" ถ้าที่ที่ไปแล้วได้ความรู้คือโรงเรียน ที่ที่ไปอยู่แล้วรู้สึกดีเรียกว่าบ้าน

ชุมชนบ้านลาวเวียงแห่งนี้ ก็คงเปรียบเสมือนบ้านและโรงเรียนสำหรับผม... "

ตอนแรกแอบคิดในใจว่าการตัดสินใจมาอยู่ที่นี่หลายๆ วัน จะอยู่ได้มั้ย? อากาศจะร้อนมากมั้ย? ที่พักจะดีมั้ย? แต่ที่ไหนได้ พอเห็นที่พัก พอเริ่มได้คุยกับชาวบ้านเท่านั้นแหละ ก็รู้สึกตกหลุมรักความน่ารักของหมู่บ้านลาวเวียงนี้ขึ้นมาทันที ภายในเวลาไม่ทันจะถึง 5 ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ...

อะไรกันที่ทำให้ผมตกหลุมรักได้ไวขนาดนี้ ยิ่งอยู่ไปความรู้สึกรักก็ยังยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วย ถ้าพร้อมแล้ว ออกเดินทางไปอยู่กับชุมชนบ้านลาวเวียงทั้ง 5 คืนกับผมเลยครับ

การตอนรับอันแสนอบอุ่น ด้วยเสียงดนตรีพื้นบ้านอย่างกลองยาวที่ฟังแล้วอยากจะขยับร่างกายตาม เพลงบรรยากาศแบบนี้นี่มันดีชะมัดจริงๆครับ

และการมาเที่ยวแบบชุมชน ถ้าจะมานอนโรงแรม มันก็อาจจะดูแปลกๆ ที่ชุมชนนี้มีโฮมเสตย์มากถึง 20 หลังเลยนะครับทุกคน แถมรองรับคนมาเที่ยวได้มากถึง 150 คน สุดยอดมากก ดีจนได้รางวัลเป็นโฮมเสตย์ดีเด่นมาติดต่อกัน 4 ปีซ้อนเลยทีเดียว

ที่สำคัญคุณแม่ถา เจ้าของโฮมสเตย์ บ้านมานิตถา เพชรศิลา น่ารักมากกกกก มากแบบมากๆ ดูจากรูปได้เลยครับ 5555 จังหวัด อุตรดิตถ์ ชุมชนบ้านลาวเวียง บอกได้คำเดียวเลยว่า 5 วันหลังจากนี้ เจอกันนน มันต้องสนุกมากแน่ๆ

เริ่มต้นวันแรกด้วยการได้นั่งคุยกับชาวบ้าน คุณแม่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุยไปคุยมาแกก็ลองหยิบ อินทผาลัม มาให้ชิม ชื่อตอนแรกก็งง ว่าเอ้ะ มันคืออะไรกันแน่ ภายนอกคิดว่ารสชาติคงคล้ายกับมะกอก แต่พอได้ลองชิมดูจริงๆ ก็ตามคลิปเลยครับ หวานมากกก หวานแบบหว๊านหวานน ที่สำคัญเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ราคาสูง พอๆ กันกับทุเรียนเลยแหละครับคุณ

หลังจากได้ลองชิมความแปลกใหม่ของรสชาติผลไม้ที่ไม่ได้หากินง่ายๆ อย่างอินทผาลัม ก็ได้เวลาชาวบ้านนำอาหารออกมาต้อนรับ เรียกได้ว่ามานั่งคุยกันทั้งหมู่บ้าน น่ารักม้ากกกกก แต่ละคนต่างเอาอาหารมาจากบ้านตัวเอง คนละอย่างสองอย่าง มารวมแชร์กัน พูดคุยสารทุกข์สุกดิบตามประสา บรรยากาศแบบนี้เราไม่ค่อยได้เห็นมากนัก แต่มันน่ารักสุดๆ เลยครับ


แต่ดูปริมาณที่ได้สิครับบ น่าทึ่งมากกก วันนี้ที่ได้คุยกันแนะนำตัวกัน คุณแม่ๆ น่ารักมากๆ ต้อนรับเราเป็นอย่างดี ดูแลเหมือนเราเองก็เป็นลูกของท่านอีกคน สำหรับวันนี้ขอนอนเก็บแรงกันก่อน ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน


วันที่สอง...

เช้าวันนี้เริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงไก่ขันยามเช้า ตั้งแต่เช้าตรู่ เสียงไก่ขันสุดดังแบบที่ผมเองก็ยังไม่เคยได้ยินในเมืองมากนัก ตื่นมาได้สักพักก็ได้ยินเสียงคุณแม่มาเรียกว่า ลูกๆ ลงมากินข้าวได้แล้วจ้า เพราะวันนี้เรามีคิวจะต้องทำอะไรหลายๆ อย่าง

วันที่สองถูกเริ่มจากกการเที่ยวชมชุมชนให้ทั่ว แล้วก็ไปทำกิจกรรมอาหารแปรรูป จำพวกกล้วยทอด มันทอด ต่อด้วยการทำกระเป๋าผ้ารักษ์โลก ปิดท้ายด้วยการเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงอย่างวัดพระอกแตก และจบวันอย่างสวยงามอย่าง สะพานสลิงก์ หรือสะพานดิ๊งด่อง นั่นเอง จะเป็นไงถ้าพร้อมแล้วไปเที่ยวกันครับบ

พาหนะหลักในการเดินทางในหมู่บ้าน ถ้าไม่ใช่มอเตอร์ไซต์ ก็เป็นรถซาเล๊งเนี่ยแหละครับ น่ารักสุดๆ ข้อดีของซาเล้ง คือ การที่เราได้คุยกับคนขับในระหว่างทางแบบใกล้ชิด สนิทสนม สัมผัสอากาศรอบข้างแบบจริงๆ ที่สำคัญ ช่วงที่ผมมา นี่อากาศดีมากกกกก ฝนตกเป็นบางช่วงแต่ไม่ร้อนเลย

เริ่มวันด้วยการไปเคารพศาล ตา-ยาย ประจำหมู่บ้าน ที่ชาวบ้านที่นี่เคารพกันมาก ไม่ว่าจะทำอะไรจะมาบอกกล่าวท่านที่นี่เสมอ

อ้อ! ผมลืมบอกไป สำหรับใคร ที่กลัวว่าจะเดินทางลำบาก จริงๆ ที่ชุมชนบ้านลาวเวียง สามารถเดินทางมาได้ทุกรูปแบบเลยนะครับ จะขับรถมาก็ได้ หรือจะนั่งเครื่องบินมาลง จังหวัพิษณุโลก แล้วให้ชาวบ้านมารับก็ได้เช่นกัน หรืออีกทางที่ผมเองก็เพิ่งรู้ คือรถไฟ ครับ สามารถนั่งรถไฟมาลงได้ที่สถานี ท่าสัก แล้วจะนั่งมอไซค์เข้าหมู่บ้าน หรือจะให้ชาวบ้านมารับก็ได้เช่นกัน ห่างจากชุมชนแค่ 3-4 กิโลเท่านั้นครับผมม


นี่คือไกด์ท้องถิ่นครับ และเพื่อนชาวเนปาลของผมม ชื่อว่าเนฮา แต่ตอนนี้เธอได้ชื่อไทยไปละ ชื่อว่า มะลิ ฮ่าๆ

โอเคได้เวลาเริ่มต้นใช้ชีวิต เรียนรู้กิจกรรมของชาวบ้านที่นี่กันแล้วครับว่าเค้าจะทำอะไรกันบ้าง

เริ่มด้วยการทำผลิตภัณฑ์แปรรูป อย่างกล้วยทอด สำหรับผมเอง กล้วยทอดเป็นของที่เห็นได้บ่อย ถึงบ่อยมาก แต่ไม่เคยได้ลองทำดูสักครั้ง ครั้งนี้ได้มีโอกาสทำ ตื่นเต้นแปลกๆ เริ่มทำตั้งแต่ปลอกเปลือก แช่น้ำ สไลด์เป็นแผ่น ทอด และบรรจุลงหีบห่อ ทำเองทุกขั้น แล้วก็กินเอง น่ารักจะตาย 555


ก็นั่นแหละครับ ทำเสร็จก็แพ็คไปกินไป ต้องแบบนี้ : คุณแม่กล่าว 555555555

ไปต่อกันที่กิจกรรมต่อไปกับ การทำถุงผ้ารักษ์โลก ผลิตภัณฑ์ประจำชุมชนบ้านลาวเวียงแห่งนี้ ที่บอกว่ารักษ์โลกก็เพราะถุงผ้าพวกนี้ทำมาจากเศษผ้าม่านที่เหลือจากการตัด ซึ่งมักจะเหลือและทิ้งเยอะมาก ทางหมู่บ้านเลยเอามาประยุกต์ตัดเป็นกระเป๋าผ้าถุงผ้ารักษ์โลกซะเลย เรียกได้ว่าเปนสินค้า Up-cycle ที่ดีงามมากเลยครับ

ความมันบังเกิดเลยครับ นอกจากถุงผ้าธรรมดา ยังต้องมีการด้นถอยหลังทำลวดลายการหาบจังหัน ที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่

ลายหาบจังหัน น่ารักๆ เราจะปักตามรอยนี้เลยครับ เริ่มจากการสนเข็มกันก่อน ลองดูวิดีโอนี้นะครับ คุณแม่ที่สอนแกน่ารักมาก พูดภาษาลาว ที่เป็นภาษาที่คนที่นี่ใช้ว่าให้จับใกล้ๆ แต่เอาเราได้ยินเป็นไกลๆ ก็เลยงงตั้งนาน 5555


หลังจากเย็บกระเป๋าผ้ากันเสร็จเรียบร้อย สถานที่ต่อไปเราไปกันที่วัดพระอกแตก ที่เรียกแบบนี้ก็เพราะว่าวัดแห่งนี้แต่ก่อนไม่มีใครรู้ว่า มีพระอยู่ภายในพระประธาน แต่อยู่ดีดีพระประธานในอุโบสถก็ตรงอกค่อยๆ แตกออก เผยให้เห็นพระพุทธรูปอีกองค์ที่ซ่อนอยู่ข้างใน ที่ชาวบ้านสันนิษฐานกันว่า คนสมัยโบราณสร้างพระอีกองค์ครอบไว้เพื่อป้องกันการถูกทำลายนั่นเองครับ พอผมได้ฟังเรื่องนี้จบ ก็รู้สึกทึ่งปนอึ้งด้วยในขณะเดียวกัน

สะพานดิ๊งด่อง ที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างชุมชนหาดสองแควกับชุมชนบ้านแก่ง ซึ่งสมัยก่อนจะสัญจรไปมาทางเรือ แต่ด้วยความลำบากเลยสร้างสะพานนี้ขึ้นมา

เป็นสะพานที่ให้บรรยากาศของความโรแมนติคมากๆ ครับ ชมวิถีชีวิตริมสองฝั่งน้ำ เด็กเล่นน้ำ บรรยากาศดีสุดๆ ถ้ามีเวลากันอยากให้ลองมาใช่ชีวิตที่นี่กันดูครับผม ผมเชื่อว่าแล้วจะติดใจไม่ต่างกันแน่นอนครับ

สำหรับวันที่สองก็จบลงแล้ว เดี๋ยววันต่อไปเราจะไปทำกิจกรรมอะไรกันบ้างต้องลองติดตามดูนะครับบ


วันที่สามแล้ว ...

เผลอแปปเดียวเวลาเดี๋ยวนี้ไม่เคยเดินเลยนะครับ แต่มันวิ่งเลย ผ่านไปไวมากก

วันนี้เริ่มต้นวันใหม่ด้วยเวลาเช้าเป็นพิเศษ พิเศษที่ว่านี่ไม่ใช่แค่กับเยอะนะครับ ใส่ไข่ด้วยเลย ฮ่าๆ เพราะวันนี้ผมจะต้องไปใส่บาตรคอนเช้า กับประเพณีหาบจังหัน ที่มีแค่ที่นี่เท่านั้น ที่ชุมชนบ้านลาวเวียง จังหวัดอุตรดิตถ์ เรียกได้ว่า มีที่เดียวในประเทศไทย หรือจริงๆแล้วมีที่เดียวในโลกเลยก็ว่าได้

ความพิเศษของประเพณีนี้คือ เป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาอย่างช้านาน โดยแต่ละบ้าน จะออกมาถวายข้าวให้พระสงฆ์ แต่กับข้าวจะถูกนำไปถวายให้พระที่วัด แต่สำหรับใครที่ไม่สะดวกไปถวายที่วัด ก็จะมีชาวบ้านที่มีจิตศรัทธาเดินหาบสาแหรก นำกับข้าวใส่ถาดแล้วหาบไว้ พร้อมเดินตามพระสงฆ์ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่่ต้นหมู่บ้าน ยันท้ายหมู่บ้าน เลยได้ชื่อประเพณีนี้ว่า "หาบจังหัน"

มากกว่านั้น ความน่ารักของประเพณีนี้คือ ยิ่งระยะทางมากขึ้นเท่าไหร่ คนที่หาบก็จะมากขึ้นเท่านั้น ผมเลยเอาจังหวะนี้มาขอลองหาบด้วยซะเลย

เราจะหาบตามพระสงฆ์ไปตรงถึงวัดเลยครับ แล้วก็ทำการถวายภัตาหารแก่พระสงฆ์ หลังจากถวายกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะกินข้าวร่วมกับชาวบ้านเลย เป็นข้าวจากพระสงฆ์ที่ร่วมกันถวายเนี่ยแหละครับ แต่ขอบอกเลยว่าเยอะมากๆๆๆๆๆ


หลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางไป โรงงานผลิตถุงผ้า ย้อมผ้าแฟชั่น แบรนด์ Hangover กันครับ ขอบอกเลยครับว่าสีครามที่นี่เป็นครามธรรมชาติ ที่สีสวยมากกกกกก และลายที่ทำก็มีหลากหลายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรยากาศของลานกิจกรรมนี้ สวยงามสุดๆ เลยครับ อยู่ริมน้ำ ลมพัดโชยเบาๆ มาถึงวันที่ 3 แล้วที่นี่ก็ยังคงทำให้ผมตกหลุมรักอยู่เรื่อยๆ เลยแหะ

การทำที่นี่ คุณแม่แกเริ่มสอนตั้งแต่เย็บผ้าเลยครับ เป็นการเย็บผ้าครั้งแรกของผมในชีวิตเลยก็ว่าได้ จะบอกว่าแอบตื่นเต้นเบาๆ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

ถ้าได้ดูคลิปแล้ว ผมชอบประโยคที่คุณแม่พูดมากว่า จะเย็บผ้าต้องใจเย็นๆ คนใจเย็นถึงเย็บได้ ซึ่งจริงมากๆ มือต้องสัมพันธ์กับเท้า ต้องเค้าๆถีบจักร แต่ในคลิปดันใจร้อนไปหน่อย 55555 ตามคลิปเลยครับ

หลังจากเราเย็บเสร็จเรียบร้อย ได้เวลาย้อมแล้วครับทีนี้ ก็ไปเลือกลายได้เลยว่าจะเลือกลายอะไร แบบไหนตามที่เราต้องการ แล้วคุรแม่แกก็จะมาสอนให้เอง


ผมเลือกลายแมงมุม เพราะมีความแปลกใหม่ดี ใจจริงก็อยากได้ด้วย 555555

จริงๆ รูปแบบลายมีให้เลือกทำเยอะมากเลยนะครับ แล้วแต่ที่ชอบเลย การย้อมผ้าครั้งแรกมันก็จะจริงจังกับการเลือกลาย กับวิธีการทำหน่อย ดูจากหน้าได้ครับ 55555

เพลิดเพลินกันพอหอมปากหอมคอ ไปเข้ากิจกรรมต่อไปกันเลยดีกว่า กิจกรรมต่อไปได้เวลาอาหารพื้นเมืองของชุมชนบ้านลาวเวียง เลยครับ เรียกว่า อั่วบักเผ็ด งงกันล่ะสิครับ อั่วบักเผ็ด เป็นอาหารพื้นเมืองของชุมชนบ้านลาวเวียงนี้ครับ

โดยอั่วบักเผ็ด จะเ็นการใส่ไส้ที่ทำขึ้นมาเองแทนไส้ของพริก โดยจะผ่าแล้วเขี่ยเอาไส้พริกออกให้หมดเพื่อให้ไม่เหลือความเผ็ดหลงเหลืออยู่ นั่นเองครับ โดยไส้ข้างในก็จะประกอบไปด้วยหมูสับ หอมแดง ตะไคร้ กระชาย ตำให้ละเอียด พอยัดไส้เข้าไปในพริกแล้วก็นำไปทอด เพียงเท่านี้ก็จะได้อั่วบักเผ็ดหน้าตาสวยงามน่ารับประทานออกมาให้ได้ชิมกันละครับ

กับของหวานขึ้นชื่ออีกอย่าง ขนมดาดกระทะ รสชาติคล้ายโรตีแต่อร่อยกว่า รูปร่างหน้าตาคล้ายขนมเบื้องญวน แต่บางกว่า วิธีการทำก็ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายเท่าไหร่ นำไข่ไปผสมกับแป้งแล้วก็น้ำตาล ในอัตราส่วนที่เหมาะสมกัน แล้วนำลงไปดาดในกระทะ เพิ่งเท่านี้ก็จะได้ขนมดาษกระทะที่เป็นของขึ้นชื่อของชุมชนบ้านลาวเวียงแห่งนี้แล้วครับผมม

หลังจากเรียนการทำอาหาร และขนมเสร็จเรียบร้อย ไปรอช้า กิจกรรมสุดท้ายของวันนี้คือการไปเยี่ยมชมฟาร์มอินทผาลัมกันต่อ เพราะรู้สึกติดใจตั้งแต่วันแรกที่ได้ชิม มาที่นี่พูดได้เต็มปากเลยครับว่า เป็นสถานที่แห่งการเริ่มต้นจริงๆ เพราะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ มากมายในชีวิตเลยแหละครับทุกคน

ผมก็เพิ่งรู้เนี่ยแหละครับว่า อินทะผาลัม จริงๆแล้วมันราคาสูงมากกก กิโลละ 500 บาทเลยทีเดียว อย่างช่อที่ผมถืออยู่นี่ก็หนักถึง 3 กิโล เลยนะครับคุณ ตื่นเต้นมากๆครับ

เป็นอีกหนึ่งวันที่ได้กลับมาครบทุกรสชาติ แบบที่ไม่เคยหาได้ที่ไหนมาก่อน แต่ที่นี่เปรียบเสมือนบ้านและโรงเรียนอีกหลังที่คอยดูแลและให้ความรู้เราได้เป็นอย่างดี จบวันด้วยความรู้ใหม่ๆ พร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นว่า พรุ่งนี้จะมีไรให้เราได้เรียนรู้อีกบ้างกันนะ


วันที่สี่...

ไม่ผิดหวังเลยที่การคิดว่าวันนี้เราจะได้เจออะไรใหม่ๆ บ้าง เพราะวันนี้เริ่มต้นวันด้วยอากาศสบายๆ ฝนตกเบาๆ แต่เพราะฝนตกเนี่ยแหละ แม้ว่าอุณภูมิภายนอกเย็นขึ้น แต่กับชุมชนบ้านลาวเวียงยังคงให้ความอบอุ่นกับเราเช่นเคยไม่เปลี่ยนแปลง..

เริ่มต้นวันด้วยการทานอาหารเช้า ฝีมือคุณแม่ถา ที่หน้าห้องพักที่โฮมเสตย์ เด็ดสาระตี่ มากครับทุกคน บอกเลย อาหารที่นี่รสชาติดีมากก ไม่เผ็ดมาก ไม่เค็มจนเกินไป กลมกล่อมกำลังดีเลยแหละครับบ

โอเค ทั้งท้องตึง แต่หนังตาจะหย่อนไม่ได้ เพราะผมยังต้องไปทำกิจกรรมก่อนน เพราะตอนเช้าวันนี้ผมต้องไปเข้าสวนผัก ไปลองเก็บหน่อไม้กันครับบ ครั้งแรกในชีวิตอีกแล้วว

ดูจากหน้าของผมและมะลิ (เพื่อนชาวเนปาล) ก็คงจะรับรู้ได้ถึงความตื่นเต้นที่ผมได้เจอในวันนี้แล้วสินะครับ 55555 เพราะวันนี้เพิ่งรู้ว่าไผ่เป็นพืชเศรษฐกิจชั้นยอด ที่ตอนนี้ตลาดมีความต้องการสูงมากก ทางชุมชนที่นี่จึงหาช่องทางและโอกาส ในการเพาะพันธุ์ต้นไผ่ ให้เป็นรายได้เสริมของชุมชนในอีกทางหนึ่งได้ด้วยครับ

เดินเข้าป่าไผ่ครั้งแรกในชีวิต เป็นครั้งแรกที่น่าจดจำ ถ้าพร้อมแล้ว เดินเข้าป่าไผ่ไปด้วยกันเลยครับบผม

ด้วยวิธีการที่เราเรียกว่าการตอนกิ่งนั่นเองครับ ต้นไผ่ถ้าเราทิ้งไว้เรื่อยๆ มันก็จะสูงขึ้น แต่ถ้าเราตัดยอดมันซะ ต้นไผ่จะแตกกิ่งออกทางข้างลำต้นครับ คราวนี้แหละได้เวลาแห่งการตอน เพราะเราจะตัดกิ่งที่มันงอกออกมาทิ้ง แล้วเอากากมะพร้าวที่ชุบน้ำหมาดๆ มาคลุมไว้ เพือให้รากงอก ทีนี้แหละครับจากหนึ่งกิ่งจะแยกออกเป็นสองกิ่งเลย จากต้นไม่ต้นเดียว จะสามารถเพาะพันธ์ุได้มากเป็น 10 ต้นเลยแหละครับผม

หลังจากปลูกก็ต้องตัด แต่ไม่ใช่การตัดไผ่นะครับแต่เป็นการตัดหน่อไม้นั่นเอง ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว ก็ต้องไปตัดหน่อไม้กันหน่อยยย


หน่อไม้น่ารัก คึกคักเวลาเราเล่น หน่อไม้ใจเย็นๆ เวลาเราเล่นน่ารักๆ >< นอกจากจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับไผ่แล้วนั้น เรายังได้ไปใช้ชีวิตเหมือนเป็นคนท้องถิ่นจริงๆ จนบางทีผมเองก็รู้สึกว่า ชีวิตแบบนี้มันก็แอบดีเหมือนกันนะ ไม่ต้องไปแก่งแย่งกับใคร อยู่เท่าที่ตัวเราอยู่ได้ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เรามีความสุขแค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว..




มาอยู่สวนไผ่ทั้งที จะมากินอย่างอื่นก็ใช่เรื่อง วันนี้เมนูอาหารกลางวันเลยเต็มไปด้วยหน่อไม้ ผัดหน่อไม้ ซุปหน่อไม้ ต้มจืดหน่อไม้ ขอบอกเลยครับว่าซุปหน่อไม้สดเนี่ยเด็ดมากกกกกกก


ได้รับสารอาหารเต็มอิ่ม ได้เวลาไปเรียนการทำไม้กวาด และการทำสาแหรกขนาดย่อมๆ ไซต์มินิกันแล้วครับ

การทำไม้กวาดทางมะพร้าวก็สนุกใช่ย่อย แต่มีอีกหนึ่งสิ่งที่หน้าสนใจมากก คือการทำสาแหรกขนาดเล็กที่สามารถใช้พกพากระติกน้ำได้ นี่คือเดอะเบสส


โฉมหน้าค่าตาก็จะประมาณนี้ครับ เห็นเล็กๆ แบบนี้นี่สามารถรองรับน้ำหนักได้มากถึง 5 กิโลเลยนะครับทุกคน ทำให้ผมมั่นใจได้เลยว่า "ถึงบ้านแตก สาแหรกก็ไม่ขาด" แน่นอนครับ 55555


และแน่นอนการทำงานฝีมือตามมาด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดเสมอ เพราะเวลาตั้งใจทีไรนี่ยิ้มไม่ออกทุกที



ใช้เวลาทำสักพักก็เสร็จละครับ เป็นสาแหรกที่น่ารักม้ากกกก หลักจากนั้นก็ได้เรียนวิธีตีกลองยาว เตรียมพร้อมเพื่อที่จะใช้เล่น ในวันงานเลี้ยงส่งที่จะมาถึงในพรุ่งนี้ คิดแล้วก็ใจหาย เวลาผ่านไปไวเหลือเกินครับ


จบวันที่สี่ด้วยการไปเจอวิวที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอ ความสงบแบบที่กาไม่ได้ในกรุงเทพ แบบนี้จะไปหาได้ที่ไหนอีก อุตรดิตถ์ครับ ผมรักคุณจังเลย (โว้ยยย)


วันที่ห้า...

วันสุดท้ายของการใช้ชีวิตในโรงเรียนที่เป็นเหมือนบ้านในชุมชนบ้านลาวเวียง จังหวัดอุตรดิตถ์ วันนี้เราจะออกเดินทางไปเที่ยวยังหมู่บ้านใกล้เคียงกันบ้าง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการอยู่กับธรรมชาติ อยู่แบบไม่ต้องคิดอะไร ใช้ชีวิตที่เรียกว่าการใช้ชีวิตจริงๆ ตลอด 5 วันที่ผ่านมามันช่างดีซะเหลือเกิน

เริ่มกันตั้งแต่การออกเดินทางไปยังหมู่บ้านเหล็กน้ำพี้ ไปตกเหล็ก คำนี้ฟังแล้วก็ดูน่าทึ่ง แต่คนที่นี่เชื่อว่า เหล็กน้ำพี้ เป็นเหล็กที่มีความศักดิ์สิทธิ์ แถมยังเป็นเหล็กที่มีคุณภาพดีมากใช้ในการ ตีดาบ ตีพระขรรธ์ ให้แก่กษัตริย์เมื่อแต่ก่อน

แถมภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีบ่อเหล็กน้ำพี่ ที่ยังคงอยู่ในปัจจุบัน แต่เดิมเห็นคนที่นี่บอกผมว่าบ่อนี้เคยลึกถึง 20 เมตรเลยนะครับ แต่เวลาผ่านไป ฝนก็ชะล้างหน้าดินลงมาทำให้หลุมตื้นขึ้น แต่ที่นี่ก็ยังคงอนุรักษ์ไว้ และให้เราได้ตกเหล็กกัน โดยจะมีเบ็ดแม่เหล็ก อารมณ์คล้ายเบ็ดตกปลา หย่อนลงไปในหลุม เพียงเท่านี้ชิ้นที่เป็นเหล็กก็จะติดขึ้นมาด้วยนั่นเองครับ

นอกจากนั้นยังได้ไปดูวิธีการขุดแร่เหล็กน้ำพี้ต่อ เพราะภายในดินที่นี้ มีแร่ซ่อนอยู่มากก แค่เอาแม่เหล็กดูดก็ขึ้นมาติดมากมายเลยครับคุณ แต่บรรยากาศตอนขุดก็จะกลางแจ้งหน่อยๆ เตรียมหมวก เตรียมร่มให้พร้อมด้วยนะครับ

เหล็กที่ได้ก็ต้องเอาไปผ่านวิธีการถลุง สกัดออกมา อัดแท่งก่อนเพื่อที่จะเอามาตีเป็นดาบ เหมือนกำลังดูหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่เลยครับ น่าตื่นตาตื่นใจมาก


กว่าจะได้ดาบมาอันนึง ไม่ใช่ง่ายๆ เลยจริงๆ ครับ เพิ่งรู้ก็วันนี้เนี่ยแหละครับผม หลักจากดูเสร็จเรียบร้อย เราก็จะผ่านหมู่บ้านน้ำอ่าง ที่มีชื่อเกี่ยวกับด้านทอผ้า เคยได้แต่ดูเค้าทอ คราวนี้ได้มาลองทอเองเลย โอ้วมายก็อดดด ครับ ไม่ง่ายไม่ยาก แต่ค่อนข้างจะไปทางยากซะมากกว่า 5555 แต่เพลินดีครับผม

อะไรที่มันเป็นงานฝีมือเนี่ย หน้าตามันก็จะดูจริงจังหน่อยๆ ตลอดเลยครับ 555


และนี่คือลายผ้าทอที่ ชาวบ้านที่นี่ทำนะครับ ไม่ใช่ผมทำ 55555 แต่จะบอกว่าขนาดทำผ้าแค่สีเดียวยัง งง เลย นี่ทำลายออกมาได้สวยงามขนาดนี้ ผมขอชื่นชมเลยครับ สุดยอดมากๆ

ใช้เวลาผ่านไปค่อนวัน กลับเข้าชุมชนบ้านลาวเวียงกันต่อ ก็เลยแอบขอแวะออกไปปั่นจักรยานรอบหมู่บ้านซักหน่อย อาหาศดีดีก็ต้องขอออกไปดูอะไรดีดีกันบ้าง


กลับเข้าบ้านอาบน้ำแต่งตัว เตรียมตัวออกไปงานเลี้ยงที่ชุมชนจัดไว้ให้เราละครับ


เพื่อนเนปาลผมได้รำพื้นบ้าน ส่วนผมตีกลองยาวที่ได้เรียนมาเมื่อวาน บรรยากาศแห่งความสนุกได้เกิดขึ้นแล้ว

ต้องขอขอบคุณบ้านแห่งความรู้หลังนี้ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับอะไรหลายๆ อย่างที่เป็นครั้งแรก เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด

นี่แก๊งเพื่อนคนจีนของผมเองครับ รู้จักกันตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่ที่นี่ การได้พบปะคนใหม่ๆ มันรู้สึกดีเสมอ


สิ่งที่ได้กลับมามันยิ่งกว่าความรู้ แต่มันคือมิตรภาพ ความรู้สึก ความทรงจำที่ไม่มีวันลืม ขอบคุณโครงการ ขอบคุณชุมชนบ้านลาวเวียง ขอบคุณชาวบ้าน ขอบคุณตัวเองที่กล้าออกมาทำอะไรใหม่ๆ ที่ทำให้รู้ว่าโลกใบนี้ ประเทศแห่งนี้ ยังมีอะไรที่โคตรสนุก และใหม่ๆ ให้เราได้เรียนรู้เสมอ

สำหรับใครที่รู้สึกว่าสนใจ ผมบอกเลยครับว่า ลองมาดูสักครั้งครับ แล้วชีวิตจะเหมือนได้โบนัสก้อนโต ที่จะรับแต่ความรู้สึกดีดี กลับไปแน่นอนครับ ชุมชนบ้านลาวเวียง จังหวัดอุตรดิตถ์ ผมจะคิดถึงคุณนะคร้าบบ


Mann Tiewngai

 วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.05 น.

ความคิดเห็น