยวกับผู้เขียน ]


ชื่อ "แก้ว" ครับ ชอบ เดินทาง ท่องเที่ยว และชอบถ่ายรูปมาก ตั้งแต่จำความได้เลย

ปัจจุบันก็ทำงานประจำ วันว่างๆ ก็เป็น นักเขียน อะไรไปเรื่อย
นอกจากนั้นยังชอบถ่ายภาพ บางครั้งก็มีคนจ้างไปถ่ายด้วยนะ 55 5
พอดีอย่างแชร์สิ่งที่ตัวเองรัก ให้คนอื่นได้รักบ้าง เลยมาเขียน Blog นี้ครับ

ฝากติดตามผลงาน เป็นกำลังใจให้แก้วเขียนด้วยน๊าIG : https://instagram.com/kaew.mobilefoto/

Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer

Mobile Photographer

 วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 18.02 น.

ความคิดเห็น