การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางแบบแบกเป้เที่ยว ระยะยาว หรือฝรั่งจะเรียกว่า Backpacking ซึ่งทริปนี้เป็นการเดินทางคนเดียวตลอดการเดินทาง พร้อมเป้ สองใบ กล้อง 1 ตัว และ เลนส์อีก2 ตัว และไม่มีแผนใดๆ แพลนคืออยากไปไหนไป อยากทำอะไรทำ "The best plan is no plan" อ่อ !!!! ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่า การเดินทางครั้งนี้จะไปสิ้นสุดที่ประเทศกัมพูชา โดย จากประเทศไทย เดินทางเเบบ Overland เข้า ประเทศมาเลเซีย ออกชายแดน มาเลเซีย ไปต่อที่ ประเทศสิงค์โปร บินข้ามกรุงเทพมหานคร ยังไม่เข้าบ้านนะ นั่งรถบัสไปต่อที่ ประเทศกัมพูชา แบบ Overland ตามเคยแล้วนั่งรถบัส กลับเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง แต่รีวิวครั้งนี้ จะแบ่งเป็น Part part ไป เป็นประเทศๆไปนะจ๊ะ

"ภาษาที่ใช้สนทนาตลอดการเดินทาง"

ส่วนใหญ่ใช้อังกฤษเป็นหลัก (ผมก็พอเอาตัวรอดไปวันๆ) ตอนนี้เดินทางไปที่ไหนสักที่เจอฝรั่งบอกว่า"คุณอย่าคิดว่าฝรั่งทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้นะ" ดังนั้น กฏเกณฑ์เรื่องภาษา ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไรแล้ว

การเดินทางไป ประเทศมาเลเซีย มีหลากหลายวิธีมากมายให้เลือกสรร

1. เครื่องบิน

2. รถไฟ

3. รถตู้

4. รถบัส รถทัวร์

แล้วแต่ใครสะดวกแบบไหนเลยครับ ส่วนตัวผม เป็น Backpacker สายงก สายประหยัด งบน้อยแต่อยากเดินทางนานๆ ก็ต้องเลือกวิธีการเดินทางที่ ถูกที่สุด เท่าที่จะถูกได้ 5555


สายโซเชียล

สายอัพ สายคอล สายหาข้อมูลต่างๆ แผนที่เมืองต่างๆ ขาดไม่ได้เลยคือ ซิมการ์ดการเดินทางครั้งนี้ผมขาดไม่ได้เลย

ราคาถูกกว่าค่ายอื่น ผมเลยขอลองใช้ดูครับครั้งแรกเลย ลองปรึกษาพนักงานดูนะครับเขาจะแนะนำข้อมูลต่างๆ ส่วนของผมเดินทางเกิน8วัน ต้องเต็มเงินไว้ให้พอสำหรับการเดินทาง พอหมดแล้วค่อยกดสมัครแพ็คแกตใหม่ ตอนซื้อให้แจ้งพนักงานให้ Activate ไปเลยครับเราจะได้ไม่ยุ่งยากตอนออกนอกประเทศไปแล้ว จากที่ใช้งานมาเน็ตก็ใช้ได้ดีเลยนะครับ เพียงแต่พอใกล้ๆจะถึงวันหมด แต่อัตราเน็ตยังเหลือ รู้สึกเหมือนไปขอเศษเน็ตใช้เลย 5555555 เอางี้โดยรวมประทับใจ ปกติเดินทางที่อื่นใช้ค่ายสีเขียว


ที่หลับที่นอน

- Hostel ตลอดทริปเลย ราคาก็ถูกแถมรวมอาหารเช้าอีก คุ้มสุดๆ ได้เพื่อนนักเดินทางใหม่ๆเสมอๆตลอดการเดินทาง (ควรเลือกที่พักให้อยู่ใกล้กับสถานที่ต่าง เพื่อความสะดวกในการเดินทาง)

การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นที่ กรุงเทพมหานครฯ การเดินทางมีแผนคร่าวๆดังนี้

- นั่งรถไฟ จากสถานีหัวลำโพง กรุงเทพฯ - หาดใหญ่ สงขลา (บอกเลยนะ นั่งนานจัด นั่งนานกว่าที่คิดเยอะเลย)แต่ด้วยความที่เป็นรถไฟไทย ราคา 635 บาท จึงต้องทำใจนิดนึง นั่งชิลๆชมบรรยากาศระหว่างทางไปเรื่อยๆ ดังนั้นมันจึงทำให้แผนทุกอย่างที่วางไว้ พลาดหมดเลย 5555 แต่เพราะเราตั้งใจจะเดินทางด้วยรถไฟ ตลอดการเดินทางครั้งนี้ ก็ต้องสู้ !!!!! ลืมบอกรถออก บ่าย3โมง ถึง หาดใหญ่ เที่ยงครึ่งของอีกวันนึงเลย เอาละพอเช็คเวลารถไฟที่จะไปถึงหาดใหญ่ ไปทันกับ รถไฟ ไปปาร์ดังเบซาร์ แผนจึงเปลี่ยนตอนนั้นด้นสดแล้วต่อมาเราจึงเลือกที่จะนั่งรถตู้ จากหาดใหญ่เพื่อเข้าไป ปีนังแทน

ผมเลือกใช้บริการของ KST TRAVEL https://www.ksttravelthailand.com/ (ไม่ได้ค่าโฆษณษาใดนะ) เพราะว่าใกล้ที่สุดและเดินไปได้ ตอนนั้นเดินเข้าไปแบบไม่รู้อะไรเลย พี่ครับ !!! ผมอยากไป ปีนังครับ 555 ตอนนั้นพูดแบบนี้จริงๆ ได้ตั๋วรถเที่ยวเดียวมาในราคา 450 บาท โอเคจบ อ๋อ !!! ลืมบอกเลยว่า 450 บาทเนี่ยะ บริการส่งถึงหน้าที่พักที่เราจองไว้เลย โคตรดี ต่อมาบทสนทนา ระหว่างพี่ๆ KST TRAVEL กับผมก็เริ่มขึ้น


KST : น้องเดินทางมาหาดใหญ่ยังไง ??

เรา : นั่งรถไฟมาจากกรุงเทพครับ 20 ชม.

KST : โห่ !! น้องนี่อึดมากเลยนะ อาบน้ำก่อนไหม ข้างบนพี่เป็น โฮสเทล

เรา : อ๋ออ เดี๋ยวผมเปลี่ยนเสื้ออย่างเดียวก็ได้ครับ (ความงกไง กลัวจะเสียเงิน)

KST : ไม่เป็นไร อาบน้ำฟรี ๆ !!

เรา : ได้เลยครับ ฟรีก็จัดสิครับรอไร 5555

ขอบคุณพี่ๆที่ KST TRAVEL มากๆนะครับพี่ช่วยเหลือในวันนั้น


เข้าเรื่องการเดินทางกันเลยดีกว่า ต้องบอกไว้ก่อนว่าผมเป็นคนชอบ ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม นะครับ


DAY : 1 BKK - HAT YAI

DAY : 2 HAT YAI - PENANG

DAY : 3 PENANG

DAY : 4 PENANG - KUALA LUMPUR

DAY : 5 KUALA LUMPUR

DAY : 6 KUALA LUMPUR - MELAKA

DAY : 7 MELAKA

DAY : 8 MELAKA - JAHOR BAHRU - SINGAPORE

งบประมาณทั้งหมดที่ใช้ในการเดินทาง เดี๋ยวจะทิ้งไว้ให้ตอนท้ายสุดของรีวิวนี้นะครับ

มาเริ่มกันเลยครับ

DAY : 1 ระหว่างทางบนรถไฟที่กำลังนั่งไปที่ หาดใหญ่


ถึงหาดใหญ่แล้วครับ ใช้เวลาระหว่างรอรถไป ปีนัง เดินเล่นแถวๆใกล้ๆ

ขออนุญาติกระโดดข้ามมาที่ จอร์ททาวน์ ปีนังเลยแล้วกันนะครับ


Penang 1st day


"ว่าด้วยเรื่องของที่พัก"

เว็บไซต์ที่ผมใช้ในการจองที่พักหลักตลอดการเดินทาง คือ www.hostelworld.com และ www.booking.com ซึ่งสะดวกสบายมากเลยครับ ไม่ต้องใช้บัตรเครดิตก็จองได้ครับ

ส่วนที่พักคืนเเรกถึงคืนที่สามผมเลือกพักที่ Angmoh Hostel ที่เดียวเลยครับเพราะขี้เกียจย้ายของ

ส่วนตัวผมคิดว่า ราคาดีครับ รวมอาหารเช้าด้วยครับ ตอนนี้ผมได้มาในราคาแค่ 120บาท/คืน เองครับและอีกอย่างคือใกล้ทุกสิ่งอย่างเลยครับ ห้องก็พอใช้ได้ไม่ถึงกับดีอะไรมาก สามารถเดินเที่ยวได้หมดเลยในระแวก Center City เช็คอินเสร็จก็ออกมาเดินสำรวจใกล้ๆที่พักเท่าที่จะเดินได้ พอดีเดินงงๆ โผล่ออกมาเจอ Love lane พอดี ห่างจากที่พักแค่ประมาณ 200 เมตรเอง

ส่วนเรื่องของการเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ ก็เน้นเดินทางด้วยรถ บัส โดยจะไปเริ่มต้นที่ ตึก KOMTAR เพราะว่าตรงนั้นจะเป็นจุดศูนย์รวมรถบัสทุกสายเลยที่วิ่งใน จอร์จทาวน์ซึ่งจะมาป้ายเลยสายที่วิ่งที่ชัดเจนมากเข้าใจง่ายอันนี้คือบริเวณที่รอรถบัสไปในที่ต่างๆ

อันนี้คือบริเวณที่รอรถบัสไปในที่ต่างๆ

เช็คอินเสร็จแล้วก็ออกมาสำรวจพื้นที่

(บรรยากาศจากหน้า Hostel)

อาคารที่ส่วนใหญ่จะเป็นสถาปัตยกรรมที่เก่าและอนุรักษ์

Love lane

วันแรกของปีนัง พร้อมกับแสงอันน้อยนิดครับ บรรยากาศก็จะประมาณนี้ครับ ชิลๆครับ


DAY : 2 IN Penang


วันนี้แพลนว่าจะไป เดินป่า ที่อุทยานแห่งชาติปีนัง (Penang National Park) Hiking day

วันนี้เราเริ่มออกเดินทางเช้าหน่อยเพราะว่า เราต้องนั่งรถไปค่อยข้างไกล และเช่นเคย ไปเริ่มต้นที่ ตึก Komtar ถ้าจำไม่ผิดนะครับ รถบัสสาย 102 สุดสายเลยนั่งยาวๆ

ระหว่างเดินทาง แอบ snap driver ของเราด้วย จะบอกว่าขับโคตรซิ่งเลย 555

อยากรู้จังเลยว่าเขาคิดอะไรแต่โมเมนต์นั้นเขายิ้มตลาดทางเลย ดูมีความสุขมากเลย

ตัดภาพมาตอนถึงอุทยานแห่งชาติปีนัง (Penang National Park) เลยแล้วกัน เดินของไปข้างในที่ทำการเลยครับแล้วแจ้ง จนท.ว่า ต้องการทำ Permit ในการ hiking แล้ว จนท. จะให้เราเลือกเส้นทางว่าจะเดินเส้นไหน ฟรีทุกอย่าง ทุกอย่างฟรี ตอนผมไปเส้นยอดฮิตปิดปรับปรุง เส้นทางนั้นคือ Money Beach อดเลย เลยได้ไปด้วยน้องเต่าแทน อ่อ !! ใครอยากเดินไปเดินกลับ ก็ได้นะครับ เดินไม่ไกลเท่าไรไม่เหนื่อยมาก หรือใครอยากนั่งเรือไปแล้วเดินกลับ หรือเดินไป นั่งเรือกลับ ก็ได้ครับแล้วแต่สะดวกเลยครับผมเลือกที่จะนั่งเรือกลับเพราะว่าน้ำดื่มหมด ฝืนเดินกลับเดี๋ยวซวยเดินคนเดียวด้วย ค่าเรือผมได้ราคาที่ 200 บาท ซึ่งถือว่าแพงครับ แต่ก็ยังดีที่มีฝรั่งมาช่วยแชร์ ไม่งั้นมันให้เหมา บ้าบอที่สุด 5555

สิ่งที่ควรเตรียมตัวไปก่อนเดินป่าที่ ปีนัง คือ

1. อาหาร น้ำดื่มเตรียมไว้ให้เพียงพอ เพราะว่าที่นั้นจะไม่มีอะไรขายเลย

2. สเปรย์กัน ยุง และแมลง

3.รองเท้า trekking trail

4.แต่งตัวรัดกุมหน่อยก็จะดีมาก (เพราะระหว่างทางผมเจองูด้วย)

ปล.ป่าเป็นป่าประเภทร้อนชื้นครับ แมลงและยุงเยอะมาก มีน้ำขังตลอดทาง

ระหว่างทางเป็นไงบ้าง ไปดูกันเลยครับ

ระหว่างทางช่วงแรกๆเดินสบาย เรียบเรียบทะเลไปเรื่อยๆ


เดินมาเรื่อยๆถึงป้าย ก็ดูป้ายดีๆนะครับ ดูใบ Permit ที่ตัวเองทำมาด้วยนะครับ ว่าต้องเดินไปทางไหน

ตามป้ายไปเรื่อยๆ ยิ่งลึกยิ่งชันยิ่งเดินสบาย 55555


โคตรเหงาเลย 55 เจอสเปสแบบนี้ กว้างเกิน


อันนี้เรือที่เรานั่งกลับมาที่ทำการอุทยาน

ระหว่างทางคนขับเรือแวะส่งคนที่เกาะนี้พอดี โคตรสวย

ถ้าเห็นสะพานนี้แสดงว่าจะถึงปลายทางแล้วครับ

ในที่สุดเราก็มาถึงที่ทำการอุทยาน ถึงแล้วก็ออกไปได้เลยนะครับ ไม่ต้องย้อนกลับไปแจ้ง จนท. ก็ได้ เพราะเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเรา 5555แวะซื้อน้ำกินก่อนกลับซักหน่อย

ขากลับก็ออกมานั่งรอตรงที่เราลงรถ แล้วก็รอรถสายเดิมนะครับ

ขอตัวกลับไปอาบน้ำ นอนเล่น ตอนเย็นว่าจะไปเดิน Gurney street food บอกได้เลยว่า Backpacker ถูกใจสิ่งนี้ เพราะว่าอาหารมีให้เลือกเยอะมาก แถมราคาถูกด้วย โคตรดี

การเดินทางไป Gurney street food (Gurney dive) ต้องนั่งบัส สาย102 ไปลงที่ Gurney Plaza ก่อน แล้วเดินทะลุด้านหลังห้างไปเจอถนนแล้วเดินเลี้ยวซ้าย เดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นเอง


มองทางซ้ายมือ

ที่นั่งเยอะมาก ร้านรวงก็เยอะด้วย

ดูชื่อร้านดิ สแลงดูสิ 555

ปล. ขากลับเดินกลับทางเดิมออกมาหน้าห้าง ข้ามถนน นั่งรถที่ป้ายรถเมล์ รอสาย 103 ไปลงที่ ตึก Komtar

กลับมายืนที่เดิมอีกครั้ง

ไม่มีไรทำต่อไม่มีแผน เดินเล่นชิวๆไปเรื่อยๆ



วันที่ สองหมดไป เจอกันใหม่วันที่ 3 แต่จริงๆมันยังไม่จบง่ายๆหรอก 5555

เพราะหลังเที่ยงคืน ของคืนนี้มันจะเป็นวันเกิดของผม เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าบรรยากาศเป็นไง เป็นวันเกิดปีที่พิเศษมากเลย ทุกคนในโฮสเทลพอรู้ว่าเป็นวันเกิดผมก็มานั่งฉลองวันเกิดผม ซึ่งผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย การเดินทางคนเดียวมันมีเรื่องดีๆมากมายเลยที่คุณจะได้รับ และรอให้คนอย่างพวกคุณมาสัมผัส ได้เพื่อนใหม่ทั่วทุกมุมโลก ซึ่งหลังจากวันนั้นทำให้ผมมีเพื่อนสนิทเพิ่มอีก 1 คน ชื่อฟิล เป็นคนเยอรมันที่โคตรมุ่งมั่นเก็บประสบการณ์วิชาชีวิตเลย ออกจาก เยอรมันมาอยู่ประเทศอื่น 15 ปีถ้าไม่ถึง 15ปีจะไม่กลับไปบ้านเกิด ผมได้ยินผมนี้อึ้งเลยครับ 5555 นักเดินทางแต่คนละก็จะมี passion ที่แตกต่างกันออกไป เอาละ !! ต้องนอนละ

Thank you !!



DAY : 3 Last day in Penang


ตื่นที่เช้ามาพร้อมกับอาการเมาค้าง จากปาร์ตี้วันเกิดเมื่อคืน พร้อมกับเพื่อนๆที่โฮสเทล เช่นเคย ไม่มีแพลนอะไรรู้อย่างเดียวว่า ต้องเดินทางไป Kualalumpur รอบ midnight ไม่มีตั๋วรถไฟ อะไรใดๆทั้งสิน

วันนี้วันฟรีไม่รู้จะทำอะไร เดินเล่นในเมืองดีกว่า เดินเก็บภาพ อ่อ !! ผมไม่มีรูป street art นะครับ เอาเข้าจริงๆแล้ว เห็นบ่อยแล้ว เลยไม่ค่อยอิน แต่ก็เดินๆหาไปเรื่อยๆ งงป่ะ นี่ยังงงตัวเองเลย วันนี้เดี๋ยวออกไปข้างนอก เดี๋ยวเข้าที่พัก เดินวนๆอยู่แบบนี้ อาจะจะเพราะค้างจากเมื่อคืนมั้ง เอาเป็นว่าดูรูปไปพลางๆก่อนนะครับ


จริงๆแล้วที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ เกี่ยวกับกล้อง ด้วยนะครับ ดีมากเลย มีหลากหลายมากครับ ค่าเข้า 150 บาทครับถ้าใครอินกับเรื่องราวของกล้อง ผมเเนะนำคุ้มมากครับ แต่ถ้าใครไม่ชอบก็กด Skip ได้เลยครับ 5555 ผมไม่ได้เก็บรูปข้างในมาครับ ข้างในถ่ายรูปได้ แต่ห้ามถ่ายวีดีโอนะครับ


เอาล่ะ ถึงเวลาที่ต้องจากปีนังจริงจังละ จากที่พักไปท่าเรือ ประมาณ 2 กิโลเมตร ผมเลือกใช้วิธีการเดิน เดิน เดินเล่นไปเรื่อยๆ พอดีมีเพื่อนของผม ฟิล คนเยอรมัน เดินมาส่งที่ท่าเรือ แถมสะพายกระเป๋า daypack ให้อีกด้วย คิดในใจ ทำไมดีจังวะแค่เดินมาส่งก็ดีใจเเล้ว

อีกครั้งแล้วซินะที่ฉันจะต้องโยกย้าย

แล้วไว้ว่างๆจะมาหาใหม่นะ ปีนัง

ออกมาจากปีนัง 5โมงเย็น เพราะนึกว่าการนั่งเรือจะใช้เวลานาน 555 สรุป 20 นาทีถึง บัตเตอร์เวิร์ธ รีบวิ่งไปซื้อตั๋วรถไฟ KTM เพื่อไป กัวลาลัมเปอร์ โชคดีมีตั๋วเหลือทีแรกไม่คิดว่าจะมี ได้ตั๋วมาเช็คเวลา รถไฟออก ทุ่มครึ่ง 55555 ตายละ ตอนนี้เพิ่งจะ 5โมง40 นาที เดินหาๆดูเจอฟู๊ดคอร์ดพอดี พอได้นั่งก็นั่งยาวลืมเวลาต้องไปขึ้นรถ วิ่งดิเอ๋ !!! วิ่ง !!!!!!!! ใจจะขาด กับกระเป๋าใบใหญ่ 15 กก. ใบเล็กอีก 7กก. สุดท้ายก็ได้ขึ้นรถโว้ยยยยยยยยย




เจอกันนะ KL สรุปนึกว่าคนจะเยอะ ผมนี่นั่งเหงาเลยครับ ตามเวลาที่ตั๋วผมจะไปถึง KL 00:45



DAY : 4 Penang to Kualalumpur


พอมาถึง KL Sentral ก็หาทางออกไม่เจอ เดินวนไปวนมา 555 ระหว่างนั้นก็เปิดแมพที่พักพักที่จองไว้ อ้าว !! อยู่ไม่ไกลนี่หว่า เลยตัดสินใจเดินเท้า แค่ 2.6 กม. เอง เพราะเดินจริงๆแล้ว โคตรคิดผิดเลยที่เลือกเดิน เพราะว่า หลงทาง ทางเปลี่ยว กระเป๋าหนักรวมๆ 20 กว่ากก. ด้วยความกลัวแท็กซี่หลอก กลัวเสียเงินเยอะ และด้วยความงกไง แม่งเอ้ย !!! นรกมา เดินหลงทางคนเดียว ตอน ตี 1.35 แล้วกว่าจะถึงที่พัก ตี2กว่า พอดี 5555555 พังจัด เท้าพัง ร่างพัง

ในเรื่องของที่หลับที่นอน

เว็บไซต์ที่ผมใช้ในการจองที่พัก คือ www.booking.com ซึ่งสะดวกสบายมากเลยครับ ไม่ต้องใช้บัตรเครดิตก็จองได้ครับ อีกเช่นเคย

ผมเลือกที่นี่เพราะ ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน ใกล้ China town Central market ใกล้ City Center และมีราคาที่ถูกมาก เพียงแค่ 142บาท /คืน แต่เตียงไม่ค่อยดีเท่าไรนะครับ ห้องก็พอใช้ได้ ถ้าจะเอาผ้าห่มก็ต้องเสียเงินเพิ่ม อิหยังวะ !?? ที่เลือกเพราะว่ามันหาอะไรกินง่าย ใกล้ย่านอิเดีย 555555 และเจ้าของน่าจะเป็นคนอินเดียด้วยนะ สำเนียงภาษาอังกฤษฟังยากมากกกกกกกก

แต่มันมีเหตุการณ์ที่ให้เสียตังค์เพิ่ม คือ ผมจองที่พักผิดวัน 555 จองพรุ้งนี้ แต่วันเข้าก่อนวันนึง ก็มันมาถึง กลางดึกแล้วอ่ะ ก็นึกว่าเป็นวันใหม่แล้ว เรียบร้อยจ้าาา


ข้างๆที่พัก เป็นวัดแขกสวยดี


วันที่หลงทาง หลงเก่งจ้าาาาา

แพลนของวันนี้คือ ไม่มีแพลน แค่คิดว่าคงออกไปเดินเล่น ไซน่าทาวน์ แหละ ไปๆมาๆ เดินไปเรื่อยหลงทาง นั่งรถไฟผิด นั่งวนไปวนมา 555 เดินไปเดินมา ไปโผล่ Masjid jamek เฉยเลย เดินอ้อมไปไหนมาก็ไม่รู้ พอเปิดแมพดูจริงๆจังๆ อ้าว !! ไม่ใกลจากที่พักนิ !! แล้วเราเดินวนไปไหนมามา นั่งรถไฟไปไหนมาเนี่ยะ 55555

เดินชิลๆ ชม มัสยิด และ Merdeka Square เพลินๆไปก่อนนะครับ มันอยู่ติดกันหมดเลย

ไปต่อกันที่ Merdeka Square


ก่อนเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า เก็บบรรยากาศหน่อย


จบละ !! ย่านนี้ นั่งพักแปป นั่งวนไปไม่รู้จะไปไหน นึกขึ้นได้ว่า เฮ้ย !! ที่พระใหญ่ๆมีภูเขามันอยู่ไหนวะ คุยคนเดียวก็มา อ๋อ ! มันชื่อว่า BATU CAVES จากนั้นกล้มดู แผนที่อ้าวมีเว้ย !! แต่ต้องไปเปลี่ยนสถานี ที่ค่อนข้างจะห่างกันอยู่

จากสถานี Masjid jamek


ไปลงที่สถานีอะไรไม่แน่ใจ จำไม่ได้ ต้องดูได้แผนที่เอาแล้วกันนะครับ ขอประทานโทษ !!!!!!! แล้วต้องเดินไปต่อรถไฟ สาย KTM ที่สถานีที่ชื่อว่า PUTRA ซึ่งมันอยู่คนละทางเลย ผมถามหลายคนตอบไม่เหมือนกันซักคนเลย ถามที่เคาน์เตอร์บอกให้เดินตรงไปทางโน้น อ่ะเดินไปๆๆๆ หาทางไม่เจออีก เดินกลับมาถามใหม่ตอนนั้น มารู้ที่หลังว่า เดินไปใกล้จะถึงสถานนี 55555 สถานีนี้ต่อไป Batu caves ได้ โดยนั่งยาวๆสุดสายเลย


มาถึง BATU CAVES แล้วครับ นั่งมาไม่นานประมาณ 25 นาที



เดินทางตามป้ายไปเรื่อยๆจะเห็นรูปปั่นใหญ่ๆ


เดินต่อไปเรื่อยๆดิครับ


ชมสถาปัตยกรรมกับธรรมชาติไปเรื่อยๆครับ ไม่ต้องรีบร้อน


เพื่อนๆรองนับบันไดกันดูนะครับว่าได้ทั้งหมดกี่ขั้น ผมนับได้ทั้งหมด 272 ขั้น


หันหลังหลับมาดูวิวก็สวยดีไปอีกแบบนะ

พอไปถึงข้างบนแล้วยังไม่จบแค่นั้นนนะ มีต่ออีกนิดนึงข้างบนเป็นวัดแขกครับ วัดที่นี่ดูแปลกๆเคร่งๆหน่อยครับ ลิงโคตรเยอะเลยและต้องระวังมันชอบขโมยของมากๆเลยครับ

บรรยากาศเล็กๆน้อยๆ


ตัวร้ายเลยตัวเนี่ยะอ่ะ

เสร็จละหมดไปครึ่งวัน ทำไรต่อดีวะเวลาเหลืออีกนิดหน่อย สรุปคือนั่งรถกลับที่พัก อาบน้ำดีกว่า เพราะเเม่งร้อนมาก เกือบ 40 องศาอ่ะ เสื้อนี่เป็นนาเกลือเลย 5555 กลับมาที่โฮสเทลเจอเพื่อนร่วมห้องคนใหม่อีกเเล้ว เจอคนไม่ซ้ำหน้าเลย เพื่อนร่วมห้งอคนใหม่ ชาว ฝรั่งเศศ Say hi !!!!! แล้วก็แยกย้าย อาบน้ำเสร็จไม่รู้จะทำไรต่อ ไปนั่งกินข้าวแล้วกัน ระหว่ากินก็คิดไปด้วยจะไปไหนต่อสรุปคือ ตึกแฝดแล้วกัน 555 จริงๆแล้วไม่ค่อยอินอะไรที่ๆคนไปเยอะ แต่ก็เหอะมาแล้วเว้ยไปดูหน่อยแล้วกัน

เห็นให้มันจบๆไป แต่จริงๆแล้วมันก็มีการแสดงไฟ น้ำพุต่างๆ ก็สวยดีนะครับ ผมเห็นเเค่นี้ก็ดีใจแล้วครับ กลับที่พักอีกตามเคย เพราะไปคนเดียวก็จะไม่มีใครถ่ายให้ กลับมานั่งเมาส์มอยหอยสังข์กลับเพื่อนๆที่ที่พักดีกว่า พอถึงที่พักก็นั่งเล่น อาบน้ำ นอน แล้วแผนว่าพรุ้งนี้จะไปไหนดี ไม่รู้นะทำไร เจอกันวันต่อไปนะครับ



DAY : 5 Kualalumpur to Putrajaya

วันที่เราจะนั่งรถไฟได้ดูเมืองที่มีมัสยิดสีชมพู ด้วยความว่าที่พักใกล้สถานนีรถไฟ ใกล้นี่คือใกล้มากนะ แบบว่าเดินประมาณ 30เมตรถึงอ่ะ เลยตัดสินใจไปที่นี่แต่ต้องนั่งไปเปลี่ยนรถเพื่อไป Putrajaya ที่ KL Sentral นะครับ ค่าโดยสารไปที่นี่แพงอยู่นะแต่คิดว่าคงคุ้มค่าแหละ ใช้เวลาประมาณ40 นาที เพราะค่อนข้างไกลมาก

และแล้วก็นั่งมาถึง สถานี Putrajaya Sentral เป็นเมื่องที่โคตรสงบเลยอ่ะ คนไม่วุ่นวาย รถลาไม่ค่อยมีเยอะ ถูกใจเมืองนี้มา

ตรงนี้ทริคนิดนึงนะครับ คิดว่าเรื่องตั๋วให้จ่ายคนขับบนรถบัสดีกว่าครับถ้าจะไปดูแค่มัสยิดถ้าเป็นเงินไทยไม่กี่ 10 บาทครับ ตอนผมไปผมไม่รู้ไปถามที่เคาน์เตอร์ พนง.เขาให้ซื้อเป็นบัตรเลยไปได้ตลอดทั่วเมืองมั้งครับ ในราคา 70-80บาท ไม่รับคืนเงิน จริงๆแล้ว พนง.ก็ย้ำนะครับ ผมคิดว่าค่ารถคงแพงบัตรน่าจะคุ้ม ที่ไหนได้ เงินเหลือในบัตรเต็มเลย คืนไม่ได้ด้วยคิดในแง่ดีเก็บบัตรเป็นที่ระลึกไง 55

ต่อไปนี้จะเป็นความงามของสถาปัตยกรรมในรูปแบบของมุสลิม ที่แสนจะงดงามและอลังการมากไปดูกันเลยครับ อ่อ !! ลืมบอกครับ ถ้าช่วงบ่ายให้เข้าได้หลังบ่าย2 โมงนะครับ แต่ถ้าเป็นมุสลิมเข้าได้ครับเพราะกำลังเป็นเวลาปฏิบัติพิธีทางศาสนาครับ แต่ถ้าใครไปก่อนบ่ายก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียเวลานะครับ เพราะผมก็ไปก่อนเวลา ที่นี่มี ศูนย์อาหารครับ ไปนั่งชิลๆก่อนได้

มัสยิดจะตั้งอยู่ริมแม่น้ำครับ

นี่คือทัศนียภาพภายนอกของมัสยิดครับ




นี่คือทัศนียภาพภายในของมัสยิดครับ

ความอลังการของสถาปัตยกรรมเป็นอะไรที่ผมประทับใจมากเลยครับ

สถาปัตยกรรม + ความเชื่อ = Space

อาคารนี้น่าจะเป็นอะไรเกี่ยวกับราชการของเขานะครับ ผมเดาเอาไม่รู้ครับ 555


ต้องกลับเข้า กัวลาลัมเปอร์แล้วนะ แล้วฉันจะคิดถึงเธอ Potrajuya ระหว่างนั่งรถก็เก็บบรรยากาศไปเรื่อยเปื่อย


ระหว่างยืนรอรถไฟไป กัวลาลัมเปอร์ ขอซักลั่นชัตเตอร์ซักรูปเดี๋ยวนอนไม่หลับ 55


ระหว่างเดินทางเข้าเมืองก็คิดไปเรื่อยๆเวลาเหลือทำไรดีวะ เปิดสมุดโน๊ตเล่มโปรดขึ้นมาดูสิ ได้มาร์คอะไรไว้บ้างอ่าาาาา !!! เปิดไปเจอคำว่า

BUKIT BINTANG

PAVILION KL

JALAN SULTAN ISMAIL

จัดไปดิครับ รอไรอ่ะ จากนั้นผมก็เดินทางต่อไปที่ BUKIT BINTANG


จากนั้นเดินต่อไปที่ ย่าน JALAN SULTAN ISMAIL บอกได้เลยว่าเหมือน ถนนข้าวสาร บ้านเราเลยครับ เพียงแต่เงียบกว่า เล็กกว่า ร้านอาหารไทยเยอะมากเลยครับ ป้านั่น ป้านี้ เต็มไปหมดเลยครับ ไม่มีรูปให้ดูนะครับ 555 Sorry ไปต่อ กันที่ PAVILION KL ดีกว่า อารมณ์เหมือนแถวๆสยามบ้านเราเช่นกัน แหล่งวัยรุ่น ศูนย์การค้าต่างๆ ห้างสรรพสินค้า หรูหราหมาเห่า


บรรยากาศประมาณนี้ครับ เดินเล่นดูโน่นนี่ แล้วก็กลับที่พักครับ


พอกลับถึงที่พักก็อาบน้ำ เก็บของตามปกติทุกวัน และวันนี้ก็มีเรื่องต้องทำเพิ่มอีกด้วยนั่นก็คือ การนั่งจองที่พักที่ มะละกาสำหรับวันพรุ้งนี้ แต่วันนี้พิเศษกว่าวันอื่นตรงที่เพื่อนร่วมห้อง ชาวฝรั่งเศสชวนคุยระหว่างเก็บของ เตรียมไปอาบน้ำ เขาชื่อ Ugo

Ugo : HI ! Where are you from ? (สำเนียงภาษาอังกฤษแบบคนฝรั่งเศสฟังยากนะ)

Me : Bangkok Thailand

Ugo : Really !!!!! เสียงสูงจัด

Me : Yah !!!

Ugo : I just came from Thailand here yesterday.

Me : Really !!!!! เสียงสูงจัดกลับไป 1 ดอก great

Ugo : What about ur plan on this evening ?

Me : ยังไม่รู้เลยครับ คงอาบน้ำเสร็จไปหาอะไรกินละมั้งครับ

Ugo : งั้นผมขอไปด้วยนะ เดี๋ยวผมเก็บของแล้วจะลงไปรอที่ ล็อบบี้นะ

Me : โอเคครับ เจอกัน พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เดินลงไปข้างล่างแล้วดันเปิดประตูโฮลเทลออกไปเลย เพราะว่าลืมว่า ยูโก ลองจะไปด้วย 55555 หลังจากนั้นเสียงประตูเปิดก็ดังตามมา 555 ยูโก ตะโกนเรียก แล้วบอกว่า

Ugo : ไป ด้วย ได้ ไหม ครับ (สำเนียงฝรั่งพูดไทยไม่คล่อง) พูดไทยได้นิดเดียวจริงๆ

Me : โทษทีนะ โทษที คิดอะไรเพลินๆ ลืมเลย 5555555

สรุปวันนั้นนั่งกินข้าวไปเหงาละ มีเพื่อนคุย ยาวๆๆๆๆๆเลยถามยูดกว่ามาทำอะไรที่นี่ ยูโกบอกว่ามาทำเรื่องวีซ่าแล้วจะกลับเข้าไปอยู่ที่ไทยต่ออีก เพราะว่ามีเเฟนคนไทย (กูว่าแล้วเชียว)5555 แต่เสียดายที่คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ผมจะอยู่ที่นี่ พรุ้งนี้ต้องเดินทางไปที่ มะละกา ตอนเช้า


DAY : 6 Kualalumpur to Melaka city

เมืองที่คนไทยรู้จักดีกับคำว่า ช่องแคบมะละกา ตามที่เรียนประวัติศาสตร์มา 55555


การเดินทางไป มะละกา Melaka City จาก กัวลาลัมเปอร์

เราจะต้องไปขึ้นรถที่ KL Sentral จากนั้นนั่งรถไฟ KTM สายที่ไป Airport แล้วไปลงที่สถานี Bander tasik Selatan แล้วเดินไปต่อรถที่ TBS ที่นั่นเปรียบเหมือนขนส่งหมอชิตบ้านเราเลยครับ เพียงแต่มันดูทันสมัยกว่ามากเลย ระบบคล้ายการขึ้นเครื่องบินเลยครับ มีเลขGate บอก พอได้ตั๋วรถมาก็เอาไปยื่นให้ จนท.สแกน แล้วเดินลงไปที่ Gate ได้เลยครับ ใช้เวลาเดินทางไปที่ มะละกา ประมาณ 2-3 ชม. ครับ ปลายทางถึง Melaka Sentral

สถานี Bander tasik Selatan หน้าตาเป็นแบบนี้

กลับหลังหันแล้วเดินข้ามสะพานลอยจะมีทางเชื่อมเผื่อไป TBS


ระหว่างเดินไป TBS แวะถ่ายอะไรเล่นไปเรื่อย ไปเห็นแสงเงาตรงนี้สวย เลยจัดไป 1 ภาพ



เห็นแล้วก็เดินตรงไปเลยจ้าาาา ซื้อตั๋วหน้าเคาน์เตอร์ได้เลยนะ ไม่ต้องจองล่วงหน้าก็ได้ แล้วไปขึ้นรถตามตั๋วได้เลยครับ แต่ตอนนี้ผมขอวาปไปที่

ว่าด้วยเรื่องของที่หลับที่นอนกันอีกครั้ง

เพราะที่นี่จะเป็นที่พักที่สุดท้ายที่จะผมจะอยู่ที่ ประเทศมาเลเซีย

ครั้งที่ผมเลือกใช้บริการ www.booking.com ครับ เพราะว่าไม่ต้องตัดบัตร ไม่ต้องจ่ายล่วงหน้า เช็คอินเข้าที่พักแล้วค่อยจ่ายเงิน สบายสุดเลย Love มาก ที่ซุกหัวนอนวันนี้ผมเลือกที่

Ringo's Foyer (Guesthouse), Malacca (Malaysia)


ผมได้ในราคาที่น่ารักมากๆเลยครับ ที่พักดีมาก สบาย สะดวก สะอาด หยุดเรื่องที่พักไว้ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาบอกว่ามันดียังไง

แต่ตอนนี้ผมขอวาปไปที่ มะละกาเลยแล้วกันนะครับ

พอมาถึง Melaka Sentral ผมก็เดินไปเช็ค เวลา และราคา ตั๋วรถบัสที่จะเข้าประเทศสิงค์โปร ในเร็วๆนี้จะมีพนักงานคอยบริการ แต่ถามใครแพลนมาชัวร์เเล้ว จะซื้อเลยก็ได้นะ แต่สำหรับผม อย่างที่บอกไว้ตอนแรก แพลนที่ดีสุด คือไม่มีแพลน 555 ดูไว้ก่อนแล้วค่อยมาซื้อ


จากนั้นเดินไปถามที่ Counter Information ว่าขึ้นรถอะไร ยังไง ตรงไหนที่จะเข้าไปในเมืองได้ พนักงานใจดีที่สุด น่ารักที่สุดยิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมกันยื่นกระดาษมาให้

จากนั้นก็รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ รถจะมาส่งเราที่ Center City ถามว่าเราจะรู้ได้ไงว่าถึงแล้ว ง่ายๆเลยครับ ทุกคนคงเห็นผ่านๆตามาบ้างแหละ ตรงนั้นคืออออออออออ

เห็นไหมบอกละว่าคุ้นแน่นอน ผมก็กดแผนที่ดูที่พักอยู่ไม่ไกลมาเดิน เดิน เดิน เดิน ประหยัดตรงเดินอย่างเดียว ร้อนมากนะ ตอนนั้นอ่ะ อากาศร้อนจัด

Check in

มีภาษาไทยด้วย ดูใส่ใจอ่ะ

ติดต่อ Reception เรียบร้อย มีความรู้สึกชอบที่นี่มากเลยอ่ะไม่รู้ทำไม เสียดายจองมาแค่คืนเดียวเอง จากนั้นพนักงานก็พอแนะนำที่พัก แต่มันมีความพิเศษมากเท่าที่เคยเจอมาในชีวิตการเดินทางเลยอ่ะ คือว่า ด้วยความที่เพิ่งรู้ว่าเป็นเอเชี่ยนคนเดียวใน Hostelด้วย ""ทุกครั้งที่มีสมาชิกใหม่มาเพิ่ม (ซึ่งเป็นเราตอนนั้น) Reception จะพาเดินรอบๆ และพาไปแนะนำให้เพื่อนๆในโฮสเทลทุกคนรู้จักเรา เช่น

Reception : Hey !! guys this Brian from Thailand so sad he stay here just one night

Guys : Too short !! How are you doin bro ? เป็นต้น""

Me : Im great thx !! ++ : )

อ่ะที่นี้ พอเก็บข้าวเก็บของเสร็จก็มีเรื่องคุยโน้นนี่นั้น บลา บลา จากนั้นเดินตรงไปที่ REception อีกครั้งแล้วถามว่าคุณมีที่ว่าสำหรับคืนพรุ้งนี้ไหมครับ ผมจะพักที่นี่ต่อ ผมชอบที่นี่มากๆ แล้วโชคก็เข้าข้าง มีว่างเว้ยยยยย ทีแรกจองมาคืนเดียว เพราะต้องไป สิงค์โปรต่อ คิดไปคิดมา นอนแม่งอีกคืนช่างแม่งสิงค์โปร เดินทางแพลนวันต่อวันอยู่แล้วหนิ ชอบมากๆ ราคาถูก ตอนนั้นจองได้ในราคา 160 บาท /คืน มิตรภาพดีๆมีให้สัมผัสตลอดการเดินทาง และรวมอาหารเช้า เสน่ห์ของการเดินทางที่โรงแรมไม่มี

มี Rooftop ด้วยนะธรรมดาที่ไหนอ่ะ

มี Common Area ใหญ่ๆ พร้อม Dubble space โคตรคลูเลย ส่วนตัวผมคิดเช่นนั้นนะครับ 5555

ใครไม่ได้ออกไปไหนจะหนังดูหนัง ฟังเพลงตรงที่ก็ตามแต่สะดวกเลยครับ


มี daybed ไว้ในนอนอาบแดด อ่านหนังสือ กินเบียร์อีกด้วยนะ เอาล่ะพอหอมปากหอมคอ (บอกไว้ก่อนเลยนะว่าไม่ได้ค่าโฆษณาอ่ะ) อยากแชร์ว่ามันดีจริงๆ

ได้เวลาเดินหาไรกินสำรวจเมือง ชิลๆแบบคนไม่มี แพลน เดินไปเรื่อยๆถ่ายรูปเล่น ต่อจากนี้ไปดูรูปได้เรื่อยๆนะคราฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของความเป็นจีนเข้ามา เพราะว่าตอนนี้ อะไรยังไง......ต้องไปอ่านประวัติศาสตร์ดูนะครับ 55555

ศิลปะเกิดขึ้นที่โรงเรียนสอนทำอาหาร

เอาเข้าจริงๆ ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ เที่ยววันเดียวก็ทั่วครับ มีบ้างคนก็มาจาก กัวลาลัมเปอร์ เช้า เย็นกลับครับ แต่ผมคิดว่าต้ออยู่ต่อต้องมีอะไรที่เรายังไม่ได้เห็นอีกเยอะเลยครับ เดินเล่นพอหอมปากหอมคอ กลับที่พัก อาบน้ำ หาให้กิน พิดีฝรั่งที่ ที่พักถามว่า ยูสนใจไปทัวร์จักรยานกับพวกเราไหม ลงชื่อในสมุดได้เลย ผมไม่รีรอเลย ไปดิครับ ปั่นจักรยานเที่ยวเมือง มะละกา ชิคๆคลูๆ ไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่มัสยิดกลางน้ำ

Along way

ปั่นไปเรื่อยๆ ก่อนจะถึงมัสยิด ตรงตะลึงกับจังหวะ ของการออกแบบสถาปัตยกรรม แบบยุโรป ไม่คิดว่าจะได้เห็นในเมืองนี้เลย หลงรักมาก Feelนอกอ่ะ


พอถึงมัสยิด ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึก เหมือน Mood and Tone โมรอคโค อะไรพวกนั่นอ่ะ



Time to Melaka Straits Mosque

มันดีจริงๆนะ นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เพลินดี สงบดี

การมาที่นี่มีหลากกลายวิธี นั่งแท็กซี่ ปั่นจักรยาน นั่งบัส หรือจะเดินก็ได้นะครับผมเห็นฝรั่งเดินกันเยอะมากเลย แต่ผมไม่แนะนำเพราะว่ามันไกลจากเมืองอยู่นะ ขนาดผมเป็นชาวเดิน ผมดูว่ามันไกลนะ ลองดูนะครับ เลือกway ได้เลยครับ

ทิ้งไว้แค่ 2 รูปนะครับ อยากเห็นมากกว่านี้ต้องลองมาเดินทางดูนะครับ อิอิ หลังจากนั้นกลับที่พักหาอะไรกิน

อ๋ออ !! มันมีร้าน บาร์เล็กๆเป็นดนตรี เร็กเก้ริมแม่น้ำ มะละกาใกล้ๆกับ City Center นั่งเพลินดีครับ ลองแวะไปดูนะครับที่จริงแล้ว มีหลากหลายให้เลือกครับ


DAY : 7 Melaka before i go "" No plan ""

Good morning !! ตื่นมาพร้อมกับความสดใส ทานอาหารเช้าที่โฮสเทล อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน เสร็จ นั่งๆ นอนๆ อยู่บนเตียง ไม่มีแพลนอะไรในหัว แล้วก็เดินออกไปจากที่พักเดินไปเรื่อยๆ พอมีไอเดียอยู่บ้าง ระหว่างเดิน

Concept : Pink and free ก็เลยกลายเป็นโปรเจคเล็กๆ ขึ้นมาเฉยเลย นั่นคือการเดินถ่ายรูปเก็บ Landscape Cityscape Arechitecture และบริบทวิถีชีวิต

เปิด 2 รูปด้วยโทนสี ที่ตั้งโจทย์ไว้


ไปต่อที่

จัตุรัสดัตช์สแควร์ (Dutch Square)

แอ๊ะ !!! นึกขึ้นได้ว่าต้องไปซื้อตั๋วเพื่อไปสิงค์โปร พรุ้งนี้นี่หน่า ไป ! ไป !! เดินไปรอรถที่โบสถ์นั่นแหละ พอรถมาการนั่งรถบัสธรรมดาๆ มันกลายเป็น สิ่งแปลกใหม่ทันที่ 55 รถบัสพาไปเที่ยวรอบเมืองเฉยเลยอ่ะ ดีงามไปอีก รอบเมือง คือรอบจริงๆนะ ให้เวลาพอควรนะ แต่เรามีเวลาเหลือไม่ได้ทำไร ดูเมืองในราคา 2 RM คุ้มมาก ใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที ถึง Melaka Sentral จากปกติ 20-25 นาทีเอง ได้ตั๋วสบายใจเข้าเมือง นั่งมาลงที่เดิม กลับมายืนที่เดิม มาถ่ายรูปต่อดีกว่า


ไปดูรูปกันครับ ไม่รูจะทำอะไรแล้วจริงๆ 5555

Street Art ยิ่งใหญ่มากๆเลย

เดินไปเดินมาไปเจอตึกร้าง พังๆ เท่ห์ดี จัดไป แต่ว่าไม่กล้าเดินเข้าไปเยอะนะ

บางทีก็ลองส่องกระจก ตัวเองบ้างนะ อ้วนแล้ว สกปรกแล้ว 5555

วิ ถี ชี วิ ต

สถาปัตยกรรม

แอ๊ะ !! มันมี โบสถ์อีกที่นี่หว่า เดินหาดูสิ อ๋อ มันชื่อว่า St. Paul’s Church เป็นโบสถ์เก่าแก่

นักบุญฟรานซิส เซเวียร์ “St. Francis Xavier”

หันไปเห็น แสงเงา กระทบพื้น ดูน่าสนใจดี

เดินเพลินเลยวันนี้ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมแลกเงินเตรียมตัวไป สิงค์โปรในวันรุ่งขึ้นรู้ตัวอีกที 5 โมงเย็น ฉิบหายละ !! 555 ดีละเจ้าของโฮสเทลมาพอดี เขาบอกว่า ไบรอัน วันนี้ที่ Jonker Street in Melaka เย็นวันนี้มีถนนคนเดินนะเดี๋ยวเราไปด้วยกันนะ ไปกันหมดโอสเทลนี่แหละว่าแต่ ยูจะไปไหนอ่ะ

อ๋อ ไปหาที่แลกเงินครับ

คุณรู้ใช่ไหมว่ามันอยู่ตรงไหน

ไม่รู้ครับ เข้าโฮสเทลก็บอกทางมา สรุปบริษัทแม่งปิด ร้องไห้เลย (ควรระวังนะครับ การแลกเงินส่วนใหญ่มันจะให้แลกเป็น ริงกิตก่อน แล้วค่อยแลกเป็นสกุลอื่น ซึ่งเราจะขาดทุน ผมเจอมาแล้ว แต่ไม่มีทางเลือก) 555 สรุปร้านปิดหมดเลย เปิดแผนที่ในโทรศัพท์ดู เหลืออยู่ที่นึงคือ ในห้าง ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับที่ผมอยู่เลย เดินอีกแล้ว ประมาณ 2.5 กม. 5555 อดไปเดินเล่นกับพวกเขาเลยอ่ะ ไม่น่าเลย ถนนหลายคนเดิน แต่เราต้องเดินคนเดียว งง ป่ะ !!! 555

ไปเจอเข้ากับป้ายนี้ สุดจัด ราคาไม่รุนแรงด้วย คุณว่าผมจะกินไหม ???

ตอบได้เลยว่า ไม่กินครับผม 5555 ไปมาเลเซีย ไปนั่งกินอาหารไทยแบบเนี่ยะหรอ ไม่ใช่อ่ะ ไปกินอาหารมาเลอีกร้านนึงเห็นราคาถูก กินไปกินมา เจ้าของร้านถามว่า มาจากประเทศอะไร ไทยแลนด์ !! ครับ อ้าว คนไทยหรอครับ (สำเนียงคนมาเลเซีย) บทสนทนาก็เกิดขึ้น ต่างๆ นาๆ ตามภาษาคนเที่ยวคนเดียวครับ

คอนคอนเสิร์ต คนพื้นที่ น่ารักๆด้วย คนนั่งดูเยอะอยู่นะทำเป็นเล่นไป


ท้องอิ่มแล้วก็กลับที่พักครับ ไปนั่งแพลน สิงค์โปรต่อ เพราะไม่มี อะไรในหัวเลย 555 กินเบียร์ไปด้วย เรื่อยๆ ตอนนี้ไม่เหงาแล้วมีเพื่อนเต็มเลย ที่ Rooftop


แพลนไปแพลนมา ไปเจอกระทู้นึง บอกว่า ถ้าเข้าทางด่าน Woodland ตม โหดมาก มีคนติด ตม.เยอะมาก เอ๊าท์ !! ซื้อตั๋วเข้าทาง Woodland มาด้วยดิ แล้วบวกกับ รูปร่างหน้าตา รกรุงรังมาก สไตส์ Backpacker แหละ แล้วเดินทาง แบบ Overland ข้ามชายแดนไปเรื่อยๆ ด้วยสิ จิตตกมาเลย ไม่ได้กลัวอะไรหรอกครับ ก็รถบัสไม่รอ เสียเวลา เสียเงินซับซ้อนอ่ะ คิดต่างๆนาๆ แต่ผมมีเอกสารครบถ้วนทุกอย่าง บริสุทธิ์ใจ อยู่แล้ว ไม่รู้จะโทรค่าให้ เลยโทรหาอาจารย์ที่คณะ สมัยเรียน 5555 งงป่ะ ผมว่าอาจารย์ก็คงงงอ่ะ ยังไง แต่อาจารย์ให้คำปรึกษาดีมากครับ ถ้าอาจารย์อ่าน ขอบคุณมากๆนะครับ


ป่ะ !! กินเบียร์ต่อดีกว่าครับ เล็กๆน้อยๆ ก่อนนอน


DAY : 8 Time to say goodbye I'll missed you Melaka

เช้าวันนี้ ผมต้องตื่นเช้ามา เพราะต้องไปขึ้นรถ ดังนั้นผมเลยแจ้ง Reception ไว้ตั้งแต่คืนเมื่อวานว่าขอ Check out ก่อนได้ไหม เพราะผมออกเช้ามากเลย เสียงตอบกลับมาว่า I got it รู้เรื่อง 555

ผมทิ้งกุญแจไว้ผมกับแบกกระเป๋าคู่ใจ ขึ้นหลังแล้วผมก็เดินจากไปแบบไม่หันกลับมามองฮ่าๆๆ


จากนั้น เรียก Grab แท็กซี่มารับที่ โฮสเทล ไว ราคาภูก บริการดี ขับรถดี ลองใช้บริการดูนะครับ

วาปไปที่ Melaka Sentral เลยแล้วกันครับ

รถขึ้นรถได้จ้าาาาาาาาาาา พร้อมกับกระเป๋าคู่ใจ 2 ใบโปรด

ฝากติดตามตอน ต่อไปด้วยนะครับ เจอกันที่สิงค์โปรนะครับบบบบบบ ขอบคุณมากกกกกก ครับ

อันนี้คือค่าใช้จ่ายทั้งหมดตั้งแต่เดินทางออกจากบ้านตลอดจนไปสุดที่ ชายแดนมาเลเซีย - สิงค์โปรเลยครับครับ


การพกเงินของผม คือ

เงินสด 2 สกุลเงิน

- USD อันนี้เตรียมไว้ Suport

(เงินควรเก็บแยกไว้หลายๆที่ครับ)ถ้าเก็บรวม เกิดอะไรขึ้นมา ก็ซวยไปไม่เหลืออะไรเลยยยยย แต่อย่าให้มันเกิดเลยครับ

- ริงกิต มาเลเซีย แลกแค่พอใช้จ่าย ให้เหมาะสมกับ วันเดินทางของเรา

- บัตรเครดิต (ถ้ามี)

-บัตรเดรบิต (สำคัญนะ)

สิ่งที่ต้องมีติดตัว

- กระเป๋าลับ เอาไว้ใส่เงิน พาสปอร์ต สิ่งของต่างๆที่คุณว่ามันควรจะลับตาคนอ่ะ

- เป้ Daypack จะช่วยคุณได้เยอะมากๆเลยครับ บอกตรง

- เป้ Backpack ใบใหญ่ ไว้ใส่ของเดินทาง ควรเลือกให้ขนาดพอดีดตัวนะครับ มันจะทำให้คุณสบายมาก เดินระยะไกลๆได้โดยไม่มีผลกระทบใดๆ

- Adaptor แปลงตัวเสีบปลั๊ก ขนาดไม่ได้

**ความเหตุส่วนตัวนะครับ **

ผมคิดว่าให้ซื้อของดีไปเลย ทีเดียวจบ แพงนะ แต่ถ้าคุณจะเดินทางจริงๆ บ่อยๆ รับประกันคุ้มมากๆแน่นอนครับ

หมายเหตุ

การไปเที่ยวคนเดียวไม่ได้หน้ากลัวอย่างที่คิดนะครับ จริงๆแล้วไปคนเดียวสบายใจมากๆเลยครับ ตรงที่เราอยากจะทำอะไรก็ได้ทำ อยากไปไหนก็ไป อยากเดินก็เดิน โดยไม่ต้องก้มหน้ามองนาฬิกาถามความสมัครใจใคร ว่าวันนี้ไปไหนทำอะไร ยังไง เดินทางคนเดียวคุณจะรู้ว่า โลกมันมีอะไรอีกเยอะแยะมากมาย รอให้คนอย่างคุณไปสัมผัสมัน


"" นี่เป็นรีวิวแรกในชีวิตการเดินทาง ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ""

ฝากติดตามผลงาน การเดินทาง และภาพถ่าย ของผมด้วยนะครับ ที่

Facebook : https://www.facebook.com/jirawat.thibordee

Instragram : https://www.instagram.com/brianjt.backpacker_54/

หรือแวะมาดูรูปเพลินๆก็ได้นะครับ











ความคิดเห็น