สมาชิกทริป 4 คนค่ะ หมดไป ทั้งหมดประมาณ 6,500 บาท รวมกิจกรรมเข้าถ้ำ ชมหมู่บ้านกะเหรี่ยง อาหาร ที่พัก ของกินจุบจิบทุกมื้อ ไม่รวมอย่างเดียวคือ ของฝากค่ะ



วันที่ 1 @ปาย

สะพานประวัติศาสตร์ปาย

ถนนคนเดินปาย

ชิมผัดไทหน้าวิน ขนมจีนนั่งยอง โรตีชีสสสสส



วันที่ 2 @ปาย และ เดินทางไปแม่ฮ่องสอน

- พาชิมโจ๊กสมุนไพร ลุงอ๊อด

- ปาท่องโก๋เมืองปาย

- วัดน้ำฮู : สักการะพระอัฐิของพระสุพรรณกัลยา (พระพี่นางในของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระองค์ถูกจับเป็นเชลย ณ กรุงหงสาวดี)

- หมู่บ้านจีนยูนนาน (หมู่บ้านสันติชล)

- วัดพระธาตุแม่เย็น (เป้าหมาย: ไปชมทิวทัศน์เมืองปายค่ะ)

- ถ้ำลอด

- ถ้ำปลา

- วัดพระธาตุดอยกองมู

- วัดจองคำ



วันที่ 3 @แม่ฮ่องสอน

- ชมหมู่บ้านกระเหรี่ยง ห้วยเสือเฒ่า

- พิพิธภัณฑ์ อนุสรณ์สถานสงครามโลกที่ ๒ ไทย-ญี่ปุ่น @ขุนยวม



ใครจะเริ่มต้นทริปนี้จาก เชียงใหม่ก็ได้นะคะ ขึ้นรถตู้ที่ขนส่งอาเขต เคยนั่งไปตอน 5 ปีที่แล้วมั้งคะ ร้อยกว่าบาท

หรือจะลงสนามบินปายก็ได้

แต่พวกเราเอารถส่วนตัวไป เลยเริ่มต้นจาก ลำพูน (น้ำมันรถ ทั้งทริป 2,000 บาท กลับมายังเหลือค่ะ )



เที่ยว ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมานี่เองค่ะ

ออก วันศุกร์ บ่ายโมง เก็บสัมภาระ เป้ กระเป๋า ใส่หลังรถ เสบียงพร้อม เดินทางกันเล้ยยย



ทางไปง่ายๆ มีป้ายบอกตลอดทาง



จากภาพ อากาศกำลังดีเลยค่ะ แต่ไหง ขับไปได้สักพัก ฝนเริ่มลงเม็ด เห็นท่าจะไม่ดี อ่อ เอารถกระบะไป

จริงๆ เอาผ้าใบมาด้วย เผื่อคลุมตอนฝนตก แต่ยังไงก็เปียกอยู่ดี เพราะกระบะมันไม่มีรูระบายน้ำ เลยย้ายสัมภาระมาไว้ข้างหน้าแทน

เบียดไม่มากเพราะกระเป๋าคนละใบ นั่งเบาะหลัง 2 คน ยังสบายๆ อยู่ค่ะ



ฝนลงหนักขึ้นเรื่อยๆ พวกเราก็คิดว่า เห้ย ดูตรงโน้นดิ มืดมากเลย ปายฝนจะตกหนักไหมอะ

ลุ้นๆ

ผ่านไปสักช่วง ฝนก็หายไป ก็เห็นหมอกลอยอยู่แบบเนี้ยค่ะ อากาศดีมาก เปิดกระจกรถกันเพลินไปเลย



อ่อ ทริปนี้เดินทางกับ คุณพ่อ อาแปะ(พี่ชายพ่อ) และก็อาม่า

หมอกลงแล้วค่ะ

เที่ยวเส้นทางธรรมชาติหน้าฝนจะเจอบรรยากาศดีดีแบบนี้แหล่ะ แบบมองแทบไม่เห็นทาง แต่ฟีลมันได้



ช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวมักจะหมายตามากางเต้นท์กันที่นี่ค่ะ ห้วยน้ำดัง คิดแล้ว หนาววววว บรึ๋ยย

หลุดจากหมอกสวรรค์ กลายเป็นเมืองมนุษย์ร้อนๆ แล้วค่ะ

ที่แรกที่เราจะแวะกัน คือสะพานประวัติศาสตร์ปาย



มาทีไรต้องแวะก่อนค่ะ จอดพักรถ ถ่ายรูป เดินเล่น ชิล ๆ

ใครจะซื้อของที่ระทึกตั้งแต่วันแรกของการเดินทางก็ตามสบายเลยค่ะ อิอิ



ช่วงนี้คนไม่เยอะค่ะ สะพานแทบเป็นของเรา

แต่ ปล. เริ่มเจอคนจีนที่นี่ด้วยค่ะ ขอพยากรณ์ว่า เราจะเจอพวกเค้าที่ปายแน่นอน



นักท่องเที่ยวชาวจีน ฝรั่ง มักจะเช่ารถมอไซต์แบบออโต้จากเชียงใหม่แล้วขับมาค่ะ ทาง หลายพันโค้ง ขับฉวัดเฉวียนกันอีกด้วย

ขอซูฮกจริงๆ ว่ารอดกันมาได้ยังไง ฮ่า ๆๆ แซวๆ ค่ะ

อีก สัก 10 โล คงจะถึงปายแล้วค่ะ

อีกที่หนึ่งที่มาปายทีไรแล้วต้องแวะ

Coffee in Love @ ปาย ค่ะ



เนื่องจากทริปนี้ เป็นความต้องการของพ่อค่ะ เค้าอยากจอด อนุญาตให้จอดหมด

เมื่อก่อนพ่อเป็นเซลส์ ขับแค่ผ่าน ไม่เคยแวะเมืองปายเลย เค้าจึงอยากมามาก ทริปนี้ให้เค้าเป็นแกนนำ

กว่าจะมาถึงปาย ก็เย็นแล้วค่ะ 4-5 โมง

ใช้เวลาขับมาประมาณ 4 ชั่วโมง

ที่พักจองจากบุคกิ้ง.คอม ค่ะ

อยู่ที่ถนนคนเดินปายเลย สะดวกตรงที่เดินออกมา ก็เดินถนนคนเดินได้เลย แต่! เรามีรถส่วนตัว แล้วที่พักเหล่านี้ส่วนใหญ่จะคล้ายๆ โฮสเทล

ที่ใช้บ้านเดิมมาดัดแปลง เรื่องจอดรถจึงเป็นปัญหาของเราแล้วค่ะ

ทีแรก เจ้าของที่พักจะให้เอารถจอดที่วัดหลวง แต่พ่อไม่เอา เค้าหวงรถ เราเลยถามเค้าว่ามีโรงแรมในเครือเดียวกันเป่า(ในใจคิดว่าไม่น่าจะมี)

ปรากฏว่ามี เลยขอไปจอดที่ โรงแรมพี่สาวเค้าค่ะ ใกล้ๆ สนามบินปาย ตอนนี้หายห่วงเรื่องรถละ



ภายในห้องตกแต่ง ธรรมดา ถึง ธรรมดามากกกกก ค่ะ เหมาะกับคนที่มาคนเดียว

เรามาปายหลายครั้ง เคยนอนตั้งแต่กางเต้นท์ข้างริมน้ำปาย ยันบ้านหรูในรีสอร์ท

แต่วันนี้มาลองนอนโฮสเทลที่ปายแบบติดดินดูค่ะ ((แต่ผิดกาลเทศะไปหน่อย พาผู้สูงวัยมานะเนี่ย

เราเลือกเองนะ ห้องละ 200 บาท ไม่มีแอร์ สาเหตุที่เลือกเพราะ เดินเที่ยวกว่าจะเข้านอนก็ดึก อีกอย่างพวกเราจะออกเช้าเลย นอนอะไรก็ได้ค่ะ

ไม่กินลมชมวิว

ทีแรกนึกว่าฝนตกแล้วจะเย็น ไม่ค่ะ มันยังร้อนอยู่ เพราะห้องนี้ไม่มีมุ้งลวด กลัวเปิดหน้าต่างแล้วยุงจะเข้ามา

แต่ที่นี่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาพักเยอะเลย พวกแบ็คแพ็ค ก็โฮสเทลนี่เน๊อะ

หน้าโฮสเทบจะเป็นร้านอาหาร



ออกมาชมร้านรวง และหาอะไรทานกันดีกว่า หิวซะแล้วสิ

แพลน เรื่องของกินไม่มีไรมากค่ะ

มีผัดไทหน้าวิน

ขนมจีนนั่งยอง

และ โรตีชีส

พวกเราเดินไปกินผัดไทกันก่อนคนละจาน รสชาติปกตินะ ไม่ต่างจากผัดไทปกติ

เพราะหิวมาก เลยไม่มีภาพประกอบ

หลังจากนั้นก็เป็นมหกาพย์การชิมค่ะ

โรตีชีสค่ะ คิดว่าทานเจ้าไหนก็ได้นะ คงอร่อยเหมือนกันหมด แป๊บเดียวฟาดเรียบ อิอิ

จริงๆไม่ใช่อะไรค่ะ อาม่าเป็นเบาหวาน ชอบทานของหวานและทุกสรรพสิ่งที่แปลกใหม่ พวกเรา3 คน รีบจ้วงใส่ปากค่ะ แกกินไม่ทัน อิอิ

ก็ดูธรรมดาเหมือน บาบีคิวทั่วไปค่ะ พอซื้อมาลองกินเท่านั้นแหล่ะ



ธรรมดามากค่ะ



ไม้ละตั้ง 20 แน่ะ

หนมจีน ชามละ 25 ค่ะ อาม่าเบิ้ลอีกแล้ว กินจุจริงๆ

เราตอนนี้ อิ่มแบบไม่ไหวแล้ว

จะเห็นว่า คนแทบไม่มีเลย ไม่คึกคักเท่าหน้าหนาวแน่นอน มันจะได้อีกฟีลนึงเลยค่ะ ถ้าใครที่ไม่เคยมาปายมาก่อน ก็จะชอบที่มันสงบ

แต่ถ้าคนที่มาหน้าหนาว ร้านรวงจะเปิดกันคึกคัก ของกินเยอะมาก คนแน่น เดินดูแต่ง่อนคน ก็อาจจะชอบไปอีกแบบ

จุกกันได้ที่ สักพักพวกเราก็เข้าห้อง อาบน้ำอาบท่านอนค่ะ

พรุ่งนี้ตื่นเช้า มีโปรแกรมไปชิมโจ๊กสมุนไพรลุงอ๊อด ไม่รู้พ่อเอามาจากไหน ทีวี หรือ นิตยสารท่องเที่ยวก็ไม่รู้ แต่ไงเช้าๆ ทานโจ๊กก็โอเคอยู่แล้นนน



((แก้ไขข้อความ เขียนผิด))

บริเวณที่พักค่ะ

มีพระมาบิณฑบาตรด้วย แต่ละแวกนี้ไม่มีของให้ซื้อใส่บาตรเลยค่ะ

พวกเราจึงเดินๆๆ ไปแยกหาร้านโจ๊กสมุนไพรลุงอ๊อดเลย



เจอแล้วค่ะ เป็นร้านรถเข็นเล็กๆ

ลุงอัธยาศัยดี

ไม่ใช่คนพื้นที่ค่ะ แต่มาจับธุรกิจเล็กๆขายไอติมวอลที่ปายเมื่อ 10-20 ปีมาแล้ว

เค้าบอกว่า เมื่อก่อน ไฟฟ้าที่นี่ติดๆดับๆ ไอติมเค้าละลาย จนต้องขาย + แถมเป็นว่าเล่นเลย เห่อ ๆ

หลังๆ มาก็เริ่ม มาทำโจ๊กขาย

โจ๊กเห็ดหอม หมู ใส่ใข่ ...........

อร่อย ดีนะ



ลุงอ๊อดบอกว่า ถ้าเป็นฤดูหนาว จะมีร้านรถเข็นข้างทาง ถัดจากลุงไปหลายคันมาก จนลุงต้องไปเปิดหน้าบ้าน แต่ตอนเย็นลุงแกก็เปิดหน้าบ้านนะ ตอนเดินมาทานตอนเช้าก็เดินผ่านบ้านแก เห็นรถเข็นแกจอดอยู่ แต่ปิดค่ะ ยัง งง อยู่ อ้าว! ตกลงแกขายมั๊ยเนี่ย ขายตรงไหน??!!



เหลือบไปเห็นร้าน เยื้องๆกัน ตรงสี่แยกไฟแดงเลย เป็นร้านปาท่องโก๋เมืองปาย

เช้าๆ แบบนี้ น้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ ก็ได้อยู่น้าาาาา



ทานเสร็จ เดินปรี่กันไปเลย

น่าทานไหมคะ

ปา 20 ตัว 20 บาท นมข้น กับ ใบเตย อย่างละ 10 บาท

อาม่าบอกอร่อย เอาปามาเลย 2 ชุด ... จ๊ากกกก

แต่ก็กินกันหมด

น้ำเต้าหู้ทรงเครื่อง 15 บาท ธรรมดา 10 บาทจ้า

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รู้สึกว่าจืดๆ ผสมน้ำเยอะไปสินะ



น่าทานป่าวๆๆ

ร้านเล็กๆ ตรงหัวมุมแยกไฟแดง

สอบถามคนแถวนั้นก็ได้ค่ะ ร้านที่เปิดเช้าๆแบบนี้ มีไม่เยอะ หรือ แทบไม่เห็นเลยค่ะ

ถนนเงียบบบบ สงบ สบายดี

ร้านนี้ที่เดินผ่านเมื่อคืน

ครีเอทมาก ห้าๆๆๆ แต่ งง อยู่ เพื่อโชว์อย่างเดียวหรือ?? ขึ้นไปถ่ายรูปได้มะอะ



พวกเรากลับที่พักอีกรอบเพื่อเอาสัมภาระที่เก็บกันก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วใส่รถ ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จสรรพก็โบกมือบ๊ายบายเจ้าของโฮสเทลค่ะ



จากนี้ เราจะไปวัดพระธาตุแม่เย็นกันค่ะ วัดนี้เรายังไม่เคยไป

เดี่ยวจะขึ้นไปชมวิวเมืองปายกัน



ถึงละค่ะ วัดพระธาตุแม่เย็น

จอดรถปุ๊บก็พาอาม่าไปชมจุดแรกที่ผู้สูงอายุสามารถเดินไปได้ค่ะ

จะมองเห็นไม่ค่อยถนัด

แต่จะมีอีกจุดนึงที่มองเห็นได้สูงกว่านี้



ตอนนี้เค้ากำลังก่อสร้างบันไดให้สำหรับเดินขึ้นค่ะ ตอนนี้ยังไม่เสร็จดี เลยต้องเดินเทรคกันขึ้น แป๊บๆ ก็ถึงค่ะ ไม่ลำบากเลย แต่ชัดนิดหน่อย

เดินลัดมาจากทางขวามือน่ะค่ะ

ด้านบนมีพระใหญ่ให้สักการะกันด้วยค่ะ กำลังสร้าง

ไหว้พระ ถ่ายรูป ชมวิวกันสักแป๊บก็ลงมา แล้วไปวัดน้ำฮูกันต่อ

เนื่องจาก พวกเราออกมากันเช้า สัก 8 โมง มั้งคะ อากาศ ท้องฟ้า เหมือนยังงัวเงียอยู่เลย หม่นๆอะ

มาวัดน้ำฮู ต้องมาสักการะพระธาตุที่บรรจุอัฐิของพระสุพรรณกัลยานะคะ พระพี่นางในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้นตกเป็นเชลยของพระเจ้าบะเยงนองแห่งกรุงหงสาวดีนั่นเอง



เจดีย์สีทองตั้งอยู่ด้านหลังวิหารค่ะ

เจอแล้วๆๆๆ

ถ้าเจอสิ่งมีชีวิตแบบนี้ จะขอจับ ขอสัมผัส อย่ามาทะลึ่งเบ่เบ๊ อิอิ


แดดเริ่มมา ฟ้าเริ่มใส

ตรงนี้น่าจะเป็นกุฎิเจ้าอาวาส



เดี๋ยวขับไปหมู่บ้านจีนยูนนานกันต่อเลยยย ฟ้าเปิดแล้วเย้

มาถึง วิ่งมาจับเจ้านี่ก่อนค่ะ



เมื่อ 3-4 ปีก่อน มาพร้อมญาติๆ เด็กรุ่นเราเยอะ จะเล่นที เสีย 50 บาทมั้ง จำไม่ได้ คนต่อคิวตรึม

มาวันนี้

เราบอกทุกคนว่า

มากัน 4 คน มาเล่นเป็นเพื่อนหน่อย

ไม่มีใครสนใจเลยค่ะ

ฟรีน้าาาาาาาาาาา แง



เลยได้แค่แกว่งไปแกว่งมาคนเดียวค่ะ



มาถึงเมืองจีน(ปลอม) ไม่จิบน้ำชา จะบอกว่ามาแล้ว ... ไม่ได้

ซื้อไม่ซื้อ คือชงไว้ก่อน ฮาาาาาา

จัดเลยค่ะ



อาแปะเราชอบดื่มชาอยู่แล้ว

แกเลยอุดหนุนชาโสมไปสองห่อง ห่อละ 300

ส่วนเรากับพ่อ สิ่งที่ทำให้ตาลุกวาวได้ มันคือ อัลมอนต์คั่วแบบไม่กระเทาะเปลือกค่ะ ครึ่งโล 150 บาท ชอบมากกกกกก



ไร่ถั่วเหลืองค่ะ



เจ๊เจ้าของร้านชาเล่าให้ฟังว่า

ที่ปายนี้ ถ้าไม่ใช่ฤดูหนาว แทบจะไม่มีคนมา

กิจการเค้าถ้าเปิดอย่างเดียวรอหน้าหนาว ไม่มีทางอยู่รอด

ถึงหน้าหนาวคนจะเยอะ ค้าขายดี แต่พอถัวเฉลี่ยไปช่วงโลวซีซั่นแล้ว ก็ ไม่ได้มากมายอะไร

เค้าจึงต้องปลูกผัก ปลูกไม้ ขายด้วย

และแล้ว ก็ถึงเวลาอำลาเมืองปาย



ขับรถมุ่งหน้าไปแม่ฮ่องสอนกันต่อเลย



ขับไปสักพักได้ พ่อก็มาแวะพักขาที่นี่ค่ะ

จุดชมวิวดอยกิ่วลม

จอดรถปุ๊บ มีเด็กแต่งชุดแม้ว 3-4 คนเดินมารุม แล้วพูดว่า

"พี่ขา พี่ขา ถ่ายรูปกับหนูหน่อยน้าาา"

เราบอกว่า เดี่ยวมา ไปถ่ายรูปฝั่งตรงข้ามก่อน เอาจริงๆก็พูดปัดๆไปก่อน ร้ายมะ

พอเดินกลับมา

น้องคนเดิมเดินมาบอก พี่ขาๆ ถ่ายรูปกันๆ มะกี๊พี่บอกว่าจะไปถ่ายรูปฝั่งนู้นก่อนเดี่ยวมา

นั่นไง

เจอเด็กความจำดี



โอเค้

เอ่อคือ น้องคนชวนมาถ่าย คือคนที่ 2 ถัดจากลิตเติ้ลบอย .. แล้วดูหน้าชี



นี่ มันต้องแบบนี้ ฟรุ้งฟริ้ง

((แย่งซีนเด็ก ชอบๆ ฮาาาาา))

ปล น้องคนที่ 2 กับ คน ที่ 4 หน้าเหมือนกันปะ ... ใช่ เค้าเป็นพี่น้องกัน ))



จริงๆ ถ่ายรูปมาเยอะนะ กับเด็กแม้ว

ตอนนี้ปล่อยให้พวกท่านสนุกสนาน เบิกบานกันในโลกของเขาเถิด หลังจากได้เงินไปละคนละ 20 บาท

ขับไปอีกไกลเลย เดาว่าสักชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงถ้ำลอด

((จากปาย ไปแม่ฮ่องสอน ประมาณ 2 ชั่วโมงขั้นต่ำ))

ผ่านประตูใหญ่ตรงนี้ไป ต้องไปซื้อตั๋วนั่งแพและเช่าตะเกียงก่อนเข้าถ้ำค่ะ

ค่านั่งแพไม้ไผ่คนละ 20 บาท

เช่าตะเกียง 150บาท /อัน ถูกบังคับให้เช่า 2 อัน ......

ค่าแพ ถูกมากกกๆๆ

เดินเข้าไป สัก 2 โล ได้มั้งคะ คาดว่า

อาม่าเกือบแอบถอดใจ ทุกคนก็บอกว่า เดี่ยวถึงแล้วๆ อิอิ สู้ ๆ

ตะเกียงแบบนี้ค่ะ ใช้น้ำมันก๊าซเอา

มาถึงหน้าปากถ้ำแล้วค่ะ

ก่อนหน้านั้นเราซื้ออาหารปลาที่จุดจ่ายค่าเข้ามาด้วยค่ะ คนละ ห่อ

ปลาชุมมากๆๆๆ

เอาบรรยากาศมาฝากค่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=MJC9qRGIyNM

ทุกคนต้องนั่งแพไม้ไผ่เข้าไปค่ะ



ช่วงนี้น้ำขึ้น จากปกติต้องเข้าไปชม 3 ถ้ำ ตอนนี้เข้าชมได้ถ้ำแรกถ้ำเดียว น้ำขึ้นสูงมากค่ะ ถ้ำผีแมนพ่อจึงอดดู

สงสัยแกได้จัดทริปซ่อม อิอิ



พอมองกลับไปด้านหลัง ก็จะเข้าใจเลย ทำไมต้องเช่าตะเกียงมา 2 ตัว ด้านในมืดมากค่ะ



นั่งมาสักพัก แป๊บเดียวจริงๆ ก็มาถึงจุดลงแพ แล้วเดินเข้าไปชมถ้ำค่ะ

มีทางคล้ายๆบันไดให้เดินขึ้นไปชม อาม่าก็เดินขึ้นบันไดไป แล้วก็นั่งรออยู่ ตรงนั้นค่ะ พี่คนที่ถือตะเกียงตัวนึงนั่งรอเป็นเพื่อน

อีกคน เดินนำทางพวกเรา

ถ้ำลอดที่นี่ ไม่ได้ตกแต่งไฟสี เหมือนถ้ำอื่นๆ ต้องใช้ตะเกียงมอง ดูดิบๆดีค่ะ

พี่เขาบอก หินรากฟัน ... เป็นคนตรงดี ชอบ

เดินกัน สักพัก ใหญ่ๆ ก็กลับมาที่เดิมที่อาม่ารอ

อาม่าบอกดีใจมากที่ได้มา ((ถึงแม้จะแค่นั่งตรงปากทางเข้าถ้ำด้านในก็ตาม))

ครั้งก่อนแกมา (เราก็มา) น้ำมันน้อย ต้องเดินเยอะกว่านี้ อันนี้น้ำสูงขึ้น ได้เดินขึ้นบันไดนิดเดียวเอง



จากถ้ำลอด ขับไปอีกสักพัก ก็จะเจอถ้ำปลาค่ะ



อยู่ก่อนจะถึงแม่ฮ่องสอน



ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็เข้าไปชมด้วยดีกว่า



เดินไกลอยู่พอสมควร

เส้นทางธรรมชาติ เดินสบายๆดีค่ะ

มาถ้ำปลา คือ จินตนาการว่าปลาต้องเยอะ ๆ แล้วซื้ออาหารให้ปลาด้วย

พ่อก็ซื้อมา

มาเปิดดูก่อนจะโยนให้ปลากิน

มันคือ....

แล้วก็มีอาหารปลาปกติอยู่สักหน่อย

ตอนแรกโยนไอ่แบบเม็ดให้ ไม่ค่อยกินกันแฮะ

พอโยนเจ้านี่ลงไปเท่านั้นแหล่ะ

แทบจะบินได้



ขอโทษนะคะ ไปทานข้าวมาค่ะ



ต่อ ๆ



พอออกจากถ้ำปลา ซึ่งส่วนตัวแล้วไม่มีอะไรมาก

ก็ได้เวลาออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนละค่ะ



ที่พักที่แม่ฮ่องสอน ก็เปิดๆเว็บดู แล้วโทรจองเอา

ตอนโทรจองก็เจอเสียงผู้หญิงแก่ๆ ในใจคิดว่า เป็นกระเทย ยังกลัวว่า เราถามมากเค้าจะฉะเราเข้าให้มั้ยเนี่ย แต่คุยเยอะๆ ก็ไม่โดนนะคะ

ก็เลยบอกว่า เดี่ยววันเสาร์เจอกันค่ะ



ที่พักที่เลือกไว้ชื่อ บุญดีเฮาส์ ค่ะ คืนละ 500 บาท เป็นห้องแอร์

ดูจากสภาพอากาศแล้ว ห้องพัดลมคงจะไม่ไหว เลยเอา ห้องแอร์ 2 ห้องเลยค่ะ

ห้องสะอาด โอเคค่ะ คล้ายๆหอพัก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องก็พร้อม

ที่สำคัญ เจ้าของที่นี่ บริการดีมากค่ะ

ส่วนตัวชอบที่ไหนๆก็ตามที่บริการดี เราประทับใจอยู่แล้ว



พอมาถึงที่พัก ก็ได้รู้แล้วค่ะ ใครรับโทรศัพท์เรา

อิอิ

คุณยายท่านนี้ค่ะ

อายุ 80 กว่าแล้ว หูดี ความจำเยี่ยม

เราเดินมาถึงจะขอเช็คอิน แกตะโกนจากในออฟฟิสถามว่า ชื่อ อชิรญาณ์ ใช่มั้ย

ว้าวววว

พอเก็บสัมภาระ ชำระค่าห้อง และสอบถามเส้นทางถึงทางจะไปวัดพระธาตุดอยกองมูและวัดจองคำเรียบร้อย พวกเราจึงออกเดินทางกันต่อ



ตอนนี้ก็เวลาประมาณ 4 โมงกว่าแล้ว ลุงเจ้าของที่พักแนะนำให้ไปชมพระอาทิตย์ตกที่พระธาตุดอยกองมูก่อน

แล้วค่อยไปถ่ายรูปที่วัดจองคำ เพราะตอนดึกๆ เค้าจะเปิดไฟพระธาตุสวยงามค่ะ



จากที่พักไปพระธาตุกองมูไม่นานก็ถึง จริงๆที่พักอยู่ที่ตีนดอยนั่นเอง



ทางขึ้นไป ไม่ชันมาก แป๊บๆก็ถึงแล้วค่ะ ขับสบายๆ

มีจุดชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอนด้วยค่ะ

แต่ทางที่พระอาทิตย์ตก จะอยู่ตรงร้านกาแฟที่อยู่บนดอยกองมูเนี่ยแหล่ะ

ว่าแล้วก็เปิดเข็มทิศในไอโฟนเช็คดูได้เลยยย



จากพระธาตุดอยกองมู พวกเราก็ลงมา จะไปทานข้าวอยู๋ร้านนึง

พี่ชายพ่อ อีกคนแนะนำให้ไปทาน

ชื่อร้าน ใบเฟิร์น



สั่งอาหารมา 4 อย่าง

จากซ้ายไปขวา

ยำผักกูด ห่อหมกปลา แกงส้มปลานิล อย่างสุดท้าย หมูย่างใบเปปเปอร์มินท์อะค่ะ (ผักอะไรนะลืม) ชอบอันหลังสุด อร่อยดีค่ะ

หลังทานอาหารเสร็จ ก่อนกลับที่พัก พวกเราก็ไม่ลืมไปวัดจองคำ เพื่อดูความสวยงามในตอนกลางคืนตามที่เจ้าของโรงแรมแนะนำ

สวยไหมคะ

ด้านในมีพระไตรปิฎกที่แกะบนไม้สักให้ชมด้วยค่ะ

ใครสนใจสามารถเข้าไปชมได้



กลับถึงที่พัก อาบน้ำ เช็คเฟส แล้วก็หลับไปด้วยความเพลียเลยค่ะ

วันที่ 3 วันอาทิตย์แล้วค่ะ



พวกเราตื่นแต่เช้า นัดกันออกไปเดินตลาดเช้ากันตอน 6:30 ไปดูวิถีชีวิตของชาวแม่ฮ่องสอน และไปชิมอาหารเช้าเมนูสำคัญที่พวกเราจะพลาดไม่ได้สำหรับทริปแม่ฮ่องสอนนี้

เดี๋ยวจะเฉลยนะคะ ว่ามันคืออะไร อิอิ



เมืองเงียบเหมือนกันค่ะ เช้าตรู่วันอาทิตย์

พระเดินขวักไขว่ พวกเราถือนมที่ซื้อไว้ในรถมาด้วยเผื่อใส่บาตร เลยได้บุญกันแต่เช้าเลย อิอิ



เดินมาสักพักก็เจอแล้วค่ะ

ตลาดเช้าสายหยุด



เดินไม่ไกลมาก ก็มาถึงแล้วค่ะ



พวกเราเดินเข้าไปหาสิ่งหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าไหนขาย

มันคือ

"ถั่วพลูอุ่น"



กำลัง งง กันอยู่ใช่ไหมล่ะ มันคือ อะไร เราก็ไม่รู้หรอกค่ะ แต่เจ้าของที่พักเค้าแนะนำมา

เค้าบอกว่า เป็นอาหารของชาวไทใหญ่ ให้ลองไปหาทานที่ตลาดเช้า



พวกเราหากัน สักพัก ก็เดินผ่านเจ้านึง

มองผ่านๆ จะนึกว่าเค้าขายข้าวซอย แต่พอเค้ากำลังตักเสิร์ฟให้ลูกค้าที่มานั่งตรงนั้น เท่านั้นหล่ะ

เราก็เรียกพ่อ เห้ย นี่มันอะไรง่ะ



เอาจริงๆ โจ๊กก็ไม่ใช่ เกิดมายังไม่เคยเห็น น่าลองจัง



เราตะโกนถามป้าคนขาย ว่ามันคืออะไร

เค้าบอกว่า

"ถั่วพลูอุ่น"



กรี๊ดๆๆ หาตั้งนาน เจอแล้วววว นั่งเลย ร้านนี้ ฮ่าๆๆๆๆ

ข้างๆ จะมีแป้งทอด คล้ายปาท่องโก๋ และเต้าหู้ทอด คล้าย ตือคาโค

เค้าเอาตัดเป็น2ส่วน เอาใส่ไว้ด้านล่างถ้วย ถั่วพลูอุ่น

หรือจะ ทานแบบนี้ก็อร่อยดี โอยยย อยากกินอีก



ส่วนเจ้าถั่วพลูอุ่น น้ำสีขาวๆที่ราดลงไปนั้น เป็นน้ำถั่วเหลืองข้นๆค่ะ ไม่เคยกินช่ายปะ อิอิ

เส้นที่ใช้ เป็นเหมือนเส้นก๋วยจั๊บญวณ ราดอะไรสักอย่าง มองไม่ทัน เครื่องเยอะมาก ใส่พริกด้วย

สรุป



อร่อยให้ 10

รวดเร็วให้ 10

คนขายใจดีให้ 10 อิอิ เค้าแถมไอกรอบๆ ให้จานนึงด้วย อิอิ



ทุกคนต้องลองไปกินน้าาาา เป็นอาหารของชาวไทใหญ่ หาทานยากค่ะ

พิกัด : ป้า จะขายอยู่ท้ายๆตลาด มีร้านขนมจีน 2 ร้านประกบซ้ายขวา

ซึ่ง อาม่าเราก็ไม่พลาด แกเป็นคนชอบขนมจีนมากๆๆๆๆ ถึงขั้นอยู่บ้าน แกเดินไปซื้อที่ตลาดกินทุกวัน

ทริปนี้ ไปทุกเมือง แกกินทุกเมืองค่ะ ช่วงออกจากถ้ำปลามา แกก็กินขนมจีน

จากเมนคอส อาหารไทใหญ่ ถั่วพลูอุ่น เรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้ว



มหากาพย์การกินอาหารไทใหญ่ยังไม่จบค่ะ ยังมีของว่าง ของหวานให้ได้ลิ้มลองอีก เป็นอะไรที่พลาดไม่ได้ด้วยอย่างแรง

เพราะคุณจะเสียใจ ถ้าคุณเป็นคนรักของหวาน

ปล ถั่วพลูอุ่นมีอีกชื่อเรียกหนึ่งคือ ข้างแลงฝืนอุ่นค่ะ ( ราคาถ้วยละ 25 บาท )



ขนมสีถาดนี้มีชื่อเรียกต่างกัน และ กรรมวิธีก็ต่างกันด้วย

เรียงจาก บนลงล่าง และซ้ายไปขวานะคะ

อาละหว่าจุ่ง (รสชาติคล้ายคัสตาร์ดถั่ว)

อาละหว่า (รสชาติเหมือนขนมเกลือ (( บ้านเรามีขนมเกลือนะ แถวลำพูน เชียงใหม่ )) แต่ออกหวาน )

สวยทมิฬ (เป็นเหมือนข้าว)

เปงม้ง ที่ก้นถาดสีดำๆ ค่ะ (รสชาติคล้ายอะไรสักอย่าง ยังนึกไม่ออกอะ เหมือนขนมไทยบ้านเราเนี่ยแหล่ะ)

ป้าเอาใส่ใบตอง แยกห่อละ 2 ชิ้น เปิดดูอีกที งง เจ้าค่ะ อันไหนคืออันไหน

แต่มีที่ชอบ มากๆ อยู่ 2 อัน คือ อาละหว่าจุ่ง กับ อาละหว่า อร่อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หวาน ชอบบ



เจ้านี้นะคะ ป้าณี ต้นตำหรับเลยค่ะ

ได้กลับมาคนละชุด 4 ก้อน ก้อนละ 5 บาท



และก็ของกินระหว่างทางอีกเพรียบบบบบบ

อาม่าเราอายุ 77 แล้วมั้งคะ ยังเดินไหว โอเคอยู่บ้าง

เพื่อนๆ ไปเที่ยวอย่าลืมไปแวะตลาดเช้านะ สู้ๆ จะได้มีกิจกรรมเพิ่มอีกสักอย่างนึง



ช้อปของกินกันเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินกลับไปโรงแรม ทำธุระส่วนตัว แล้วก็เช็คเอาท์เลย



เพื่อที่จะมุ่งหน้าไปชมกะเหรี่ยงคอยาวที่หมู่บ้านห้วยเสือเฒ่าค่ะ



แต่ไหนแต่ไรมา ก็ได้ยินคนพูดมาตลอดว่ามาว่า ถ้าอยากเห็นกะเหรี่ยงคอยาว ต้องไปดูที่แม่ฮ่องสอน

ซึ่งในประเทศไทยก็มีที่นี่แหล่ะที่เดียว

แต่ปัจจุบันนี้ ไปเชียงใหม่ ขับรถไป แม่ริม แม่แตง ใกล้ๆแค่นี้ ก็ได้เห็นแล้ว เหมือนกันเด๊ะ

เราว่านายทุน หรือผู้มีอิทธิพล เค้าทำให้วัฒนธรรมกะเหรี่ยงปั่นป่วนค่ะ ความรู้สึกที่จะมาดูกะเหรี่ยงคอยาวที่แม่ฮ่องสอนของเรา เลยไม่ค่อยน่าตื่นเต้นสักเท่าไหร่ เพราะเราเห็นที่เชียงใหม่จนเคยชินแล้ว ปีที่แล้วไปบ่อยมาก เราว่ามันไม่ใช่ที่ของเค้าค่ะ ควรจะกลับมาอยู่แม่ฮ่องสอนเหมือนเดิมดีกว่า แต่เหตุผลเดียวที่ต้องดั้นด้นไปอยู๋ถึงเชียงใหม่ก็คือ เพื่อเลี้ยงชีพ



แต่ไม่เป็นไร ยังไงก็คนละจังหวัดกัน แถมมาดูที่นี่ ได้บรรยากาศแบบออริจินัลด้วย อิอิ

ยังไงมาแล้วก็ต้องลองไปเบิ่งดูสิ

ไม่งั้นเดี่ยวมาไม่ถึง อิอิ

มีป้ายบอกทางระบายน้ำล้นอยู่ตลอดทุกช่วงเลยค่ะ

แอบคล้ายลำห้วยเล็กๆ

บางช่วงลึก น้ำเยอะนิดนึงค่ะ ต้องขับเร็วหน่อย เดี่ยวรถลอย

ใกล้ถึงแล้วค่ะ นี่วัดบ้านห้วยเสือเฒ่า



ถึงแล้วค่ะ

ต้องจอดรถแล้วเดินไปชมหมู่บ้านกัน

เหมือนกลุ่มเราจะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่มาเยือนในเช้าวันนี้



คุณชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงแต่ละคนกำลัง จัดแจงร้านตัวเองเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่เลยค่ะ

พวกเราก็ปรี่เข้าไปทักทาย หยิบโน่นจับนี่



เค้าก็เลยชวนเรามาเป็นกะเหรี่ยงด้วยซะเลย

หน้าเหมือนแบบ หรือจะไฝว้ ฮาาาาาาา



อันนี้เป็นห่วงทองเหลืองตัวอย่างที่พี่กะเหรี่ยงเค้ามีให้ดู

ลองยกดู หนักมาก ก็ตั้ง 5 ก.ก. นี่นา สุดยอดจริงๆ



พี่คนที่อยู่ในรูปถ่ายกับเราสามคนอาม่า ใส่ห่วงทองเหลืองตั้งแต่อายุ 5 ขวบ และตอนนี้ก็ไม่ได้ถอดเลยหล่ะค่ะ

หันหน้าไปเห็นแว้บๆ พอดีถ่ายทันได้เท่านี้

อ้าว น้องคนนี้ไม่ได้ใส่ห่วงนี่



เค้าจึงอธิบายว่า แล้วแต่ความสมัครใจของเด็ก ว่าจะใส่ก็ได้หรือไม่ใส่ก็ได้

...



เราก็ถามเค้าว่า ถ้าอยากถ่ายรูปด้วย เสียเงินไหมคะ

เค้าบอกว่า ไม่เสียค่ะ แค่ช่วยอุดหนุนของ เล็กๆน้อยๆก็ได้

เริ่ดอะ ไม่เหมือน ที่เชียงใหม่ แค่เข้าไปดูต้องจ่ายค่าบัตรเข้าชมด้วย เหมือนเค้าเป็นอะไรกัน ยกมาตั้ง แล้วให้คนมาดู

เพลียยยย



เราเลยอุดหนุนกันแบบกระจายรายได้สู่ชุมชน แบบหลายๆร้าน

ซื้อร้านนู่นมั่ง ร้านนี้มั่ง



น้องคนนี้กำลังจัดร้านอยู่

พ่อเห็นเค้าขายซีดีด้วย อยากอุดหนุนซื้อไปฟัง



เค้าเล่าให้ฟังว่า แม่เค้าเป็นศิลปิน ร้องเองเล่นเอง เป็นเพลงภาษากะเหรี่ยงและเครื่องดนตรีกะเหรี่ยงโบราณด้วย

พวกเราจึงอุดหนุนมา แผ่นละ 100 บาท

ตอนนี้แม่เค้าไปอยู่ที่อ.แม่แตง จังหวัดเชียงใหม่แล้ว



เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่จะช่วยพ่อแม่ขายของ

เด็กผู้ชายจะวิ่งเล่นกัน สนุกสนาน สังเกตุได้ว่า ผู้ชายจะไม่ใส่ห่วงคล้องคอเลยค่ะ



หากเพื่อนๆได้แวะไปชมหมู่บ้านกะเหรี่ยงบ้านห้วยเสือเฒ่านี้ แนะนำให้เดินเข้าไปอุดหนุนร้านค้าของชาวกะเหรี่ยงด้านใน ลึกๆ เดินเข้าไปเลยค่ะ

เพราะส่วนใหญ่ คนมักจะเดินมาชมเฉพาะร้านที่อยู่ด้านหน้าๆ มันจะเป็นคล้ายๆแถวตอนลึก

ให้เข้าไปอุดหนุนด้านในกันบ้าง สงสารคนด้านในค่ะ เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะเดินดู สามสี่ร้านแล้วก็จากไป

เพราะ ทุกคนจะพูดว่า มันก็เหมือนกันหมด

พอออกจากหมู่บ้านกะเหรี่ยง พวกเราก็มุ่งหน้าสู่ อ.ขุนยวม

เพื่อที่จะมุ่งหน้ากลับเชียงใหม่ทาง> แม่แจ่ม >เส้นทางดอยอินทนนท์> จอมทอง> สันป่าตอง และเข้าลำพูนค่ะ



ขับมาได้สักพัก ขอแวะเข้าห้องน้ำที่นี่เลย

ร้านกาแฟก่อนจะเข้าเขตอำเภอขุนยวม

บอกเลยว่า แวะเถอะ วิวสวยมาก

ระหว่างที่สั่งเครื่องดื่ม หรือ คนอื่นเข้าห้องน้ำ ก็มานั่งชิล ชมวิว แบบนี้

คือมันดีอะ



จากนั้น เราก็มุ่งหน้าไปทานข้าวกันที่ขุนยวมค่ะ



แวะทักทาย เยี่ยมบ้านคนรู้จักสักชั่วโมง

แล้วก็ไปชม อนุสรณ์สถานสงครามโลกครั้งที่ ๒ ไทย-ญี่ปุ่นค่ะ

ยังไม่สมบูรณ์ 100%

ตอนนี้ external hdd มีปัญหาค่ะ

มันขึ้นว่าให้ Format ไม่รู้จะทำยังไงดี รูปออกทริปมีเป็นหมื่นๆ ฮืออๆๆ



ตอนนี้คงต้องขอจบกระทู้ไปก่อนนะคะ



พอออกจากขุนยวมเสร็จ พวกเราก็มุ่งหน้ากลับลำพูนโดยผ่านเข้าอำเภอแม่แจ่ม ลัดไปทางดอยอินทนนท์ จะมาออกที่จุด Check Point ที่ 2 ค่ะ

ขับไปทางเส้นจอมทอง สันป่าตอง หากใครจะเข้าเชียงใหม่ก็ตรงอย่างเดียวจากเส้นสันป่าตองไปเลยค่ะ



ยังไงก็ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ

ฝากรีวิวสนุกๆ (รึเปล่า) อื่นๆ ที่ตัวเองประทับใจแล้วคุณอยากจะไป ด้านล่างนี้เลยค่ะ

[CR]ไปคนเดียวก็เที่ยวทั่วลำปางได้ ปั่นขาลากเที่ยวมั่วๆวันฟ้ารั่ว 1 วัน (ฉบับกระเป๋าเบา)

http://pantip.com/topic/32529268



[CR]ล่องแก่งลำน้ำเข็ก กินเที่ยว 4 จังหวัด 4 วัน 3 คืน กับงบ 4,000 บาท

http://pantip.com/topic/32500121



และรีวิว จีน พม่า มาเลย์-สิงคโปร์อื่นๆ อีก



มีคำถาม หรือ อยากพูดคุยเรื่องท่องเที่ยว มาที่เฟสบุค จะเป็นเพื่อนหรือ follow กันก็ตามสะดวกค่ะ

http://www.facebook.com/achiraya.mahakiattikhun



ตอนนี้ต้องหาวิธีว่าจะกู้ไฟล์ยังไงแล้วสิ TT



ขอแก้ไข่ เอ้ย แก้ไขเพิ่มเติมนะคะ

มีคนยินดีมาเป็นเพื่อนกับเราเยอะมาก เลยคิดว่าสร้างแฟนเพจแล้วคอยติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวด้วยกัน พร้อมๆกันดีกว่า

ด้านล่างนี่เลยค่ะ

https://www.facebook.com/tiewhuahokgonkwid ขอบคุณค่ะ

ความคิดเห็น