สุขสำราญ บ้านเชียง~

ชุมชนบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ชุมชนที่แสดงให้เห็นถึงการดำรงชีวิต

ของคนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปกว่า 5,000 ปี จากหลักฐานที่พบในพื้นที่


รวมถึงมี วัฒนธรรม และ วิถีชีวิต ของชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์และมีเสน่ห์


เคยเรียนแต่ในวิชาประวัติศาสตร์ ในที่สุดก็ได้มาสัมผัสบรรยากาศจริงสักที..........




สวัสดีฮับ~ เราชื่อดา อายุ 19 เป็น 1 ในผู้เข้าร่วม โครงการ Thailand Village Academy

เราได้ไปเรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ ชุมชนบ้านเชียง จ.อุดรธานี

การเดินทางครั้งนี้มีผู้ร่วมเดินทางไปกับเรา 2 คน


- เล่อ : 1 ใน 44 ผู้เข้าร่วมโครงการอีกคน ชาวมาเลเซีย ถ่ายรูปอย่างเซียนน อายุมากกว่าเรา 9 ปีแหนะ

- พี่บิ๊ก : พี่ชายที่เป็นทุกอย่างให้เราแล้ว พ่อ, ไกด์, ล่าม, ผู้จัดการส่วนตัว, พ่อครัว, โปรดิวเซอร์ ฯลฯ

- รดา : เราเอง! ทุกวันมาในธีมปากไม่แดงไม่มีแรงเดิน เราไปเริ่มการเดินทางครั้งนี้กันเลย~~~


ตัวอย่าง | TEASER






วันที่ 24 กรกฎาคม 2562 เป็นวันแรกที่เราเจอกัน ช่วงเช้าเราไปเที่ยวเยาวราช พอเย็นเราก็เดินทางไปสถานีรถไฟหัวลำโพง กรุงเทพมหานคร เพื่อขึ้นรถไฟไป กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี รถไฟของเราเป็นรถด่วนพิเศษ อีสานมรรคา/หนองคาย ขบวนที่ 25 จะเดินทางออกจากหัวลำโพงเวลา 20:00 น.



รีวิวรถไฟ
: สบายสุดๆ เปิดโลกการเดินทางโดยรถไฟ เราจอง ห้องนอนปรับอากาศชั้น 1 ราคาแอบแรง 1,491 บาท สำหรับเตียงล่าง แต่เราเหมาห้อง เพิ่มเงินอีก 800 บาท ก็คือยู่คนเดียวสวยๆ ( ราคาเตียงบนประมาณ 1,2xx บาท และ ตู้นอนชั้น 2 เตียงบน 7xx บาท เตียงล่าง 8xx บาท )

สบายมากๆแต่เราจะถึง สถานีกุมภวาปี ตอน 05:20 น. ทำให้ไม่ได้ใช้ประโยชน์กับสิ่งที่มีมากมาย รดาหลับยาวๆ น้ำก็ไม่ได้อาบ ซักแห้งจ้าาา~ ในรถไฟมี ห้องอาบน้ำ พร้อมแชมพูและสบู่แบบกดด้วย เหมือนเป็น hostel บนรถไฟขนาดย่อม กลางขบวนจะมี ตู้เสบียง มีอาหาร น้ำ ขนม ขายเยอะมาก ระหว่างที่เราอยู่ในห้องก็มีพนักงานเดินถามตลอดว่าสนใจรับออเดอร์ไหม เค้าสามารถมาเสิร์ฟถึงห้องให้เราเลย


เราล้างหน้า แปรงฟัน เอนหลัง เล่นมือถือ ในรถไฟมี wifi ฟรี! แต่ช้ามาก นอนแล้วกัน เจอกันอุดรธานี!!





05:33 น. เราถึงแล้ว สถานีรถไฟกุมภวาปี มีราชรถมาเกย เป็นรถตู้ พาเราไปชม ทะเลบัวแดง หนองหานกุมภวาปี อันโด่งดังยามเช้า ตอนถึงท่าพูดเลยหัวใจเหี่ยวเฉามากเพราะมีดอกบัวน้อย แต่จริงๆแล้วมันกว้างถึง 22,500 ไร่ เค้าจะพาเราขับเรือเข้าไปข้างใน พูดเลยว่า สวยมากกกกก ประทับใจสุดๆ

ลุงคนขับบอกว่าที่เราเห็นเนี่ยน้อยแล้วนะ เพราะว่าฤดูของมันจริงๆจะอยู่ในช่วง ธันวาคม - กุมภาพันธ์ แต่เรามาเดือนกรกฎาคม ทำที่มีน้อยกว่าที่ควรจะมี แต่สำหรับเราว่ามันยังเยอะอยู่เลย


ราคาเรือที่นี่ : เรือใหญ่ 500 บาท นั่งได้ 5 คน มีหลังคา ไม่ร้อน สบายสุดๆ แต่ถ้าอยากถ่ายรูปสวยแนะนำ เรือเล็ก ราคา 300 บาท นั่งได้ 2 คน ลักษณะเป็นเรือแจว ไม่มีหลังคา เพื่อรูปสวยต้องอดทน!

รูป เล่อ เป็นคนถ่าย เราขอมาใช้55555 ต้องยอมว่าถ่ายดีมากๆ ขนลุกจ้าาา


อาหารเที่ยงมื้อแรกของทริปเราเป็น ข้าวเปียกอุดรธานี ร้านอาหารเวียดนามซึ่งเป็นที่นิยมที่นี่ หน้าตาจะคล้ายๆก๋วยจั๊บญวนแต่มันไม่ใช่นะ เราว่าเส้นมันรสชาติเหมือนแป้งเกี้ยมอี๋ น้ำซุปคือจะข้นๆ ฟินนนน



จากนั้นเราไปที่ พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี ซึ่งไม่ไกลจากร้านข้าวเปียก ศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาของจังหวัดนี้ มันจะพาเราย้อนยุคไปหลายล้านปีก่อน ตั้งแต่การยกตัวขึ้นจากทะเลของแผ่นดินทำให้เกิดภาคอีสาน สะท้อนหลากหลายมุม สอดแทรกวัฒนธรรมและเหตุการณ์สำคัญ จนมาถึงปัจจุบัน



10 ปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็น เราชอบที่นี่มากๆ ไม่คิดเลยว่า อุดรธานี จะมีพิพิธภัณฑ์ที่ดีขนาดนี้ ฟีลเหมือนเราไปเดินใน มิวเซียมที่ New York ขนาดย่อม จัดแสดงเรื่องราวของจังหวัดนี้ได้ลงตัวมากๆ มีกิจกรรมให้ทำเยอะเลย โซนถ่ายรูปก็เยอะมากๆ เราประทับใจTT


อีกสถานที่ๆสำคัญคู่บ้านคู่เมืองที่เราไปก็คือ ศาลเจ้าปู่ย่าเมืองอุดรฯ สักการะเจ้าปู่-ย่า เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์คุณธรรมที่จัดแสดงเรื่องราวของคนไทยเชื้อสายจีนเข้ามาตั้งรกรากในจังหวัดอุดรธานี

ที่นี่ใหญ่มากๆ มีทั้ง ศาลเจ้าให้สักการะ, พิพิธภัณฑ์คุณธรรม, โรงชาโบราณ, คาเฟ่สไตล์โรงเตี๊ยมจีน และสวนจีน เป็นสถานที่ที่มาแล้วได้อะไรหลายๆอย่างเลย ถ่ายรูปก็ชิคๆ


อาหารเที่ยงของเรา VT แหนมเนือง อีกร้านอาหารสไตล์เวียดนามที่ดังและฮอตฮิตมากๆทั่วไทย จังหวัดอุดรธานีถือเป็นร้านต้นตำรับความอร่อยของร้านนี้เลยต้องมาแล้ววว


เสร็จภารกิจในตัวเมืองอุดรฯ ได้เวลาไปจุดหมายของเรา

" ชุมชนบ้านเชียง "


จากตัวเมืองอุดรธานี ใช้เวลา 40 นาที หรือประมาณ 50 กิโลเมตร เดินทางมายังชุมชนที่น่าหลงใหลและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์แห่งนี้ ♡


การพบปะการครั้งแรกของเรากับชุมชนเต็มไปด้วยความอบอุ่น ทุกคนให้การต้อนรับอย่างดีมากๆ เราพักที่เรืองพิมานโฮมสเตย์ ของ แม่เรือง แล้วก็มี แม่นา มาช่วยดูแลพวกเราด้วย รวมถึง พี่ก้อย และลูกสาว น้องกิ่ง ที่จะมาเป็น ไกด์พาเราไปเรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของที่นี่ พูดได้เลยว่าพี่เค้ากับน้องกิ่ง ครบเครื่อง รู้จริงเรื่องปิ้งย่าง เอ้ย! เรื่องบ้านเชียง และน่ารักสุดๆ




ตอนเย็นพ่อๆแม่ๆ จัด พิธีบายศรีสู่ขวัญ ตอนรับพวกเรา ขลังมากทุกคนTT เราแบบอยากจะร้องไห้ ทุกคนให้การต้อนรับดีมากๆ พ่อต๋อย นายกเทศมนตรีตำบลบ้านเชียง ก็มาร่วมพิธีด้วย


พิธีบายศรีสู่ขวัญ เป็นพิธีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาแต่ช้านานรุ่นสู่รุ่น เป็นความเชื่อของคนไทยโบราณ เมื่อมีแขกบ้านแขกเมืองหรือญาติมาจากแดนไกล จะต้องทำพิธีเพื่อเรียกคืนขวัญที่อาจจะหนีหายไประหว่างทาง ให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว นอกจากนี้เป็นการสร้างความประทับใจแรกพบด้วย

แค่ภายในไม่กี่ชั่วโมง เราก็หลงรักชุมชนนี้เข้าซะแล้ว ขอบคุณทุกคนมากๆเลยค่ะ





โปรแกรมแรกที่บ้านเชียงของเราคือการไป พิพิธภัณฑสถานบ้านเชียง แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่เผยเรื่องราวความเป็นมาของชาวไทยพวน อีกทั้งยังจัดแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไว้มากมาย


เสร็จจากพิพิธภัณฑ์ เราได้ไปดูหลุมขุดค้นของจริงหนึ่งเดียวในบ้านเชียงด้วยนะ ห่างจากพิพิธภัณฑ์ประมาณ 500 เมตร ที่นี่มีป้ายหินอ่อนจารึกจริงที่ได้รับจาก UNESCO ด้วย


บ่ายเราปั่นจักรยานไป บ้านดงเย็น เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการทำ เครื่องจักสาน ต่างๆ และ ลงมือทำเครื่องจักสาน สิ่งที่เราทำวันนี้คือพัด ( รูปพัดที่เราทำ อยู่ในวันถัดไปเด้อออออ ) พูดเลยว่าไม่ง่าย

แม่ๆเก่งกันมากๆทำเป็นตระกร้า กระติบ กระเป๋า ฯลฯ ประณีตละเอียดละออทุกเม็ดเลยยย

ทานอาหารเที่ยงกับกลุ่มจักสาน อาหารวันนี้เป็น อีสานสไตล์ มี ตำบักหุ่ง, ต้มปลาแซ่บหลาย, ไข่ตุ้มมม, ผักเคียงต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คือ แจ่วหอมหวานบ้านเชียง แซ่บขนาด!!!!! จิ้งหรีดทอด ก็มีคือกัน ครั้งแรกที่ได้กิน ปกติรดากินแต่ หนอนรถด่วน


ต่อไปเดินทางไปยังกลุ่มอาชีพทอผ้า ผ้าฝ้ายและย้อมคราม โดยจักรยาน เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย.....

ติดตามชมได้ในวิดีโอค่ะ55555555 #เราเน้นสายฮา



เราได้เรียนรู้การทำ ผ้าฝ้ายย้อมคราม ตั้งแต่ขั้นตอนแรกคือการทำสีจาก ใบคราม ไปจนถึงวิธีการทอเพื่อให้เกิดลายต่างๆ กว่าจะได้ผ้าแต่ละผืนมา ต้องผ่านหลากหลายขั้นตอนและความตั้งใจมากๆ แค่ขั้นตอนการย้อม ก็ใช้เวลาถึง 5 วัน เพราะต้องย้อมแล้วตากรวม 5 ครั้ง


สีคราม เป็นสีดั้งเดิมของชาวไทผวน สิ่งที่ย้อม 90% เลยจะเป็นสีคราม ส่วนสีอื่นๆก็ได้มาจากธรรมชาติที่แตกต่างกันไป เช่น จากดินแดง และ เปลือกไม้ ส่วนสีขาวเกิดจากการมัดปมไม่ให้โดนสีย้อม เป็น เทคนิคการกันสี ที่มาของคำว่า มัดย้อม





วันนี้เราตื่นเช้าเป็นพิเศษ เพราะเราไป ตลาดสดบ้านเชียงตอนเช้า กัน สาเหตุหลักของการไปตลาดคือเราไปซื้ออุปกรณ์เพื่อที่จะมาทำ ข้าวผัดข่าแจ่วหอมหวาน สูตรเด็ดเฉพาะบ้านเชียง เป็นอาหารเย็น ส่วนอาหารเช้าของเรา ก็หาอะำไรง่ายๆที่ตลาดสดกลับไปทานที่ เฮือนอาร์โฮมสเตย์ บ้านพักของคุณแม่เป้ แม่ของ พี่อาร์ the star รดาเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพี่เค้าเป็นคนบ้านเชียงแท้ๆเลย

เราเป็นเด็กใต้ เกิดมา 19 ปี ครั้งแรกที่กิน ข้าวจี่ คือประมาณ 4 เดือนที่แล้วตอนไปบุรีรัมย์กับครอบครัว นี่ถือเป็นครั้งที่ 2 ของเรา อร่อยมาก ฮอนๆเลยเด้ออออ แซ่บบบบ ( ปกติชอบกินข้าวเหนียวอยู่แล้ว รักเลย )




วันนี้มีเรียนวิชา ปั้นหม้อ และเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา ที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ปั้นหม้อเขียนไหบ้านเชียง



เราได้ไปที่นาข้าวเลย เพื่อที่จะไปเริ่มขั้นตอนแรก คือการเก็บ ดินดำ เพื่อนำไปปั้นหม้อ นอกจากไปเก็บดินดำแล้ว เรายังได้ลองปลูกข้าวจริงๆ เป็นครั้งแรกของรดาเลยที่ได้ทำอะไรแบบนี้ ดินในนาข้าว นุ่มมากๆ เหมือนสไลม์ ของเล่นที่เด็กๆเล่นกันเลยยยยย~ จากนั้นเราก็เริ่มขั้นตอนต่อๆไป เตรียมดิน ปั้นดิน แล้วก็เพ้นเขียน ไห


ในรูปดูสวยงามแต่พูดเลยว่าเบื้องหลัง ต้องหลั่งน้ำตา ร้องไห้แพรบแกร5555 ติดตาม vlog เต็มเลย

คือบับ ฮอตนีสนึง คนถ่ายรูปเต็มเลยยยยย5555555555


อาหารค่ำวันนี้เป็น ข้าวผัดข่าแจ่วหอมหวาน บ้านเชียง หากินได้ที่นี่ที่เดียว อร่อยมากๆ


วิธีการทำมีหลายขั้นตอนมากๆ แม่ๆทุกคน พิถีพิถันสุดๆ รดาจะเล่าแบบย่อๆน้าาาาา


1. เรานำข่าไปปั่นแล้วคั้นมาให้เหลือแต่น้ำ จากนั้นเราใช้น้ำข่าหุงข้าว ข้าวหอมมาก

2. ที่ข้าวมีสีแดง เพราะเราใช้ แจ่วหอมหวานบ้านเชียง คลุกลงไปหลังจากหุงข้าวเสร็จ แจ่วมีส่วนประกอบของ หอมแดง กระเทรยม พริก เครื่องปรุงต่างๆ ที่ชุมชนเค้าจะเรียกกันว่าแจ่ว แต่จริงๆ ลักษณะเนื้อจะคล้ายกับน้ำพริก ข้นๆ คนที่นี่ไว้ทานกับข้าวทุกๆมื้อเลย

3. ผัดกระเทียมในน้ำมัน และนำข้าวไปผัดในกระทะ พร้อมใส่ กากหมูเจียว ลงไป ผัดประมาณ 15 นาที

4. เสร็จแล้วจัดจานได้!!! ความพิเศษคือจะมี เครื่องเคียง เยอะมากๆให้เราได้ตัก ไว้คลุกรวมกัน

แม่เป้ (รูปล่างคนซ้ายมือ) เป็นคนนำทีมการทำอาหารวันนี้ แม่จัดสำรับสวยมากๆ

ท่าด้าาาาา





นับถอยหลังอีก 1 วัน ที่จะต้องกลับกรุงเทพ ที่นี่ทุกอย่างน่ารักมากๆ เราไม่อยากกลับเลยTT


สวัสดียามเช้าจ้าาาาาาาาา~~


วันที่ 28 ก.ค. เป็น วันเกิดของ ในหลวงรัชกาลที่ 10 คนในชุมชนก็จะมาทำบุญ ตักบาตรที่วัดสระแก้ว วัดในตัวเมืองบ้านเชียงเลย อยู่ตรงข้ามตลาดสด ผู้คนที่นี่อยู่กันอบอุ่นมาก ประธานของงานก็คือ พ่อต๋อย นายกบ้านเชียง ทุกคนใส่เสื้อเหลืองหมดเลยแต่เราไม่มีเราเลยใส่ชุดท้องถิ่นของที่นี่ ชุดไทผวน



ทานข้าวเที่ยงเป็น ลาบเป็ด เจ้าเด็ดของที่นี่ กับต้มแซ่บกระดูกไก่ แซ่บคักๆ


ส่วนบ่ายวันนี้เรามาเรียนรำกับแม่ๆทุกคน เป็น ระบำพื้นบ้าน รำไทพวน เป็นการรำประกอบเพลงพื้นบ้านของชุมชนไทพวน รดาพูดเลยว่าที่นี่มีเพลงพื้นบ้านของชุมชนตัวเองเยอะมาก

เราว่าเรากินข้าวเหนียวเยอะเกินไป วันที่ 5 เหนียง ปรากฏ เพนลม ล้มตึง!


ขอบคุณแม่ๆทุกคนนะคะ ที่มาสอนพวกเรา วันนี้สนุกมากๆเลยยยย~~

รูปนี้เป็นรูปที่เราชอบที่สุด จากทริปทั้งหมด คนถ่ายคือพี่บิ๊ก ผู้จัดการส่วนตัวจ้า ( มุกนะมุก )





ก่อนเดินทางกลับเราแวะไปไว้พระที่ วัดสันติวนาราม





วัดสันติวนาราม พุทธอุทยานบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ใกล้กับแหล่งมรดกโลกชุมชนบ้านเชียง เป็นพระอุโบสถทรงดอกบัวสีขาวหนึ่งเดียวในประเทศไทย อุโบสถดอกบัวกลางน้ำ ที่ตั้งโดดเด่นกลางน้ำมีสะพานทางเดินเชื่อมไปยังพระอุโบสถ สวยมากTT


ก่อนกลับทุกคนดูคลิปที่ เล่อ ทำร้องไห้กันใหญ่เลย เค้าทำดีมากๆ เราชอบมากกกก ติดตามได้ใน https://readme.me/p/26172 หรือ YouTube : RottenApple




ขอบคุณ ทุกคนที่นี่มากๆที่ให้การต้อนรับเราอย่างดี ตั้งแต่วันแรก เราเเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว

ขอบคุณ โครงการดีๆที่ทำให้เราได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำและได้เจอโลกใบใหม่ที่ไม่เคยเจอ

ขอบคุณ พี่บิ๊ก ที่ช่วยเหลือเราในทุกๆเรื่อง ตลอดการเดินทาง คอยสนับสนุนเราเสมอ

ขอบคุณ (พี่)เล่อ เราว่าเราโชคดีมากๆที่พี่เค้ามาทริปนี้ เค้าเป็นคนตลกแล้วก็เข้ากับคนง่ายมากๆ

ขอบคุณ พี่ไอ พี่ริช(ไม่เปิดเผยตัวตน) ที่มาทำให้การเดินทางมีสีสรรค์ 5 คน ก็ดีกว่า 3 คน อยู่แล้ว!


" ลาก่อนนะ บ้านเชียง ดินแดนอันแสนวิเศษ "

เราจะกลับมาใหม่แน่นอน♡





Rada Hitopakorn

 วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.36 น.

ความคิดเห็น