" ใครๆก็บอกว่า เที่ยวอัมพวาไม่เห็นจะมีอะไรเลย ไปแล้วก็ซ้ำๆน่าเบื่อจำเจ บางครั้งผมก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า การที่คนเราจะเที่ยวครั้งนึง เราต้องการอะไรจากสถานที่นั้นๆ "
วันหยุดสั้นๆ สุดสัปดาห์วนเวียนมาถึง งานที่พึ่งจะเคลียเสร็จ กับช่วงเวลาอันแสนน้อยนิด จึงเกิดทริปสั้นๆขึ้น ผมนึกถึงอัมพวาเป็นที่แรกๆ เพราะด้วยระยะทาง ทำให้รู้สึกว่า เรามีเวลาได้ทำอะไรหลายๆอย่าง และอีกหนึ่งการตัดสินใจก็คือ เราไม่ได้ไปอัมพวานานมากแล้ว...
เราเริ่มออกเดินทางตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อเลี่ยงรถติด เนื่องจากเส้นพระราม2มีการก่อสร้างทางเป็นบางช่วง อาจทำให้มีรถติดสะสมเป็นบางจุด ดังนั้นตื่นเช้าหน่อย จะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น....
ขับไปเรื่อยๆ ชิวๆ ไม่เร่งรีบ เพราะโปรแกรมที่วางไว้ก็ไม่ได้แน่น จนต้องรีบร้อนอะไร พักผ่อนก็คือพักผ่อนจริงๆ
จากแผนเดิมที่จะไปไหว้พระที่วัดสวนหลวงเป็นที่แรก แต่ด้วยนิยามของความหิวที่ว่า "ความหิวชนะทุกสิ่งเสมอ" จึงทำให้เป้าหมายในการเดินทางเราเปลี่ยนแปลง...
เราเปิดหัวด้วยร้านคาเฟ่ห์เล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางสวนมะพร้าว ชิคๆคูลๆ ที่ชื่อว่า "ตาลพวา"
การตกแต่งร้านที่แสนจะน่ารัก กระจุกกระจิกมุ้งมิ้งกิงก่องแก้วมาก...
ปินโตเถาเล็กกับงานจักรสาน ก็ถูกนำมาตกแต่งได้อย่างลงตัว
ทุกมุมถูกจัดสันปันส่วนได้อย่างลงตัว มีมุมให้นั้งเม้าส์มอยเต็มไปหมด ใครกลัวร้อน ฝนตก ก็นั้งได้ที่ชานหน้าร้าน บริเวณรอบๆมีไม้ล้อม ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ
เดินมาหลังร้านก็ต้องร้องว้าว!!! กับมุมนั้งชิวสุดคูล บรรยากาศในร่องสวนมะพร้าว ชวนให้อยากปีนขึ้นไปเก็บมะพร้าวลงมากินเองกับมือ
ระหว่างรออาหาร อย่าปล่อยให้เวลาเสียเปล่า ถ่ายรูปกันสิจ๊ะ...
จุดเด่นของที่นี่อีกอย่างนึงคือเปลนอนสุดชิว แข็งแรงปลอดภัยไม่ต้องกลัวตกน้ำ
ด้านล่างเป็นร่องน้ำ มีน้องปลาแหวกหวาย มาต้อนรับ
และแล้วอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งไว้ก็พร้อมเสริฟขึ้นโต๊ะ
ข้าวหมูคุโรบูตะจิ้มแจ่ว ถุงทอง และน้ำมะพร้าวปั่น ของขึ้นชื่อที่ทางร้านบอกว่าใครไปใครมาก็ต้องสั่ง
และอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ผัดไทยกุ้งสด รสชาติดีเลยทีเดียว แถมการจัดจานก็น่ารักยั่วยวนดีเหลือเกิน กุ้งตัวใหญ่พอดี แถมผัดไทยก็ถูกห่อมาในไข่ ที่สุดเลยเว้ยแกรรรรร....
กินอิ่มแล้ว....ก็นอนพักสายตา ฟังเสียงนกเสียงกาแถวๆนั้น
เหนื่อจากงาน...ก็ให้ธรรมชาติบำบัด
กินอิ่มแล้ว ร่างกายพร้อมออกเดินทาง อย่างที่บอกในหลายๆรีวิวของผม การไหว้พระขอพร เป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดของในทุกๆทริป ไม่ว่าคุณจะไปไหนก็แล้วแต่...อิ่มท้องแล้ว อิ่มใจต้องตามมาด้วย
"วัดสวนหลวง" หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า "วัดพี่จุก" เป็นวัดประจำ ซึ่งเมื่อมีโอกาสเราก็จะแวะมากราบไหว้อยู่บ่อยๆ เป็นอีกวัดที่อยากแนะนำให้ทุกท่านมากราบไหว้
ตามประวัติแล้วนั้น วัดสวนหลวง เป็นวัดเก่าแก่โบราณสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ซึ่งมีความเก่าแก่มากกว่า300ปี โดยยืนยันจากโบราณวัตถุ พระพุทธรูป เครื่องลางของขลังต่างๆ ที่ทางวัดได้เก็บรักษาไว้
ภายในโบสถ์ มีพระพุทธรูปเก่าแก่มากมายตั้งอยู่ ให้เราได้กราบไหว้ขอพร
อีกหนึ่งความเชื่อ(ความเชื่อส่วนบุคคล) พี่จุก กุมารที่โด่งดังไปทั่วโลก ว่ากันว่า หากใครได้กราบไหว้บูชา จะมีแต่โชคลาภ พบเจอแต่เรื่องดีๆ แถมบางคนได้เลขเด็ดเลขดังอีกด้วย
ขอพรจากวัดสวนหลวงกันเรียบร้อยแล้ว เลยไปอีกซักนิด ก็จะเจออีกหนึ่งวัด ซึ่งถ้าคุณไม่ได้มา เหมือนมาไม่ถึงอัมพวา นั่นคือ "วัดบางกุ้ง" หรือ "ค่ายบางกุ้ง" ที่หลายๆคนรู้จักนั่นเอง เพราะด้วยความสวยงามของโบสถ์ที่มีต้นโพธิ์เลื้อยปกคลุมอยู่โดยรอบ เป็นอีกหนึ่งอเมซิ่งไทยแลนด์ ที่ใครได้เห็นแล้วก็ต้องร้องว้าวเลยทีเดียว
ค่ายบางกุ้ง เป็นค่ายทหารที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายที่ค่ายบางกุ้ง เรียกว่า "ค่ายบางกุ้ง" โดยสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งให้อยู่กลางค่าย เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และเป็นที่เคารพบูชาของทหาร ภายหลังเสียกรุงครั้งที่ 2 ค่ายบางกุ้งก็ ร้างไป (Cr.www.paiduaykan.com)
จบภารกิจไหว้พระขอพรเสร็จ ร่างกายเริ่มต้องการ การพักผ่อน เข้าที่พักกันดีกว่า....
"ธารีตารีสอร์ท อัมพวา" คือที่พักที่เราจองไว้ ด้วยว่าเป็นคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายในตลาดน้ำอัมพวา เลยเลือกที่จะมาพักด้านนอก ซึ่งที่นี่ไม่ห่างจากตลาดน้ำอัมพวา แถมยังเดินทางสะดวก ไม่ต้องไปจอดรถแย่งกับคนอื่นๆ ที่พักอยู่ริมคลอง บรรยากาศร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติตลอดเวลา
เราได้ "บ้านปูนเหลือง" ในราคาคืนละ1200บาท เป็นราคาพิเศษ เพราะตอนที่เราไป ครัวยังต่อเติมไม่เสร็จ(ตอนนี้เสร็จแล้ว ราคาที่พักอาจมีการเปลี่ยนแปลง) จึงทำให้ไม่มีอาหารเช้า ภายในห้องมีอุปกรณ์ต่างๆให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น กาน้ำร้อน แอร์ โทรทัศน์ เครื่องทำน้ำอุ่น แถมเตียงยังกว้างขวาง นอนสองคนสบายเลย ไม่เบียดกัน การตกแต่งก็ดูน่ารักสดใส
อาบน้ำคลายร้อนแล้วออกไปเดินเล่น...ตลาดน้ำอัมพวากันดีกว่า
พี่เจ้าของที่พักแนะนำให้เรามาข้ามเรือที่ท่าวัดบางลี่ เพราะมีที่จอดเยอะ ไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่น สะดวก แถมคนไม่จอแจวุ่นวาย ได้บรรยากาศด้วย เจ้าถิ่นแนะนำแบบนี้ก็ต้องเชื่อสิจ๊ะ...
และแล้วเราก็มาถึง "ตลาดน้ำอัมพวา" สถานที่ ที่มีมนต์สเน่ห์แห่งลุ่มน้ำแม่กลอง ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาเยี่ยมชมไม่ขาดสาย อาหารรสเลิศ วิถีชีวิตริมน้ำ ถึงแม้จะไม่ได้ดั่งเดิมเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังคงกลิ่นไอหลงเหลืออยู่ไม่น้อย
มะพร้าวสด มีให้เห็นอยู่หลายร้าน ราคาตั้งแต่15-30บาท แล้วแต่ร้านไหนจะขาย ส่วนเรื่องความหอมหวานนั้นขึ้นอยู่กับดวงของผู้ซื้อ...
ท้องร้องแล้ว ได้เวลาตามหาของอร่อย แว่วๆมาว่าก๋วยเตี๋ยวที่นี่เด็ดจริงๆ เราเลยตามหาจนมาเจอ ร้าน "เตี๋ยว ตก กะลา" เอาง่ายๆก็คือก๋วยเตี๋ยวลวกใส่กะลามะพร้าวนั้นเอง
ข้างๆร้านจะมีซอกหลืบเล็กๆให้เข้าไปนั้งทาน ผมนิยามว่าตรอกฮิปเตอร์ก็แล้วกัน พื้นที่ถูกตกแต่งได้อย่างลงตัวกับพื้นที่ที่มีจำกัด โปสการ์ดต่างๆถูกห้อยเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับประทาน
ทานไปดูโปสการ์ดไป เพลินใจไปอีกแบบ...
หน้าตาน่ากินเลยทีเดียวเชียว น้ำซุปลงตัว ปรุงเผ็ดเพิ่มอย่างเดียวพอ จัดไปสองชาม...
"กินคาว...ไม่กินหวานสันดานไพร่" ยึดถือการปฏิบัติแบบโบราณวิธี เดินหาของหวานกินกันต่อ เดินไปเดินมา ก็มาเจอร้าน "โสมนัสพานิชย์" ร้านที่ดูผิวเผินเหมือนร้านกาแฟในสมัยโบราณ อาแป๊ะนั้งหน้าร้าน ลูกค้าเวียนมาซื้อโอเลี้ยง(ในความคิดแว็บแรก)
หลังร้านเป็นสวน อารมณ์เหมือนอยู่ในบ้านทรายทอง
ว่าแล้วเราก็มาเลือกเมนูกันดีกว่า เจ้าของร้านน่ารักมาก แนะนำเราทุกอย่างทุกเมนู ตอนแรกก็นึกว่าจะมีแต่กาแฟโอเลี้ยง ที่ไหนได้ เราคิดผิด...
เราถามพ่อกับแม่(เจ้าของร้าน)ว่า "อยากกินอะไรเปรี้ยวๆที่มันสดชื่นๆ" ทางร้านแนะนำเป็น
เครปผลไม้ซอสส้ม พานาค็อตต้าเสาวรส และชามะนาว พอได้กินเท่านั้นแหละ ถึงกับตบโต๊ะแล้วยืนขึ้นราวกับยืนท่ามกลางน้ำตก(เวอร์ไปปะ ฮ่าๆ) สดชื่นอย่างที่ว่าจริงๆ อร่อยมากกกกกกกกก คือดีย์ ล้างคาวในปากได้อย่างหมดจด คือมาอีกครั้ง ยังไงก็ต้องแวะ...
ร้านก็ตกแต่งได้อย่างลงตัว โทนของร้านทำให้รู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง
ข้าวของเครื่องใช้ ก็ดูไม่ขัดตา จัดเข้ากันไปหมด...
เดินจนเย็นย่ำ แสงไฟของแต่ละร้านก็เริ่มส่องสว่าง
เดินลัดเลาะเล่นไปเรื่อย (*ช่วงเวลาหลัง18.20น. เป็นอะไรที่ดีมากเพราะหลายๆคนนั้งเหลือไปชมหิงห้อย ทำให้ตลาดโล่งคนน้อย ใครอยากชิวแนะนำให้มาช่วงเวลานี้) จากที่ไม่เคยได้เดินสุดทาง เรากลับเดินได้ครบทุกซอกซอย จนมาเจอพิพิธภัณฑ์กึ่งอาร์ตแกลลอลี่ ที่รวบรวมวิถีชีวิตและภาพวาดต่างๆไว้ให้เราได้ศึกษา...
เดินจนย่อย ก็หาของกินต่อ ให้ตายเถอะ เราเจอขนมสายไหมหยอดเหรียญในตำนาน โดนหลอกตั้งแต่เด็กจนโต หยอดเท่าไหร่ก็ได้ไม่เกิน3ชิ้น ฮ่าๆ ขาดอย่างเดียวคือต้องมีสติ๊กเกอร์แถมนะ ใช่เลย!!!
ขนมไทยน่ารักๆ ราคาไม่แพงก็มีให้เลือก...
ไข่นกะทาซีฟู็ดก็อร่อยไม่แพ้กัน...แถมมาเป็นไม้ๆอีกต่างหาก
ขนมลืมกลืน ที่ทุกวันนี้หาทานได้ยากแล้ว...
เติมความชิวด้วยเบียร์นอกซักขวด...สดชื่น
ฟ้าเริ่มมืด...ผู้คนต่างพากันออกมาแฮงค์เอ้าเบาๆที่ริมคลอง
มองไปไกลสุดลูกหูลูกตา อิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจอย่างแท้ทรู...
ก่อนกลับแวะซื้อของฝากติดไม้ติดมือซักหน่อย...อาหารทะเลแห้งเคลือบซอส กับปั้นสิบเจ้าประจำ
ได้เวลากลับที่พักแล้ว อ่อนเปรี้ยเพลียแรงกันเลยทีเดียว....
เอาหมอนนอนบนเรือเลยมั้ยเธอ....
ตื่นเช้ามาตามภาษาคนชิว ไม่เร่งร้อนไม่เร่งรีบ...หิวเมื่อไหร่ค่อยกลับ เดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย
ได้เวลาก็มุ่งหน้ากลับกรุงเทพ แต่ท้องมันร้อง ร่างกายขาดสารอาหาร ได้เวลาเอ็นจอยอีทติ้งค์แล้ว(ลืมบอกไปว่าเราอยากจัดหนักซีฟู็ดมาก แต่ด้วยความที่ว่าตลาดอัมพวาร้านซีฟู็ด คิวแน่นและยาวมาก เราเลยอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า) เราเลยเลือกร้าน "แดง อาหารทะเลเจ้าเก่า" ร้านเด่นร้านดังที่ใครต่างยกย่องเรื่องรสชาติที่ยืนหนึ่งมาอย่างยาวนาน
เมนูยาวเฟื้อยเป็นหางว่าว มีให้เลือกมากมาย แล้วแต่คนจะชอบ...
เริ่มต้นที่หอยผัดฉ่าจานยักส์...เผ็ดแซ่บถึงเครื่อง
ข้าวผัดปูที่ทานได้3-4ท่าน แต่เรามาแค่สองคน
ต้มยำปลาทูน้ำใส ซี๊ดซ๊าด สะใจ
ตาเตี้ยะหรือซาเตี้ยะ ของที่นี่ คือดี คือที่สุดของที่สุด ปลาทูไข่ตัวใหญ่ ต้มเข้าเนื้อหอมกลมกล่อม
ยำปลาหมึก ที่มีเอกลักษ์คือใส่ใบโหระพา อร่อยไปอีกแบบ
อะไรคือการสั่งเต็มโต๊ะขนาดนี้แล้วกินกันแค่สองคน....
กินเสร็จเรียกเช็คบิล พนักงานเดินถือแตงโมมาให้ เราบอกไม่ได้สั่ง น้องบอกว่าฟรีคะ โหวว ดีจัง
กะราคาคร่าวๆไว้ว่าประมาน 1300 นิดๆ แต่พอบิลมาคือถูกไปปะ คิดผิดรึเปล่า เพราะอาหารทุกอย่างคือให้เยอะมาก เยอะจนทานไม่หมด ต้องห่อกลับบ้านได้อีก2มื้อ ถูกและดีมีอยู่จริงๆ
กับข้าวที่เหลือ และของฝากเต็มไม้เต็มมือไปหมด ของฝากที่นี่มีให้เลือกเยอะมากแถมราคาไม่แพง คุณภาพดีอีกต่างหาก
ระหว่างขับรถฉันหมดแรง....แวะเติมความสดชื่นกันที่ "คาเฟ่นาเกลือ Salt Lake De Maeklong"
ร้านกาแฟนั้งชิว ชมวิวนาเกลือ ร้านดังในโซเชี่ยล ที่ขับผ่านหลายครั้งไม่เคยแวะซักที รอบนี้ต้องไม่พลาด...
ร้านตกแต่งน่ารักเข้ากับบรรยากาศนาเกลือ มีกิจกรรมต่างให้ได้ถ่ายรูปเล่นกัน...
ด้านบนเป็นห้องแอร์ แต่เราเลือกที่จะนั้งด้านล่านเพื่อซึมซับบรรยากาศ
ชิงช้าบนนาเกลือเป็นอะไรที่เท่ห์และไอเดียดีมากๆ
กังหันลมตั้งอยู่กลางนาเกลือ...(แค่นี้แหละ ไม่รู้จะอธิบายอะไร)
กาแฟซิกเนเจอร์ของที่นี่ อารมณ์คล้ายๆกับคาราเมลแม็กเจียโต้ แต่เพิ่มลูกเล่นด้วยการโรยเกลือท็อปปิ้งด้านบน พอลองชิมแล้วก็รู้สึกเข้ากันดี อร่อยไปอีกแบบ...
เติ่มพลังเสร็จ ก็กลับบ้านเรารักรออยู่...
"สำหรับผมแล้ว การได้กินของดีๆ ได้ทำในสิ่งดีๆ ได้นอนในที่ดีๆ ได้ซึมซับกับบรรยากาศดีๆ ได้ตามใจตัวเอง ไม่ต้องเร่งรีบแข่งกับเวลา กลับบ้านมีของฝาก เราแฮปปี้ ทุกคนแฮปปี้
นั้นแหละครับที่ผมเรียกมันว่า การพักผ่อน"
หลายๆคนอาจจะมองวันหยุดพักผ่อนว่า จะต้องได้ไปหลายๆที่ ยัดโปรแกรมให้มันแน่น ต้องได้เจอกับอะไรที่มันตื่นเต้น พาตัวเองไปในที่ๆมันวุ่นวาย จนการพักผ่อนกลายเป็นเพิ่มความเหน็ดเหนื่อยให้กับตัวเอง
อย่างว่าแหละครับ...มันก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ผมอยากจะฝากทริปสั้นๆ ของผมให้เป็นแรงจูงใจสำหรับใครหลายๆคน ที่จะพาครอบครัว เพื่อน พี่ น้อง ได้มาเที่ยวไกล้ๆกรุงในอีกมุมมองนึง ได้อยู่กับคนที่คุณรัก ได้เจอสถานที่ดีๆ ร้านอาหารดีๆ ที่พักดีๆ บรรยากาศดีๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว จะได้ไม่ต้องอ้างอีกว่าไม่มีเวลาเที่ยว
"อัมพวาไม่เคยน่าเบื่อ ตัวเราเองรึเปล่าที่ทำให้มันน่าเบื่อ"
ขอบคุณสำหรับการรับชม
-ฟรีแลนซ์อารมณ์ดี-
โปรโมทฟรีจ้าาาาาาาาาาา
-ร้าน ตาลพวา https://www.facebook.com/Tarnpawa/
-ธารีตารีสอร์ท อัมพวา https://www.facebook.com/thareetaresort/
-ร้านโสมนัสพาณิชย์ https://www.facebook.com/somanuntpanich/
ฟรีแลนซ์อารมณ์ดี
วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.47 น.